องค์รัชทายาทต้าชื่อคิดใช้โอกาสนี้สังหารอ๋องเจวี้ยนเสียความคิดสังหารต่ออ๋องเจวี้ยนของเขาควบกลั่นไว้นานแล้ว"อ๋องเจวี้ยนถ้าอยู่ที่แคว้นเจา ข้าเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว!"องค์รัชทายาทต้าชื่อคุยกับที่ปรึกษาของเขา ดวงตาดุดัน"ข่าวลือที่ส่งมาจากแคว้นเจา จักรพรรดิแคว้นเจาไม่ยอมให้เขาออกจากแคว้นเจา ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงถือโอกาสแอบหลบหนีมา ปิดบังองค์จักรพรรดิแคว้นเจาไว้ เช่นนั้นเขาคงไม่ได้นำองครักษ์เงามังกรมาด้วย จึงทำได้เพียงแอบปรากฏตัวเท่านั้น""องค์รัชทายาทพูดได้ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่มีคนเปิดเผยออกมา พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าจอมยุทธสวมหน้ากากที่ช่วยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ที่ถนนวันนั้นคืออ๋องเจวี้ยน!" ที่ปรึกษาเอ่ยขึ้นมา"เขาต้องมาเพื่อฝูอวิ้นแน่นอน"องค์รัชทายาทต้าชื่อรู้สึกว่าตนเองคาดเดาไม่ผิดถึงอย่างไร คนอย่างฝูอวิ้นใครจะไม่อยากแต่งด้วยกัน?อ๋องเจวี้ยนอยู่ที่แคว้นเจา ก็เป็นเหมือนหนามตำตาของจักรพรรดิแคว้นเจา เขาเองก็ไม่มีแรงช่วยใด แต่ถ้าหากเขาสามารถแต่งกับฝูอวิ้นได้ก็จะต่างไปแล้ว!เขาจะมีแรงช่วยจากต้าชื่อ กระทั่งถ้าอยู่ต่อในแคว้นเจาไม่ได้ เขาก็มาเป็นราชบุตรเขยองค์ห
อันที่จริงองค์รัชทายาทเองก็รู้ความตกต่ำของซ่งอวิ๋นเหยา แต่เขาตอนนี้ไม่มีซ่งอวิ๋นเหยามาพัวพันแล้ว ดังนั้นจึงทำเป็นไม่รู้เรื่อง"ไม่กล้าปิดบังใต้ฝ่าพระบาท""ช่างเถอะ" องค์รัชทายาทแม้ในใจจะไม่ค่อยชอบนัก แต่คิดๆ แล้วจึงถามขึ้นมา "เจ้าคิดว่าซ่งอวิ๋นเหยาตอนนี้ยังมีประโยชน์อะไรหรือ?""ไปบอกนางว่าอ๋องเจวี้ยนมายังต้าชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดจะมารับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปแต่งงานด้วย คิดแล้วคงไม่ต้องให้ใต้ฝ่าพระบาทลงมือหรอก ซ่งอวิ๋นเหยาก็สามารถไปหาเรื่องพวกเขาได้""เจ้าพูดได้ถูกต้อง"ถึงอย่างไรให้พวกเขาไปกัดกันเอง ท่านคอยดูมหรสพก็พอองค์รัชทายาทคิดๆ แล้วถามขึ้นอีก "ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามยิ่งกว่าซ่งอวิ๋นเหยา เทียบเคียงได้กับฝูอวิ้นเลย อันนี้เรื่องจริงไหม?""ใต้ฝ่าพระบาท องค์ชายสองคอยหาวิธีจะเอาฟู่จาวหนิงเข้าไปในจวนอ๋องให้ได้ พระชายาองค์ชายสองไม่ไช่ว่าตั้งครรภ์หรอกหรือ? เขาอยากจะเรียกฟู่จาวหนิงเข้าไปในฐานะแพทย์หญิง ถึงอย่างไรอยู่ใกล้กว่าก็ได้เปรียบนี่นะ" ที่ปรึกษาสองวันนี้ก็ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว"เขาไม่รู้ตัวตนฐานะที่แท้จริงของฟู่จาวหนิงหรือ?""น่าจะยังไม่รู้ ตัวตนฐานะอ๋องเจวี้ยนเพิ่งจ
ครอบครัวนี้กับพระชายาองค์ชายสองถือว่าเป็นญาติกันอยู่ แม้จะไม่ได้สัมพันธ์ใกล้ชิดนัก แต่เพราะตำแหน่งขุนนางที่ท่านผู้เฒ่ามีอยู่นั้นยังมีประโยชน์อยู่ พระชายาองค์ชายสองปกติจึงยังพอไปมาหาสู่กันบ้างพระชายาองค์ชายรองวันนี้ไม่ได้มา นางเดิมทีครรภ์ยังไม่มั่นคง แน่นอนว่าไม่มีทางมาสถานการณ์แบบนี้ แต่องค์ชายสองมาแล้วตอนที่เหอเซี่ยนอันเดินเข้าไปในศาลาตั้งศพ องค์ชายสองก็เพิ่งมาถึงเขาได้ยินคนข้างๆ ร้องขึ้นอย่างตกตะลึง"นี่ นี่ไม่ใช่คุณชายน้อยเหอหรือ?""ขาของคุณชายน้อยเหอทำไมจึงเดินได้แล้วกัน?""ได้ยินว่าจวนผิงเหอกงเชิญหมอเทวดาไปรักษานี่นา"องค์ชายสองพอได้ยินประโยคนี้ จึงค่อยๆ หันหน้ามองมา และก็เห็นเหอเซี่ยนอันเดินเข้ามาจริงๆหมอเทวดา?องค์ชายสองคิดถึงฟู่จาวหนิงขึ้นมาทันทีเขาหลายวันนี้หาตัวฟู่จาวหนิงไม่เจอมาตลอด น่าจะเพราะหาตัวไม่เจอ ดังนั้นจึงยิ่งยึดติด บวกกับพระชายาองค์ชายเองก็ตั้งครรภ์ เขาไปแตะตัวนางไม่ได้เลย จึงยิ่งรู้สึกปรารถนาต่อตัวหญิงสาวขึ้นไปอีก ในหัวเองพอมีเงาของฟู่จาวหนิง พวกอนุภรรยาในเรือนหลังก็ไม่อยู่ในสายตาแล้วแล้วในจวนอ๋องพระชายาองค์ชายสองเองก็จับตามองอย่างเข้มงวด ไม่ยอมให
"เอาล่ะ คนตายไปแล้วก็คืนชีพไม่ได้อีก พวกท่านต่อให้เจ็บปวด แต่จะมาลงบนตัวเหอเซียนอันไม่ได้"องค์ชายสองหลังจากขึ้นไปจุดธูปก็พาเหอเซี่ยนอันออกมาเขามองขาของเหอเซี่ยนอัน "เซี่ยนอัน คนที่รักษาขาให้เจ้าคือหมอเทวดาฟู่หรือ?"เขาไม่กล้ายืนยัน แต่พอคิดถึงเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา จวนผิงเหอกงเชิญหมอที่มีในเมืองหลวงทั้งหมดเข้าไปแล้ว แล้วยังเข้าวังมาอ้อนวอนฝ่ายาทเพื่อขอตัวหมอหลวงอีก ไม่มีใครสักคนที่รักษาจนหายดีได้ดังนั้นตอนนี้คนที่รักษาขาของเขา จะต้องเป็นหมอเทวดาที่มาใหม่จากภายนอกแน่ เขาคิดออกแต่ฟู่จาวหนิงเท่านั้นเหอเซี่ยนอันพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็คิดว่าเขารู้ ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จาวหนิงก็ไม่ได้กำชับไว้ว่าห้ามพูดถึงนาง เขาจึงพยักหน้าให้"ใช่แล้ว หมอเทวดาฟู่เก่งมากเลย"เป็นนางจริงๆ!องค์ชายสองใจเต้น "แล้วหลิวเกาไหลกับหลินต๋าก็เป็นนางที่ช่วยชีวิตเอาไว้หรือ?""องค์ชายสองรู้จักนางด้วยหรือ?"รู้จักสิ ข้ารู้จักนาง" ใจขององค์ชายสองร้อนวาบขึ้นมาแม่นางฟู่เป็นหมอเทวดาจริงๆ ด้วย เช่นนั้นก็ต้องเชิญนางไปที่จวนอ๋องเสียหน่อย "เจ้ารู้ไหมว่านางพักอยู่ที่ใด? ข้ามีเรื่องต้องไหว้วานนาง""ข้าไม่รู้ แต่ว่าส่ง
รอจนถึงตอนกลางคืน เสิ่นเสวียนก็กลับมาจากด้านนอก พอได้ยินรายงานของคนใช้ เขาเองก็เข้ามาแล้วใต้ชายคาด้านนอก เซียวหลันยวนยืนมือไพล่หลัง มองไปยังเงาจันทร์ที่อยู่ในเมฆไหลสายลมเย็นเสิ่นเสวียนเดินมาอยู่ข้างเขา"จาวหนิงยังไม่ออกมาหรือ?"เขาได้ยินว่าหลังจากกลางวันก็เข้าไปนี่มันนานมากแล้วนะ..."อืม""เจ้าก็รออยู่ตรงนี้มาตลอดหรือ?" เสิ่นเสวียนมองเขาในชุดสีม่วงเข้ม ขมวดคิ้ว "จาวหนิงรู้หรือเปล่า? นางกว่าจะรักษาเจ้ามาได้ ไม่ใช่ให้เจ้าเอาร่างกายตัวเองมาทรมานแบบนี้"ตอนนี้ลมกลางคืนก็หนาวแล้ว ยืนอยู่ตรงนี้แม้จะบังลม แต่ด้านนอกก็ยังหนาวอยู่เซียวหลันยวนเอาแต่จะคอยเฝ้าที่ประตู เพราะอยากจะเห็นผลลัพธ์การรักษาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวเป็นอันดับแรกหรือ?หรือกลัวว่าพวกเขาจะหนี?"คู่แค้น" ของเขาคือน้องสาวเขา กลัวว่าที่นี่เป็นพื้นที่ของตระกูลเสิ่น ถ้าไม่คอยเฝ้าไว้เองจะไม่วางใจหรือไรกัน?เสิ่นเสวียนคิดเช่นนี้ขึ้นมาก่อน แต่เพียงไม่นานก็โยนความคิดนี้ทิ้งไปเซียวหลันยวนไม่น่าจะเป็นเช่นนี้"ข้าเพิ่งเข้ามาครู่เดียว เพียงแต่หนิงหนิงเข้าไปนานมากแล้ว ข้าจึงมาคอยเฝ้าที่นี่ เผื่อว่านางไม่ไหวแล้ว ข้าจะได้รู
"อืม ข้าจะช่วยตรวจสอบให้เจ้าเอง จำนวนคนในคณะที่จักรพรรดินีตงฉิงพาออกมาก็มีไม่น้อย รุ่นหลังของคนเหล่านั้นกลับไปตงฉิงไม่ได้ น่าจะมีอยู่มากพอควรที่สร้างเนื้อสร้างตัวในต้าชื่อกับแคว้นเจา และต้องมีรุ่นหลังเหลืออยู่ไม่น้อยแน่นอน ต้าชื่อทางนี้ข้าจะตรวจสอบเอง แคว้นเจาทางนั้น พวกเขากลับไปก็ลองตรวจสอบดู"เซียวหลันยวนนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขอบคุณเขาขึ้นมา"ขอบคุณท่านลุง"เขายังไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรกับตงฉิง แต่เสิ่นเสวียนกลับเริ่มค้นหาคนรุ่นหลังของตงฉิงแทนเขาแล้วในห้องมีเสียงเดินดังลอดออกมา เซียวหลันยวนจึงหมุนตัวทันทีประตูเปิดออกแล้วฟู่จาวหนิงที่สีหน้าเหนื่อยล้าพอเปิดประตูมาเจอพวกเขาก็ตกตะลึงไป"พวกท่านเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนผาดหนึ่ง หวั่นขึ้นมาหน่อยๆเพราะนางนำคนเข้าไปในห้องเภสัชเพื่อรักษา เมื่อครู่เพิ่งจะพาคนออกมา เสิ่นเสวียนทางนั้นนางไม่รู้ แต่ว่าเซียวหลันยวนมีกำลังภายในลึกล้ำ นางไม่รู้ว่าได้ยินความผิดปกติอะไรบ้างไหมแต่เซียวหลัยยวนก็ไม่พูดอะไรเขายื่นมือมาประคองนาง "ไม่ได้เฝ้านานขนาดนั้น เหนื่อยแย่แล้วกระมัง?""เหนื่อยมากเลย มือไม้แข้งข
ฟู่จาวหนิงรู้สึกตัวเองเขินหน่อยๆนางคิดอะไรกันเล่า? มองเซียวหลันยวนเป็นใครกัน เวลาแบบนี้เขาคงไม่ฉวยโอกาสหรอกนางเหนื่อยจนมีสภาพนี้แล้ว เขาจะมาทรมานนางอีกได้อย่างไร?เซียวหลันยวนเห็นหูนางแดงหน่อยๆ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย"หนิงหนิงอายหรือ?"เขาไม่ค่อยเห็นเธอแสดงอาการเขินอายเท่าไรนัก ปกติรู้สึกแค่นางเป็นคนที่ทำอะไรใจเย็นและนิ่งมาก ไม่มีท่าทีเขินอายแบบหญิงสาวทั่วไป ไม่คิดว่านางเองก็จะมาเขินจนหูแดงแบบนี้เห็นท่าทางนางแบบนี้ เขาก็รู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมาเขาหลงรักความแข็งแกร่งมั่นคงแน่วแน่กล้าหาญของนาง ความเฉลียวฉลาดคล่องแคล่วว่องไว แต่บางครั้งท่าทางสาวน้อยเช่นนี้ของนางก็ทำให้เขารู้สึกชอบเอามากๆ"แค่รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจท่านผิดน่ะ" ฟู่จาวหนิงอายจุดนี้แต่ว่าเขาถามออกมาแล้ว นางเองก็ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา"ไม่ค่อยเห็นเจ้าทำตัวแบบนี้" เซียวหลันยวนหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่หลายวันนี้นางเหนื่อยและยุ่งเอามากๆ ต่อให้ตอนกลางคืนที่นอนลงมาในสมองก็ยังคิดถึงเรื่องวัตถุดิบยาต่างๆ เขาจะไปทรมานนางในช่วงนี้ได้อย่างไรกัน?แค่จะห่วงนางยังทำไม่ทันเลยเพราะมีเขาใช้กำลังภายในนวด บวกกับแช่ในบ่อน้ำพุร้
เรื่องนี้สำหรับนางถือเป็นเรื่องปกติเหล่าเจ้านายไม่มีทางมาเช็ดผมเองอยู่แล้ว"ไม่ต้อง" เซียวหลันยวนนั่งลงข้างๆ ฟู่จาวหนิง "ข้าจัดการเอง"เสี่ยวชิ่นส่งผ้าฝ้ายให้เขาทันที เสี่ยวเยว่กลับลังเลเล็กน้อย "ท่านอาเขย เรื่องนี้ให้พวกข้าน้อยทำก็พอแล้ว"นางเองก็รู้ ว่าท่านอาเขยของพวกเขาเป็นท่านอ๋องจากแคว้นเจา เรื่องพวกนี้เคยทำเสียที่ไหนตัวเขาเองก็เช็ดไม่ถึง ถ้าจะเช็ดให้กับคุณหนูแทนพวกนาง ก็อย่าออกแรงมากเกินไปจนทำเส้นผมคุณหนูขาดลงมาล่ะ"ไปเตรียมข้าวเย็นเถอะ" เซียวหลันยวนหยิบฝ้าฝ้ายมาเจ็ดเส้นผมเบาๆ ให้ฟู่จาวหนิงแล้วการเคลื่อนไหวของเขาแผ่วเบามาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่มือของเขาเช็ดยังมีไอน้ำลอยขึ้นมาด้วยใช้กำลังภายในทำเช่นนี้จะแห้งได้ไวขึ้นเส้นผมของฟู่จาวหนิงเช็ดจนเกือบแห้งแล้ว นางนั่งลงมา "ข้าช่วยเช็ดให้ท่าน"เซียวหลันยวนชะงักเล็กน้อย "ได้"เขาหันไป เปลี่ยนให้ฟู่จาวหนิงเช็ดให้เขาบ้างเสี่ยวเยว่กับเสี่ยวชิ่นสบตากันมองภาพนี้ พวกนางรู้สึกว่าดีงามเหลือเกินทั้งสองคนเองก็ไม่กล้ายืนทื่ออยู่ตรงนี้เหมือนกัน รีบออกไปเตรียมข้าวเย็น"คุณหนูกับท่านอาเขยรักกันดีจริง" เสี่ยวเยว่ทอดถอนใจออกมาเส
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ