เสี่ยวเยว่เองก็ยอมใจจูเฉียนเฉี่ยนจริงๆจะบอกว่านางหน้าด้านหรือ ก็ไม่ใช่ เพราะตอนนี้จูเฉียนเฉี่ยนแค่สบตานางก็ยังไม่กล้า เอาแต่มุดหน้าแดงหนีแต่ถ้าบอกว่านางหน้าบาง นางคงจะไม่กล้าพูดว่าจะอยู่ต่อหรอกไม่รู้สึกผิดบ้างหรือไรกัน?"ถ้าหากเป็นเพราะเรื่องนี้ แม่นางจูก็ไม่จำเป็นเลยจริงๆ เพราะคุณหนูข้าจัดยาไว้ให้แล้ว หลังจากแม่นางจูกลับไปก็ต้มอาบอีกสักรอบ ดื่มยาอีกสามวันก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อเลย""แต่ถ้าเผื่อพิษยังไม่ออกไปจนหมดล่ะ? ถ้าเผื่อหลังจากนี้ข้ามีตรงไหนไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร? อยู่ที่นี่ต่อยังวางใจเสียกว่า"เสี่ยวเยว่รู้สึกว่าตนเองเป็นแค่สาวใช้ เรื่องบางเรื่องก็พูดให้เกินเลยไปไม่ได้จูเฉียนเฉี่ยนดื้อแพ่งจะอยู่ต่อ นางก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร"ถ้าหากเจ้าคิดจะอยู่ต่อ เช่นนั้นก็ต้องไปบอกกับคุณหนูกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองแล้ว ข้าตัดสินใจให้ไม่ได้หรอก""แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?""พวกเขาอยู่กันที่โถงหน้า"จูเฉียนเฉี่ยนอดถามขึ้นไม่ได้ "แล้วผู้มีพระคุณของข้าล่ะ?"เสี่ยวเยว่พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ "คุณชายฟู่เองก็อยู่ด้วย"นางควรจะไปบอกคุณชายฟู่เสียหน่อยไหม ให้เขาหลบ
เจ้าก็ยังรู้นี่ว่ายังมีข้าเป็นลุง!ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยืนขึ้นมา พานางหมุนไปหาอ๋องเจวี้ยน"ท่านผู้นี้คืออ๋องเจวี้ยน ทักทายท่านอ๋องเสีย"จูเฉียนเฉี่ยนเงยหน้ามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ตอนที่เห็นหน้ากากเขา นางก็สูดปากออกมาทีหนึ่ง แล้วคิดไปถึงข่าวลือว่าใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนพังยับไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้"ข้าน้อยคารวะอ๋องเจวี้ยน"จูเฉียนเฉี่ยนสะกดความตกตะลึงกับความอยากรู้อยากเห็นในใจลงมา คารวะให้กับเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "กลับไปกับใต้เท้าโหยวเถอะ"เขาเห็นแก่หน้าผู้บริหารท้องถิ่นโหยวถึงอย่างไรผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็เป็นศิษย์พี่ของอันเหนียน สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นคนของตนเองผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอได้ยินคำของเขาก็แอบถอนใจโล่ง อ๋องเจวี้ยนไม่คิดจะคิดเล็กคิดน้อยกับจูเฉียนเฉี่ยนแล้ว"ขอบคุณท่านอ๋อง เฉียนเฉี่ยน ไปเก็บของซะพวกเราจะไปกันแล้ว"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกเสียใจ อันที่จริงนางรู้ว่าตอนนี้ตนเองจำเป็นต้องรีบออกจากที่นี่กับท่านลุงจึงจะถูกแต่นางมองไปทางฟู่จิ้นเชิน กลับรู้สึกว่าถ้าต้องไปแบบนี้ นางคงจะมามีปฏิสัมพันะ์กับฟู่จิ้นเชินได้ยากแล้ว ท่านลุงจะต้องให้ค
"แม่นางจู ตอนนั้นข้าแค่ทำไปส่งๆ เจ้าไม่ต้องมาจดจำไว้ในใจหรอก อย่าให้ข้าต้องมาเสียใจกับการกระทำในครั้งนั้นเลย" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นจูเฉียนเฉี่ยนตาแดงก่ำ รีบสูดจมูกอดกลั้นไว้ หมุนตัววิ่งออกไปหนังหน้านางหนามาก แต่ก็ไม่ได้หนาถึงขนาดนั้นถูกอ๋องเจวี้ยนกับฟู่จิ้นเชินพูดแบบนี้ นางก็ราวกับถูกตบฉาดหน้าไปสองที เจ็บปวดอย่างรุนแรง"ท่านอ๋องพระชายาโปรดให้อภัยด้วย คุณชายฟู่โปรดให้อภัยด้วย ข้าจะพานางออกไปทันที!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยววันนี้หน้าตาไม่มีเหลือ รีบถอยออกไป"กลับไปก่อน มีของอะไรข้าจะให้คนมาเก็บไป!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวบอกกับไฉ่เอ๋อร์ "ประคองแม่นางของเจ้าไปกับข้าซะ!"พูดว่าประคอง อันที่จริงความหมายของเขาคือถ้าให้จูเฉียนเฉี่ยนกลับไปไม่ได้ ก็ต้องลากนางกลับไปยังดีที่ไฉ่เอ๋อร์เข้าใจความหมายของเขา ไล่ตามจูเฉียนเฉี่ยน รีบดึงนางเอาไว้ "แม่นาง รีบตามใต้เท้าผู้บริหารท้องถิ่นไปเร็ว!"จูเฉียนเฉี่ยนตอนนี้จึงโดนทั้งผลักทั้งดึง ขึ้นไปบนรถม้าผู้บริหารท้องถิ่นโหยวผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองนางหน้าขรึม"พ่อแม่ของเจ้าสั่งสอนเจ้ามาแบบนี้เรอะ?""ท่านลุง ข้า..."จูเฉียนเฉี่ยนก้มหน้า ตนเองก็รู้สึกห
แล้วก็นะ ที่นางอยากแต่งกับฟู่จิ้นเชิน ก็เพราะรู้ว่าความรักสามีภรรยาของพวกเขาดีมาก มองออกได้ว่าฟู่จิ้นเชินเป็นชายหนุ่มที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและดูแลคนเป็นดังนั้นนางจึงยิ่งชอบเขาขึ้นไปอีก"ข้าก็แค่อยากให้เขาแบ่งความรักสักเล็กน้อยมาให้ข้าบ้างก็พอแล้ว ข้าเองก็สามารถเรียกฮูหยินฟู่ว่าพี่สาวได้ด้วย หลังจากนี้ข้ากับพวกเขาก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ไม่ได้หรือไรกัน?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกเหมือนมีอารมณ์ขุ่นมัวมาจุกอยู่ที่อกเด็กคนนี้มันคิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ได้กัน?"เจ้าอยากจะมีชีวิตมีสุขกับพวกเขา แล้วเจ้าเห็นว่าพวกเขายอมที่จะรับเจ้าเข้าไปไหม?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าถ้านี่เป็นลูกสาวเขาเอง เขาคงได้ตบเรียกสตินางไปแล้วน่าเสียดายที่เป็นหลายสาวของฮูหยินเขา"พวกเขาเดิมทีก็มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องเพิ่มอีกคนเข้าไปด้วยกัน? ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะยอมไหม? ฮูหยินฟู่เป็นฮูหยินหลักคนเดียวไม่ดีหรือ? ทำไมจะต้องมาต้อนรับผู้หญิงอีกคนเข้าไปเรียกตนเองว่าพี่สาวด้วย? สมมติว่าเจ้าเป็นฮูหยินฟู่ เจ้าจะยอมไหม?""ข้า..."จูเฉียนเฉี่ยนลองแทนที่ดู ก็พูดอะไรไม่ออกนางเองก็
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพาจูเฉียนเฉี่ยนกลับมาจวนแล้วส่งให้ฮูหยิน ส่วนตนเองก็รีบกลับไปหาฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงได้ยินแล้วก็รู้สึกเกินคาด"ท่านบอกว่า ตระกูลจูปลูกไร่ยามาตลอดหลายปีนี้หรือ?""ใช่!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตื่นเต้นมาก "ข้าน้อยเพิ่งจะถามจากเฉียนเฉี่ยนเมื่อครู่ นางเอารายการชุดหนึ่งออกมา เป็นชนิดวัตถุดิบยาที่ไร่ยาตระกูลจูเก็บเกี่ยวมาในช่วงสองปีนี้"เขารีบเอารายการนั้นออกมา ยื่นส่งไปให้ฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเหลือบมองผาดหนึ่ง ในนี้มีวัตถุดิบยาหลายชนิดที่นางต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นบนรายการยังเขียนจำนวนที่เก็บไว้ในคลังของพวกเขาตอนนี้อย่างชัดเจน ปริมาณไม่น้อยเลย!"วัตถุดิบยาเหล่านี้ของตระกูลจู พวกเราต้องการมัน"ฟู่จาวหนิงพูดกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตรงๆ"ตระกูลจูเดิมทีจะจัดการวัตถุดิบยาเหล่านี้อย่างไร?" เซียวหลันยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงถามขึ้น"เดิมทีนำมาขายให้กับพันธมิตรโอสถใต้หล้าหรือไม่ก็โรงยาทงฝู แต่คนของพันธมิตรโอสถยังไม่ได้ไปที่ตระกูลจู แต่คุณชายซือถูคนนั้นของโรงยาทงฝูมีติดต่อกับตระกูลจูไว้แล้ว"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพูดถึงจุดนี้ จู่ๆ ก็คิดออกถึงรายละเอียดหนึ่ง"ผู้เฒ่าจูอัน
นี่คือเงื่อนไขของจูเฉียนเฉี่ยนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวไม่รู้จะรับอย่างไร แต่ความจริงเป็นเช่นนี้จูเฉียนเฉี่ยนคิดจะใช้วัตถุดิบยาตระกูลจูเหล่านั้น มาช่วงชิงโอกาสที่จะได้อยู่ข้างกายฟู่จิ้นเชินนางรู้อยู่แล้วว่าบังคับไม่ได้ ดังนั้นจึงแค่อยากได้เวลาสองสามวันที่จะอยู่ด้วยกัน ไม่กล้าพูดเงื่อนไขให้ฟู่จิ้นเชินมาแต่งงานกับนาง"นางนี่ใจกล้าไม่เบา"น้ำเสียงที่พูดคำนี้ของเซียวหลันยวนค่อนข้างเย็นเยียบผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าถ้าเฉียนเฉี่ยนยังอยู่ที่นี่ ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะตบนางคว่ำไปเลยก็ได้"ข้าเองก็เตือนนางแล้ว...""ดูท่าคำเตือนของเจ้ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด" เซียวหลันยวนเยาะเย้ยขึ้นมา น้ำสเียงของเขาทั้งเย็นทั้งเยียบ "ถ้าข้าต้องการวัตถุดิบยาของตระกูลจู จะมีช่องให้นางมาเสนอเงื่อนไขรึ?"ช่างน่าขันฟู่จาวหนิงฟังอารมณ์โกรธของเขาออก ยื่นมือไปทาบบนหลังมือเขาแทบจะในทันที เซียวหลันยวนพลิกมือมาจับมือนางไว้ ถูกการกระทำเล็กๆ ของนางมาปลอบเช่นนี้ ก็เหมือนไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นแล้วฟู่จาวหนิงไม่อยากให้เรื่องราวต้องทำให้เขาลำบากใจ ถ้าหากเขาใช้อำนาจกดดันตระกูลจู นั่นก็คงบีบเอาวัตถุดิบย
ความคิดของฟู่จาวหนิง ก็คือทางนี้ถ่วงเวลาจูเฉียนเฉี่ยนไว้ก่อน ส่วนทางนั้นพันธมิตรโอสถใต้หล้าจะไปเจรจาการค้าวัตถุดิบยากับตระกูลจูให้เสร็จสิ้นตระกูลจู เดิมทีคิดจะเอาวัตถุดิบยาขายให้กับพันธมิตรใต้หล้ากับโรงยาทงฝูอยู่แล้วเดิมทีอาจจะเอนเอียงไปทางโรงยาทงฝูหน่อย เพราะตระกูลจูอยากจะดองญาติกับซือถู ธุรกิจนั้นแน่นอนว่าทำกับเครือญาติในอนาคตน่าจะดีกว่าแต่ถ้าหากพวกเขาเอาความคิดของความคิดของผู้นำตระกูลซือถูบอกกับนายท่านจูล่ะ?"ผู้นำตระกูลซือถูอยากให้ซือถูไป๋แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถ้าแค่ให้นายท่านจูรู้ว่าผู้นำตระกูลซือถูมีความทะเยอทะยานต่อการดองญาติยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เป้าหมายสูงขนาดนั้น ซือถูไป๋ตอนนี้เองก็ถูกเรียกกลับไปแล้ว ถ้านายท่านจูรู้ การจะให้มาเป็นลูกเขยของเขาก็คงเป็นไปไม่ได้แน่"ฟู่จาวหนิงจับมือเซียวหลันยวนไว้ "คนที่พันธมิตรโอสถใต้หล้าส่งไปถ้าแค่เจรจากับเขาดีดี จะต้องทำการค้าครั้งนี้สำเร็จแน่"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ตอนที่จำเป็นก็สามารถเปิดเผยออกมาได้ วัตถุดิบยาชุดนี้จะส่งมาที่เมืองเจ้อ เมืองเจ้อตอนนี้มีโรคระบาดอยู่ พี่สาวน้องสาวของนายท่านจูกับลูกสาวตอนนี้ก็อยู่ที่นี่ แล้วยังเกี่ยว
ฮูหยินโหยวป้าของนางหลังจากรู้เรื่องที่นางทำ ก็เกือบจะให้นางต้องนั่งคุกเข่าสำนึกผิดแต่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยังกล่อมนางไม่ได้ ฮูหยินโหยวต่อให้จะดุด่านางอย่างไร ก็ยังแก้ไขความคิดของจูเฉียนเฉี่ยนไม่ได้ฮูหยินโหยวรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังขึ้นมา"ข้าเองก็เคยเห็นคุณชายฟู่แล้ว เขาดูเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ อ่อนโยนมีมารยาท แล้วยังมีความรู้อีก ถ้าหากเขาอายุยังน้อย แล้วยังไม่แต่งงาน นั่นก็คู่ควรกับเจ้าอย่างเหลือเฟือ แต่พวกเจ้าไม่ได้เกิดมาในช่วงเวลาเดียวกัน! เขามีภรรยามีลูกสาวแล้ว ความรักต่อภรรยาคนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันหมด ว่าเป็นสิ่งที่ความเป็นความตายพรากจากกันไม่ได้""แล้วก็ ลูกสาวของเขาก็เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าคิดจะไปเป็นแม่คนที่สองของพระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนฟังแล้วก็ไม่ค่อยยินยอมนัก"ข้าไม่ดีตรงไหนกัน? ทำไมถึงจะไม่คู่ควร? ท่านป้าคงจะลืมไปแล้ว ถ้าหากตงฉิงไม่ล่มสลายไป ท่านเองก็เป็นถึงรุ่นหลังขุนนางของตงฉิงเลยนะ ท่านย่าก็พูดแล้ว ว่าตระกูลจูแห่งตงฉิงในตอนนั้นเป็นถึง...""เจ้าหุบปากไปเลย! จูเฉียนเฉี่ยน เจ้ากังวลจนบ้าไปแล้วหรือ? ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่เจ้
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ