เฉินฮ่าวปิงพอได้ยินคำพูดของแม่ ก็นิ่งงันไปแล้วก่อนหน้านี้นางเองก็รู้อยู่ ว่าถ้าถูกฮูหยินหลักมาไล่สังหารล่ะก็ นางจะเป็นลูกของฮูหยินหลักได้อย่างไร?แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แม่บอกนางออกมาอย่างชัดเจน: ว่านางเป็นลูกภรรยารอง"แต่ แต่ว่า ถ้าหากข้าเป็นลูกภรรยารองล่ะก็ ทำไมท่านถึงบอกข้ามาตลอดว่าข้ามีตัวตนไม่ธรรมดา?" เฉินฮ่าวปิงรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนางเองก็โตแล้ว ทำไมถึงไม่พูดกับนางตรงๆ ล่ะ?ถ้าหากนางเป็นแค่ลูกภรรยารองล่ะก็ มันเรียกว่าตัวตนไม่ธรรมดาได้ไหม? เรียกเป็นพวกคุณหนูได้ไหม?ฮูหยินเฉินถูกนางถามจนงงงันไปแล้วคำถามนี้นางต้องตอบอย่างไร?"ท่านแม่ ท่านรีบบอกข้าเถอะ พ่อของข้าเป็ฯใครกันแน่?""ปิงเอ๋อร์ ฟ้ามืดแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ให้ข้าคิดอีกหน่อย อีกสองสามวันแล้วจะเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด ตอนนี้พูดออกไปมันไม่มีประโยชน์กับเจ้า""ท่านแม่!"ไม่ว่านางจะถามอย่างไร ฮูหยินเฉินก็ไม่ยอมบอกนางพ่อของเฉินฮ่าวปิงคือใคร ฟู่จาวหนิงนั้นรู้อยู่แต่สิ่งที่นางไม่รู้ตอนนี้ก็คือ อ๋องฉยงเอาเงื่อนไขอะไรมาต่อรองกับองค์จักรพรรดิเรื่องนี้ ฟู่จิ้นเชินกลับเหมือนจะเข้าใจอยู่บ้างแล้ว"แคว้นเจาช่วงหลายปีนี้มีภั
นางพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย และเห็นว่าเหมือนน่าสุดท้ายยังมีอีก แต่ถูกฉีกออกไป"ด้านหลังน่าจะมีอีกหน้าหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินบอก "นี่เป็นหนังสือไม่สมบูรณ์ที่ได้มาโดยบังเอิญ แต่ตอนที่ข้าได้มาก็มองออกแล้วว่าถูกคนพลิกอ่านไปนานมาก น่าจะมีคนไม่น้อยที่เคยเห็น ข้ารู้สึกว่า องค์จักรพรรดิหรือไท่ซ่างหวงก็น่าจะเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ กระทั่งว่า ไท่ซ่างหวงของต้าชื่อก็น่าจะเคยได้อ่าน"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป "ทำไมจึงพูดเช่นนี้ล่ะ?""ข้ากับแม่เจ้าหลายปีมานี้หนีตายไปทั่ว หลบตะวันออกบ้างตะวันตกบ้าง เจอกับคนมาก็ไม่น้อย ได้ยินเรื่องราวมาก็เยอะ หลายวันนี้พวกเราก็นึกย้อนกลับไปทีละนิดๆ เอาคนกับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์จดลงมา ดังนั้นจึงเชื่อมโยงเรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน"ฟู่จาวหนิงได้ยินเขาพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเกินคาดขึ้นมาดูท่า แม้พวกเขาจะยังกลับมาได้ไม่นาน แต่ก็ทำเรื่องต่างๆ ไปไม่น้อยเลยนี่เป็นสิ่งที่ข้าพบมาจากใต้คานห้องรับรองแห่งหนึ่งหลังจากที่นึกเรื่องบางอย่างออก ก่อนหน้านี้พออ่านไปรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ดังนั้นจึงเก็บซ่อนมันเอาไว้ฟู่จิ้นเชินยิ้มขืน "ยังดีที่ตอนนั้นซ่อนเอาไว้สินะ? ไม่อย่างนั้นตอ
ฟู่จาวหนิงคุยกับฟู่จิ้นเชินไปอีกครึ่งคืนเดิมทีก็ไม่คิดจะคุยเยอะขนาดนี้ แต่เรื่องเหล่านี้พอคุยขึ้นมาแล้ว มันจะลากดึงออกไปทีละเรื่องๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งมีชีวิตชีวาตอนท้ายคือเสิ่นเชี่ยวเข้ามาหยุดพวกเขาไว้"ถึงท่านจะเป็นคนนอนน้อย แต่ก็ต้องดูแลจาวหนิงด้วยสิ ดึกขนาดนี้แล้วนะ" เสิ่นเชี่ยวดูจำใจนางยกบะหมี่น้ำเข้ามาสองชาม ด้านบนโป๊ะไข่ดาวไว้ฟองหนึ่ง โรยต้นหอม น้ำแกงใสหอมหวาน ร้อนกรุ่นๆฟู่จาวหนิงเองก็หิวแล้ว กินจนหมดเกลี้ยงมองดูนางกิน เสิ่นเชี่ยวในใจก็เบิกบานนักนี่ถือเป็นครั้งที่พวกเขาเข้ากันได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง ถ้าหากเป็นแบบนี้ตลอดไปได้ก็คงดีแต่ว่านางเองก็รู้ ทั้งหมดเป็นเพราะฟู่จาวหนิงเป็นคนใจเย็นเวลาเจอกับเรื่องอะไร ถ้านางต้องการจะคุยอะไรจริงๆ นางก็จะปล่อยวางเรื่องบาดหมางเก่าๆ ก่อนหน้าไปก่อน จากนั้นก็คุยเรื่องสำคัญให้เข้าใจแต่ถ้าจะบอกว่ายอมรับพวกเขาแล้วอย่างสมบูรณ์สนิทสนม มันก็ยังไม่ใช่แต่ว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ก้าวไปทีละก้าวๆ ได้ก็ดีมากแล้ว"รีบไปนอนเถอะ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า หยิบหนังสือไม่สมบูรณ์เล่มนั้น "หนังสือเล่มนี้ข้าขอเอาไปให้เซียวหลันยวนดูหน
พระชายาอ๋องเจวี้ยนถ้าอยู่กับอ๋องเจวี้ยนตลอดแล้วไม่ติดโรคระบาด ถ้าอย่างนั้นอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทำไมท่านถึงไม่อยู่ในจวนอ๋องล่ะ?" เขาถามฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว "ข้าออกมาไม่ได้รึ?""อ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกไม่ใช่ว่าติดโรคระบาดมาหรือ? เพราะเขาป่วยจนเป็นลม องค์จักรพรรดิจึงอณุญาตให้เขาออกจากคุกใหญ่ คอยพักฟื้นอยู่ในจวนอ๋อง แต่ถ้าหากเขาไม่เป็นไร เช่นนั้นเขาก็ควรกลับไปทบทวนสำนึกผิดต่อในคุกสิ เวลาสองเดือนยังไม่ผ่านไปเลย""ป่วยก็ป่วยอยู่ แต่อาการป่วยมันก็มีช่วงที่ดีขึ้นนี่ ตอนนี้อาการป่วยเขาหายแล้ว แต่ว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่ คุกใหญ่นั่นก็ไม่ต้องไปแล้วล่ะ ส่วนข้าน่ะ ข้าบอกเมื่อไรกันว่าข้าป่วย? องค์จักรพรรดิไม่ได้บอกว่าให้ข้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้นี่""ไทเฮาก็พักในจวนอ๋องยังไม่กลับวังชั่วคราว หรือว่าพระชายาท่าน?" คนในที่ว่าการขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาลง "นี่เดิมทีเป็นพระราชโองการของฝ่าบาท ตอนนี้ท่านจู่ๆ ก็ออกจากจวนมา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านแบกรับความผิดชอบนี้ไหวหรือ?""เดี๋ยวนะ ข้าแปลกใจ เกิดเรื่องอะไร? จะเกิดเรื่องอะไรรึ? ไหน เล่าให้ข้าฟังหน่อย""อ๋องเจวี้
"องค์จักรพรรดิบอกว่า ถ้าหากป่วยจริง ก็ต้องปิดประตูไม่ต้อนรับแขก แล้วให้ไทเฮาอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนก่อนชั่วคราว ยังไม่ต้องกลับวัง ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามคนในที่ว่าการย้อนคิดอย่างละเอียด องค์จักรพรรดิพูดไว้อย่างนี้จริงๆเขาพยักหน้าฟู่จาวหนิงผายมือออกอย่างไม่สะทกสะท้าน "ก็จบแล้วนี่? ข้าไม่ได้ป่วย ดังนั้นข้าออกมาก็ไม่ถือว่าขัดราชโองการสิ เจ้าลองคิดดู องค์จักรพรรดิถ้าคิดจะบังคับไม่ให้ข้าออกมาจริง จวนอ๋องเจวี้ยนก็ต้องถูกราชองครักษ์ล้อมเอาไว้นานแล้วสิ""ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคิดจะห้ามไม่ให้ออกไปจริง ก็คงจะรับสั่งลงมาตรงๆ ว่าตอนไหนถึงจะออกมาได้ องค์จักรพรรดิไม่ได้บังคับจริงจัง ดังนั้นราชโองการของเขาแต่เดิมน่ะคือเป็นคำแนะนำในครอบครัวมากวก่า แนะนำว่าพวกเราตอนที่ป่วยอย่าออกมานอกบ้าน ใช่ไหม?"คนในที่ว่าการอ้าปากพะงาบ ไม่มีคำจะมาต่อปากด้วยเหมือนว่า ก็มีเหตุผลอยู่แฮะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาอย่างพิจารณา "เจ้าชื่ออะไร"ถามชื่อไปทำไมคนในที่ว่าการปากไวกว่าสมอง "จ้าวหมิง""สกิลจ้าวหรือ?"ฟู่จาวหนิงงงงัน "สองปีก่อนครอบครัวของตระกูลจ้าว..."จ้าวเฉินตอนนั้นผิดใจนางกับเซียวหลันยวน ทั้งครอบครัวเลยไม
จ้าวหมิงใจสั่นวาบพวกเขาถ้ายังล้อมที่นี่ต่อ แล้วเกิดการปะทะกันขึ้นมา ก็คงจะจัดการได้ยากจริงๆนี่คือถ้าเป็นบ้านคนอื่น คนในที่ว่าการอย่างพวกเขา จะกลัวอะไรกับแค่พวกคนคุ้มครองเรือน? แต่ที่นี่คือบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ใช่แค่พระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว นางยังเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วยนะจากที่เขารู้ ถ้าไม่ใช่เพราะองค์จักรพรรดิสร้างความลำบากหลังจากที่ฟู่จาวหนิงกลับมาถึงเมืองหลวงล่ะก็ เอาแค่เรื่องที่นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่จนกลายเป็นหมอเทวดา ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไม่น้อยอยากยื่นเทียบเชิญให้นางแล้ว เชิญนางไปกินเลี้ยงเป็นแขกตอนนี้หมอเทวดาคนไหนก็ตามที่เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ ตัวตนฐานะล้วนสูงส่งอย่างมากอคง์จักรพรรดิเองก็ยังไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับนาง"ไป กลับ" จ้าวหมิงทำได้แค่ออกคำสั่ง พาคนกลับไปเขาเองก็รีบไปหาอ๋องอี้ อ๋องอี้อันที่จริงอายุยังน้อยอยู่มาก เพิ่งจะสิบหกเท่านั้น หลายปีมานี้ ตัวตนการคงอยู่ของอ๋องอี่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทุกคนแทบจะลืมเขาไปแล้วอ๋องอี้นั้นไม่เข้าไปร่วมงานอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี หรือเพราะตระกูลทางแม่เป็นอย่างไร แต่เพราะตอนเขายังเด็กเหมือนไปเจอกับเรื่อ
เซียวจืออี้หยุดพู่กันอย่างระมัดระวัง กลัวว่าสีบนพู่กันจะหยดลงมาแล้วทำให้ภาพไม่สมบูรณ์พอเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับสีหน้าที่มองมาอย่างพรั่นพรึง เขาจึงเม้มปากหัวเราะ"ท่านลุง ท่านลืมแล้วเหรอ ข้าก็แค่ชอบวาดพี่สาวคนสวยแค่นั้น ไม่มีความหมายอื่นหรอก ไม่ต้องกังวล"จ้าวหมิงผ่อนลมโล่งออกมาพูดอีกก็ถูก เซียวจืออี้นั้นชอบวาดรูปสาวงามก่อนนห้านี้เขาก็วาดซ่งอวิ๋นเหยา ปีที่แล้วก็ยังวาดองค์หญิงหนานอี๋ตอนนี้จะมาวาดพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกระมัง?"ถึงแม้เจ้าจะไม่มีความคิดอื่น แต่ภาพวาดเช่นนี้ถ้าถูกคนอื่นมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องเอานะ""ข้าจะเก็บให้ดี" เซียวจืออี้ตอบจ้าวหมิงพยักหน้า "ข้าเพิ่งจะเจอกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนมา นางยังคงกำเริบเสิบสานเหมือนเดิม ขนาดยกจักรพรรดิออกมาก็ยังไม่เห็นว่านางจะกลัวเลย""ท่านลุงรับงานอะไรมา ทำไมต้องไปเจอนางด้วยล่ะ?" เซียวจืออี้เดินเข้ามา รินน้ำชาให้เขาด้วยตนเองจ้าวหมิงเวลาที่รู้สึกไม่มั่นคง ก็มักจะวิ่งมาหาเซียวจืออี้เพื่อคุยกับเขาสองสามคำด้วยความเคยชินหลังจากคุยจบเขาก็จะเงียบไปนาน"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเมื่อคืนกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่มา เมื่อ
อย่างน้อย พอถึงเวลาถูกคนอื่นลือออกไป ทุกคนก็จะรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายไหนถ้าหากเขาพูดให้รุนแรงหน่อย แล้วถ้าลือไปถึงหูอ๋องเจวี้ยน ก็จะกลายเป็นเขาไม่สบอารมณ์กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นพวกใจคับแคบปกป้องพวกพ้องด้วย หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมาเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเขาไหม พอสบโอกาสก็จะจัดการเขาเสียแต่ถ้าพูดเบาไป แล้วเผื่อพระชายาเยว่รู้เข้า นั่นก็จะกลายเป็นว่าเขาทำผิดอีกแค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ จ้าวหมิงกลับรู้สึกว่าจะทางไหนก็ลำบากทั้งนั้นเขาเลยรู้สึกว่าเข้ามาฟังเซียวจืออี้ดีกว่าว่าจะพูดอย่างไรเซียวจืออี้บอกว่า "ท่านกลับไปบอกตามความจริงกับใต้เท้าเกิงก็พอ ไม่ต้องตีไข่ใส่สี แล้วก็ไม่ต้องอารมณ์หรือมุมมองอะไรด้วย ก็แค่พูดคำพูดที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนพูดออกมาเสียรอบหนึ่งก็พอ""แบบนี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้ารู้แล้ว" จ้าวหมิงพิจารณามองเขา อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า "อี้เอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะอายุสิบปกแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่คิดจะฉลองหรือ?"วันเกิดหลายครั้งก่อนหน้านี้ เซียวจืออี้แค่ให้คนใช้ต้มบะหมี่อายุยืนให้ชามหนึ่ง กระทั่งเขายังไม่ให้พวกเขามาอยู่ด้วยอีก ตัวเองกินบะหมี่ไปเงียบๆ คนเดียวแต่ว่า
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ