ประโยคนี้ของเจ้าอารามเต็มไปด้วยความเศร้าใจ"จู่ๆ เจ้าก็แต่งงานกับอายวน เรื่องนี้ไม่ให้ใครได้ขบคิดพิจารณาเลย ก่อนที่คนทั้งหมดจะตั้งตัวได้ พวกเจ้าก็แต่งงานกันแล้ว"เจ้าอารามคิดถึงปฏิกิริยาของตนเองตอนนั้นที่รู้เรื่องนี้ ก็ถอนใจยาวออกมา"สิบปีมานี้ อายวนเติบโตข้างกายข้า ข้าคิดว่าข้าเข้าใจเขาแล้ว ก่อนหน้าที่จะเผชิญเรื่องอะไร เขาจะต้องขบคิดอย่างใจเย็น ทำการเลือกที่เหมาะสมที่สุดออกมา เขาไม่เคยหุนหันพลันแล่น ต่อให้เป็นการหุนหันในเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบกับสถานการณ์ใหญ่ก็ตาม""แต่ข้าก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเขาจะหุนหันกับเรื่องใหญ่ในชีวิตแบบนี้ ดังนั้นตอนนั้นข้ากระทั่งคาดเดา ว่าเจ้ามีความสามารถพิเศษอะไรหรือเปล่า ความสามารถที่ทำให้เขาสูญเสียการพิจารณาไป"เจ้าอารามพูดถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็ถามขึ้นอย่างประชดประชันหน่อยๆ "เจ้าอารามหมายถึงความสามารถแบบของท่านน่ะหรือ? ชักจูงหรือสะกดจิต ไม่ก็ใช้ยาแบบนี้?"พูดอย่างกับว่าวิะีการของเขาดูดีมีระดับอย่างนั้นนางเองก็คิดไม่ถึง ว่าเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงที่สูงส่งเหมือนผู้วิเศษเทพเซียน ชื่อเสียงเลื่องลือใต้หล้า จะทำทีถามความเห็นพวกเขา แต่หลังจากพวกเขาปฏิเส
เจ้าอารามส่ายหัว"แน่นอนว่าไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นแล้วหรือ? อายวนสำคัญแค่ไหนกับแคว้นเจา ดังนั้นชะตาของเขาเองก็ส่งผลกระทบกับแคว้นเจ้ากระทั่งใต้หล้าด้วย คนข้างกายเขาเองก็สำคัญมากเช่นกัน ตอนนี้ดูแล้ว เจ้าช่วยเขาได้มาก เจ้าช่วยชีวิตเขา แต่ความเป็นจริงหลังจากที่เจ้ากับเขาอยู่ด้วยกัน ใจก็แคบลง วิสัยทัศน์เองก็แคบลงด้วย"นี่ดูเป็นความผิดที่หนักหนามากจริงๆความผิดใหญ่โตนี้จู่ๆ ก็ฟาดโครมลงมาบนหัวนางแล้วฟู่จาวหนิงโกรธจนหัวเราะ"ดังนั้น หลังจากเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ด้วยกัน จิตใจก็จะกว้างขวาง วิสัยทัศน์จะกว้างไกลขึ้นงั้นหรือ?""ข้ารู้ว่าสำหรับเจ้าแล้วมันดูไร้สาระ แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้""มา ลองเล่าให้ละเอียด ข้าจะตั้งใจฟัง""อายวนให้ความสำคัญกับเจ้ามากเกินไป เจ้าตอนนี้กลายเป็นคนในดวงในเขา และกลายเป็ฯจุดอ่อนเขา ความคิดเขาจะไปอยู่กับการใช้ชีวิตร่วมกับเจ้า ให้เจ้าเบิกบานให้เจ้ามีความสุข แต่เรื่องอื่นจะไม่สนใจแล้ว"น้ำเสียงของเจ้าอารามก็ดูสงบนิ่งมาก"แต่ถ้าเขาอยู่กับองค์หญิงใหญ่ เช่นนั้นก็ต้องการแค่พระชายาคนเดียวเท่านั้น ความคิดเขาจะไม่อยู่บยนตัวองค์หญิงใหญ่มากนัก แล้วก็จะหันไป
เซียวหลันยวนก็เหมือนกับฟู่จาวหนิง เห็นระดับความเข้ากันทางชะตาของเขาที่แยกกับนางรวมถึงขององค์หญิงใหญ่เจ้าอารามไม่พูดมากกับเขา ไม่อธิบายอะไรด้วยฟู่จาวหนิงรู้สึกว่า คงเป็นเพราะเขาเข้าใจเซียวหลันยวนมาก และเชื่อในสมองของเขา ว่าแค่มองผลลัพธ์เช่นนี้ เขาก็รู้ว่าหมายถึงอะไรแล้วและเป็นไปได้ว่า ตอนที่นางไม่อยู่เขาจะมาบอกเซียวหลันยวนอย่างละเอียดอีกทีสรุปคือ เขาไม่ต้องพูดอะไร เซียวหลันยวนกลับหน้าขรึมไป"พวกเราไปเถอะ"เซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิงหมุนตัวออกเดิน และไม่ได้สนใจองค์หญิงใหญ่ที่ยังไม่ได้สติกลับมาด้วยฟู่จาวหนิงไม่ได้ขัดขืน ตามเขาออกไปจากถ้ำภูเขานี้เจ้าอารามยืนอยู่ตรงนั้นมองแผ่นหลังพวกเขาในกลุ่มลูกปัดหยกที่หมุนช้าๆ และเปล่งประกายอยู่รอบๆ นี้ แผ่นหลังพวกเขาที่เดินเคียงข้างกันดูเข้ากันอย่างประหลาดเจ้าอารามกระทั่งเห็นว่าการก้าวเดินของพวกเขาก็ยังสอดคล้องกันเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่เคยให้หญิงสาวคนไหนเดินเคียงบ่ากับเขา เขาก้าวเท้ายาว ใครที่เดินกับเขาก็ล้วนจะตามหลังเขาอยู่สองก้าว แต่ว่าตอนนี้เขาปรับฝีเท้าให้เข้ากับฟู่จาวหนิงเพื่อรักษาระยะอยู่ข้างๆ นางอย่างชัดเจน"เจ้าอาราม ท่า
เจ้าอารามสีหน้าเปลี่ยนไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนางกล้า...แววตาเขาหม่นลง ยื่นมือไปวางบนศีรษะนางทันที มืออีกข้างก็ปล่อยหมอกเขียวออกมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่สมองยังไม่ตื่นดีก็ตกอยู่ในสถาำสับสนมากขึ้นทันทีสองมือเจ้าอารามจับบ่านางไว้ ผลักนางออกแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกอดเอวเขาไว้แน่น ดังนั้นการผลักนี้จึงผลักออกแค่ริมฝีปากของคนทั้งสอง นางยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขานางตัวสั่นค่อยๆ ลืมตาขึ้นแหงนหน้าสบตาเข้ากับใบหน้างดงามไร้เทียมทาน"อ๋องเจวี้ยน..."เจ้าอารามจับมือของนางดึงนางแยกออก ส่วนตนเองถอยออกไปสองก้าว"ควรออกไปได้แล้ว"พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกจากถ้ำภูเขาไปก่อนแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังตั้งสติกลับมาไม่ได้ นางยังตกตะลึงอยู่ว่าตนเองจูบกับอ๋องเจวี้ยนจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกริมฝีปากนั่น ทำให้ทั่วร่างนางตอนนี้ชาดิก มึนงงไปทั้งตัว ใจเต้นเร็ว หน้าแดงราวกับจะเผาไหม้ขึ้นมา"ยังไม่ไปอีกรึ?"เจ้าอารามหันกลับมาเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ขมวดคิ้วเบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นในที่สุดก็ได้สติกลับมา สะกดความบ้าคลั่งในใจลง "แต่ว่า ชะตาทำนายเสร็จแล้วหรือ? ข้ายังไม่ได้ฟังผลลัพธ์ของเจ้าอารามเลย เขา..."
สิ่งที่เขาเห็น คือสองบทสรุปกับช่วงชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าจาวหนิงเองก็เห็นสิ่งเหล่านั้นด้วย นางไม่โกรธสิจะแปลกแต่ตอนที่นางยังไม่ออกว่าตนเองเห็นอะไรมาก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่กล้าจะยอมรับก่อน ถ้าเผื่อไม่เหมือนกับสิ่งที่นางเห็นล่ะ?ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ"ก่อนจะบอกว่าข้าเห็นอะไรมา เรามาพูดเรื่องที่เจ้าอารามทำตัวเผด็จการหน่อยไม่ดีรึ?""อืม ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าอารามจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย"เซียวหลันยวนนึกได้แล้วว่าตอนนั้นตนเองเดินไปหน้าแท่นหินอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เข้าไปในแดนชะตาอย่างไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกไม่อยากเชื่อเช่นกันเดิมทีเขาค่อนข้างมั่นในใจพลังปณิธานของตนเองมาก ครั้งนี้ทำให้ความคิดเขาสั่นสะเทือน ทำเขาตื่นขึ้นจากความหยิ่งทะนงของตน"เจ้าเองก็ไม่ทันรู้ตัวด้วยรึ?" เขาถามฟู่จาวหนิง"ท่านอาจจะเชื่อใจเจ้าอาราม ดังนั้นภายใต้สภาพจิตใจที่เชื่อใจ จึงถูกควบคุมได้ง่ายกว่า แต่ข้าไม่เชื่อเขา ข้ายกความระแวดระวังขึ้นมาแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังติดกับ"ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องนี้กับเขา เพราะนางหวาดระแวงเจ้าอารามมากขึ้นแล้วชายหนุ่มหน้าตาดีแบบนั้น ชายหนุ่มที่มีความสามารถลึกเกินหยั่งนั่น"พวกเร
"ความสามารถการทำนายของเจ้าอาราม ก่อนหน้นี้ข้าไม่เคยสงสัยมาก่อน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"งั้นท่านจะบอกว่าข้าพูดไร้สาระหรือ?""ความหมายของข้าคือ ข้าเชื่อชะตาที่เขาทำนาย แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบในภวังค์พวกนั้น"ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง"ยังมีจุดหนึ่งเจ้าเคยคิดถึงไหม?"สายตาที่เซียวหลันยวนมองนางลึกซึ้งมาก ในนั้นมีความลึกซึ้งที่ฟู่จาวหนิงมองไม่ชัดอยู่ เขาขยับร่างกาย นั่งไม่ติดอย่างหาได้ยากขึ้นมาพอถูกเขามองแบบนี้ นางก็รู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้าออกทั้งหมดอย่างไรอย่างนั้น"อะไรเล่า?"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็สังเกตได้นานแล้ว แต่ไม่พูดมาตลอดถ้าไม่ใช่ตอนนี้เห็นว่าเขตแดนชะตาที่เจ้าอารามทำออกมาส่งผลกระทบกับฟู่จาวหนิง ต่อให้นางจะเชื่อทั้งหมดที่อยู่ในเขตแดนชะตาจริง คิดจะทอดทิ้งเขาเพื่อใต้หล้า เขาก็ไม่คิดจะพูดออกมาแต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว"ถ้าหากฟู่จาวหนิงเมื่อสิบหกปีก่อน บางทีชะตาอาจจะไม่เหมาะกับข้าจริงๆ เป็นไปได้ว่าจะทำลายงานของข้าไปทีละก้าว"คำพูดของเซียวหลันยวน ทำให้สายตาฟู่จาวหนิงเกร็งขึ้นมา"แน่นอน ข้าเองก็คงจะไม่ได้อยู่กับคุณหนูฟู่เมื่อสิบหกปีก่อนด้วย จาวหนิงที่ตอนนั้นถ
เขตแดนชะตาที่เจ้าอารามทำนาย เป็นสิ่งที่ชี้ออกมาหลังจากเซียวหลันยวนอยู่กับนางนั่นเองก็เป็นนางนี่ ดังนั้นที่ทำนายออกมาไม่ใช่นางหรือ? ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรนักคุณหนูฟู่ก่อนอายุสิบหกปีจะว่าไป คุณหนูฟู่ก่อนอายุสิบหก ก็ไม่ได้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วยเซียวหลันยวนส่ายหัว"หนิงหนิงมองข้ามไปจุดหนึ่ง""ข้ามองข้ามอะไรไป?""ถึงแม้เจ้าในตอนนี้จะอยู่ด้วยกันกับข้า แต่ว่าชะตาน่ะกำหนดออกมาตอนที่ถือกำเนิด ดังนั้นการทำนายทั่วไป จะเริ่มจากตอนที่กำเนิดมา มีคนที่ฝืนลิขิตฟ้าแก้โชคชะตา ถ้ามาทำนายช่วงเวลานี้ ก็จะเกิดความสับสนหรือความไม่แม่นยำ"ฝืนลิขิตฟ้าแก้โชคชะตา?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างประหลาดใจหน่อยๆเขาไม่ใช่สงสัยว่านางฝืนชะตาลิขิตมาหรอกหรือ?"ชะตาเปลี่ยนไปกลางทาง คนอื่นมาทำนายซ้ำ ก็ไม่แน่ว่าจะแม่นยำ ถึงแม้เจ้าก่อนอายุสิบหกกับที่อยู่กับข้า แต่สิ่งที่เจ้าอารามทำนายออกมา เป็นไปได้มากว่าจะเป็นชะตาของเจ้าเมื่อก่อนอายุสิบหกปี"เซียวหลันยวนพูดอ้อมๆ แต่ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายของเขาแม้สิ่งที่เห็นในภวังค์จะเป็นผลลัพธ์หลังจากนางแต่งงานกับเซียวหลันยวน แต่ตอนนี้ที่เจ้าอารามทำนายชะตาออกมา ยังคง
เซียวหลันยวนปลอบฟู่จาวหนิงไว้ได้จริงๆแม้ว่านางจะไม่ไปสนใจเรื่องในภวังค์เลย แต่ถูกคนอื่นมองว่านางเป็นเหมือนปีศาจที่ทำให้บ้านเมืองล่มจมแบบนี้ ในใจเองก็ไม่พอใจอยู่บ้างและเทียบกับนาง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเหมาะกับเซียวหลันยวนกว่าขนาดนั้น ในใจนางยิ่งไม่สบอารมณ์แต่เซียวหลันยวนก็ลบความไม่สบายใจในใจนางไปจนเกลี้ยง"หรือก็คือ ของข้ากับท่านอาจจะไม่เป็นจริง แต่ของท่านกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นล่ะ? พอเห็นการพัฒนาหลังจากอยู่ด้วยกันกับนางแล้ว ท่านก็แทบจะอยู่เหนือองค์จักรพรรดิเลยนะ อย่างกับเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ดูสง่าผ่าเผยมากนะ ไม่ชอบหรือ?"หลังจากในใจไม่มีความไม่สบอารมณ์ ฟู่จาวหนิงจึงหันกลับมาหยอกเซียวหลันยวนได้แล้วพอได้ยิน เซียวหลันยวนในที่สุดก็ทนไม่ไหว ก้มหัวลงกัดเบาๆ ที่ริมฝีปากนาง"อกตัญญูแบบนั้น เรียกว่าสง่าผ่าเผยได้รึ? อย่างในภวังค์นั่น มีนางมาครองตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าก็มีชีวิตได้อีกแค่ไม่กี่ปี แล้วก็ตายไปก่อนอยู่ดี ชีวิตยังไม่ทันได้ลิ้มรสความรักใคร่ ก็ตายไปอย่างจืดชืดแล้ว แต่ดันให้นางมีเกียรติยศไปทั้งชาติ ข้าดูสง่างามตรงไหน? เป็นคนโง่สิไม่ว่า""พรวด!"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ