จงเจี้ยนยกฟู่จาวหนิงขึ้นมา นายท่านทางนันก็ลังเลขึ้นมาแล้วจริงๆ"ฮองเฮาออกคำสั่ง วันนี้พวกเราต้องพาเฮ่อเหลียนเฟยไป ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไปอธิบายกับฮองเฮาไม่ได้"นายท่านกัดฟัน เอ่ยขึ้นมาตรงๆ กับจงเจี้ยน "องครักษ์จง ข้าพูดความจริงกับเจ้าแล้ว พวกเจ้าตอนนี้คิดจะต่อต้านก็ได้ เช่นนั้นพวกเราก็คงต้องโบกดาบเสียแล้ว อีกเดี๋ยวถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บไปถึงพวกเจ้ากับผู้เฒ่าฟู่หรือไม่ เรื่องนั้นคงจะพูดยาก""แล้วก็ พวกเราจะทุ่มสุดกำลัง พวกเจ้าต่อให้มีวรยุทธ์ดี นั่นก็อาจจะสังหารพี่น้องพวกเราได้บางส่วน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็จะถือว่าก่ออาชญากรรมแล้ว พวกเจ้าลองคิดดู อ๋องเจวี้ยนจะไปงัดกับฮองเฮาเพื่อพวกเจ้าไม่กี่คนนี้จริงหรือ!"จงเจี้ยนนิ่งงันไปพวกของสืออีก็ล้วนมองเขาคนคุ้มครองเรือนเหล่านั้นล้วนมีสีหน้าตุ้มต่อมฟู่จาวหนิงเคยบอกไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องปกป้องความปลอดภัยในบ้าน แต่พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าครั้งแรกก็ต้องมางัดกับคนที่ฮองเฮาส่งมาเสียแล้วนี่ เป็นเช่นนี้ คุณหนูจะปกป้องพวกเขาไว้ได้จริงไหม?"ถ้าพวกเจ้าจะพาไป ก็พาข้าไปด้วย" ผู้เฒ่าฟู่แหวกเหล่าองครักษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน
"เจ้าเป็นใคร?"เฮ่อเหลียนเฟยถามอีกครั้งรถม้าควบทะยานแล้ว เอียงตะแคงจนเขารู้สึกแย่"เจ้าไม่ต้องรู้หรอก"คนผู้นั้นหลังจากตอบลกับมาก็ไม่ส่งเสียงอะไรอีก ต่อให้เฮ่อเหลียนเฟยจะถามต่ออย่างไร จะกระตุ้นเขาต่ออย่างไร เขาก็ล้วนไม่ส่งเสียงรถม้าแล่นทะยานอยู่นานเฮ่อเหลียนเฟยพิจารณาจากความเลือนราง และรู้สึกว่าตนเองออกจากเมืองแล้วในใจเขาจะมากน้อยก็ยังหวาดกลัวอยู่ นี่ถ้าออกจากเมืองแล้วพาเขาไปภูเขาร้างหน้าผาขาดก็จบกัน พี่หญิงจะมาทันได้อย่างไรกัน?พี่ญิงถ้าหากหาตัวเขาไม่ทัน แล้วจะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร?เขาไม่อยากตายจริงๆแต่ว่าเขาก็ไม่อยากให้พี่หญิงมีอันตราย ถ้าพี่หญิงมาหาเขาแล้วจริงๆ จะเป็นอันตรายไปด้วยไหม? เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกขึ้นมาอีกว่าฟู่จาวหนิงอย่ามาหาเขาดีกว่าขณะที่คิดอย่างหวาดกลัวไม่ปลอดภัยนี้ รถม้าก็แล่นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนขับเร็วขึ้นจริงๆ บนถนนทางการที่ไม่มีคน เป็นไปไม่ได้ที่จะยังอยู่ในเมือง รอบๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงของผู้คนเลย"ข้ามีความลับจะมาบอกฮองเฮา!" เฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมาอีก"ฮองเฮาไม่สนใจอยากรู้ความรู้อะไรของเด็กอย่างเจ้าหรอก" อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา มีความประชดประชันอย่
"น่าเสียดาย พี่สาวข้ามีฝีมือจนทำให้อ๋องเจวี้ยนช่วยนางนี่สิ เจ้าไม่ยอมรับหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยหัวเราะร่าขึ้นมาต่อเขาจะยั่วโมโหจ้าวเฉินสังหารเขาทิ้งที่นี่เสียให้จบๆ ไป ไม่เช่นนั้นถ้าพาเขาออกไปไกล ก็กลัวว่าพี่หญิงจะหาไม่เจอ ไม่ใช่แค่หาไม่เจอ ยังอาจจะถูกจ้าวเฉินล่อออกไปยังสถานที่ห่างไกลอีกด้วย อันตรายมาก"อ๋องเจวี้ยน โอ๊ะ ไม่สิ ควรจะเรียกว่าว่าพี่เขยมากกว่า พี่เขยข้าจะต้องมาช่วยหาตัวข้าแน่ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องไปทวีปผิงอะไรนั่นแล้ว พี่เขยข้ากับพี่สาวข้าคงจัดการสังหารพวกเจ้าจนเรียบ""ฟู่จาวหนิงเองก็มีความสามารถนี้อยู่!"จ้าวเฉินจ้องเฮ่อเหลียนเฟย "เจ้าอยากตายนักหรือ? ข้าจะทำให้เจ้าสมอยากเอง! ก่อนหน้านี้ขาของเจ้าข้าก็เล่นงานมา ตอนนี้หายดีแล้วหรือไร?"สายตาเขาจับจ้องมาบนขาของเฮ่อเหลียนเฟย "ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสมันอีกครั้ง ให้เขาของเจ้าหักไปอีกรอบ!"พูดแล้วเขาก็เตรียมจะลงมือเฮ่อเหลียนเฟยม่านตาหดลงตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่หน้าตาอึมครึมก็ยั้งจ้าวเฉินเอาไว้ "เจ้าตอนนี้ถ้าไปหักขาเขา อีกเดี๋ยวต้องแบกขึ้นเขาไปเองนะ?"จ้าวเฉินการเคลื่อนไหวชะงักงัน เลิกทำไปเฮ่อเหลียนเฟยฟังเข
"ใช่แล้ว ท่านผู้เฒ่า ต้องขอบคุณจาวหนิงเลย" ฟู่รั่วเสวี่ยประโยคนี้พูดอย่างกัดฟันผู้เฒ่าฟู่เองก็ฟังออกแล้วใบหน้าของเขาขรึมลงมาทันทีนี่มาหาเรื่องทะเลาะชัดๆ เลย ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ ฟู่รั่วเสวี่ยพูดได้ว่าเป็นหญิงสาวรุ่นนี้ที่มีกิริยาการแสดงออกที่สุดคนหนึ่ง อ่อนโยนและรู้ความที่สุดคนหนึ่ง พูดจาน้ำเสียงแผ่วเบาละเอียดอ่อน อากัปกิริยาก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างเหมาะสม อยู่ต่อหน้าเขาก็มีมารยาทนอบน้อม ผู้เฒ่าฟู่เองก็เคยมีความหวังในตัวนางอยู่พอคิดถึงเงื่อนไขแบบฟู่รั่วเสวี่ยเช่นนี้ หลังจากนี้น่าจะมีการแต่งงานที่ดี ถ้านางออกเรือนได้เป็นฝั่งฝา ก็ยังสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันกับจาวหนิงได้แต่ว่าตอนนี้ดูท่า ฟู่รั่วเสวี่ยแค่เสแสร้งได้ดีกว่าฟู่เป่าเจินฟู่เจียวเจียวเท่านั้น อันที่จริงแล้วก็เป็นแบบเดียวกัน!หลังจากไล่ออกจากบ้านตระกูลฟู่ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปทันทีผู้เฒ่าฟู่ไอสำลักหลายครั้ง ไม่สนใจอะไรนาง ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงเฮ่อเหลียนเฟย มีกะจิตกะใจมาคิดเล็กคิดน้อยกับนางเสียที่ไหน?"เสี่ยวเถา ไม่ต้องร้อง" จงเจี้ยนพูดกับเสี่ยวเถาคำหนึ่ง "ไปล้างหน้าล้างตาไป""แต่ว่า พี่ชายจง
นี่คือไม่คิดจะช่วย ขนาดแค่ประคับประคองก็ยังไม่ยอมด้วยซ้ำ!"ที่บ้านเกิดเรื่อง""เมื่อครู่ข้าได้ยินเสี่ยวเถาพูดถึงคุณชายเสี่ยวเฟยอะไรนั่น เป็นเด็กที่ฟู่จาวหนิงเก็บมาจากภายนอกหรือ? แล้วคนนอกคนหนึ่งมาสร้างเรื่องให้ในบ้านตระกูลฟู่ พวกท่านก็ยังจะปกป้องเขาอีก? แต่ข้าที่มีสกุลฟู่ พวกท่านทำไมจึงไม่ช่วยข้าบ้าง?""รั่วเสวี่ย เรื่องราวไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด เสี่ยวเฟยไม่ได้หาเรื่องมาให้" ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าหน้าเริ่มมืดอีกแล้ว เขาเดิมทีก็ร้อนรนจนทำแทบไม่ไหว ตอนนี้ฟู่รั่วเสวี่ยยังจะมาอาละวาดอีก"ทำไมจะไม่ได้หาเรื่องกัน? แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? จาวหนิงถือดีอะไรไปช่วยวิ่งเต้นให้เด็กคนนี้? ถึงไม่สามารถโผล่หน้าไปในงานเลี้ยงชมดอกเหมย?"ฟู่รั่วเสวี่ยดวงตาแดงเถือก "ข้าเป็นคนที่ท่านเลี้ยงดูมาจนโต จะอย่างไรก็ถือเป็นรุ่นหลังของท่าน ท่านคิดว่าหลังจากจาวหนิงก็ไม่มีญาติคนไหนอีกแล้วหรือ? ข้าเองก็มีชีวิตที่ดี ถ้ายืนอย่างมั่นคงในบ้านสามีได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นแรงช่วยเหลือจาวหนิงได้ในภายหลังหรอกหรือ?"ผู้เฒ่าฟู่ถูกนางพูดจี้ตรงใจแต่ก่อนเขาเอาแต่คิดว่า หลังจากเขาตายไป จาวหนิงก็จะอยู่เพียงลำพังคนเดียวในโลกใบ
ฟู่รั่วเสวี่ยกลับมาถึงบ้านสามี เด็กชายตัวอ้วนกลมอายุราวเจ็ดแปดขวบคนก็พุ่งเข้ามา"คุณชายน้อยหยุดก่อน อย่าวิ่ง!" สาวใช้รีบร้องขึ้นแต่ว่าเด็กคนนั้นไม่ฟังเลย หัวพุ่งมาทางท้องฟู่รั่วเสวี่ยฟู่รั่วเสวี่ยคิดจะเบี่ยงหลบ แต่ปฏิกิริยาไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น จึงถูกเด็กคนนั้นกระแทกเข้าไปที่ท้องความเจ็บปวดแล่นจนทำนางน้ำตารื้น นางกุมท้องตัวงอพูดไม่ออกอยู่นาน"ผู้หญิงเลว!"คุณชายน้อยถลึงตาใส่ฟู่รั่วเสวี่ยอย่างมาดร้าย หมุนตัววิ่งออกไป"ฮูหยิน ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?" สาวใช้รีบเข้ามาประคองตัวฟู่รั่วเสวี่ยฟู่รั่วเสวี่ยน้ำตาคลอเบ้าความเจ็บปวดนี้กว่าจะบรรเทาลง"เจ้าเด็กชั่วนั่นจงใจแน่ๆ จะต้องมีคนไปพูดอะไรข้างหูเจ้าเด็กนั่นแน่" ฟู่รั่วเสวี่ยชิงชังจนอยากจะฆ่าคนขึ้นมาเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ครั้งเดียวยังดูเป็นอุบัติเหตุได้ สองครั้งนางก็ยังพอกล่อมตนเองได้ว่าเด็กคนนี้ซุกซนแต่นี่มันครั้งที่สามแล้วจะต้องมีคนไปเสี้ยมสอนเขา ยิ่งไปกว่านันยังจงใจกระแทกมาที่ท้องนางอีก ในจวนใครกันที่ไม่อยากให้นางตั้งครรภ์? แล้วถ้านางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริง มาถูกเจ้าเด็กชั่วนี่กระแทกแบบนี้เอายังจะรักษาไว้ได้ไหม?เพีย
"ผู้เฒ่าฟู่ไม่เป็นไรแล้วชั่วคราว แต่พระชายาโปรดรีบกลับไปด้วยเถิด""ไป!"ฟู่จาวหนิงหมุนตัวขึ้นรถม้าไปอีกครั้งทันทีเซียวหลันยวนเองก็รีบตามไป "ขับไวหน่อย""ขอรับ"คนขับรถรีบลงแสให้รถม้าหันหัว แล่นตรงไปทางบ้านตระกูลฟู่ประตูใหญ่เปิดออก มีองครักษ์ยื่นหัวออกมามองรถม้าที่แล่นห่างออกไป คิดๆ แล้วก็รีบตรงเข้าไปรายงาน"นายท่าน คุณหนูจาวหนิงเพิ่งมาถึงประตูบ้าน แต่เหมือนที่บ้านเกิดเรื่อง จึงรีบหันกลับไปแล้ว"เสิ่นเสวียนช่วงนี้ร่างกายดีขึ้นบ้างแล้ว เพียงแต่เขาไม่ค่อยอยากอาหาร ดังนั้นกินเท่าไรก็ไม่อ้วน รูปร่างจึงผอมแห้งอยู่เสมอเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ราชครูที่ปูพรมขนจิ้งจอกไว้ กำลังพลิกอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่เดิมทีคิดว่าวันนี้ฟู่จาวหนิงจะมา เขาก็รอนางอยู่ตลอดตอนนี้พอได้ยินเสียงขององครักษ์ เสิ่นเสวียนจึงขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืน"เตรียมรถ ไปบ้านตระกูลฟู่"เขายังไม่เคยไปบ้านตระกูลฟู่เลยตอนนี้เขายืนยันกว่าเก้าส่วนแล้วว่าฟู่หลินซื่อคือน้องสาวของเขา แต่กลับยังไม่เคยไปดูที่บ้านนางเลย ควรจะไปเสียหน่อยถ้าบ้านตระกูลฟู่เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขาเองก็ต้องคอยสนับสนุนนางอยู่ข้างกายฟู่จาวหนิง"นายท่าน ท่
"ท่านปู่!"พอเข้าประตูมา ฟู่จาวหนิงก็ไปหาผู้เฒ่าฟู่ก่อนทันที"คุณหนู ท่านผู้เฒ่าอยู่ในโถง" เฉินซานเห็นนางวิ่งไปที่เรือนท่านผู้เฒ่า จึงรีบร้องเรียกนางไว้ฟู่จาวหนิงรีบหักเลี้ยวกลับมา"พวกเราเตือนท่านผู้เฒ่าให้กลับเรือนไปพักผ่อนแล้ว ให้นอนเพื่อรอท่าน แต่เขาก็กังวลเหลือเกิน เอาแต่อดทนอยู่ในโถงหน้า"ฟู่จาวหนิงรีบวิ่งเข้าไปพอเห็นจงเจี้ยนนั่งอยู่ข้างๆ ท่านผู้เฒ่า นางจึงผ่อนใจโล่งลงมาผู้เฒ่าฟู่พอเห็นนาง ก็ดีดตัวลุกขึ้นพรวดความรู้สึกเหมือนมีกระดูกสันหลังขึ้นมาฉับพลัน ความตื่นเต้นที่ว่าในที่สุดนางก็มาเสียที ทำเอาเส้นสายที่ตึงเปรี๊ยะของเขาขาดลงมาทันที"จาวหนิง เร็ว เสี่ยวเฟยเขา..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็กระอักเลือดออกมาทีหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันหมด"ท่านผู้เฒ่า!""ท่านปู่!"ฟู่จาวหนิงนิ่งขรึมไป พุ่งตัวเข้าไป เข้าประคองตัวเขาร่วมกับจงเจี้ยนผู้เฒ่าฟู่ถูกประคองตัวนั่งลง เข็มเงินเล่มหนึ่งของฟู่จาวหนิงแทงลงไปที่จุดชีพจรเสริมแกร่งหัวใจจุดหนึ่ง"ท่านปู่ ท่านทำใจให้สบาย ต้องทำใจให้สบาย พวกเราจะพาเสี่ยวเฟยกลับมา เขาจะไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องร้อนรนไป"ฟู่จาวหนิงรีบปลอบเขา พลางหยิ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ