อันเหนียนถอนหายใจเบา"เรื่องที่เมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิเกิดความไม่พอใจต่อข้า ช่วงนี้พอข้าพูดอะไรมากหน่อย เขาก็รู้สึกขัดหูไปหมด"ฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น "ใต้เท้าอันพูดมากหรือ?"สองชายกลางคนตรงนั้นก็นั่งกันไม่ค่อยติดแล้วนี่จะพูดไม่ดีกับองค์จักรพรรดิกันแล้ว เหมือนพวกเขาไม่ควรฟังหรือเปล่านะ"ท่านอ๋องพระชายา คุณชายฟู่ เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนดีกว่า"พวกเขาลุกขึ้นยืน แต่กลับเห็นสายตาของอ๋องเจวี้ยนกวาดมาทางพวกเขา ร่างกายก็แข็งทื่อไปทันทีอ๋องเจวี้ยนคงจะไม่ได้ จำเรื่องที่พวกเขาเคยทำให้อดีตได้หรอกนะ?"จู้ฉงอัน ว่านจ้ง"เซียวหลันยวนเรียกชื่อพวกเขาออกมา ทำเอาพวกเขาหนังหน้ากระตุกกันเลยสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นป๋อ อีกคนหนึ่งอยู่กรมขุนนาง สองคนนี้ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงมาสามปีนี้ไม่ค่อยได้ออกมาเดินในเมืองหลวงสักเท่าไร น่าจะลืมพวกเขาไปแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่คนใหญ่โต คิดไม่ถึงเลย ว่าอ๋องเจวี้ยนกระทั่งชื่อพวกเขาก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนป๋อจู้ลนลานขึ้นมา รีบเข้ามายอมรับผิดก่อนทันที"ท่านอ๋อง ตอนนั้นข้า ตอนนั้นข้าแค่พูดไปสองสามคำว่าท่านกับท่านหญิงอวิ๋นเหยาเหมาะสมกันอย่างกิ่ง
ช่วงที่เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงไปยอดเขาโยวชิง ฟู่จิ้นเชินก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ทำงานไปพอควรเลยทีเดียวตอนที่พวกฟู่จาวหนิงไปถึงบ้านตระกูลฟู่ ก็พบว่านอกประตูมีรถม้าจอดอยู่หลายคัน ดูจากสัญลักษณ์บนรถม้า แต่ละคนดูเป็นคนมีฐานะทั้งนั้น"เอ๊ะ รถม้าจวนตระกูลอันนี่" ฟู่จาวหนิงเห็นรถม้าคันหนึ่งในนี้ที่ดูคุ้นตาหน่อย"อันเหนียนอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่หรือ?" เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาด"บางทีอาจจะเป็นอันชิงก็ได้นะ?" ฟู่จาวหนิงกำลังคิด บางทีอันฉิงอาจจะมาเล่นกับหลินอันห่าว อันชิงเต็มใจสนิทสนมกับนาง อีกทั้งเพื่อนก็มีไม่มาก บางทีอาจจะมาหาอันห่าวก็ได้"น่าจะเป็นอันเหนียนนั่นล่ะ" เซียวหลันยวนกลับยืนยันว่าเป็นอันเหนียน"เข้าไปก็รู้แล้ว"เฉินซานพอเห็นพวกเขา ก็เข้ามารับด้วยความตื่นเต้น"ท่านอ๋อง คุณหนู พวกท่านกลับมาแล้ว""ใช่แล้ว เพิ่งกลับมาวันนี้ ที่บ้านเรียบร้อยดีไหม?" ฟู่จาวหนิงถามด้านหลัง พวกสืออีสือซานเสี่ยวเยว่ก็หิ้วของกันเข้ามาเฉินซานพยักหน้า "เรียบร้อยดีขอรับ ก็แค่...""ก็แค่อะไร?" ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสีพอเห็นปฏิกิริยาของนาง เฉินซานก็รีบอธิบาย "ท่านผู้เฒ่ากับนายท่านและฮูหยินยังสบายดี เพีย
"จริงด้วย คนพวกนั้นของแคว้นหมิ่น ยังอยู่ในเมืองหลวงไหม?"เซียวหลันยวนดึงนางเข้ามาสวมกอด นั่งลงบนแคร่นิ่ม ลูบหลังนางเบาๆ ถอนหายใจ"เจ้าว่าแปลกไหม พวกเขายังอยู่กัน ออกมาเป็นทูตที่แคว้นเจา แต่กลับอยู่กันนานขนาดนี้"เกรงว่าพวกเขายังไม่ปล่อยวางเรื่องพาจาวหนิงออกไปจริงๆคิดถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็โอบฟู่จาวหนิงแน่นขึ้นอีกหน่อยต้าต้าชื่อยังคิดจะแย่งจาวหนิงด้วย...เขาทำไมถึงรู้สึกว่า มีแต่พวกสารเลวที่คิดจะแย่งคนของเขาอยู่ทั่วไปหมด?"หนิงหนิง ข้าอยากจะทำให้เจ้าตัวเล็กลง เก็บไว้ในอกเสื้อ พาไปด้วยทุกที่ ไม่ให้ห่างกายเลยจริง"เซียวหลันยวนซบลงข้างคอนาง ในน้ำเสียงมีความน้อยใจอยู่ด้วยหน่อยๆ"มีคนมากมายรู้ว่าเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่า"ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเห็นเขาสภาพนี้ จึงอดขำขึ้นมาไม่ได้"เช่นนั้นท่านก็ดูแลข้าดีดีหน่อย""หรือว่าเรา ไปทำกุญแจมือมาสักคู่ แล้วคล้องเจ้ากับข้าไว้ด้วยกันดีไหม?" เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมาฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก"ท่านคิดอะไรอยู่น่ะ? หรือว่าท่านไม่ว่างใจข้าหรือ?""ข้าเครียดหน่อยๆ"เขาโอบกอดนางอยู่ แล้วยังกลับมาถึงจวนอ๋องแล้วด้วย จะอย่างไรก็ผ่อนคลายลง
เซียวหลันยวนส่งจดหมายให้ฟู่จาวหนิง"ไม่มีอะไรที่อ่านไม่ได้ อันที่จริงท่านลุงเล็กก็แค่เป็นห่วงเจ้า ให้ข้าระมัดระวังหน่อยเท่านั้น"จดหมายที่เสิ่นเสวียนเขียนให้เซียวหลันยวนก็ไม่ได้อ่อนโยนเกรงใจแล้ว คำพูดที่ใช้ค่อนข้างรุนแรง ให้เขาปกป้องฟู่จาวหนิงให้ดีเขารู้สึกว่า เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นตอนนี้ ดูจะเกี่ยวข้องกับตงฉิงทั้งนั้นและเซียวหลันยวนก็เป็นสายเลือดราชวงศ์ตงฉิงด้วย ถือได้ว่าเรื่องเกิดขึ้นเพราะตัวเขา พอเขาตกอยู่ท่ามกลางดงอันตรายต่างๆ คนที่อยู่ข้างกายเขาจึงอันตรายไปด้วยเสิ่นเสวียนก็ค่อนข้างปกป้องพรรคพวกตนเองอยู่ ดูจะมีการโทษเซียวหลันยวนอยู่บ้างเหมือนกัน"เขากลัวว่าเรื่องอันตรายเหล่านี้ที่เขียนถึงข้าล้วนเขียนไว้อย่างชัดเจน เดี๋ยวเจ้าเห็นเข้าแล้วจะกังวล จะเครียดเอาน่ะ"เซียวหลันยวนเข้าใจความหมายของเสิ่นเสวียน ก็คือรู้สึกว่า เขาน่าจะมาปกป้องฟู่จาวหนิงได้ก็คงดี ไม่ต้องให้นางเข้าใจชัดเจนขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นนาจะตึงเครียดไม่สงบดังนั้นคนเป็นชายก็ควรรับผิดชอบมากหน่อย"ท่านลุงเล็กมองข้าเป็นสาวน้อยอ่อนแอไปเสียแล้ว" ฟู่จาวหนิงอ่านจดหมายจบ ก็หัวเราะขึ้นมาอันที่จริงนางเองก็รู้ว่ารอบข้างแ
ขอแค่เขามอบให้มากเพียงพอ ไม่ต้องกลัวว่าจักรพรรดิเจาจะไม่หวั่นไหวเลยฝ่าบาทไปจัดการเรื่องนี้ทันทีฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วยังไม่ทันจัดแจงเรียบร้อย เสี่ยวเยว่ก็พาคนคนหนึ่งเข้ามาฟู่จาวหนิงจำได้ว่าเขาเป็นองครักษ์ข้างกายเสิ่นเสวียน"คุณหนู นายท่านสั่งข้าน้อยให้นำหนังสือเล่มนี้มาส่งให้ท่าน และยังมีจดหมายอีกสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้อ๋องเจวี้ยน อีกฉบับให้ท่าน"ฟู่จาวหนิงรับมา หนังสือเล่มนั้นใช้ผ้าห่อไว้ นางยังไม่เปิด ยังไม่รู้ว่าเป็นหนังสืออะไร แต่ว่า ต้องถ่อมาส่งไกลนับพันลี้แบบนี้ น่าจะเป็นหนังสือที่สำคัญมากกระมังนางรู้สึกแปลกหน่อยๆ ทำไมจดหมายก็ยังต้องเขียนแยก "จดหมายที่ให้เซียวหลันยวน ข้าอ่านไม่ได้หรือ?""นายท่านบอกว่าอ๋องเจวี้ยนอ่านจบแล้ว เขาให้ท่านอ่านได้ค่อยว่ากัน"ท่านลุงเล็กนี่ก็สร้างความลับอย่างโจ่งแจ้งเสียจริงจะดูหรือไม่ดูให้นางตัดสินใจเองนางหยิบจดหมายที่เขียนว่าเซียวหลันยวนเปิดด้วยตนเองส่งให้กับสืออี "เจ้าเอาไปให้ท่านอ๋อง""เจ้าจะรีบกลับไปรายงานเลยไหม?" ฟู่จาวหนิงถามองครักษ์"ขอรับ""ยังไม่ต้องรีบหรอก พักสักครึ่งวันเถอะ เจ้าไปพักผ่อนก่อน ข้าจะเตรี
"ฝ่าบาท แน่นอนว่าไม่ใช่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่เป็นคนอื่น" นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยขึ้นฝ่าบาทต้าชื่อขมวดคิ้ว"ไม่ใช่ฝูอวิ้น แล้วยังอยู่ในเมืองหลวงแคว้นเจาอีก จะไปหากันยังไง? หรือว่าข้าต้องส่งคงไปไล่ถามบนถนนทั้งเมืองหลวงว่าใครคือสตรีมีบุญ?"นักพรตชิงอวิ๋นส่ายหัว "แน่นอนว่าไม่ต้อง อันที่จริง อักษรนี้ก็มองออกถึงตัวตนสตรีมีบุญได้ ไม่เพียงแต่เป็นทิศทางเท่านั้น""เจา ยังจะเป็นตัวแทนฐานะอะไรได้? เจาอะไรล่ะ?" ฝ่าบาทต้าชื่อจู่ๆ สมองก็แล่นขึ้นมา พูดชื่อหนึ่งออกมาด้วยสัญชาตญาณ "ฟู่จาวหนิง?!"คงไม่ถึงกับว่าในชื่อมีคำว่าเจาอยู่หรอกกระมัง!แต่ว่า ฟู่จาวหนิง!พอคิดถึงคนคนนี้ ความคิดของฝ่าบาทต้าชื่อก็เปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงคนนี้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนแคว้นเจาใช่ไหม?" นักพรตชิงอวิ๋นตาเปล่งประกายวาบ "ถ้าหากมีวันเดือนปีเกิดของนาง ก็เอามาคำนวณดูได้""มี!"ฝ่าบาทต้าชื่อให้คนไปหยิบกล่องใบเล็กใบหนึ่งเข้ามาทันที พอเปิดออก ด้านในก็เขียนวันเดือนปีเกิดคนหนึ่งเอาไว้"เจ้าลูกชายไม่ได้เรื่องของข้า ตอนนั้นในใจมีแต่ฟู่จาวหนิงคนนี้ เขาเลยไปตรวจสอบมา"น่าเสียดาย ที่จีบไม่ติด ทำให้นางอยู่ในต้าช
เสิ่นเสวียนพลิกอ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็เรียกคนเข้ามา"เจ้าเอาหนังสือเล่มนี้ส่งไปให้อ๋องเจวี้ยนที่แคว้นเจา""ขอรับ"เสิ่นเสวียนมองออกไปยังดอกไม้ใบหญ้าเหล่านั้นที่นอกหน้าต่าง จุ๊ปากขึ้นมาไม่รู้ว่าจะใช่เรื่องนั้นหรือเปล่าผู้ดูแลรีบเข้ามา แจ้งข่าวหนึ่งกับเขา"ฝ่าบาทเชิญคนมาสังเกตดาวอีกแล้วหรือ?"ฝ่าบาทต้าชื่อก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะเชื่อการทำนายสังเกตดาวเอามากๆ แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเล่าต่อๆ กันมาจากไหน พูดกันว่าดวงชะตายิ่งทำนายก็จะยิ่งเบาบาง ดังนั้นฝ่าบาทเลยหยุดไปพักหนึ่งช่วงนี้เขาก็เหมือนจะเริ่มอีกแล้ว เชิญนักพรตเต๋าหลายคนมา และยังมีพระระดับสูงอีกหลายคน จัดแจงให้พักอยู่ในวังราชนิเวศน์ คอยเชิญพวกเขาเข้าวังเป็นระยะหลายวันก่อนหน้านี้ บอกว่าสังเกตดาวได้ผลลัพธ์ว่า ต้าชื่อมีเคราะห์ฝ่าบาทจึงพระราชอภัยโทษทั่วแผ่นดิน ปล่อยตัวนักโทษประหารบางส่วนที่เดิมทีต้องประหารหลังฤดูใบไม้ร่วงเรื่องนี้ทำให้คนในเมืองหลวงไม่สงบกันเลยทีเดียวครอบครัวของผู้ที่ถูกนักโทษประหารทำร้าย ก็ทยอยกันไปร้องเรียนที่จวนทางการ พวกเขาเดิมทีคิดว่าคนร้ายที่ถูกจับไปแล้ว หลังฤดูใบไม้ร่วงจะถูกป
เสิ่นเสวียนไม่รู้ว่าวิเคราะห์มาจากที่ไหนถึงอย่างไรเขายอมรับว่าในหลุมศพนั่น สิ่งที่ล้ำค่าสุดไม่ใช่เงินทองดังนั้น ตอนที่คนอื่นๆ พุ่งเป้าไปที่เงินทอง พวกเขาก็สามารถรีบทำเวลาค้นหาของอย่างอื่นได้"นายท่านยังวิธีการค้นหาสมบัติกับพวกเราอีกสองสามอย่างด้วย ให้พวกเราลองทดสอบดู น่าจะเป็นวิธีของพวกคนชั้นสูงที่ชอบสะสมสมบัติบางส่วน พวกเราทดลองใช้วิธีการพวกนั้นดูจนหมด แล้วก็เจอของจริงๆ!"สายลับพูดถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมา"ก็คือของที่เจ้านำมานั่นหรือ?""ขอรับ แต่ตอนที่พวกเขาหาของเจอ เสียงของกลไกดังเกินไป ทำให้ล่อคนอื่นเข้ามาจนถูกพบเข้า ทุกคนให้ข้าเอาของหนีออกมาก่อน พวกเขาจะรั้งท้ายไว้ให้"แต่คนเหล่านั้นก็ตายกันหมด มีแต่เขาที่หนีรอดออกมาดังนั้นถึงประโยคนี้ของเขาจะไม่พูดออกมา แต่ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนก็ยังเข้าใจ พอเห็นสภาพสีหน้าเจ็บปวดของเขาก็รู้แล้ว"แล้วเจ้าทำไมถึงมาแคว้นเจาล่ะ? พอได้ของไม่ใช่ต้องรีบกลับไปหาลุงเล็กหรือ?"เสิ่นเสวียนอยู่ที่ต้าชื่อ เขาจะหนีมาแคว้นเจาทำไมกัน?"เดิมทีข้าจะกลับต้าชื่ออยู่ แต่ถูกหลายขั้วอำนาจไล่ตามมา ต้าชื่อทางนั้นจึงไปไม่ได้ พออ้อมเส้นทางก็มาถึงแ
ฟู่จาวหนิงกระทั่งสงสัย ว่าของด้านในถูกคนสับเปลี่ยนไปแล้วด้วยซ้ำของที่อยู่ข้างในนี้ถูกคนอื่นเอาไปก่อนแล้วหรือเปล่า จากนั้นก็หยิบกระเทียมกลีบหนึ่งวางเข้าไปแทน?แตว่า ใครเขาจะไร้สาระขนาดใส่กระเทียมเข้าไปกัน?ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง ต่างพูดอะไรกันไม่ออกฟู่จาวหนิงรู้สึกขึ้นมาว่าไม่น่าเป็นไปได้ ยื่นมือไปหยิบกระเทียมกลีบนั้นขึ้นมานางมองอย่างละเอียดอีกครั้ง และเห็นว่ากระเทียมกลีบนี้มีจุดที่งอกออกมาแล้ว เหมือนจะเอาไปปลูกได้จริงๆพอหยิบขึ้นมาดม กลับมีกลิ่นประหลาดออกมา ทว่า...ไม่ใช่กระเทียมแน่นอนนางอดไม่ได้ที่จะใช้เล็บจิกเบาๆ อยากดุว่าหยิกให้เป็นรอยได้ไหม แต่ที่แปลกคือของสิ่งนี้แข็งมาก จิกลงไปไม่ได้เลยเช่นนั้นก็คงจะไม่ใช่กระเทียมจริงๆ"ให้ข้าดูหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงส่งถุงมือคู่หนึ่งให้เขาสวมก่อนแล้วค่อยหยิบตอนที่เซียวหลันยวนกำลังค้นคว้า "กลีบกระเทียม" นั่น นางก็หยิบกล่องขึ้นมาศึกษาดู และพบว่าชั้นดินโคลนที่อยู่ในนั้นก็พิเศษอยู่ น่าจะไม่ใช่ดินธรรมดา แต่เป็นดินดำผสมเศษไม้ ยังไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไร ดมแล้วมีกลิ่นยาชนิดหนึ่งอยู่ฟู่จาวหนิงคิดจะนำของพวกนี้ส่งเข้าไปตรวจส