เซียวหลันยวนได้ดาบเล่มนี้มาจากไหน?สีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก"ได้มาจากสาวกลัทธิเทพทำลายล้างน่ะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาที่มีจำนวนมากขนาดนั้นยังมีกันคนละเล่มด้วย""อ๋า?"เฉิงอวิ๋นเจี้ยนตกตะลึงไปแล้ว"คนละเล่ม?""ใช่" เขามองไม่ผิดแน่นอนเฉิงอวิ๋นเจี้ยนเอ่ยต่อ "เดิมทีข้าก็กำลังคิด ว่าดาบเล่มนี้เป็นสิ่งที่องครักษ์ตงฉิงในอดีตทิ้งไว้ ถึงอย่างไรในอดีตก็มีคนมากมายที่ครอบครองดาบตระกูลกวนอยู่ จะสืบทอดมาถึงปัจจุบันก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากมีจำนวนมากล่ะก็..."เขาชะงักไป ถามขึ้นว่า "เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาไปเจอคลังอาวุธที่ทหารหัวกะทิในค่ายทหารของอดีตใช้กัน?"พวกเขาแม้จะเจออาวุธในวังใต้ดิน แต่ก็ไม่มีดาบตระกูลกวนอยู่เสิ่นเสวียนส่ายหัว"ไม่ใช่หรอก"เขาชี้ไปที่ดาบเล่มนั้น บอกว่า "ดาบเล่มนี้เห็นได้ชัดเลยว่าตีขึ้นใหม่ ไม่ใช่ดาบเก่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอายุยาวนานขนาดนั้น"เซียวหลันยวนเองก็ยืนยันจุดนี้"ถูกต้อง นี่เป็นดาบใหม่"เฉิงอวิ๋นเจี้ยนตกตะลึงขึ้นทันที"ท่านอ๋อง ท่านเสิ่น ถ้างั้นก็หมายความว่า คนตระกูลกวนยังมีชีวิตอยู่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น วิชาการตีดาบนี้ก็ยังไม่ได้สูญหายไปหรือ?""ตอนนี้เ
ดาบตระกูลกวน ก่อนหน้านี้เองก็มีชื่อเสียงอย่างมากในตงฉิง"ดาบตระกูลกวน ความหมายเป็นเหมือนชื่อ เป็นสิ่งที่คนในตระกูลสร้างออกมา ลูกหลานตระกูลกวนล้วนเรียนรู้การตีดาบตั้งแต่เด็ก ทุกปีพวกเขาจะมีการประลองของตนเองด้วย ประลองการตีดาบ""สมัยก่อนคนที่ฝึกยุทธ์ของตงฉิง คนที่เรียนรู้วิชาดาบ ล้วนภาคภูมิใจจากการได้ครอบครองดาบตระกูลกวน ดาบตระกูลกวนหนึ่งเล่ม สามารถขายได้ราคาสูง แต่ว่า ดาบตระกูลกวนเองก็มีแบ่งออกเป็นชั้นหนึ่งกับชั้นรอง ดาบชั้นหนึ่ง จะเป็นดาบที่ลูกหลานสายตรงตระกูลกวน ผู้มีวิชาตีดาบที่ดีมากตีขึ้นมาด้วยตนเอง ส่วนดาบชั้นรอง จะเป็นลูกหลานตระกูลกวนคนอื่นตีขึ้นมา"เฉิงอวิ๋นเจี้ยนตอนที่พูดถึงดาบตระกูลกวน สายตาก็เปล่งประกายเห็นได้ชัดว่า ตัวเขาเองก็ใฝ่ฝันอยากจะครอบครองดาบตระกูลกวนสักเล่ม"กลุ่มองครักษ์ราชวงศ์ของตงฉิงในสมัยก่อน ล้วนพกดาบตระกูลกวนทั้งสิ้น หัวกะทิในกองทหาร รวมถึงแม่ทัพบางส่วน ก็ล้วนพกดาบตระกูลกวนกัน"พอฟังถึงตรงนี้ เสิ่นเสวียนก็ถามขึ้น "งั้นแบบนี้ ดาบตระกูลกวนก็ไม่ได้หายากขนาดนั้นสิ? ถึงยังไงก็มีคนพกกันตั้งมากมายเลย"เฉิงอวิ๋นเจี้ยนพยักหน้า"ก็ไม่ได้ถือว่าหายากจริงๆ ถึงอย่างไ
ที่แท้ก็แค่คนที่แอบออกมางุบงิบกินคนเดียวคนนึงคนผู้นี้ออกมาขโมยกินอย่างระแวดระวังตัวมาก กินไปด้วยพลางหักกิ่งไม้ มองไปรอบๆแต่เขาก็ป้องกันยอดฝีมือแบบเซียวหลันยวนไม่ได้อยู่ดีเซียวหลันยวนเด็ดใบไม้มาใบหนึ่ง คีบไว้ที่นิ้ว ดีดยิงออกไปใบไม้ในตอนนี้ก็คมกริบราวกับใบมีด ฟันเข้าไปที่คอหอยในจังหวะที่เขาหันไปอีกด้านพอดีสำหรับคนของลัทธิเทพทำลายล้าง เซียวหลันยวนไม่มีทางปราณีคนเหล่านี้เดิมทียังคุยกันว่าคนในเมืองติดพิษกันหมดหรือยัง จะตายกันหมดเมื่อไรคอคนผู้นี้เลือดทะลักแตกฟอง ล้มลงไป ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะมีดของเขาวางอยู่ข้างๆเซียวหลันยวนเดิมทีก็มาเพื่อมีดเล่มนี้เขาเดินเข้าไป หยิบมีดเล่มนี้ขึ้นมา ศึกษาดูอย่างละเอียดน่าจะเพราะมีดเล่มนี้มีไว้ให้คนเหล่านี้ใช้ จึงเป็นสิ่งที่ผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่ของล้ำค่าหายากเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะศึกษาทำความเข้าใจเซียวหลันยวนเหลือบมองแค่แวบเดียวก็หากลไกบนด้ามดาบพบยิ่งไปกว่านั้นพอลองชั่งน้ำหนักดาบดู น้ำหนักที่ด้ามก็ไม่ถูกต้อง ด้านในมีสิ่งของอยู่อย่างเห็นได้ชัดเขาไม่อยากจะลองดาบที่นี่ เดี๋ยวจะกลายเป็นแหวกหญ้าให้งูตื่นหลังจ
เซียวหลันยวนเห็นคนลัทธิเทพทำลายล้างพวกนั้นแล้วคนของพวกเขาที่มาครั้งนี้มีไม่น้อยเลยจริงๆ เขาคำนวณดูแล้วก็เกือบร้อยคนอยู่เกือบร้อยคนนี้ล้วนสวมชุดแบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีธงทหารด้วย ด้านบนปักดวงตะวันร้อนแรงไว้ดวงหนึ่ง ข้างๆ ดวงตะวันมีนกสีดำอยู่อีกตัวหนึ่งได้ยินว่า ลัทธิเทพทำลายล้างบูชานกที่ชื่อว่าวิหคนิล นกชนิดนี้มีที่มาจากตำนานเทพเจ้า ในตำนานของพวกเขา นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมความมืด แต่พ่นไฟออกจากปากได้ ไฟที่พ่นออกมาก็สว่างจ้ามากพอจะเทียบกับแสงของดวงตะวันได้เลยวิหคนิล ยังถูกเรียกว่าเจ้าสวรรค์เทพทำลายล้างอีกด้วยดังนั้นลัทธิเทพทำลายล้างจึงใช้สิ่งนี้มาเป็นชื่อแต่ก่อนไม่เคยเห็นพวกเขามีธงเลย ตอนนี้ดูเหมือนจะมาสถาปนาแคว้นตงฉิงจริงๆ ดังนั้นทั้งหมดจึงถูกเตรียมขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ชุดเสื้อผ้าก็เตรียมเสร็จแล้วด้วยชุดของพวกเขาเป็นแบบเดียวกัน แล้วยังมีอาวุธแบบเดียวกันอีกเซียวหลันยวนแอบอยู่ไม่ห่างไปนัก มองเห็นดาบใหญ่ที่พวกเขากองเอาไว้ด้วยกัน ก็รู้สึกว่าดาบของพวกเขาดูลึกลับแปลกๆ อยู่หน่อยๆดูเหมือนไม่ใช่ดาบธรรมดา ด้ามดาบค่อนข้างใหญ่ เหมือนมีกลไกอะไรอยู่แบบนั้นเขาให้คว
ท้ายสุด ก็ยังเป็นฟู่จาวหนิงที่เอานกพิษเหล่านั้นไปค้นคว้านางไม่ได้กลับไปที่วังจักรพรรดิที่สวนสมุนไพรนี้ นางให้คนจัดเตรียมห้องไว้ให้นางโดยเฉพาะแล้วห้องหนึ่ง กำแพงหน้าต่างแน่นหนา ด้านในจัดแต่งไว้ตามที่นางบอกนางไม่ต้องเอาของเหล่านี้กลับไปที่วังจักรพรรดิ ค้นคว้าในสวนสมุนไพรนี่ไปเลยฟู่จาวหนิงจะค้นคว้าของเหล่านี้ แน่นอนว่าไม่มีทางแค่ค้นคว้าส่วนประกอบของพิษออกมา แต่ต้องค้นคว้ายาแก้พิษออกมาด้วยอันที่จริงสองสามปีนี้ นางเองก็ใส่วัตถุดิบยาเข้าไปในมิติไม่น้อยเลยวัตถุดิบยาหลากชนิด นางล้วนเก็บเอาไว้พอสมควร ชนิดเองก็ครบถ้วนครบครันปกติตอนที่ว่าง นางก็จะสกัดพลังชีวิตของวัตถุดิบยาเหล่านี้ออกมา บางส่วนที่สามารถเพาะกล้าได้ก็เพาะมันเลยหลังจากที่กำหนดสวนสมุนไพรแล้ว นางก็จะคิดหาเหตุผลต่างๆ นำเอาต้นกล้าวัตถุดิบยาจำนวนมากออกมาจากในมิติไปปลูกไว้ในสวนสมุนไพรดังนั้น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคิดว่าพอถูกพวกเขานำวัตถุดิบยาออกไปหมดแล้ว เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงตอนที่เจอกับพิษก็จะทำอะไรกันไม่ได้ ที่จริงก็คิดเยอะเกินไปฟู่จาวหนิงมีสารอาหารเหลวที่มีประโยชน์อย่างมากต่อพืชและวัตถุดิบยา สารอาหารเหลวชนิดนี้ถ้
คนของลัทธิเทพทำลายล้างต้องจ้องเอาชีวิตเซียวหลันยวนแน่นอนฟู่จาวหนิงรู้จุดนี้ ในใจเองก็ชิงชังมากตั้งแต่เซียวหลันยวนยังเด็กก็ลอบทำร้ายมาตลอดไม่หยุดหย่อน ไม่ตายไม่เลิกรามาจนถึงปัจจุบัน"เทพทำลายล้าง พูดเสียน่าฟัง สู้เรียกลัทธิเทพชั่วช้าไปเลยดีกว่า มีแต่ใช้วิธีสกปรก วางยาพิษ ใส่ร้ายคนอื่น ไม่เคยจะเห็นพวกเขาออกมาสู้อย่างเปิดเผยเลยสักครั้ง"ฟู่จาวหนิงจับมือของเซียวหลันยวนไว้ จ้องมองเขา "ถ้าไม่กำจัดลัทธิเทพทำลายล้าง ข้าเองก็บำรุงครรภ์อย่างสบายใจไม่ได้""หนิงหนิง ยังมีข้าอยู่นะ..."เซียวหลันยวนพอได้ยินคำของนางก็รู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว เขาอยากจะบอกนางว่าเขาไม่มีทางแพ้ให้กับลัทธิเทพทำลายล้างหรอก ให้นางสบายใจได้แต่คำพูดของเขายังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ตัดบทเขาแล้ว"อายวน ท่านต้องเชื่อข้า ข้าเป็นหมอ และยังเป็นหมอที่วิชาแพทย์ดีมากด้วย ข้ารู้สุขภาพของข้าดี"มืออีกข้างของฟู่จาวหนิงทาบลงไปบนท้องของตนเอง เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วว่า "ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็รู้สถานการณ์ของลูกดี พวกเขาสุขภาพแข็งแรงกันหมด พวกเขาจะต้องเป็นเด็กที่เก่งกาจมากแน่นอน ถึงอย่างไรพ่อของพวกเขาก็เก่งมาก"สายตาของเซียวหลันยวนตกไปอยู่