ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องกังวล ข้าเองก็ยินดีต้อนรับอย่างจริงใจ ในบ้านพวกเราตอนนี้มีห้องหับอยู่มากมาย แค่พวกเราเองก็พักกันไม่หมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านปู่เองก็ชอบความคึกครื้นด้วย ข้าเห็นว่าลุงฟางเองก็สามารถมาพูดคุยเรื่องใบชาอาหารจากภายนอกกับเขาได้ ท่านปู่ข้าจะต้องดีใจมากแน่"ท่านปู่ต้องการบรรยากาศของคนมาตลอด พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยไม่มีอะไรไม่สะดวกเช่นนั้นข้าเองก็ได้ ข้าพูดกับผู้เฒ่าฟู่ได้สามวันสามคืนโดยไม่ซ้ำกันเลย"เศรษฐีฟางก็ "ความหยิ่งทะนงทะยานขึ้นฟ้า" ทันทีฮูหยินฟางเองก็หัวเราะก่นด่าขึ้นมาคำหนึ่ง "ใครจะยอมฟังเจ้าพล่ามสามวันสามคืนกัน? ไม่เหนื่อยหรือไง!"ฟางซือฉิงเองก็ปิดปากขึ้นมานางรู้สึกว่าน่ายินดีจริงๆ นี่ได้มาเดินเคียงกับฟู่จาวหนิงใกล้ขนาดนี้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ชอบฟู่จาวหนิงมาก นางเองก็จะได้มาหาฟู่จาวหนิงบ่อยขึ้นฟู่จาวหนิงเห็นคนคุ้มกันเรือนที่เศรษฐีฟางพามาด้วยทั้งสองคน ไม่เลวเลย"พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นคนคุ้มกัน" เศรษฐีฟางอธิบายกับนาง "ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้น ในบ้านเองก็ไม่อยากให้พวกเขาไปเป็นคนคุ้มกันอีก ดังนั้นจึงอยากจะหางานอื่นทำ"พวกงานชั่วคราวหาเช้ากินค่ำท
ฮองเฮาฟังถึงจุดนี้ก็โมโหขึ้นมานางโมโหซ่งอวิ๋นเหยา โมโหอ๋องเจวี้ยนมากด้วย แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร ที่เกลียดชังที่สุดคือฟู่จาวหนิงล้วนเป็นเพราะฟู่จาวหนิง"อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน ตระกูลฟู่เห็นๆ อยู่ว่าเป็นศัตรูของเขา แต่นี่ก็ยังจะรับฟู่จาวหนิงมาเป็นภรรยาให้ได้"ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังดีกับฟู่จาวหนิงมากด้วย เอาแต่คอยสนับสนุนฟู่จาวหนิงฮูหยินหรงเยว่ในใจก็เกลียดชัง "นางจะต้องเป็นเหมือนแม่นางแน่ๆ ที่มีวิธีการต่างๆ นานากับพวกชายหนุ่ม"ตอนนั้นนางชอบฟู่จิ้นเชิน แต่ว่าฟู่หลินซื่อก็มาคว้าใจของฟู่จิ้นเชินไปหลังจากทั้งสองคนแต่งงานกัน ฟู่จิ้นเชินก็เอาแต่ปกป้องฟู่หลินซื่อ กระทั่งยังปกป้องนางราวกับไข่ในหินฮองเฮามองฮูหยินหรงเยว่ผาดหนึ่ง ร้องเชอะขึ้น "เจ้ายังจะพูดได้อีกนะ? ตอนนั้นให้โอกาสเจ้าไปทีหนึ่ง เจ้าก็ไม่ได้เรื่องเสียเหลือเกิน ปล่อยฟู่จิ้นเชินออกไปเปล่าๆ เสียอย่างนั้น"นางพอพูดถึงเรื่องนี้ ฮูหยินหรงเยว่ก็รู้สึกว่าในใจแสนจะเดือดดาลหลายปีมานี้นางเอาแต่ปล่อยวางผู้ชายคนนั้นไม่ลง แล้วก็เอาแต่ชิงชังลูกของเขาคนนั้นกับผู้หญิงคนอื่น และเพราะตอนนั้นนางได้โอกาสมาครั้งหนึ่ง นางได้อยู
น่าเสียดายที่เซียวหลันยวนสวมหน้ากาก จึงมองไม่ออกถึงสีหน้าของเขาองค์จักรพรรดิเองก็รู้สึกรังเกียจหน้ากากของเขาเหมือนกัน"ใช่"เซียวหลันยวนตอบกลับแค่คำเดียวองค์จักรพรรดิรู้สึกรำคาญขึ้นแล้วจริงเขาเป็นพี่ชายคนโต แล้วยังเป็นองค์จักรพรรดิด้วย เซียวหลันยวนไม่ได้มองเขาว่าเป็นพี่ชายคนโตหรือองค์จักรพรรดิเลย"หลันยวน พวกเราพี่น้องมาพูดกันแบบไม่ต้องจริงจังดีกว่า ผ่อนคลายหน่อย ไม่ต้องใช้คำสละสลวย" องค์จักรพรรดิคิดจะให้บรรยากาศผ่อนคลายลงหน่อยน้ำเสียงเซียวหลันยวนยังคงราบเรียบ "ก็ผ่อนคลายอยู่"เพียงแต่ขี้เกียจเอื้อนเอ่ยเท่านั้นองค์จักรพรรดิฟังความหมายของคำพูดเขาออกแล้ว และยิ่งโมโหขึ้นไปอีก ขี้เกียจขนาดนี้เลยหรือ?ขี้เกียจจะสนใจเขา?"เจ้าดูสิพอเจ้าปิดหออะไรนั่นไป ก็มีคนมาร้องขออ้อนวอนข้าไม่น้อย บอกว่าพวกเขากว่าจะหาสถานที่เพื่อดื่มสุราผ่อนคลายได้ ตอนนี้กลับหายไปหมดแล้ว"เซียวหลันยวนยิ้มประชัดประชัน"ไม่มีสถานที่ดื่มสุรา? ต้องให้ข้ามาไล่เรียงโรงสุราน้อยใหญ่ในเมืองหลวงนี้ไหม เอารายชื่อส่งไปที่ชวนของพวกเขาเลย?"องค์จักรพรรดิชะงัก"เมื่อครู่ข้าไม่ใช่บอกไปแล้วหรือ? ไม่ใช่ว่าโรงสุราโรงน้ำชา
"เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาสองคนนั้นอายุยังน้อยไม่รู้ความ แต่ว่า คนหนุ่มสาวน่ะนะ บางครั้งเลือดลมก็แรงเกินจนควบคุมไม่ได้ ถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นออกมา คิดๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้"องค์จักรพรรดิกระแอมออกมาทีหนึ่งคำพูดเหล่านี้เขาเองก็พูดจนตนเองรู้สึกผิดหน่อยๆ แต่ถ้าไม่พูดเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร?"ในสถานที่เช่นนั้น ผลกระทบก็ไม่ดี ให้คนมากมายต้องมาเห็น แล้วยังลำบากไปถึงหอจันทร์หยาดอีก จะว่าไปหอจันทร์หยาดก็เป็นผู้รับกรรมที่บริสุทธิ์อยู่นะ"เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือองค์จักรพรรดิจริงๆ ความสามารถในการลืมตาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้คนธรรมดาทำไม่ได้นะนี่ถึงกับเด็ดหอจันทร์หยาดหลุดออกไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังพูดว่าเซียวหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาเป็นพวกคุมอารมณ์ไม่ได้อีกพวกคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เซียวหลันยวนถามขึ้นเสียงเรียบ "ดูท่าชินอ๋องเซียวกับหมอเทวดาหลี่จะทำผิดโทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิเสียแล้ว ข้างแนะนำให้ท่านจัดการฟันพวกเขาทิ้งเสีย"พรวด!กงกงที่อยู่ข้างๆ เกือบจะสำลักออกมาเขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัว แล้วถ้าเขาหัวเราะออกมาด้วยเหตุนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิกับอ๋องเจวี้ยนล่ะก็ คนทีจะถูกฟัน
"คนจากสองตระกูลนั้นใกล้มาหรือยัง?"นอกจากปรมาจารย์ชือเฉินที่นำสิ่งยืนยันมอบให้กับอ๋องเจวี้ยนในครั้งนั้น ยังมีผู้นำตระกูลอีกสองตระกูลกำลังอยู่ระหว่างทางคุ้มครองส่งสิ่งยืนยันมายังเมืองหลวงตระกูลปาฉินฮู่ตระกูลมู่เฉิงชิ่งองค์จักรพรรดิคิดจะรอให้สิ่งยืนยันสองชิ้นมาครบก่อน แล้วค่อยเปิดแผนที่ จากนั้นจึงจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงในตอนนั้นเหลืออะไรทิ้งไว้ให้กับอ๋องเจวี้ยนเดิมทีหลังจากที่เขารู้เรื่องสองตระกูลที่เหลือนั่นก็คิดจะส่งคนเข้าไปขวางไว้อยู่ ขอแค่เขาได้รับสิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นมาก็พอแล้วแต่ว่าปรมาจารย์ฉือเชินก็ไม่รู้ว่าเพราะรู้ความเป็นไปได้นี้หรือเปล่า ตนเองจึงนำเอาสิ่งยืนยันมอบให้อ๋องเจวี้ยนก่อนในมืออ๋องเจวี้ยนยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่ องค์จักรพรรดิเดาว่าเขาคงจะส่งองครักษ์เงามังกรไปแอบรับผู้นำตระกูลสองคนนั้นแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะไปขวางก่อนก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นนั้นก็จะสู้ปกป้องพวกเขาทั้งสองตระกูลไปเลยดีกว่า รอจนของมาครบแล้ว เขาค่อยหาวิธีการนำมา"รายงานองค์จักรพรรดิ ผู้นำตระกูลฮู่ภายในสามวันน่าจะเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว คนของตระกูลฮู่สาขาออกไปนอกเมืองเพื่อรับแล้ว ส่วนเรื่องตระก
"ไทเฮาสู้พูดกับอ๋องเจวี้ยนและพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้ชัดเจนดีกว่า วิชาแพทย์เช่นนั้นของพระชายาอ๋องเจวี้ยน อาจจะสามารถทำให้กระดูกของท่านฟื้นฟูกลับมาได้" หมัวมัวเอ่ยแนะนำขึ้นเสียงต่ำไทเฮาตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก ประเดี๋ยวก็ป่วย ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกปวดกระดูกอยู่เป็นประจำ ตรงนี้ไม่สบายตรงนั้นไม่สบายพวกเขาล้วนรู้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนวิชาแพทย์นั้นไม่เลว ถ้าสามารถได้รับการชุบเลี้ยงอย่างประณีตของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ร่างกายของไทเฮาจะต้องดีขึ้นแน่ๆไทเฮาส่ายหัว"เอาล่ะ เอาอย่างนี้ต่อไปนั่นล่ะ องค์จักรพรรดิพวกเขารู้ว่าข้าเองก็รังเกียจหลันยวนด้วย หลายสิ่งหลายอย่างไม่มีทางเลี่ยงข้าไปหรอก จะอย่างไรข้าคงได้รู้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการอะไรรับมือกับหลันยวนก่อนเหมือนกัน""แต่พวกอ๋องเจวี้ยนก็ไม่รู้ถึงความเจ็บปวดและน้อยเนื้อต่ำใจของท่านไทเฮา""มีอะไรน้อยเนื้อต่ำใจกัน ข้าอันที่จริงก็แค่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อย ได้เห็นร่างกายของหลันยวนดีขึ้นมา อยู่กับจาวหนิงเด็กคนนั้นด้วยกันให้ดี มีลูกตัวขาวๆ อวบอ้วนสักสองสามคน"วังลึกเองก็ไม่ได้อยู่ง่ายขนาดนั้นเรื่องพระราชทานงานอภิเษกของเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหย
"จวนชินอ๋องเซียวที่แท้ก็ต่ำช้าขนาดนี้เชียว! สกุลหลี่อย่างข้าถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!" เพราะรู้ว่าพวกเขาทั้งสองบ้านเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนอะไรอีก ยกของเหล่านี้ออกมารับมือ"นี่น่าจะเป็นความหมายของชินอ๋องเซียวแล้ว พี่เซียวไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้" หลี่จื่อเหยาเอ่ยขึ้น"ถุด!"หมอเทวดาหลี่โมโหจนหน้าเขียวไปแล้ว"ทำไมจะไม่มีทาง? พวกเขาแสดงออกมาแล้วว่าดูถูกเจ้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจ้าหรอก ก็แค่จะรับเจ้ากลับไป!""ไม่มีทาง"หมอเทวดาหลี่โมโห หมุนตัวกลับไปที่ห้อง ตอนที่ออกมาก็ส่งกล่องใบหนึ่งให้นาง"ท่านพ่อ นี่คืออะไร?""ในนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของข้า ยาอีกมากมาย วิธีใช้กับบทบาทข้าเขียนเอาไว้บนขวดหมดแล้ว สิ่งเหล่านี้เจ้าพกไว้กับตัว ถึงตอนนั้นถ้าคนในจวนชินอ๋องเซียวหรือเซียวเหยียนจิ่งรังแกเจ้า เจ้าก็ค่อยใช้!"จะให้พวกเขามารังแกไม่ได้เด็ดขาด!บนหลังคา เงาร่างหนึ่งบินแฉลบออกไปอย่างรวดเร็วพอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน เขาก็มารายงานอ๋องเจวี้ยนอย่างละเอียดเซียวหลันยวนพอได้ยินก็หัวเราะเบาๆ"ลูกสาวออกเรือน แต่ให้ยาพกติดตัวไว้กล่องหนึ่ง นี่หาได้ยากในใต้หล้าเสียจริง สมแล้วที่เป็นหมอเท
คนผู้นั้นสวมชุดคลุมผ้าสีม่วงเข้มคนที่สวมชุดสีนี้ได้ในเมืองหลวง ตอนนี้ปรากฎตัวขึ้นที่นี่อีกแล้ว ฟู่จาวหนิงคิดถึงความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือเซียวหลันยวนแต่ว่าเซียวหลันยวนจะว่างเกินไปไหม?ฟู่จาวหนิงเม้มปาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พอนางเห็นเกี้ยวหลี่จื่อเหยาตะแคงล้มแล้วก็รู้สึกเบิกบานอยู่นี่เหมือนกับระบายความอัดอั้นออกไปแทนนางและไม่รู้ว่าหลี่จื่อเหยากระแทกในเกี้ยวแรงเกินไปไหมในโรงน้ำชาหรูหราชั้นสอง ชิงอีเห็นเซียวหลันยวนปรบไม้ปรบมือ ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ท่านอ๋อง ท่านมาระบายโกรธแทนพระชายาเช่นนี้ คงต้องหาโอกาสบอกพระชายาหน่อยกระมัง?"พระชายาถ้ารู้เข้าก็คงจะซาบซึ้งแน่ ถึงตอนนั้นความรู้สึกของท่านอ๋องกับพระชายาก็จะยิ่งดีขึ้น"ไม่จำเป็น"เสียงของเซียวหลันยวนเย็นเยียบลงมามีอะไรน่าพูดกัน?นางจะทำอะไรก็คิดอย่างชัดเจนกับเขาไปเสียหมด ถึงตอนนั้นคงได้นับเข้าไปในสิบเรื่องนั้นแน่ แล้วมองว่าเขาแค่เสร็จสิ้นสัญญาไปข้อหนึ่งเท่านั้นพอคิดแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาหน่อยๆชิงอีพอเห็นท่าทางของเขาก็ไม่กล้าพูดต่ออีก ท่านอ๋องสามวันก่อนหลังจากกลับมาจากบ้านตระกูลฟู่ อารมณ์ก็เหมือนจะไม่ดีอยู่ตลอด"ย
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ