"ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอที่นี่ ต้องเตรียมของกินให้พวกเขาหน่อยสิ? ป่านนี้แล้ว คงหิวกันแย่"ฮูหยินเฉิงรู้สึกเป็นไปได้ที่ฟู่จาวหนิงจงใจดึงเซียวหลันยวนออกไป ไม่อยากให้เขามาเจอพวกนางด้วยเหตุนี้จึงพาเซียวหลันยวนไปปีนเนินเขา โดยไม่สนใจสุขภาพของเขา โคลงเคลงอยู่ตั้งนานสองนาน เขาไม่ควรพักผ่อนเสียหน่อยหรือ?"จุดไฟเตรียมกันแล้ว ฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่โปรดรอสักครู่" ชิงอีเอ่ยขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกัดริมฝีปากล่าง ยังต้องให้สาวใช้วังประคองนางเดินห่างออกไปหน่อยเพื่อจัดแจงธุระส่วนตัวตอนที่กลับมานางก็มองไปทางเนินลาดนั้น แต่ก็ไม่เห็นแผ่นหลังเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินไปถึงไหนแล้วนางกลับไม่รู้ ว่าพอพ้นเนินลาดนี้ไป เดินลงไปด้านหลังมีทิวทัศน์อันงดงามอยู่ภาพหนึ่งหญ้าสีเขียวเขียวขจีหนาแน่น ตรงกลางยังมีดอกไม้ป่าหลากสีสันแซมอยู่ ดอกไม้บานอ่อนช้อยดูอิสระเสรี เบ่งบานสะพรั่งเป็นผืนกว้างราวกับพรมดอกไม้สวยสดช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจริงๆด้านในผืนดอกไม้ป่านี้ยังมีบึงน้ำเล็กๆ อยู่อีก รอบบึงยังมีพุ่มดอกไม้ป่าที่สูงใหญ่กว่าขึ้นอยู่ พอแสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามา ที่นั่นจึงดูเหมือนกร
ฟู่จาวหนิงสงสัย ซือถูไป๋เดิมทีก็อยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงอยู่แล้ว"พูดถึงเรื่องนี้ ข้าเองก็ได้ยินมาแล้ว ยินดีด้วยคุณชายซือถู" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นไม่ว่าหยวนอี้มีเหตุผลอะไรถึงส่งสิ่งนี้ให้ซือถูไป๋ ที่คนนอกมองเห็นคือการตบฉาดเข้าที่หน้าของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถือว่าโรงยาทงฝูชนะไปก้าวหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังทำให้ซือถูไป๋ได้รับการให้ความสำคัญจากผู้นำตระกูลด้วยสำหรับซือถูไป๋ก็ถือเป็นเรื่องดีจริงๆ ดังนั้นที่ฟู่จาวหนิงยินดีกับเขาก็เป็นเรื่องปกติแต่พอได้ยินฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ เซียวหลันยวนกลับรู้สึกหึงหวงหน่อยๆซือถูไป๋ปีที่แล้วยังคิดไม่ซื่อกับฟู่จาวหนิงอยู่เลย เขามักรู้สึกว่าถ้าแค่ตนเองเผลอนิดเดียว ซือถูไป๋ก็จะฉวยโอกาสทันทีทำให้ฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ได้ นี่มันก็อธิบายว่าซือถูไปจะมากน้อยก็ถือว่ามีความได้เปรียบ หรือมีเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็ดึงดูดความสนใจของฟู่จาวหนิงมาได้เหมือนกันความสนใจจุดนี้ ทำให้ในใจเซียวหลันยวนขุ่นเคืองขึ้นมา"ขอบคุณพระชายา"ซือถูไป๋เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง เป็นชายหนุ่มเหมือนกัน แม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของอ๋องเจวี้ยน แต่เขาจะไม่
ยังมีท่าทางสง่างามของอ๋องเจวี้ยนอยู่เสียที่ไหนกัน?"ศัตรูหัวใจ?"เซียวหลันยวนครุ่นคิดถึงคำนี้ จากนั้นก็หัวเราะเฮอะขึ้นมา ไม่ชอบใจเอามากๆ"เขาเป็นไม่ไหวหรอก"ถ้ามาคิดอย่างละเอียด ต่อให้ไม่มีเขา ฟู่จาวหนิงก็อาจจะไม่เลือกซือถูไป๋ก็ได้เพราะอะไรกัน?แน่นอนว่าเพราะซือถูไป๋ไม่ได้เด็ดขาดเหมือนเขา กับองค์จักรพรรดิเอง เขาก็ยังกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ แต่ซือถูไป๋ล่ะ? ขนาดผู้นำตระกูลซือถูเองก็ยังมาคอยกำหนดเรื่องสำคัญในชีวิตของเขาได้"หนิงหนิง ข้าจะบอกเจ้าให้ คนอย่างซือถูไป๋ที่อายุยี่สิบกว่าแต่ก็ยังเป็นนายตัวเองไม่ได้ ไม่มีอนาคตหรอก"เขาบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ"เชอะ ท่านเองก็พอได้แล้ว เรื่องแค่นี้ก็ตัดสินอนาคตคนอื่นไปเสียแล้ว"อะไรคือไม่มีอนาคตกัน?อายุยี่สิบกว่า ยังหนุ่มอยู่มาก อนาคตยังอีกกว้างไกลไร้ขีดจำกัดเถอะฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนที่ตัดสินคนง่ายๆแต่เหมือนอ๋องเจวี้ยนจะไม่ได้ใจกว้างแบบนั้น"ท่านอ๋อง พระชายา มากินข้าวกลางวันกันไหม?" ก็ได้ยินเสียงชิงอีตะโกนเข้ามาตามลม"กินสิ หิวแล้ว ไปกินข้าวกัน" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วก็เดนินำกลับไปก่อน"ไปเดี๋ยวนี้"เซียวหลันยวนยังไม่ขยับฟู่จาวหนิง
"แล้วมันไม่ควรหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำท่าทางเหมือนสับสนมากมองออกว่านางรู้สึกจริงๆ ว่าต้องรอเซียวหลันยวนกลับมากินด้วยกันจึงจะถูก"ความเร็วในการกินข้าวของพวกท่าน ไม่เหมือนกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังอยู่กลางป่ากลางเขาด้วย อยู่ระหว่างเดินทาง ของที่ต้มเสร็จแล้วก็ต้องรีบกิน ไม่มีความจำเป็นต้องมารอให้ครบคน ใครก็ไม่รุ้ทั้งนั้นว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้น" ฟู่จาวหนิงอธิบายออกมาอย่างอดทนถึงอย่างไรก็ตัดสินใจเดินทางมาด้วยกันแล้ว ยังต้องเดินทางด้วยกันอีกระยะหนึ่ง พูดให้ชัดเจนไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งพูดทุกวันหลังจากนี้"แต่ว่า...""ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น กินไปเถอะ" ฟู่จาวหนิงตัดบทองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอธิบายรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าต้องมาอธิบายตลอด นางเองก็ทำไม่ได้หรอกถึงอย่างไรนางก็ยกชามขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว"ท่านน้าเฉิง..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นฟู่จาวหนิงกินอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก็อดมองไปทางฮูหยินเฉิงไม่ได้"พวกเรารอก่อน" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้นในฐานะที่นางเป็นผู้อาวุโส เรื่องจะกินก่อนที่เซียวหลันยวนจะกลับมานางยิ่งทำไม่ได้เลยถ้าเผื่ออีกเดี๋ยวเซียวหลันยวนไม่พอกิน นางก็ย
ฮูหยินเฉิงไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมนี้นักโดยเฉพาะที่ฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ยังพูดว่า คนยังอยู่ระหว่างเดินทาง อยู่กลางทาง ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึน กินข้าวได้ก็รีบๆ กินไปก่อนเสียผลลัพธ์คือตอนที่นางพูดให้รีบกินข้าว เซียวหลันยวนที่เป็นถึงท่านอ๋องกลับไปเด็ดดอกไม้มาให้นางอยู่ช่อดอกไม้ป่านั่น วางไว้บนรถม้าจะได้สักกี่วัน? จะว่าไป ข้างทางก็ยังมีดอกไม้ป่าอีกตั้งมากมายนี่? แค่มองก็พอแล้ว ต้องเด็ดมาแบบนี้ด้วยว่างกันเสียจริง"ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ค่อยหิวมาก"ชิงอีตักน้ำมาให้เขาล้างมือ จากนั้นก็ไปตักข้าวต้มให้เขาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นเสี่ยวเยว่เอาดอกไม้ช่อนั้นไปที่รถม้า ไม่นานนักก็หยิบแจกันใบหนึ่งออกมาใส่น้ำ ความอิจฉาในดวงตาแทบจะทะลักออกมาแล้วนางอิจฉามากจริงๆ!ฮูหยินเฉิงอาจจะไม่มีอารมณ์ชวนฝันแบบนี้ แต่นางมีนี่นาก่อนหน้านี้เรื่องราวมากมายที่ได้ยินหรือเห็นมา ก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนดีกับฟู่จาวหนิงแค่ไหน แม้ว่านางจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสะเทือนใจขนาดนั้นแต่เมื่อครู่ที่เห็นอ๋องเจวี้ยนส่งดอกไม้ช่อนี้ให้ฟู่จาวหนิงกับมือ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงชายหนุ่มสูงส่งเย็
หลายหมื่นตำลึงก่อนหน้านี้ที่จ่ายแทนฮูหยินเฉิง ฟู่จาวหนิงก็กลัวว่าเขาจะไม่มีเงินแล้วแต่เขาก็ไม่ได้จนขนาดนั้น"ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้หนิงหนิงไม่เป็นหมอ แค่จะดูแลเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกินนั้นไม่มีปัญหาอยู่""เช่นนั้นก็ดี ของพวกนี้ข้าก็ส่งให้พ่อข้าแล้วกันนะ แต่ว่า ข้าเองก็หาเงินได้นะ หากท่านต้องการเงินจริงๆ ข้าก็หาให้ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ข้ากล้าดูถูกหมอเทวดาเสียที่ไหน? เจ้ารู้ไหมว่ายาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจของเจ้า เม็ดนึงมันขายได้ตั้งเท่าไร?"เซียวหลันยวนเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงขัดสนด้วยวิชาแพทย์ของนาง ทั้งชาตินี้นางไม่มีวันขัดสนแน่นอนดังนั้น สามีภรรยาทั้งสองอย่างพวกเขาก็เป็นเศรษฐีต่อไปเถอะฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนั่งอยู่ข้างๆ ส่งสายตาเข้ามาเป็นระยะพอเห็นว่าเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงตอนที่กินยังตัวชิดติดกันขนาดนั้น เอาแต่กระซิบกระซาบกันไม่หยุด ทั้งสองคนรู้สึกขัดหูขัดตามาก"อายวน ลมแรงขึ้นมาแล้ว รีบกินเถอะ กินเสร็จจะได้รีบเดินทาง" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว"ท่านน้าเฉิงกินเสร็จแล้วหรือ?" เซียวหลันยวนเห็นว่านางวางชามลงแล้วลวี่กั่วที่อยู่ข้างๆ ยังกินอยู่เลย
แต่ไม่ว่าฮูหยินเฉิงจะมีความเห็นแค่ไหน เส้นทางถัดจากนี้ โอกาสที่พวกนางจะได้คุยกับเซียวหลันยวนก็มีน้อยถึงน้อยมากบางครั้งขบวนเพิ่งสั่งพัก ตอนที่พวกนางลงจากรถม้า ก็รู้ว่าเซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงไปหาน้ำใกล้ๆ แล้วบอกว่าหาน้ำ อันที่จริงคือสองสามีภรรยาแค่เลี่ยงคนมากๆ หนีออกไปเที่ยวเล่นต่างหากบางครั้งพวกเขาจะเอาผลไม้ป่ากลับมาหลายพวง บางครั้งก็หอบดอกไม้ป่ากลับมาช่อหนึ่ง บางครั้งยังหิ้วปลากลับมาอีกหลายตัวถึงอย่างไรคนอื่นอาจไม่รู้ แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองออกว่าฟู่จาวหนิงดีอกดีใจมาก เพราะทุกครั้งที่กลับมานางก็จะยิ้มละไม ดวงตาเป็นประกายนั่นคือหญิงสาวที่ถูกรักคนหนึ่งแล้วมีอยู่สองครั้ง ที่นางกระทั่งถูกเซียวหลันยวนแบกกลับมาบอกว่าไปนั่งตกแดดอยู่บนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วง่วงจนหลับไป เซียวหลันยวนไม่อยากปลุกนาง ดังนั้นจึงแบกนางกลับมาพอเข้าเมือง ตอนเข้าพักในโรงเตี๊ยม ห้องของสองสามีภรรยาก็อยู่ห่างจากพวกเขาไปไกลลิบ พอเข้าห้องก็ไม่ออกมาอีกเลยแต่ว่า มีอสองครั้งที่พวกเขาออกไปเดินเที่ยวบนถนนยามค่ำคืน ตอนที่กลับมาก็หอบของกินเล่นกลับมาหลายห่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะอย่างไรก็กินไม่ค่อยลง แต่พวกเสี่ยวเ
เมืองเล็กที่ชื่อจื่อซวีแห่งนี้มีลักษณะกระจายตัวเป็นอักษร 品ด้านหน้าส่วนใหญ่เป็นร้านค้าและตลาด และยังมีคนที่คอยดูแลรถม้าให้อาหารม้าโดยเฉพาะอีกด้วย พื้นที่ก็ไม่เล็กเลย ค่อนข้างคึกคักทีเดียว พอเห็นรถม้าหลากหลายรูปแบบและผู้คนที่เดินไปเดินมา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าแปลกใหม่ดี"ท่านน้าเฉิง ระหว่างทางท่านบอกอยู่ตลอดว่าเป็นเมืองเล็กๆ ข้าก็คิดว่าจะเล็กมากๆ คิดไม่ถึงว่าจะคึกคักขนาดนี้"โดยเฉพาะฮูหยินเฉิงยังบอกนางอีกว่า ตลาดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเมืองเล็กนี้ ส่วนที่พักของคนยังอยู่ด้านหลัง"สถานที่นี้เดิมทีก็ไม่ได้คึกคักขนาดนี้ หลายสิบปีมานี้ ยอดเขาโยวชิงค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้น คนก็แวะมามากขึ้น นอกจากนี้ ถนนที่ลอดใต้ยอดเขาโยวชิงเองก็ถูกขยายออกมาแล้ว คนที่สัญจรไปมาก็มากขึ้น พอมาถึงจื่อซวีก็เป็นจุดพักที่เหมาะเหม็งพอดี""ลอดยอดเขาโยวชิงออกไปที่ใดหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถามฮูหยินเฉิงยิ้มๆ ตอบว่า "ไปถึงสถานที่หนึ่งที่ชื่อว่าโป๋ไห่ โป๋ไห่ทางนั้นหลายปีนี้ก็คึกคักขึ้นมาเช่นกัน มีการซื้อขายของทะเลบางอย่างที่นั่น ดังนั้นพวกนักชิมบางคนจึงไปที่เมืองโป๋ไห่ ที่นั่นสามารถได้กินอาหารทะเลที่สถานที่อื่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ