อันที่จริง ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึก จากนิสัยและวิธีการของเซียวหลันยวน ครั้งก็น่าจะมีวิธีเลี่ยงการติดคุกสองเดือนนี้ได้หรือก็คือ ตอนแรกก็ถูกขังในนามสักนิดหน่อย จากนั้นค่อยคิดหาวิธีออกมาต่อให้เดิมทีจะวางแผนเข้ามาอยู่ในคุกตามคำสั่งราชโองการ แต่นั่นก็เป็นแผนที่วางไว้แล้วแต่จักรพรรดิกลับใช้ไม้นี้ออกมา!โยนคนป่วยเข้ามาแบบนี้ คิดจะให้เขาติดโรคประหลาดนั่นแล้วตายไปอย่างไร้เกียรติ!เซียวหลันยวนก็ยังทนอีกนี่จึงทำให้ฟู่จาวหนิงโกรธแล้ว นางโกรธที่เขาไม่สนใจสุขภาพของตนเองนางกว่าจะรักษาเขามาได้ นี่เพิ่งจะดีขึ้นเท่าไรเอง?เขาก็เริ่มที่จะไม่สนใจหันกลับมาทรมานตัวเองอีกแล้วหรือ?แต่ว่าตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน นางก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง"ไท่ซ่างหวงไม่ใช่ว่าโปรดปรานท่านเป็นพิเศษหรอกหรือ?"หลังจากพูดคำนี้ออกไป นางเองก็คิดเข้าใจแล้วไท่ซ่างหวงจะโปรดปรานก็ส่วนโปรดปราน แต่ว่า แม่บังเกิดเกล้าของเซียวหลันยวน เป็นลูกสาวของจักรพรรดินีแห่งตงฉิง เซียวหลันยวนเป็นสายเลือดราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของแคว้นตงฉิงดังนั้น นี่จึงไม่ถือเป็นสายเลือดราชวงศ์แคว้นเจาที่บริสุทธิ์ ในสายเลือดเขายังมีต
"กลิ่นแรงขนาดนี้ วางไว้ใต้เตียง ชินอ๋องเซียวจะไม่ได้กลิ่นเลยหรือ?""แน่นอนว่าต้องเชิญหมอเทวดาฟู่ของข้าทำน้ำยาที่อำพรางกลิ่นนี้ไว้สิ" เซียวหลันยวนเอ่ยต่อนี่ไม่ใช่ว่าก็ยังต้องมีนางหรือไรกัน?"อย่างนั้นมันเปลืองแรงไป การจะเอาศพไปซ่อนไว้ใต้เตียงเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ข้าจัดการเอง"ฟู่จาวหนิงเดิมทียึดตามความคิดนี้นางจะไม่ปล่อยชินอ๋องเซียวไป!"ข้าจะไปเอาของมาบางส่วน ถึงตอนนั้นใส่เข้าไปในผ้าห่มชินอ๋องเซียวก็พอ ตรงประเด็นกว่า""หนิงหนิง ถ้าสัมผัสกับคนคนนั้นจะติดโรคได้ง่ายใช่ไหม?" เซียวหลันยวนไม่อยากให้นางต้องเสี่ยง"ข้าเป็นหมอนะ ข้าระวังตัวข้าเอง!" ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขา "รีบปล่อยมือ เดี๋ยวคนเข้ามาจะไม่ทันการเอา"เซียวหลันยวนเห็นความเด็ดเดี่ยวของนางแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะขวางได้จริงๆ จึงทำได้แค่ถอนหายใจยาว ปล่อยมือออกฟู่จาวหนิงเดินเข้าไป ยื่นมือล้วงกุญแจพวกหนึ่งออกมาสืออีพอเห็นก็ตกตะลึงแต่ก็นึกออกอย่างรวดเร็วว่าเมื่อครู่นี้ที่พระชายาแฉลบผ่านตัวผู้คุมเหล่านั้นก็เหมือนจะทำอะไรไปนิดหน่อยแค่จังหวะที่เดินผ่านตัว พระชายากลับปลดกุญแจของผู้คุมลงมาเสียแล้วพระชายามีฝีมือด
สืออีเองก็ตกตะลึงไปเมื่อครู่ท่านอ๋องยังดูดีดีอยู่เลย ตอนนี้พระชายายังไม่ได้หารือกับเขา ก็ให้ท่านอ๋องแกล้งป่วยเสียแล้ว มันจะหลอกได้หรือ?แต่พอเขามองเข้าไปในห้องขังอีกครั้ง กลับเห็นอ๋องเจวี้ยนนั่งอยู่บนพื้นไปแล้ว หัวพิงกับประตูลูกกรง มือเองก็ห้อยตกลงมา"ท่านอ๋อง!" สืออีร้องเสียงหลงปฏิกิริยานี้ของเขามันของจริงนี่นาผู้คุมพอเห็นอ๋องเจวี้ยนเป็นเช่นนี้ก็ตกใจสะดุ้งโหยงไม่ใช่สิ?เห็นผลเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?พวกเขามองไปที่ห้องขังฝังตรงข้ามด้วยสัญชาตญาณ ถอยออกไปหลายก้าวเมื่อครู่ที่พวกเขาเข้ามาช้าหน่อย อันที่ก็เพราะกลัวศพนี่ พวกเขาล้วนรู้ว่าคนผู้นี้เป็นโรคสกปรก ถ้าเผื่อถูกระบาดเข้ามาจะทำอย่างไร?ดังนั้นผู้คุมพวกนั้นจึงผลักกันไปผลักกันมา ต่อมาพอไม่มีทางเลือก ถึงได้มีสองตัวซวยนี้เข้ามาตอนนี้พอเห็นสภาพของอ๋องเจวี้ยน พวกเขาก็อดถอยหนีอย่างหวาดกลัวไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรไป?""เป็นอะไร? พวกเจ้าก็รู้อยู่แกใจดีไม่ใช่หรือ?" ฟู่จาวหนิงตะคอกใส่เสียงเย็ฯชา "เตาที่ข้าเอามาก่อนหน้านี้ล่ะ? ผ้าม่านล่ะ? หายไปไหนหมดแล้ว! ท่านอ๋องของข้าป่วยมาตั้งยี่สิบปี ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอมาก แล้วยังต้องอยู่ใ
สืออีรีบเข้ามา แบกเซียวหลันยวนขึ้นหลังพอแตกโดนเซียวหลันยวน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปท่านอ๋องตัวแข็งเหมือนกับน้ำแข็งจริงๆ! เย็นกว่าน้ำแข็งเสียอีก!ถึงแม้เขาคิดว่านี่น่าจะเกี่ยวอะไรกับยาเม็ดนั้นที่พระชายามอบออกไปแน่นๆ แต่ก็ยังรู้สึกน่าตกใจมากอุณหภูมิร่างกายเช่นนี้ ท่านอ๋องจะไม่เป็นไรจริงหรือ?"ไป กลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวนี้" ฟู่จาวหนิงแบกกล่องยาเดินนำหน้า กุญแจพวกนั้นก็โยนคืนให้ผู้คุมไป "พวกเจ้าถ้ากล้าขวาง ข้าจะแทงเข็มใส่เสีย!"ผู้คุมพวกนั้นตอนนี้ยังยืนกันอยู่ด้านอกคุกเลย ผู้คุมสองคนนี้ยังกล้าเสียที่ไหนพวกเขามองฟู่จาวหนิงพาคนออกไปอย่างทำอะไรไม่ได้แต่ว่า มือที่ห้อยลงมาของอ๋องเจวี้ยนนนั่น หลังมือกลายเป็นสีขาวเขียวไร้สีเลือด เหมือนเย็นจัดจนจะจับน้ำค้างแข็งขึ้นมาเลยทีเดียว ราวกับเป็นมือของคนที่แข็งตาย มีผู้คุมหลายคนที่มองเห็นและเพราะเห็นเข้าพอดี พวกเขาจึงไม่มีใครกล้ามาขวาง อันที่จริงในใจก็ยังสั่นกลัวอยู่ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ได้ตายไปจริงๆ หรอกนะ?สืออีพาเซียวหลันยวนแบกขึ้นรถม้า ฟู่จาวหนิงเองก็ตามขึ้น"กลับจวนอ๋อง""ขอรับ"รถม้าแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ล้อรถม้ามีเกล็ดหิมะติดอยู่"
ชินอ๋องเซียวคิดจะเข้าวังรายงานกับองค์จักรพรรดิ หารือถึงขั้นต่อไปกับองค์จักรพรรดิ แต่เขาก็ถูกกันเอาไว้ที่นอกประตูเสียแล้ว"ผู้บัญชาการอวี๋หมายความว่าอย่างไร?"ผู้บัญชาการอวี๋ไม่ได้อยู่ตรงหน้าชินอ๋องเซียว แต่ให้ราชองครักษ์หลายคนมาขวางเซียวเหยียนจิ่งไว้ ส่วนตัวเขาก็อยู่ด้านหลังห่างออกมาหน่อยหลายเดือนนี้ ชินอ๋องเซียวยกระดับฐานะขึ้นมาในใจองค์จักรพรรดิ เข้าวังบ่อยครั้ง องค์จักรพรรดิเองก็ให้อำนาจกับเขาระดับหนึ่ง สามารถเข้าออกวังเพื่อพบพระองค์ได้ตลอดเวลานี่เป็นครั้งแรกที่ถูกกันเอาไว้นอกประตูวังผู้บัญชาการอวี๋คนนี้ก่อนหน้าก็เอาอกเอาใจเขาอยู่ พอเห็นเขาก็รีบเอาอกเอาใจไม่หยุด แต่ตอนนี้กลับยืนห่างหลายก้าวโดยมีราชองครักษ์กั้นกลาง สายตาเองก็ดูห่างเหินขึ้นมาชินอ๋องเซียวใจดำดิ่งลงมา"ชินอ๋องเซียว วันนี้ฝ่าบาทไม่ว่าง ไม่ขอพบท่านแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อน" ผู้บัญชาการอวี๋เอ่ยขึ้น"ไร้สาระ ที่ข้ามาเข้าวังก็เพราะเป็นห่วงพระองค์ องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้พูดอยู่แท้ๆ ว่ามีเรื่องอะไรให้เข้าวังมาแจ้งได้เลย นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?""นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้าของวันนี้นี่? ถึงอย่างไรช่วงนี้องค์จักรพรรดิก็ไม่ว่าง
เขาจนกรอบแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้ทิ้งของไว้ให้เขาเท่าไรนัก! ไท่ซ่างหวงตอนที่สละบัลลังก์ให้เขาก็บอกกับเขาว่าเราจนมาก ไม่ใช่แค่ในคลังหลวงที่ว่างเปล่า กระทั่งคลังส่วนตัวก็มีของอยู่ไม่กี่ชิ้นไท่ซ่างหวงยังพูดอย่างน่าฟังไว้ว่า เหลือบังลังก์จักรพรรดิที่น่าสมเพชนี่ไว้ให้เขา ต้องขอโทษเขาด้วย แต่ก็ยังหวังว่าเขาจะสามารถเป็นองค์จักรพรรดิที่ดีได้ ใช้ความพยายามอย่างมากทำให้ประชาชนมีคืนวันที่ดี แล้วทำให้คลังหลวงอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาถุดเขาไม่เชื่อหรอกว่าสมบัติไท่ซ่างหวงจะใช้ออกไปจนหมดในภัยพิบัติครั้งใหญ่ก่อนหน้านั้นจะต้องเอาไปให้เซียวหลันยวนแน่ๆทำเอาเขาตอนนี้แค่จะให้รางวัลกับพระชายาที่รักก็ยังไม่มีของดีดีที่จะหยิบออกมาของที่เซียวหลันยวนไปนำมาเมื่อปีที่แล้ว มันคืออะไรกันแน่นะ? ไท่ซ่างหวงทิ้งสิ่งยืนยันเอาไว้ให้เขาสามชิ้น แล้วให้เขาไปได้อะไรมากัน?องค์จักรพรรดิอยากหาโอกาสส่งคนเข้าไปค้นในจวนอ๋องเจวี้ยนมากแต่นี่ก็นานมากแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสที่ดีข้ออ้างที่ดีไม่ได้เลยตอนนี้เซียวหลันยวนน่าจะติดโรคนั้นแล้ว เขายิ่งไปจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้อีกองค์จักรพรรดิเรียกองครักษ์ลับ สีหน้าเคร่งขร
คนไม่น้อยที่เห็นใจอ๋องเจวี้ยนเพราะอ๋องเจวี้ยนร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เกิด ตอนเด็กก็ยังถูกวางยาพิษอีก หลายปีมานี้ต้องไปอยู่ที่ยอดเขาโยวชิง ใช้ชีวิตที่ห่างจากอำนาจและความสูงส่งต่อมายังข่าวลือเรื่องที่หน้าตาของเขายับเยินไปแล้วอีกถึงอย่างไร คนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันเกือบหมด ว่าอ๋องเจวี้ยนถ้าไม่เจอกับเรื่องเหล่านั้น อ๋องเจวี้ยนในตอนนี้จะต้องเป็นท่านอ๋องที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้าไปแล้วพอเขาปรากฏตัวคงได้สะเทือนไปทั้งบางแน่นอน ยังไม่รุ้ว่ามีแม่นางตั้งเท่าไรที่อยากแต่งงานกับเขา เขาไม่รู้เลยว่าตนเองหล่อแล้วและโดดเด่นเพียงไรแต่ตอนนี้แค่เอ่ยชื่อเขาก็รู้สึกใจไม่สงบขึ้นมาเสียแล้ว"ไท่ซ่างหวงของพวกเจ้าไม่ใช่ว่าโปรดปรานเขามากหรือ?"จวนตระกูลอัน องค์หญิงหนานฉือกำลังแทะเมล็ดบัวพลางคุยกับพี่น้องอันเหนียนอันชิง อันที่จริงวันนี้พวกนางก็ได้ข่าวนั้นแล้วเช่นกันองค์หญิงหนานฉือส่งคนไปหาข่าวที่จวนอ๋องเจวี้ยนเป็นลำดับแรก แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูไม่รับแขกใครไปก็ไม่ยอมเปิดประตูจวนอ๋องให้หลังจากกลับมาองค์หญิงหนานฉือจึงดึงอันเหนียนที่เพิ่งเลิกประชุมเช้า กับอันชิงที่กังวลใจมากมานั่งคุยก
นางเองก็เป็นคนที่ดีงาม เรื่องเช่นนั้น สถานที่แบบนั้น ความสกปรกและโรคภัยแบบนั้น นางจะไปเคยรู้จักได้อย่างไรกัน?ดังนั้นถึงแม้เขาจะเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงมาก แต่ครั้งนี้กลับกังวลเอามากๆ"วิชาแพทย์ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนยอดเยี่ยมกว่าหมอหลวงทั้งหมดอีกไม่ใช่หรือ? พวกเจ้ามากังวลแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์นี่ จะว่าไป ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ว่าต้องไม่ถูกกับอ๋องเจวี้ยนอยู่หรือ? เขาเป็นคนจับเจ้ามาอยู่กับองค์หญิงอย่างข้านี่นา! เจ้าไม่ควรจะโกรธเขาหรือไรกัน?องค์หญิงหนานฉือร้องเชอะ"ข้าไม่ได้โกรธเสียหน่อย""เอาล่ะ ไม่ต้องมาเสแสร้งกับข้า เจ้าโกรธแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าได้"พวกเขาแต่งงานกับแบบงงๆ ถูกจัดการเรื่องใหญ่ทั้งชีวิตให้ ด้วยความถือตัวหยิ่งยโสของอันเหนียน จะไม่โกรธได้อย่างไรกัน?หลายวันนี้นางเองก็เข้าใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว ชายคนนี้ถือตัวเอามากๆ หยิ่งด้วยยังไม่รู้ว่าในใจเขาใฝ่ฝันถึงหญิงงามแบบไหนที่จะมาคอยปรนนิบัติ แต่ดันถูกเจ้าหญิงหยิ่งๆ อย่างนางมาแย่งตำแหน่งภรรยาไป เขาจะรู้สึกอย่างไรกัน?หลายวันนี้ยังเสแสร้งนิ่งอยู่นั่นล่ะ"ไม่ได้โกรธ" อันเหนียนพูดซ้ำมาอีกคำอันชิงมองพี่ชาย แล้วก็มองพี่สะใภ้ นา
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ