ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพาจูเฉียนเฉี่ยนกลับมาจวนแล้วส่งให้ฮูหยิน ส่วนตนเองก็รีบกลับไปหาฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงได้ยินแล้วก็รู้สึกเกินคาด"ท่านบอกว่า ตระกูลจูปลูกไร่ยามาตลอดหลายปีนี้หรือ?""ใช่!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตื่นเต้นมาก "ข้าน้อยเพิ่งจะถามจากเฉียนเฉี่ยนเมื่อครู่ นางเอารายการชุดหนึ่งออกมา เป็นชนิดวัตถุดิบยาที่ไร่ยาตระกูลจูเก็บเกี่ยวมาในช่วงสองปีนี้"เขารีบเอารายการนั้นออกมา ยื่นส่งไปให้ฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเหลือบมองผาดหนึ่ง ในนี้มีวัตถุดิบยาหลายชนิดที่นางต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นบนรายการยังเขียนจำนวนที่เก็บไว้ในคลังของพวกเขาตอนนี้อย่างชัดเจน ปริมาณไม่น้อยเลย!"วัตถุดิบยาเหล่านี้ของตระกูลจู พวกเราต้องการมัน"ฟู่จาวหนิงพูดกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตรงๆ"ตระกูลจูเดิมทีจะจัดการวัตถุดิบยาเหล่านี้อย่างไร?" เซียวหลันยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงถามขึ้น"เดิมทีนำมาขายให้กับพันธมิตรโอสถใต้หล้าหรือไม่ก็โรงยาทงฝู แต่คนของพันธมิตรโอสถยังไม่ได้ไปที่ตระกูลจู แต่คุณชายซือถูคนนั้นของโรงยาทงฝูมีติดต่อกับตระกูลจูไว้แล้ว"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพูดถึงจุดนี้ จู่ๆ ก็คิดออกถึงรายละเอียดหนึ่ง"ผู้เฒ่าจูอัน
นี่คือเงื่อนไขของจูเฉียนเฉี่ยนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวไม่รู้จะรับอย่างไร แต่ความจริงเป็นเช่นนี้จูเฉียนเฉี่ยนคิดจะใช้วัตถุดิบยาตระกูลจูเหล่านั้น มาช่วงชิงโอกาสที่จะได้อยู่ข้างกายฟู่จิ้นเชินนางรู้อยู่แล้วว่าบังคับไม่ได้ ดังนั้นจึงแค่อยากได้เวลาสองสามวันที่จะอยู่ด้วยกัน ไม่กล้าพูดเงื่อนไขให้ฟู่จิ้นเชินมาแต่งงานกับนาง"นางนี่ใจกล้าไม่เบา"น้ำเสียงที่พูดคำนี้ของเซียวหลันยวนค่อนข้างเย็นเยียบผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าถ้าเฉียนเฉี่ยนยังอยู่ที่นี่ ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะตบนางคว่ำไปเลยก็ได้"ข้าเองก็เตือนนางแล้ว...""ดูท่าคำเตือนของเจ้ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด" เซียวหลันยวนเยาะเย้ยขึ้นมา น้ำสเียงของเขาทั้งเย็นทั้งเยียบ "ถ้าข้าต้องการวัตถุดิบยาของตระกูลจู จะมีช่องให้นางมาเสนอเงื่อนไขรึ?"ช่างน่าขันฟู่จาวหนิงฟังอารมณ์โกรธของเขาออก ยื่นมือไปทาบบนหลังมือเขาแทบจะในทันที เซียวหลันยวนพลิกมือมาจับมือนางไว้ ถูกการกระทำเล็กๆ ของนางมาปลอบเช่นนี้ ก็เหมือนไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นแล้วฟู่จาวหนิงไม่อยากให้เรื่องราวต้องทำให้เขาลำบากใจ ถ้าหากเขาใช้อำนาจกดดันตระกูลจู นั่นก็คงบีบเอาวัตถุดิบย
ความคิดของฟู่จาวหนิง ก็คือทางนี้ถ่วงเวลาจูเฉียนเฉี่ยนไว้ก่อน ส่วนทางนั้นพันธมิตรโอสถใต้หล้าจะไปเจรจาการค้าวัตถุดิบยากับตระกูลจูให้เสร็จสิ้นตระกูลจู เดิมทีคิดจะเอาวัตถุดิบยาขายให้กับพันธมิตรใต้หล้ากับโรงยาทงฝูอยู่แล้วเดิมทีอาจจะเอนเอียงไปทางโรงยาทงฝูหน่อย เพราะตระกูลจูอยากจะดองญาติกับซือถู ธุรกิจนั้นแน่นอนว่าทำกับเครือญาติในอนาคตน่าจะดีกว่าแต่ถ้าหากพวกเขาเอาความคิดของความคิดของผู้นำตระกูลซือถูบอกกับนายท่านจูล่ะ?"ผู้นำตระกูลซือถูอยากให้ซือถูไป๋แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถ้าแค่ให้นายท่านจูรู้ว่าผู้นำตระกูลซือถูมีความทะเยอทะยานต่อการดองญาติยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เป้าหมายสูงขนาดนั้น ซือถูไป๋ตอนนี้เองก็ถูกเรียกกลับไปแล้ว ถ้านายท่านจูรู้ การจะให้มาเป็นลูกเขยของเขาก็คงเป็นไปไม่ได้แน่"ฟู่จาวหนิงจับมือเซียวหลันยวนไว้ "คนที่พันธมิตรโอสถใต้หล้าส่งไปถ้าแค่เจรจากับเขาดีดี จะต้องทำการค้าครั้งนี้สำเร็จแน่"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ตอนที่จำเป็นก็สามารถเปิดเผยออกมาได้ วัตถุดิบยาชุดนี้จะส่งมาที่เมืองเจ้อ เมืองเจ้อตอนนี้มีโรคระบาดอยู่ พี่สาวน้องสาวของนายท่านจูกับลูกสาวตอนนี้ก็อยู่ที่นี่ แล้วยังเกี่ยว
ฮูหยินโหยวป้าของนางหลังจากรู้เรื่องที่นางทำ ก็เกือบจะให้นางต้องนั่งคุกเข่าสำนึกผิดแต่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยังกล่อมนางไม่ได้ ฮูหยินโหยวต่อให้จะดุด่านางอย่างไร ก็ยังแก้ไขความคิดของจูเฉียนเฉี่ยนไม่ได้ฮูหยินโหยวรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังขึ้นมา"ข้าเองก็เคยเห็นคุณชายฟู่แล้ว เขาดูเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ อ่อนโยนมีมารยาท แล้วยังมีความรู้อีก ถ้าหากเขาอายุยังน้อย แล้วยังไม่แต่งงาน นั่นก็คู่ควรกับเจ้าอย่างเหลือเฟือ แต่พวกเจ้าไม่ได้เกิดมาในช่วงเวลาเดียวกัน! เขามีภรรยามีลูกสาวแล้ว ความรักต่อภรรยาคนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันหมด ว่าเป็นสิ่งที่ความเป็นความตายพรากจากกันไม่ได้""แล้วก็ ลูกสาวของเขาก็เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าคิดจะไปเป็นแม่คนที่สองของพระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนฟังแล้วก็ไม่ค่อยยินยอมนัก"ข้าไม่ดีตรงไหนกัน? ทำไมถึงจะไม่คู่ควร? ท่านป้าคงจะลืมไปแล้ว ถ้าหากตงฉิงไม่ล่มสลายไป ท่านเองก็เป็นถึงรุ่นหลังขุนนางของตงฉิงเลยนะ ท่านย่าก็พูดแล้ว ว่าตระกูลจูแห่งตงฉิงในตอนนั้นเป็นถึง...""เจ้าหุบปากไปเลย! จูเฉียนเฉี่ยน เจ้ากังวลจนบ้าไปแล้วหรือ? ตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่เจ้
ข้อมูลที่จูเฉียนเฉี่ยนพูดออกมา สำหรับฮูหยินโหยวแล้วเป็นเรื่องน่าตกตะลึงมากอันที่จริงหลายปีนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะโหยวจางเหวินดีกับตนเองมาก คอยปกป้องนางอยู่ตลอดเวลา นางอยู่ในตระกูลโหยวก็มักถูกคนดูหมิ่นอยู่บ่อยๆโหยวจางเหวินเองก็ถือว่ามาจากตระกูลนักปราชญ์ ตระกูลค่อนข้างใหญ่ มีความหยิ่งทะนงองอาจ และนางก็ไปรู้จักโหยวจางเหวินตอนที่ออกท่องศึกษา ในบ้านมีเงินทอง แต่ก็ยังทำให้ตระกูลโหยวรู้สึกดูถูกอยู่ตระกูลโหยวให้ความสำคัญกับตัวตนฐานะตระกูลจูเองก็เหมือนจะมาทีหลัง เป็นครอบครัวเล็กๆ ไร้ชื่อสเียง เป็นเพราะท่านผู้เฒ่าจูแต่งงานกับภรรยาที่มีความสามารถและมั่งคั่งโหยวจางเหวินหลายปีนี้อันที่จริงก็แบกรับปัญหาเรื่องครอบครัวของนางอยู่ไม่น้อยเลยบางครั้งที่ตระกูลเกิดเรื่องอะไร บ้านฝ่ายหญิงของนางช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ก่อนหน้าที่โหยวจางเหวินจะถูกย้ายมายังเมืองเจ้อ ก็เกือบจะถูกเนรเทศไปอยู่ยังที่ยากจนห่างไกลแล้ว นางเองก็ช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่น้อยตอนท้ายตระกูลอันออกโรงจัดการให้เขา โยกย้ายมายังเมืองเจ้อฮูหยินโหยวเองก็อยากให้ตัวเองมีตัวตนฐานะที่ดีเหมือนกันคำพูดเหล่านั้นที่จูเฉียนเฉี่ยนพูดออกมาเมื่อครู่ ท
"หมอฟู่เป็นคนแบบไหนกัน?""ทำไมจู่ๆ ถึงถามถึงหมอฟู่ขึ้นมาล่ะ? นางเป็นคนที่มีฉลาดและมีความสามารถสุดๆ แน่นอน" ฮูหยินโหยวมีความประทับใจที่ดีมากต่อตัวฟู่จาวหนิงถ้าไม่ใช่นางเข้ามา พวกเขาอาจจะต้องรับกรรมไปเต็มๆ ผู้ประสบภัยกับคนป่วยมากขนาดนี้ ไม่มีหมอไม่มีวัตถุดิบยา คงจะตายกันไปไม่น้อยเลยเช่นนั้นนายท่านของบ้านนางคงจะรักษาตำแหน่งราชการนี้ไว้ไม่ได้แล้ว หัวก็อาจจะถูกตัดด้วยองค์จักรพรรดิไม่พิจารณาถึงความยากลำบากที่แท้จริงด้วย ถึงอย่างไรขอแค่เกิดผลลัพธ์แย่ๆ ก็จะหาคนมาถามหาความรับผิดชอบทันทีดังนั้น ฟู่จาวหนิงจึงถือเป็นผู้มีบุญคุณต่อครอบครัวพวกเขาเลยก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินก็เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลจู เท่ากับว่าพ่อลูกคู่นั้นช่วยพวกเขาเอาไว้"ข้ารู้ว่านางมีความสามารถ ข้าเองก็นับถือนางและชอบนางเช่นกัน แต่นางเดิมทีก็ทำอะไรเด็ดขาด แล้วยังเป็นคนที่ทำอะไรน่าตกใจอีกด้วย! ท่านคิดดู นางสามารถถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียว จากนั้นก็หันไปเลือกสามีใหม่ได้ในวันแต่งงาน เรื่องแบบนี้ถ้าลือออกไป จะไม่มีใครบอกว่านางหน้าด้านหรือ?""นี่ก็..."ตอนนั้นฟู่จาวหนิงแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร ฮูหยินโหยวเองก็เคยได้ยินมา
"ตระกูลจูเหมือนมีเรื่องด่วนอะไรบางอย่าง คิดจะจัดการวัตถุดิบยาชุดนี้พอดี ดังนั้นแม้จะเจรจายาก แต่พี่ชายข้าก็จับความคิดนี้ของพวกเขาได้ แล้วเจรจาซื้อขายจนสำเร็จ ราคาถูกลงมาสามส่วน"น้อยลงมาสามส่วนถือว่าไม่น้อยแล้ว พวกเขาใช้ราคาที่พันธมิตรโอสถรับยากจากเกษตกรมาคำนวณพันธมิตรโอสถถ้าขายวัตถุดิบยาออกไปล่ะก็จะต้องเพิ่มราคาขึ้นมาอีกหน่อยหนึ่ง พอไปถึงร้านขายยาหรือมือหมอ ก็จะขายให้กับผู้ป่วย มันจึงยิ่งแพงขึ้นไปอีกดังนั้นตอนนี้ พวกเขาบอกว่าลดลงไปสามส่วน ราคาถือว่าต่ำมากนี่ทำให้ต่งฮ่วนจือเบิกบานมาก เพราะเดิมทีฟู่จาวหนิงก็พูดไว้แล้ว ยังไม่ต้องสนเรื่องราคา เอาแค่ได้ราคาใกล้เคียงตอนที่พวกเขารับยามาก็พอแล้วต่งฮ่วนจือเดิมทีคิดว่าลดลงมาได้สักส่วนหนึ่งก็ถือว่ายอดแล้ว น่าจะพอมารายงานกับฟู่จาวหนิงได้ คิดไม่ถึงว่าพี่น้องสองคนนี้จะทำให้เขาตกใจ"แล้ววัตถุดิบยาล่ะ?""ยังอยู่ด้านหลัง พวกเราจึงแยกกันเข้ามาก่อน มาดูว่าที่นี่อยู่ในขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง"วัตถุดิบยาของตระกูลจูนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ ยิ่งไปวก่านั้นคุณภาพวัตถุดิบยาก็ยังดีมาก้ดวย เกินกว่าที่พวกเราคาดไว้เสียอีกต่งฮ่วนจือรีบเรียกเสี่ยวเยว่เข้ามา
"ใช่แล้ว ผู้จัดการใหญ่ต่งให้ข้ารีบมาบอกท่าน""คนล่ะ?""อยู่ที่โถงหน้า"ฟู่จาวหนิงวางพู่กันลงทันที นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่นางให้ความสำคัญที่สุดในช่วงนี้ จะอย่างไรก็ต้องรีบไปดูเสียหน่อยตอนที่นางมาถึงโถงหน้า ก็เห็นพี่น้องสกุลหลิว จากนั้นจึงเห็นวัตถุดิบยาที่ถูกขนเข้ามา แล้วจึงตรงเข้าไปตรวจสอบวัตถุดิบยาเหล่านั้นโดยไม่สนอะไรอีก"หวงฉีนี่ทำไมดูแล้วคุณภาพถึงดีขนาดนี้?"ดูอยู่พักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปเพราะวัตถุดิบยาเหล่านี้ คุณภาพค่อนข้างดีเลยคุณภาพของวัตถุดิบยา ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพด้วย นางไม่เคยเห็นคุณภาพที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย!"ศิษย์น้องหญิง รีบมาฟังหลิวซานหลิวไห่พูดเร็ว" ต่งฮ่วนจือเมื่อครู่ดูวัตถุดิบยาไปแล้ว รู้สึกตกตะลึงขึ้นด้วยเช่นกันเดิมทีบอกว่าลดราคามาได้สามส่วน เขาก็รู้สึกว่ายอดมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าวัตถุดิบยาจะมีคุณภาพดีขนาดนี้ตามหลักการแล้ว คุณภาพที่ดีขนาดนี้ไม่มีทางที่จะลดราคาให้ถึงจะถูก กระทั่งยังเพิ่มราคาได้อีกหน่อยด้วยซ้ำ"หลิวซานหลิวไห่คารวะพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ฟู่จาวหนิงมองไปทางพี่น้องคู่นี้ ดูหน้าตาก็ไม่ได้ฉลาดอะไร ออกจะดูซื่อๆ ด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาพอลง
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ