ฟู่จาวหนิงให้คนส่งข้อความถึงเซียวหลันยวน บอกถึงความต้องการของจินเสวี่ยและไป๋ซวงนางอย่างไรก็ได้ไม่นานนัก เซียวหลันยวนก็ให้ชิงอีกมาอธิบายกับนายโดยเฉพาะ"พระชายา ท่านอ๋องรับปากว่าจะส่งจินเสวี่ยกับไป๋ซวงไปยังยอดเขาโยวชิงแล้ว"ชิงอีอธิบายว่า "อันที่จริงสาวใช้สองคนนี้ก็ไม่ชอบยอดเขาโยวชิงมาโดยตลอด เพราะที่นั่นมันวิเวกวังเวงและน่าเบื่อ พวกนางอยู่ที่นั่นก็วนไปวนมาอยู่กับท่านอ๋อง ดังนั้นพวกนางต่อให้กลับไปที่ยอดเขาโยวชิงก็คงไม่มีความสุขนัก สำหรับพวกนางก็น่าอึดอัดเช่นกัน""แต่พวกนางอยากจะไปกันเอง"ชิงอีชะงักไป "พวกนางอาจจะเห็นว่าครั้งนี้ท่านอ๋องพาท่านออกไปเป็นเวลานาน คงมองออกแล้ว ว่าข้างกายท่านอ๋องคงไม่จำเป็นต้องมีพวกนางอีกแล้ว"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว"เซียวหลันยวนในเมื่อรับปากแล้ว ก็ว่าไปตามนั้นนั่นล่ะ""พระชายาถ้ารุ้สึกว่าสาวใช้ในจวนไม่เพียงพอ ก็สามารถเพิ่มคนได้""ไม่ต้อง ข้าไม่เอา"ฟู่จาวหนิงส่ายหน้ารอจนชิงอีออกไป หงจั๋วจึงเอ่ยกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายา ไป๋ซวงกับจินเสวี่ยแบบนี้คงจะปล่อยวางแล้วจริงๆ""พวกนางอยู่ในจวนอ๋องคงลำบากยิ่งกว่า" เฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นมาเช่นกั
นางได้ยินเสียงปลดผ้าด้านหลัง ใบหน้าก็ร้อนผะผ่าวเล็กน้อยใจก็เต้นเร็วขึ้นแต่ว่าฟู่จาวหนิงก็บอกตนเองหลายรอบ ว่านางมาแก้พิษให้เขา จะว่อกแว่กไม่ได้ นางเป็นหมอ เขาเป็นผู้ป่วย นี่ไม่ใช่เรื่องปกติหรอกหรือ"เสร็จแล้ว"เซียวหลันยวนแช่ตัวลงไปในน้ำยา รู้ว่าฟู่จาวหนิงเองก็พูดถูกต้อง น้ำยาเป็นสีดำ มองภาพในน้ำได้ไม่ชัด เขาโผล่ออกมาแค่ช่วงไหล่แต่จะมากน้อยก็ยังตึงเครียดอยู่บ้างเพียงแต่เขาก็รู้ทันที ว่าภาพฝันอะไรนั่นมันไม่มีอยู่เลยน้ำยาออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว รูปขุมขนทั้งตัวของเขาล้วนถูกเปิดออก จากนั้นในน้ำก้เหมือนมีเข็มนับพันนับหมื่นเล่มแทงเข้าไปในทุกส่วนของร่างกายเขา ความเจ็บยุบยิบล้อมตัวเขาเข้ามาในพริบตา"เฮ่อ"เซียวหลันยวนร้องขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ จากนั้นจึงกัดฟันไว้ฟู่จาวหนิงหมุนตัวกลับมา เดินมาอยู่ข้างหลังเขา"รู้สึกเจ็บมากใช่ไหม? นี่เป็นเรื่องปกติ ทนเอาหน่อยนะ" นางเห็นหน้าผากเขามีเหงื่อซึม จึงหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดให้เขา"รอจนท่านรู้สึกว่ารับไหวกับความเจ็บปวดนี้แล้วก็บอกข้า ตอนนั้นข้าจะฝังเข็มให้ ผลลัพธ์จะดีมากที่สุด"ตอนนี้เซียวหลันยวนเจ็บปวดจนพูดไม่ออก ทำได้แค่พยักหน้าเขาพยายามจะอดท
เซียวหลันยวนเสียงแหบพร่า "เจ็บน้อยลงหน่อยแล้ว พอทนได้แล้ว"ดังนั้นก็ต้องรีบฝังเข็มแล้วสิ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะคิดเตลิดเปิดเปิงไปอีกฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าเขาทนไหวแล้ว จึงไม่กล้าชักช้า ให้เขาเอนตัวเข้าหาขอบถัง เผยให้เห็นช่วงหลังไหล่ จากนั้นก็เริ่มฝังเข็มให้เขาแต่ก่อนจะลงเข็มนางก็ยังต้องพูดขึ้นมาให้ชัดเจนก่อน"พิษนี้ของท่านเดิมทีลามขึ้นบนหน้าแล้ว ดังนั้น ตอนนี้อาจจะมีพิษคงค้างบีบไปอยู่บนหน้าบ้าง แผลเป็นพิษของท่านนี้จะเห็นชัดขึ้นมาอีก แต่ว่า ถัดจากนี้ก็จะมีการรักษาเฉพาะที่แผลเป็นพิษด้วย"แต่ก็อาจจะรักษาแผลเป็นพิษนี้ได้ไม่หมด"ข้าก่อนหน้านี้แม้จะไม่ได้ค้นคว้าด้านนี้มาโดยเฉพาะ แต่ขอแค่มีพิษอยู่ ถัดจากนี้ข้าก็สามารถเพ่งสมาธิค้นคว้าการขจัดรอยแผลเป็นออกได้ เป็นไปได้มากว่าจะรักษาท่านได้จนหายดี"แต่ของบางอย่าง ก่อนหน้านี่จะยืนยันได้อย่างสมบูรณ์ นางเองก็ยังรับประกันกับเซียวหลันยวนไม่ได้ ข้าจะทำให้หน้าตาของท่านฟื้นฟูกลับมาได้ดีเหมือนเดิมอย่างแน่นอนนี่คือความเข้มงวดจริงจังในฐานะที่นางเป็นหมอ"ข้ายังมั่นใจอยู่" แต่เห็นว่านี่เป็นคนของตนเอง นางจึงเสริมเข้าไปอีกคำหนึ่ง เพื่อไม่ให้เซียวหลันย
เซียวหลันยวนยังคิดจะไปหยิบกระจก ฟู่จาวหนิงถลึงตาใส่เขา "ตอนนี้จะไปดูอะไรเล่า?"รอให้ฝังเข็มเสร็จก่อนค่อยว่ากันสิ?เซียวหลันยวนไม่กล้าพูดอะไรรอจนฟู่จาวหนิงฝังชีพจรตรงหน้าอกเสร็จ เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าหน้าอกอึดอัดนิดหน่อย แล้วยังมีความรู้สึกเหมือนเลือดลมหลั่งทะลักด้วย"ข้าตอนนี้จะออกไป ท่านก็ลุกออกจากน้ำได้แล้ว จำไว้ด้วยว่าบนตัวจะต้องเช็ดให้แห้ง หลังจากนั้น...จะมีช่วงที่จะมีสภาพอาเจียนประมาณหนึ่งชั่วยาม ท่านเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดจบก็เก็บของแล้วเดินออกไปทันทีเซียวหลันยวนได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ตึงเครียดขึ้นทันทีเขาไม่มีทางให้นางได้เห็นสภาพอเนถอนาถจากการอาเจียนของตนเองแน่นอน!เขารีบลุกออกจากในน้ำ รีบเช็ดตัวให้แห้งแล้วสวมเสื้อผ้า"ท่านอ๋อง"องครักษ์สองคนที่คุ้มกันอยู่ด้านนอกเข้ามาประคองเขาทันที"พระชายาบอกให้ส่งท่านไปที่ห้องส้วม"เซียวหลันยวน "..."ค่ำของวันนี้ เซียวหลันยวนก็ทรมานจนแทบรากเลือดจนตอนที่ฟ้าค่อยๆ สว่าง เขากระทั่งรู้สึกว่าตัวเองเบาขึ้นมาหลายชั่ง"พระชายา"เซียวหลันยวนถูกประคองกลับห้องอย่างยากลำบาก พอนอนลงมา ก็ได้ยินเสียงขององครักษ์ดังขึ้นที่นอก
เซียวหลันยวนแอบกัดฟันเจ้าพวกนี้ ตอนนี้นับวันยิ่งไม่มีใครสั่งสอนเอาจริงๆและไม่รู้ว่าเพราะคิดว่าฟู่จาวหนิงจะคอยช่วยปกป้องหรือเปล่า ถึงไม่เห็นเจ้านายอย่างเขาอยู่ในสายตาแล้วเรื่องนี้พูดออกมา จะดูว่าเขาหน้าไม่อายไหมนะ?ประมาณว่าสนใจว่าซือถูไป๋จะทำอะไร?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างงงๆ "จริงหรือ? เพราะเหตุนี้น่ะนะ?"เซียวหลันยวนไม่ส่งสีหน้า"พันธมิตรโอสถใต้หล้าใหญ่โตกว่าโรงยาทงฝู ลูกมือก็มีมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นโรงยาทงฝูเดิมทีเป็นคนทรยศของพันธมิตรโอสถใต้หล้าแยกตัวออกไป ไม่มีคุณธรรม ข้าในเมื่อร่วมมือกับพันธมิตรโอสถใต้หล้ามาตลอด แล้วทำไมจะต้องไปหาโรงยาทงฝูกัน?"เขาพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่าทางจริงจัง เหตุผลฟังแล้วดูสง่าผ่าเผย"ให้คนของพันธมิตรโอสถใต้หล้ารู้เข้าจะไม่ดีเอา"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "พันธมิตรโอสถใต้หล้ามีข้อกำหนดไว้ว่า ถ้าไปวางรางวัลหายาสมุนไพรไว้กับพวกเขาทางนั้น จะไปหากับสถานที่อื่นต่อไม่ได้หรือ?"นางเองก็เป็นคนของพันธมิตรโอสถใต้หล้าเซียวหลันยวนกระแอมขึ้นเสียงหนึ่ง "ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ ข้ามีเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำน่ะ""ไม่เช่นนั้น ข้าติดต่อหาซือถูไป๋หน่อยดีไหม ถามดูว่าเข
"นี่ข้าต้มมาให้เองเลยนะ"ฟู่จาวหนิงส่งชามมาบนมือเขาเซียวหลันยวนพอรับไป ชามเอียงนิดหน่อยจนเกือบจะเทราดลงมา"อ๊ะ ระวังหน่อย" ฟู่จาวหนิงรีบเข้ามารับ ก็เห็นว่ามือของเขาสั่นเล็กน้อย"ข้า" เซียวหลันยวนรู้สึกขายหน้า ขนาดชามข้าวต้มก็ยังถือไม่ไหว อ่อนแอจนไม่มีหน้าจะไปพบใสครแล้ว "ให้ชิงอีเข้ามาเถิด"พอเขาพูดก็คิดจะตะโกนเรียกชิงอีตอนนี้ยิ่งรู้สึกดูเหมือนอยู่ร่วมกันไม่ได้เข้าไปอีก พระชายาเพิ่งจะยกข้ามต้มเข้ามา ทำไมจะหนีอีกแล้วล่ะ?"ท่านอาเจียนจนย่ำแย่เลยสินะ ข้าผิดเองที่คิดไม่ถึง ให้ข้าป้อนท่านเถอะ"ฟู่จาวหนิงหยิบช้อนเริ่มป้อนให้เขาช้อนส่งเข้าไปที่ริมปาก เซียวหลันยวนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังกินลงไปฟู่จาวหนิงดูแลเขาเช่นนี้ เขาไม่อยากจะปล่อยให้นางออกไปเลยแต่ถัดจากนี้นางยังต้องไปต้าชื่ออีกนะ"หน้าของท่าน อีกเดี๋ยวตอนที่ท่านหลับข้าจะมาจัดการให้ หลังจากตื่นขึ้นมาก็อย่าไปแตะต้องเข้าล่ะ"พอได้ยินฟู่จาวหนิงพูดถึงหน้าของเขา เซียวหลันยวนใจก็ดิ่งลงไปอีก ความคิดที่อยากให้นางอยู่ข้างกายเมื่อครู่ถูกกดทับลงอีกทันทีตอนที่นางป้อนข้าวต้มให้เขาเช่นนี้ คงมองเห็นใบหน้าเขาได้ใกล้ๆ นางไม่รู้สึกรังเกี
อันชิงวันนี้ยังดูตึงเครียดหน่อยๆนางอยากให้ฟู่จาวหนิงไปด้วยกัน และเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถามถึงเรื่องในเขาเมฆอรุณในตอนนั้น นางเองคงไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรเหมือนกันต่อให้ตอนนี้นางจะวางเรื่องพับไปไว้ข้างๆ แล้วแต่นางก็พูดไม่เก่ง กลัวว่าถึงเวลาแล้วจะทำได้ไม่ดี ตอบกลับไม่ได้ เดี๋ยวตอนหลังต้องมากลุ้มใจอีกอารมณ์แบบนี้ นางไม่อยากจะเจอเลยแต่ถ้าพาฟู่จาวหนิงไปด้วยนางก็รู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเลยฟู่จาวหนิงขึ้นนั่งบนรถม้า ตอนที่อยู่ห่างจากร้านอาหารชิงเว่ยไม่ไกลก็มาเจอกับอันชิงอันชิงรออยู่ที่นั่นแล้ว"พี่หญิงจาวหนิง""ชิงชิงวันนี้สวยมากเลย"ฟู่จาวหนิงพิจารณาตัวอันชิงผาดหนึ่ง มีความรู้สึกเหมือนตรงหน้าสดใสขึ้นมาอันชิงสวมชุดกระโปรงเหลืองหงส์แนบเขียวอ่อน กระโปรงปักผีเสี้อชมพูอยู่หลายตัว รวมผมเปียงูคู่ที่ดูมีชีวิตชีวา มีดอกไม้ผ้าสีชมพูเสียบไว้ ดูราวกับมีชีวิตตอนนี้พอเทียบกับลักษณะสง่างามตามปกติก็ค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ก็ดูเหมาะกับนางมากดูแล้วอ่อนช้อยน่ารักมาก แล้วยังดูมีพลังของวัยหนุ่มสาวด้วยพอสวมชุดเช่นนี้ออกมา ก็ปัดความกังวลข่าวลือต่างๆ ก่อนหน้านี้ออกไป จนทำให้คนรู้สึกได้ถึงความอา
น้ำเสียงน่าฟังฟู่จาวหนิงพูดไม่มีเสียงออกมาสี่คำกับอันชิงนางเองก็กดเสียงเอาไว้ น้ำเสียงน่าฟังของนางทางนี้เป็นการบวกคะแนนเพิ่มให้อย่างมากอืม เสียงของเซียวหลันยวนก็น่าฟังมาก โดยเฉพาะตอนที่เขาดูอบอุ่นแล้วก็ว่าง่าย น้ำเสียงนั่นกำลังพอดี ถ้าเพิ่มมาหน่อยก็จะเร็วไป น้อยไปหน่อยก็จะช้าไป ฟังแล้วรื่นหูเป็นพิเศษอันชิงมองออกถึงภาษาปากของนาง ดูเขินๆ หน่อยๆเพราะนางเองก็รู้สึกว่าเสียงของอีกฝ่ายน่าฟังเช่นกันนางลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ คารวะไปทางด้านนั้น"คารวะคุณชายติง"ทางนั้นเองก็มีการเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย ฟู่จาวหนิงสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเหมือนลุกขึ้นยืนคารวะมาเช่นกัน จงอดขำขึ้นมาไม่ได้สองคนนี้น่าสนใจจริงๆยังไม่ทันจะเห็นหน้ากันเลย ก็คารวะให้กันอย่างจริงจังเสียแล้ว?นางฟังออก ทางนั้นก็เหมือนมีอยู่สองคน เพียงไม่นาน ติงหรานก็เอ่ยขึ้น "แม่นางอันโปรดให้อภัยด้วย ข้าเชิญอาสะใภ้มาเป็นเพื่อนเสียแล้ว ถ้าหากมีเรื่องอะไร จะได้ดีกับแม่นางอันหน่อย"หลังจากนั้นก็เป็นเสียงหญิงสาว ฟังแล้วน่าจะเป็นฮูหยินวัยกลางคน"แม่นางอัน ข้าคืออาสะใภ้รองของติงหราน พี่สะใภ้ข้าสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงให้ข้ามา
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ