แต่จ้าวเฉินที่พูดขึ้นมาตอนนี้มันก็ดูโง่มากจริงๆ เขารู้สึกควรกันไว้ก่อน จะไม่ซ่อนอยู่จุดเดียวกับจ้าวเฉินเขาส่งสัญญาณมือให้จ้าวเฉิน เป็นสัญญาณว่าตนเองจะไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบา บินแฉลบออกไปอีกด้านอย่างไร้ซุ่มเสียงตอนที่ร่อนลงชายเสื้อของเขาปัดไปยังกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนกิ่งไม้เดิมทีมีหิมะสุมตัวหนา พอถูกปัดเบาๆ หิมะที่สุ่มอยู่ด้านบนก็ทยอยร่วงลงมาหูของฟู่จาวหนิงขยับเล็กน้อย ครั้งนี้ก็จับได้อีกทิศทางหนึ่งที่นี่คนที่เหลือไว้น่าจะไม่มากเท่าไรนักถ้าหากคนไม่มาก เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมอะไรไว้ในกระโจมระหว่างทางที่มานางก็ได้กลิ่นของวัตถุดิบยาที่ทำให้ประสาทด้านชาชนิดหนึ่ง แม้กลิ่นจะจางมาก แต่ขณะที่กองหิมะกดกลิ่นสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมดลงไป กลิ่นจางๆ เช่นนี้นางก็ยังดมออกมาได้ดังนั้นอีกฝ่ายน่าจะมีคนที่ใช้ยาใช้พิษได้อย่างร้ายกาจฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้กินยาแก้พิษลงไปแล้วเม็ดหนึ่งถัดจากนี้ก็น่าจะเป็นการประลองกันของยาและพิษระหว่างนางกับคนคนนั้นแล้วฟู่จาวหนิงถือขวดสุราไว้ในมือ ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนจ้าวเฉินพวกเขาพอเห็นการเคลื่อนไหวของนาง ในร่างกายก็เหมือนมีเส้นหนึ่งในร่างกายถูกดึ
ฟู่จาวหนิงหลังจากออกมาก็หมอบอยู่ด้านหลังกองหิมะกองหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนจนผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวกลับมา ตอนที่มองไปทางกระโจมผ้า เขาก็ไม่เห็นว่าที่นั่นมีอะไรผิดปกติไม่สิ!มีอะไรไม่ปกติอยู่!เพราะเขาไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว!ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนเฟยดิ้นรนอย่างร้อนใจมาตลอด แล้วยังพยายามคิดจะแผดเสียงร้องออกมาอีก แต่เขาก็มีการเคลื่อนไหวได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้เลยทว่าตอนนี้การเคลื่อนไหวนั้นกลับไม่ได้ยินเสียแล้ว!หรือก็คือ ในกระโจมเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเสียงใดๆ เลย!นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?เฮ่อเหลียนเฟยที่กำลังร้อนรนตึงเครียดหวาดกลัว ลมหายใจเขาหนักเสียขนาดนั้น ด้วยกำลังภายในของเขาจะต้องได้ยินแน่นอนแล้วทำไมตอนนี้แค่ลมหายใจของเขาก็ยังไม่ได้ยินกัน?หรือว่าเฮ่อเหลียนเฟยสลบไปแล้ว? หรืออาจจะตายไปแล้ว?ในใจผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวขึ้นมา เขาเองก็ทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงล่ะ?จ้าวเฉินเองก็รอไม่ไหวเช่นกันเขาออกแรงส่งสัญญาณมือไปทางผู้บัญชาการกองธงมู่ช่างเขาปะไร ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็แค่คนคนเดียว พวกเขาจะกลัวอะไรกัน? พุ่
ถึงตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนคงได้เดือดดาลจนสังหารพวกเขา นี่เป็นบทสรุปที่เหมาะสมที่สุดของพวกเขาแล้วแต่ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของผู้บัญชาการกองธงมู่ เหมือนคิดจะให้ทางรอดกับฟู่จาวหนิง แล้วยังจะพานางออกไปอีก?เขาร้อนรนขึ้นมาแล้วจ้าวเฉินแอบอ้อมไปด้านหลังขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการกองธงมู่ในที่สุดก็พบตัวฟู่จาวหนิง เขาสะบัดข้อมือ อาวุธลับเล่มหนึ่งพุ่งยิ่งไปทางฟู่จาวหนิงทันทีฟิ้วเสียงดังขึ้น ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ทันควัน นางกลิ้งตัวไปบนพื้นหิมะอาวุธลับเล่มนั้นผลุบหายเข้าไปในตำแหน่งเดิมของนางเมื่อครู่ฟู่จาวหนิงจึงปรากฎตัวขึ้นในสายตาคนทั้งหมดด้วยเหตุนี้"ฟู่จาวหนิง!"จ้าวเฉินกระโจนขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พุ่งตรงไปหาฟู่จาวหนิง ออกฝ่ามือตบไปทางหน้าอกของนางไม่ว่าอย่างไร เขาจะให้นางต้องบาดเจ็บหนักก่อน!"เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ในมือข้า!" เขาร้องขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดจะให้ฟู่จาวหนิงหยิกเล็บเจ็บเนื้อแต่ฟู่จาวหนิงมองไปทางเขา ยกมือขึ้น แสงเงินสายหนึ่งสว่างวาบ เข็มเงินพุ่งแทงไปทางเขา"จ้าวเฉิน ที่แท้ก็เจ้านี่เอง!"ฟู่จาวหนิงพอมาถึงก็ทำให้พวกเขาประมาท ชิงโอกาสโยนเฮ่อเหลียนเฟยเข้าไปในห้องเภสัชอย่างรวดเร็ว ตอน
"ปึง!"ฟู่จาวหนิงเองก็มีแรงมากกว่าที่คนทั้งหมดคาดการณ์ไว้เสียอีกกระโจมผ้าทั้งผืนถูกนางดึงจนล้มแผ่ไม้ด้านบนก็ร่วงลงมาทันที เชือกรอบๆ ก็หดแน่นขึ้นพร้อมกันกระโจมทั้งหลังกลายเป็นอาวุธรูปร่างเหมือนกรงขังไปในพริบตา จัดการพันธนาการจ้าวเฉินที่เข้าไปเมื่อครู่ไว้ด้านใน"อ๊า!"จ้าวเฉินร้องเสียงแหลมแผ่นไม้ด้านบนฟาดลงมา เขาคิดจะหลบแต่ก็หลบไม่พ้น ถูกกดลงไปบนพื้นทันที บนพื้นก็มีพรมที่ผู้บัญชาการกองธงมู่จัดการวางไว้ก่อนหน้า เขาดมกลิ่นที่อยู่ด้านบนเข้าไป คิดจะกลั้นใจแต่ไม้แหลมบนกระดานไม้ก็แทงเข้าไปที่แผ่นหลังเขา เจ็บจนเขาต้องร้องออกมา แล้วจะไปกลั้นหายใจทันได้อย่างไร?ผ้ารอบๆ ก็หดรัดแน่นห่อตัวขึ้นมา พันตัวเขาไว้ด้านใน บนหลังเองก็มีกระดานไม้ทับอยู่ ปีนลุกขึ้นมาไม่ได้เลยจ้าวเฉินเจ็บจนเริ่มชาแล้ว"พี่มู่ช่วยข้าด้วย!"เขาเจ็บจนเบื้องหน้าดำมืดไปหมด ทำได้เพียงแผดเสียงปอดแทบฉีกร้องเรียกหาผู้บัญชาการกองธงมู่ผู้บัญชาการกองธงมู่เห็นว่าแค่ชั่วพริบตาเดียว กับดักกับการโจมตีที่พวกเขาเตรียมไว้ตั้งนานก็ถูกฟู่จาวหนิงใช้งานย้อนกลับมา จึงโมโหจนหัวหมุนขึ้นเสียแล้วจ้าวเฉินยังจะกล้าเรียกเขาอีก!เขาไม่เคย
"เจ้ามันใครกัน หน้าตาก็น่าเกลียดแล้วยังหนวกหูอีกด้วย"คำพูดนี้ทำเอาผู้บัญชาการกองธงมู่โมโหจนปากเบี้ยวเขาคิดไม่ถึงเลย ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวยังกล้ากำเริบเสิบสานเสียขนาดนี้!"เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงใกล้จะตายแล้ว ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"ผู้บัญชาการกองธงมู่เดิมทีคิดจะปล่อยนางไว้ แต่คำพูดนางในตอนนี้ไปยั่วโมโหเขาเข้า จนจิตสังหารเองก็สะกดไม่อยู่แล้ว!ในเมื่อนางเป็นพวกไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เช่นนั้นทำไมเขาจะต้องปล่อยนางไว้?"โลงศพ? เจ้าเตรียมเอาไว้ด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา ดึงเชือกแน่นขึ้น ในหูก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจ้าวเฉินอ่อนแรงขึ้นมาก จึงย้อนถามผู้บัญชาการกองธงมู่ขึ้นเสียงหน่อง "ข้าว่าที่นี่เป็นสถานที่กลบฝังพวกเจ้าก็ดูไม่เลวนักนะ""สังหาร!"ผู้บัญชาการกองธงมู่พอเห็นนางซื้อตัวไม่ได้ขู่ก็ไม่ได้ สายตาก็ดุดันขึ้นมา และไม่คิดจะปล่อยนางไว้แล้ว ตะโกนคำสั่งสังหารออกมาเสียงเย็นจากเสียงคำสั่งของเขา คนชุดขาวรอบๆ ก็กระโจนตัวขึ้นมา ใต้เท้าเตะกองหิมะ เกล็ดหิมะโถมไปทางฟู่จาวหนิงภายใต้เส้นแสงที่มืดมิด หิมะทยอยเข้าล้อมตัวนางรอบด้านล้วนมีจิตสังหารบีบเข้าหานางขณะเดียวก
กระบี่ด้านหลังเข้ามาใกล้แค่เอื้อมแล้วฟู่จาวหนิงโถมตัวไปด้านหน้า ล้มลงไปบนพื้นหิมะอย่างแรง จนกระบี่เล่มนั้นถากหลังนางไปนางสัมผัสได้ว่าบาดแผลบนแผ่นหลังตนเองเปิดออกมาจากการล้มครั้งนี้ เลือดไหลออกมามากขึ้น แต่นางก็ไม่สนใจ ปีนตัวขึ้นแล้วพุ่งต่อไปทันทีและตอนนี้เองผู้บัญชาการกองธงมู่ก็มาถึงด้านหลังนางแล้ว ฟาดฝ่ามือหนักๆ ตรงมาทางนางฟู่จาวหนิงกัดฟัน ตัดสินใจที่จะรับฝ่ามือนี้ และใช้แรงฝ่ามือเขาพัดลอยออกไป ขอแค่ร่วงลงมาห่างจากพวกเขาหน่อย นางก็สามารถมุดเข้าไปในห้องเภสัชได้"ผัวะ!"ฝ่ามือนี้ซัดโดนแผ่นหลังของนาง"จาวหนิง!"ตอนที่ฟู่จาวหนิงถูกฟาดจนลอยออกมา ความมืดตรงหน้าก็มีเสียงเย็นชาที่มีความร้อนรนตกตะลึงหวาดกลัวเสียงหนึ่งดังขึ้นขณะเดียวกัน ร่างหนึ่งก็กระจโจนขึ้นมากลางอากาศ พุ่งตรงเข้ามาหานางฟู่จาวหนิงใจผ่อนคลายลงมาทันทีนางตกเข้าไปในอ้อมกอดที่เย็นเฉียบเย็นมาก แต่นางก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นในพริบตาเซียวหลันยวนมาแล้วเซียวหลันยวนที่รีบตามมาก็เห็นเข้ากับฉากที่นางถูกตบจนตัวลอย เกือบจะคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วเขารับตัวนางไว้ ตอนที่กอดนางยังลูบไปโดนเลือดเต็มฝ่ามือ แล้วเลือดก็แทบจะแข็งตัวไปท
เซียวหลันยวนตอนนี้ก็เพิ่งจะลูบเจอแผลของนาง รีบสกัดจุดห้ามเลือดของนางทันที"อยู่ที่ไหน?" เขายื่นมือไข้าไปในอกนาง ควานหาขวดยาอีกขวดออกมาได้"ลงเขา ลงจากเขาก่อน"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าถ้ายังรอที่นี่ต่อไปล่ะก็ พวกเขาทั้งสองคนได้แข็งตายแน่ ยิ่งไปกว่านั้นบนภูเขาลูกนี้ทุกหนแห่งก็เต็มไปด้วยพิษที่ผู้ชายหน้าขรึมคนนั้นวางไว้ นางรู้สึกว่ามันอันตรายกับเซียวหลันยวนมากเซียวหลันยวนมองไปยังทิศที่ผู้บัญชาการกองธงมู่จากไป กัดฟันกรอดเขาอยากจะไปสับคนผู้นั้นให้เป็นหมื่นท่อนเสีย ถ้าไม่สังหารเขา คงจะสลายความแค้นของเขาลงได้ยากแต่ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงบาดเจ็บ ใจของเขาสับสนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"ลงเขา"ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเขา กลัวว่าเขายังจะไล่ตามไปสังหารผู้บัญชาการกองธงมู่ด้วยตัวเองอีก จึงคว้ามือของเขาเอาไว้"เอาล่ะ" เซียวหลันยวนตอบรับเสียงแหบแห้ง "ข้าจะพาเจ้าลงจากเขาก่อน"ตอนนี้ทั้งหมดไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านางแล้วเขาแบกฟู่จาวหนิงขึ้นหลังอย่างระมัดระวังเพราะหลังของนางบาดเจ็บ จะอุ้มก็ไม่สะดวกนัก"ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะแบกพระชายาให้" ชิงอีรีบวิ่งเข้ามา มองเขาอย่างกังวล"เหลือคนไว้หาต
เซียวหลันยวนเม้มปาก ไม่ตอบอะไร"พิษบนตัวท่าน ก่อนหน้านี้ข้าพูดไว้แล้ว ถ้าหากถูกกระตุ้นขึ้นมาท่านจะหนาวตายเอา ทำไมท่านถึงเข้ามาในสถานที่อย่างภูเขาหิมะกันกัน?"เซียวหลันยวนตอบ นางเองก็รับไปอย่างมึนๆ "แต่ว่าข้าเองก็อยากรู้อยากเห็นมาตลอด บนยอดเขาโยวชิงนั่นเป็นอย่างไรกัน? ไม่หนาวหรือ? ฟังจากชื่อแล้วน่าะจะหนาวอยู่นะ ท่านทำไมถึงพักฟื้นอยู่ที่นั่นได้ตั้งหลายปีล่ะ?""เจ้าหยุดพูดก่อนเถอะ"เซียวหลันยวนถอนหายใจอย่างจำใจ เขารู้สึกว่าตนเองถ้าไม่เอ่ยออกมา นางคงเอาแต่พูดปาวปาวแน่ เห็นๆ อยู่ว่าเจ็บหนัก เห็นๆ อยู่ว่าแทบจะสลบไปอยู่แล้ว ทำไมถึงได้พูดมากกว่าปกติเสียล่ะนี่?"จู่ๆ ก็คิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้น่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามมาตลอด" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"รอให้อาการบาดเจ็บเจ้าดีขึ้นก่นอ แล้วข้าจะบอกกับเจ้าเอง" เซียวหลันยวนแบกนาง รู้สึกได้ว่าเลือดบนหลังนางหยุดลงมาที่หลังมือตนเองแล้ว ใจก็เจ็บปวดเสียเหลือเกินในคืนที่หนาวขนาดนี้ ถ้าหากเลือดออกไม่มากนัก ไหลมาเพียงครู่เดียวก็แห้งแล้ว ไม่มีทางหยดลงมาแน่ ตอนนี้เลือดนางยังไหลอยู่ อธิบายได้ว่าบาดแผลนั้นหนักหนาเอาการทีเดียวตัวฟู่จาวหนิงเองมียาอยู่ แต่ยาห้ามเ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ