"หมอฟู่เป็นคนแบบไหนกัน?""ทำไมจู่ๆ ถึงถามถึงหมอฟู่ขึ้นมาล่ะ? นางเป็นคนที่มีฉลาดและมีความสามารถสุดๆ แน่นอน" ฮูหยินโหยวมีความประทับใจที่ดีมากต่อตัวฟู่จาวหนิงถ้าไม่ใช่นางเข้ามา พวกเขาอาจจะต้องรับกรรมไปเต็มๆ ผู้ประสบภัยกับคนป่วยมากขนาดนี้ ไม่มีหมอไม่มีวัตถุดิบยา คงจะตายกันไปไม่น้อยเลยเช่นนั้นนายท่านของบ้านนางคงจะรักษาตำแหน่งราชการนี้ไว้ไม่ได้แล้ว หัวก็อาจจะถูกตัดด้วยองค์จักรพรรดิไม่พิจารณาถึงความยากลำบากที่แท้จริงด้วย ถึงอย่างไรขอแค่เกิดผลลัพธ์แย่ๆ ก็จะหาคนมาถามหาความรับผิดชอบทันทีดังนั้น ฟู่จาวหนิงจึงถือเป็นผู้มีบุญคุณต่อครอบครัวพวกเขาเลยก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินก็เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลจู เท่ากับว่าพ่อลูกคู่นั้นช่วยพวกเขาเอาไว้"ข้ารู้ว่านางมีความสามารถ ข้าเองก็นับถือนางและชอบนางเช่นกัน แต่นางเดิมทีก็ทำอะไรเด็ดขาด แล้วยังเป็นคนที่ทำอะไรน่าตกใจอีกด้วย! ท่านคิดดู นางสามารถถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียว จากนั้นก็หันไปเลือกสามีใหม่ได้ในวันแต่งงาน เรื่องแบบนี้ถ้าลือออกไป จะไม่มีใครบอกว่านางหน้าด้านหรือ?""นี่ก็..."ตอนนั้นฟู่จาวหนิงแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร ฮูหยินโหยวเองก็เคยได้ยินมา
"ตระกูลจูเหมือนมีเรื่องด่วนอะไรบางอย่าง คิดจะจัดการวัตถุดิบยาชุดนี้พอดี ดังนั้นแม้จะเจรจายาก แต่พี่ชายข้าก็จับความคิดนี้ของพวกเขาได้ แล้วเจรจาซื้อขายจนสำเร็จ ราคาถูกลงมาสามส่วน"น้อยลงมาสามส่วนถือว่าไม่น้อยแล้ว พวกเขาใช้ราคาที่พันธมิตรโอสถรับยากจากเกษตกรมาคำนวณพันธมิตรโอสถถ้าขายวัตถุดิบยาออกไปล่ะก็จะต้องเพิ่มราคาขึ้นมาอีกหน่อยหนึ่ง พอไปถึงร้านขายยาหรือมือหมอ ก็จะขายให้กับผู้ป่วย มันจึงยิ่งแพงขึ้นไปอีกดังนั้นตอนนี้ พวกเขาบอกว่าลดลงไปสามส่วน ราคาถือว่าต่ำมากนี่ทำให้ต่งฮ่วนจือเบิกบานมาก เพราะเดิมทีฟู่จาวหนิงก็พูดไว้แล้ว ยังไม่ต้องสนเรื่องราคา เอาแค่ได้ราคาใกล้เคียงตอนที่พวกเขารับยามาก็พอแล้วต่งฮ่วนจือเดิมทีคิดว่าลดลงมาได้สักส่วนหนึ่งก็ถือว่ายอดแล้ว น่าจะพอมารายงานกับฟู่จาวหนิงได้ คิดไม่ถึงว่าพี่น้องสองคนนี้จะทำให้เขาตกใจ"แล้ววัตถุดิบยาล่ะ?""ยังอยู่ด้านหลัง พวกเราจึงแยกกันเข้ามาก่อน มาดูว่าที่นี่อยู่ในขั้นวิกฤตแล้วหรือยัง"วัตถุดิบยาของตระกูลจูนั้นไม่น้อยเลยจริงๆ ยิ่งไปวก่านั้นคุณภาพวัตถุดิบยาก็ยังดีมาก้ดวย เกินกว่าที่พวกเราคาดไว้เสียอีกต่งฮ่วนจือรีบเรียกเสี่ยวเยว่เข้ามา
"ใช่แล้ว ผู้จัดการใหญ่ต่งให้ข้ารีบมาบอกท่าน""คนล่ะ?""อยู่ที่โถงหน้า"ฟู่จาวหนิงวางพู่กันลงทันที นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่นางให้ความสำคัญที่สุดในช่วงนี้ จะอย่างไรก็ต้องรีบไปดูเสียหน่อยตอนที่นางมาถึงโถงหน้า ก็เห็นพี่น้องสกุลหลิว จากนั้นจึงเห็นวัตถุดิบยาที่ถูกขนเข้ามา แล้วจึงตรงเข้าไปตรวจสอบวัตถุดิบยาเหล่านั้นโดยไม่สนอะไรอีก"หวงฉีนี่ทำไมดูแล้วคุณภาพถึงดีขนาดนี้?"ดูอยู่พักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปเพราะวัตถุดิบยาเหล่านี้ คุณภาพค่อนข้างดีเลยคุณภาพของวัตถุดิบยา ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพด้วย นางไม่เคยเห็นคุณภาพที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย!"ศิษย์น้องหญิง รีบมาฟังหลิวซานหลิวไห่พูดเร็ว" ต่งฮ่วนจือเมื่อครู่ดูวัตถุดิบยาไปแล้ว รู้สึกตกตะลึงขึ้นด้วยเช่นกันเดิมทีบอกว่าลดราคามาได้สามส่วน เขาก็รู้สึกว่ายอดมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าวัตถุดิบยาจะมีคุณภาพดีขนาดนี้ตามหลักการแล้ว คุณภาพที่ดีขนาดนี้ไม่มีทางที่จะลดราคาให้ถึงจะถูก กระทั่งยังเพิ่มราคาได้อีกหน่อยด้วยซ้ำ"หลิวซานหลิวไห่คารวะพระชายาอ๋องเจวี้ยน"ฟู่จาวหนิงมองไปทางพี่น้องคู่นี้ ดูหน้าตาก็ไม่ได้ฉลาดอะไร ออกจะดูซื่อๆ ด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาพอลง
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจอย่างจนใจ"ให้นางเข้ามาเถอะ"จะเลี่ยงไม่พบตลอดก็ไม่ได้ ในเมื่อซื้อวัตถุดิบยาชุดนี้จากตระกูลจูมา เช่นนั้นก็รักษาซ้ำให้จูเฉียนเฉี่ยนหน่อยก็ไม่น่าเป็นไรนางให้ต่งฮ่วนจือพาพี่น้องตระกูลหลิวไปพักผ่อน ส่วนตนเองนั่งอยู่ที่นี่รอจูเฉียนเฉี่ยนจูเฉียนเฉี่ยนหลังจากเข้ามาก็รีบเดิมมาด้านหน้าฟู่จาวหนิง"หมอฟู่ ทำไมพวกเขาถึงขวางข้าไว้? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกแล้วหรือ? พอพิษที่เหลืออยู่หายไป ก็ให้ข้ามาช่วยที่นี่ได้ ท่านบอกว่าประมาณสามวันก็พอ ตอนนี้ผ่านไปห้าวันแล้ว ก็ยังไม่มีใครไปเรียกข้าเลย"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกน้อยใจเสียแรงที่นางก็เอาแต่รอว่าฟู่จาวหนิงจะส่งคนไปเรียกนางเข้ามา"แม่นางจูรู้สึกว่าข้าว่างนักหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองจูเฉียนเฉี่ยน เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ"หมอฟู่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""เจ้าคิดว่าเจ้าสำคัญ ขนาดที่ข้าต้องมานั่งจำว่าเจ้าจะหายตอนไหน จากนั้นก็ส่งคนไปเชิญเจ้ามาโดยเฉพาะหรือ?""ก็ ก็ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ตอนนั้นก็บอกไว้แล้วนี่ว่าสามวัน...""โอ้ เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย ข้าบอกว่าพิษที่เหลือในตัวเจ้าประมาณสามวันก็หาย แต่ไม่ได้บอกว่าหลังจากสามวันจะไปเ
"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวถ้าได้ยินคำนี้ของเจ้าก็คงจะปลื้มใจมาก"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเรียบเฉย นางไม่มีแนวคิดเรื่องการอ้างทางศีลธรรม ที่รู้สึกว่าคนที่ปลูกวัตถุดิบยาก็ควรจะบริจาคออกมาอย่างให้เปล่าอะไรแบบนั้นแต่คนอย่างจูเฉียนเฉี่ยน หญิงสาวที่เวลาแบบนี้แล้วยังเอาวัตถุดิบยาที่ช่วยเหลือคนได้มากมายมาเจรจาต่อรองกับนาง เพียงเพราะความเห็นแก่ตัว นางเองก็ไม่มีเหตุผลต้องไปชอบแล้วก็ นี่ก็ถือว่าเป็นการช่วยลุงของนางด้วยพวกเขาอ้างทางศีลธรรมไม่ได้ แต่ถ้ามองในเหตุผลความเหมาะสม ในใจผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีนักนี่คือไม่ได้คิดจะช่วยเขาเลยกระมัง?"ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก หลังจากนี้ข้าจะดีกับท่านลุงให้มาก"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกละอายใจหน่อยๆ นางเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี แต่ใครให้ท่านลุงไม่ช่วยนางกันเล่า? นางก็แค่ต้องมาคิดหาวิธีเองไม่ใช่หรือ"จะว่าไป ข้าเองก็เชื่อ ว่าหมอฟู่จะเลือกเช่นนี้ ดังนั้น สุดท้ายวัตถุดิบยาพวกนี้ไม่ใช่ว่าก็ต้องขนย้ายมาที่เมืองเจ้อหรือไรกัน?"พวกเขาเองก็ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายนี่ถ้าหากคุณชายฟู่ถูกความจริงใจของนางทำให้หวั่นไหว แล้วรับนางเป็นอนุได้ก็คงจะดีมาก
"แน่นอนว่าเพราะยาที่แม่นางจูรับไปมันพิเศษไงล่ะ""นี่ท่าน! พวกเจ้าชู้!"จูเฉียนเฉี่ยนเดือดดาล ยกเท้าพัดเตะไปทางหยวนอี้เดิมทีหยวนอี้ก็หลบได้ แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงไม่หลบ จูเฉียนเฉี่ยนเองก็เตะมาไม่เบา ซัดเข้าไปบนหัวเข่าเขา"แม่นาง..." พี่สะใภ้อาเหออยุ่ข้างๆ พอเห็นก็ตกอกตกใจ คิดจะขวาง แต่ก็ขวางไม่อยู่นางเองก็คิดไม่ถึงว่าจูเฉียนเฉี่ยนนึกจะเตะก็เตะออกไปแบบนี้หยวนอี้ถูกเตะจนลงไปกุมหัวเขา สูดปากซี๊ด ดูแล้วน่าจะเจ็บปวดเอาการหลังจูเฉียนเฉี่ยนเตะไปก็รู้สึกละอายขึ้นมา นางเตะแล้วยังเจ็บเลย อีกฝ่ายคงไม่พิการหรอกใช่ไหม?"ให้ใครท่านหน้าไม่อายแบบนี้! พี่สะใภ้อาเหอ พวกเรารีบไปเถอะ!"จูเฉียนเฉี่ยนเองก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่นาน รีบดึงพี่สะใภ้อาเหอออกเดินตอนที่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าพวกนางแล้ว หยวนอี้จึงค่อยๆ ประคองกำแพงลุกขึ้นยืน ถอนหายใจออกมา"นิสัยนี้ก็ห่ามเหลือเกิน" เขาทอดถอนใจมาคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับตัวเอง "ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าก็มีเหตุผลไปหาพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้ดูขาให้แล้วสิ?"หยวนอี้กะเผลกๆ ไปหาฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าเขาถูกจูเฉียนเฉี่ยนเตะ ก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน"แล้วสองคนนี้ไปเจอกัน
เฉินเซียงป่วยมานานแล้ว ทั้งเนื้อตัวดูหม่นไปหมด"จริงหรือ?""จริงเจ้าค่ะ! ครั้งนี้พวกเราจะพลาดโอกาสไม่ได้แล้ว!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว ข้าจะหาโอกาสไปคุยกับเขา"นางเองก็ต้องหาโอกาสฟู่จาวหนิงมาตรงหน้าหยวนอี้"ได้ยินว่าคุณชายหยวนอี้ไปยั่วโมโหแม่นางจูเข้าหรือ?""ไม่ถือว่ายั่วโมโหกระมัง ข้าแค่ถามนางไม่กี่คำ" หยวนอี้ส่ายหัวอย่างจนใจ "ข้าว่าแม่นางจูกล้าหาญเด็ดเดี่ยว คิดว่านางจะไม่ใส่ใจปัญหาพวกนั้นเสียอีก คิดไม่ถึงว่านางก็ยังเป็นหญิงสาวอยู่...""ท่านเองก็รู้ว่านางเป็นหญิงาสว แล้วทำไมยังไปถามคำถามวอนโดนอัดแบบนั้นอีกล่ะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเดี๋ยวค่อยตำหนิข้าเถอะ ช่วยข้าดูหัวเข่าก่อนได้ไหม? นางถีบเข้ามาเต็มแรง เจ็บจริงๆ ตอนนี้ยังยืนไม่ตรงเลย"หยวนอี้พูดแล้วก็นั่งลงข้างๆ รั้ว เตรียมจะเลิกชายเสื้อขึ้นเขาที่นั่งอยู่สูงกว่า พอเลิกชายเสื้อขึ้น ถ้าจะให้ฟู่จาวหนิงตรวจสอบหัวเข่า ฟู่จาวหนิงก็คงต้องนั่งยองลงข้างๆ ขาเขาฟู่จาวหนิงยังไม่ทันทำอะไร ข้างๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเสียงอ๋องเจวี้ยนดังเยียบเย็น "ข้าช่วยเจ้าดูได้นะ"พูดจบ ในมือเขาที่ไม่รู้หยิบหินก้อน
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้สนใจหยวนอี้อีก หมุนตัวเดินเข้าไปในเรือนนางกังวลหน่อยๆ ไม่รู้เมื่อกี้เข้ามารายงานด่วนเรื่องอะไร แต่ที่ทำให้เซียวหลันยวนรีบออกไปได้ จะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ตอนนี้เรื่องมากเกินไปแล้ว ถ้ายังมีเรื่องอะไรมาอีก นางเองก็แบ่งร่างไม่ไหวแล้ว แล้วก็กังวลว่าเซียวหลันยวนจะเหนื่อยเกินไป"จาวหนิง รีบเข้ามาเร็ว ที่นี่มีคนป่วยกระตุกทั้งตัวจนนิ้วเริ่มม่วงแล้ว"เสียงฟู่จิ้นเชินดังขึ้นอย่างเร่งร้อนฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี รีบเดินเข้าไปคนป่วยคนนั้นเพิ่งจะส่งมาไม่ถึงสองวัน ประชาชนจากเมืองเจ้อ เดิมทีร่างกายก็อ่อนแอ ครั้งนี้บอกว่าตนเองป่วยอยู่ในบ้านมาหลายวัน พอครอบครัวพบก็รีบส่งตัวเขาเข้ามา สถานการณ์เดิมทีก็หนักอยู่แล้วดังนั้นที่นี่แม้จะที่ทางไม่พอ แต่ฟู่จาวหนิงก็พยายามเว้นที่เพื่อรับเขาเข้ามาหลังจากฟู่จาวหนิงเข้าไปตรวจสอบ สถานการณ์ก็วิกฤติ อุณภูมิร่างกายเขาสูงมาก นิ้วมือหงิกงอจนม่วง ร่างกายชักกระตุกคนป่วยอื่นๆ ล้วนล้อมมุง พูดกันไปต่างๆ นานา คนที่มือไม้เป็นระวิงทำอะไรไม่ถูกก็มี ส่วนใหญ่ล้วนมีสีหน้าหวาดกลัวปกติพอเห็นสภาพป่วยเช่นนี้ คงจะช่วยเหลือไม่ได้แล้วคนที่ขี้ขลาดหน่อ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ