"ทุกคนกำลังมองท่านเช่นนี้ ท่านเห็นสายตาของฮูหยินใหญ่โม่ไหม?"ฟู่จาวหนิงเห็นฮูหยินใหญ่โม่แล้ว นางเข้าไปอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน เอ่ยกับเขาแผ่วเบา"นั่นต้องเป็นสายตาเห็นใจข้าแน่ๆ""เห็นใจเจ้า?" เซียวหลันยวนเหลือบมองออกไป เต็มไปด้วยพลานุภาพ ทำเอาคนเหล่านั้นล้วนต้องหันหน้าออกไม่มองมาทางเขาอีกเอาแต่จ้องตลอดแบบนี้มันชัดเจนเกินไปแล้วถ้าหากอ๋องเจวี้ยนพบว่าพวกเขารู้สึกว่าเขาน่าเวทนา พิการไปแล้ว และแทบจะเดินมาจนถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว คงจะกระตุ้นถึงเขามากเลยกระมัง?ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าสบตากับอ๋องเจวี้ยนที่สำคัญที่สุดคือ ถ้ามองมาตลอดก็คงจะอดมองไปยังครึ่งใบหน้าที่พันอยู่นั้นไม่ได้แน่นอนแล้วก็อดมองที่ขาเขาไม่ได้ด้วยเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงเย็นชา"พวกเขาน่าจะรู้สึกว่าไม่ควรเรียกข้าว่าอ๋องเจวี้ยน น่าจะเรียกอ๋องพิการมากกว่า" คำว่าพิการของพิกลพิการ พิการอ่อนแอ โรคพิการ พิการทางใบหน้าถึงอย่างไรก็คือพิกลพิการนั่นล่ะ"ฮูหยินใหญ่โม่พวกนางก็น่าจะรู้สึกว่าข้าน่าจะใกล้อยู่เป็นม่ายแล้ว" ฟู่จาวหนิงเหล่ยิ้มๆแค่กๆเซียวหลันยวนพอได้ยินคำนี้ก็คิดฟุ้งซ่านทันที "พวกเราตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรกันเ
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ปิดบังฮูหยินใหญ่โม่แต่ว่าฮูหยินใหญ่โม่ก่อนหน้านี้ก็รู้เรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนอยู่ ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก นางกระทั่งรู้สึกว่าถ้าไม่มีฟู่จาวหนิง อ๋องเจวียนตอนนี้คงจะออกมานอกบ้านไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวไปแล้วดังนั้นนางจึงรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงบางทีอาจจะเพระาไม่สะดวกพูดความจริง"ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิจะสร้างความลำบากให้เอา" ฮูหยินใหญ่โม่คิดแทนฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจ"ข้ารู้แล้ว ขอบคุณฮูหยินมาก"ฮูหยินใหญ่โม่ไม่กล้าพูดอะไรมากกับฟู่จาวหนิง ทำได้เพียงเดินจากไปอย่างกังวล"โต๊ะที่นั่งจัดเตรียมเสร็จแล้ว ขอให้ทุกท่านเคลื่อนตัวไปยังโถงงานเลี้ยง" คนมีในวังเข้ามาเชิญพวกเขาผู้คนก็เชิญให้อ๋องเจวี้ยนนำไปก่อนอ๋องเจวี้ยนแน่นอนว่าไม่เกรงใจ กวักกวักมือ องครักษ์สองคนข้างๆ ก็ยกเกี้ยวเบาขึ้นมาอีกครั้ง เขาบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายา ไปเถอะ พวกเราไปนั่งที่โต๊ะอาหารกัน"รอจนอ๋องเจวี้ยนออกไป คนอื่นๆ จึงตามขึ้นมาเพราะวันนี้อากาศร้อนแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จึงจัดที่ตำหนักฮวาเซียวตำหนักฮวาเซียวเปิดประตูได้ทั้งสี่ด้าน เสาระเบียงด้านนอกแขวนม่านบ
ฟู่จาวหนิงเองก็สายตาลุกวาวเสียเช่นกันถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่อำนวย นางคงจะผิวปากออกมาแล้วเอ้อ เหมือนจะดูนักเลงหน่อยๆ แฮะ นางลูบปลายจมูกเบาๆแต่ก็รู้สึกสนใจกับปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนขึ้นทันที นางมองไปทางเขา และก็เห็นเซียวหลันยวนกำลังมององค์หญิงหนานฉือขึ้นมาจริงๆๆ สายตานั่นดูจะลึกซึ้งหน่อยๆฟู่จาวหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งชั่วขณะหนึ่ง นางเองก็บอกไม่ถูกว่าตนเองตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรก่อนหน้านี้นางเคยรู้สึกว่า การชื่นชมต่อความงามเป็นสัญชาตญาณของคนทุกคนอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ปกติ ดังนั้นต่อให้ทั้งสองคนจะมีคู่รักแล้ว แต่การชื่นชมต่อความงามของคนอื่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่ตอนนี้เซียวหลันยวนมององค์หญิงหนานฉือ แต่นางกลับรู้สึกปวดร้าวเล็กๆ หรือ?นางอยากจะยื่นมือออกไปแล้วแบะหน้าเขาออกอย่างนั้นหรือ?นางแปลกไปหรือเปล่า?เซียวหลันยวนยื่นนิ้วชี้ จิ้มลงไปที่หลังมือนาง เอ่ยขึ้นเสียงต่อ "ทำอะไรน่ะ? จะแบะนิ้วตัวเองออกหรือ?"เขาแค่เหลือบมององค์หญิงหนานฉือผาดเดียว ก็ไม่ใช่ขนาดว่าองค์หญิงหนานฉือหน้าตาอย่างไรก็ไม่รู้ องค์หญิงหนานฉือนั่นงดงามกว่าที่เขาคาดไว้จริงๆ แต่เห็นคนงามขนาดนี้ ในใ
ตรงข้ามคือเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงดวงตาของนางเบิกโพลง สีหน้าชะงักด้วยความสนใจ"องค์หญิงหนานฉือเดินทางมาไกล แล้วยังนำน้ำใจมาให้กับแคว้นเจาอีก เหล่าขุนนางที่รักยิ่ง มา ข้าจะชูแก้วขึ้นพร้อมพวกท่าน ต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ"องค์จักรพรรดิยกแก้วสุราขึ้นมาก่อน คนอื่นเองก็ชูแก้วยืนขึ้นมา"ยินดีต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ องค์หญิงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางเสียแล้ว"คนทั้งหมดล้วนพูดขึ้นพร้อมกัน ชูกแก้วสุราขึ้นเคารพตอนที่คนทั้งหมดลุกขึ้นยืน มีอ๋องเจวี้ยนเท่านั้นที่ไม่ยืน ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็คิดจะยืน แต่เซียวหลันยวนกุมมือของนางไว้ ไม่ให้นางลุกขึ้นนางจึงแค่ชูแก้วขึ้นเซียวหลันยวนไม่ยกแก้วด้วยซ้ำ มือหนึ่งกุมฟู่จาวหนิงไว้ มืออีกข้างยันโต๊ะไว้ กดลงไปที่หน้าผากทำท่าเหมือนยังไม่ทันดื่มสุราแต่ก็ทนฤทธิ์สุราไม่ไหวแล้วอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วเหมือนคนที่ป่วยหนักเอามากๆโต๊ะนี้ของพวกเขาก็ชัดเจนเป็นพิเศษองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน พวกเจ้าทำไมไม่เคารพองค์หญิงล่ะ? องค์หญิงเป็นแขกคนสำคัญที่เดินทางมาไกลเลยนะ"แต่ว่า พอเขาเห็นหน้าตาฟู่จาวหนิงอย่างชัดเจนก็อดตกตะลึงไม่ได้ฮองเฮาเ
"ฮองเฮาจะจัดให้แค่ในงานเลี้ยงวังในคืนนี้เท่านั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาเสียงเรียบคำหนึ่ง "หลังจากวันนี้ก็จะไม่สนใจองค์หญิงหนานฉือแล้วหรือ?"ใครไม่รู้บ้างว่าเพราะอะไรฟู่จาวหนิงจู่ๆ จึงถามขึ้นเช่นนี้ฮองเฮาเองก็ตกตะลึงไป นางต้องรีบปฏิเสธแน่นอน จะทำตัวเย็นชากับองค์หญิงหนานฉือที่มาจากแดนไกลได้อย่างไรกัน? ต่อให้ในด้านหน้าตาจะพอกล้อมแกล้มไปได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีแค่งานเลี้ยงวังงานเดียวแบบคืนนี้"ไม่ใช่แน่นอน"คำพูดของฮองเฮาเองยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็ย้อนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ "เช่นนั้นความอยากจะรีบแยกองค์หญิงออกไปเสียให้ได้ของฮองเฮาเมื่อครู่นี้นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน? ข้าเข้าใจผิดหรือ?"พรวดไม่รู้ว่าใครที่กลั้นขำไม่ไหว หัวเราะพรวดออกมา จากนั้นจึงรีบกลั้นเอาไว้ แต่บรรยากาศก็แตกต่างออกไปบ้างแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบตามอง ฮูหยินเริ่นทางนั้นกำลังแปลให้กับองค์หญิงหนานฉือ แต่ดูจากสีหน้านางเหมือนจะพูดให้เกิดข้อพิพาทอยู่หน่อยๆ แล้วตอนแปลก็ดูจะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก สีหน้าองค์หญิงหนานฉือก็ดูไม่ค่อยจะเข้าใจ"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ข้าแค่เห็นว่าเจ้ากับองค์หญิงพอพบกันแล้วเหมือนสนิทกันมานานจึงอ
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง "หนิงหนิง หลักการตื้นๆ แค่นี้เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ? เพราะว่านางเป็นฮองเฮา ตำแหน่งสูงกว่าเจ้าอย่างไรล่ะ นางพูดจาเรื่อยเปื่อยได้ แต่เจ้าห้ามทำ"ฟู่จาวหนิงทนขำ "โอ้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว"อ๋องเจวี้ยนต่อคำมาอีกว่า "แต่เรื่องที่นางมาจับพี่น้องให้เจ้านี้ข้าไม่ยอมรับ""ทำไมท่านไม่ยอมรับล่ะ?" ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ จึงถามออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็นคนทั้งหมดล้วนมองมาทางอ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงไม่ยอมรับ? ไม่เห็นหรือว่าองค์หญิงหนานฉือสวยขนาดไหน? ผู้ชายน่ะ จะต้องยอมโอบซ้ายกอดขวาอย่างแน่นอน องค์หญิงหนานฉือกับฟู่จาวหนิงเป็นสองยอดสาวงามที่สุดในนี้แล้ว ถ้าหากทั้งสองคนเป็นของเขา โฮ่โฮ่โฮ่ นั่นมันเป็นเรื่องสุดยอดที่ทำเอาเลือดกำเดาไหลเลยทีเดียวเหล่าชายหนุ่มในงานทั้งหมดล้วนอิจฉากันแทบคลั่งอ๋องเจวี้ยนเองก็ขี้เกียจจะพูด "เพราะข้าไม่อยากมีคนมาเรียกข้าว่าพี่เขยมากขึ้นน่ะสิ พอถึงตอนปีใหม่ที่ต้องแจกแต๊ะเอีย ข้าคงได้แคะกระปุกแแน่""พรวด"ตอนนี้มีคนกลั้นไม่ไหว หัวเราะก๊ากออกมาแล้วกระทั่งไทเฮาเองก็ยังอดขำขึ้นมาไม่ได้ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วใส่เซียวหลันยว
องค์หญิงหนานฉือฟังไปฟังมาก็เริ่มรำคาญไม่ใช่ว่ารำคาญอ๋องเจวี้ยน แต่รู้สึกว่าฮูหยินเริ่นคนนี้พูดไม่คล่องฟังเสียงของฮูหยินเริ่น จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มที่พันหน้าไว้ครึ่งหน้า นางรู้สึกว่าเสียงของฮูหยินเริ่นบรรยายตัวเขาไม่ได้เอาเสียเลย"เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวข้าจะดูเอง"รู้ว่าเป็นอ๋องเจวี้ยนก็พออ๋องเจวี้ยน นางก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินมาอยู่ระหว่างทางที่มาแคว้นเจา คนของพวกเขาก็สำรวจมาแล้ว เพียงแต่ข้อมูลของพวกเขาแย่ไปหน่อย ตอนแรกสุดไม่ได้ให้ความสนใจมาที่อ๋องเจวี้ยนคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเขาสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ค่อยจะอยู่ในเมืองหลวงท่านอ๋องขี้โรคคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์มีอำนาจกับพลังคุกคามเอาเสียเลยดังนั้นองค์หญิงหนานฉือจึงรู้ไม่มากนักตอนแรกสุดที่เห็นอ๋องเจวี้ยน พอนางเห็นใบหน้าที่พันผ้าไว้ครึ่งหนึ่งของเขา ก็หมดความสนใจลงทันทีแต่ตอนนี้ท่าทีของฟู่จาวหนิงทำเอานางต้องเอียงตากลับหลังจากนี้คือการปกป้องต่อตัวฟู่จาวหนิงของอ๋องเจวี้ยนตอนนี้พอเห็นอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าบนตัวอ๋องเจวี้ยนดูสงบและผ่อนคลายมากอย่างหนึ่งในที่แห่งนี้สิ่งนี้องค์จักรรพรรดิไม่มีนางร
"นายท่านมองที่ไหนกันน่ะ!""นี่ นี่ๆๆๆ นี่ออกมาได้อย่างไรกัน?"ชั่วขณะหนึ่ง คนไม่น้อยในโถงล้วนเอะอะกันขึ้นมา ฮูหยินส่วนมากล้วนไม่สนอะไรแล้ว พอเห็นนางระบำกลุ่มนี้ ก็ร้องหน้าถอดสีกันหมด หลังจากที่ตนเองถลึงตามองอ้าปากค้าง ก็ทยอยกันมองไปทางสามีที่อยู่ข้างๆพอเห็นว่าพวกเขามองกันตาไม่กระพริบ พวกนางก็เริ่มหึงหวงขึ้นมามีคนที่ทนไหว ทำเพียงแอบกัดฟันมีบางคนที่ทนไม่ได้ ยื่นมือไปหยิกสามีและยังมีบางคนแอบทำอะไรแต่ไม่พูดออกมา ทว่าก็มีคนที่กลั้นไม่ไหวจริงๆ ร้องเรียกไปทางสามีแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าส่งเสียงเอะอะ กดเสียงต่ำเอาไว้ แต่พอคนมากเข้า เสียงจึงเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นมาสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ฮองเฮาเองก็ไม่อยากเชื่อ "องค์หญิง พวกนาง ที่พวกนางสวมคือชุดอะไรหรือ?"นี่ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้ด้วยหรือ?องค์หญิงหนานฉือฟังไม่ออกว่าฮองเฮาพูดว่าอะไร เพราะหวางต้าหลางกับฮูหยินเริ่นสองคนตอนนี้ก็ยังตะลึงงันอับนางรำอยู่ ลืมไปเลยว่าต้องแปลให้กับนางทูตหนานฉือเองก็เหมือนจะฟังเข้าใจหน่อยๆ จึงตอบไปคำหนึ่งว่า "ชุดระบำ ชุดระบำ""นี่คือชุดระบำ?" ฮองเฮาไม่อยากจะเชื่อแคว้นเจาของพวกเขาค่นอข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ว
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ