"อ๋องเจวี้ยน พระสัสสุระช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องอยู่ จึงพูดจาโผงผางไปหน่อย ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก และเขาเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จะว่าไป หน้ากับขาของเจ้า ถ้าข้าไม่ได้ถามพระชายาเมื่อคืน ก็คงเป็นห่วงอย่างมากเช่นกัน"พอจักรพรรดิพูดออกไป ทุกคนก็อดมองไปที่ใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ที่พันไว้ยังคงเป็นผ้าพันแผลเมื่อวานนี้ ดูท่าเมื่อคืนนี้ในวังหลวงคงไม่ได้เปลี่ยนยา"โฮ้ เช่นนั้นข้าก็จะพูดที่นี่เสียหน่อย จะได้ไม่ต้องมาสนอกสนใจกัน" เซียวหลันยวนกอดของว่างบนขา ตอนระหว่างทางเขาไม่ได้กิน ตอนนี้เตรียมจะกิน "พระชายาของข้าบอกว่า เ็นเพราะร่างกายของข้าอ่อนแอมาหลายปี ใช้ยาที่รุนแรง ผลลัพธ์ก็ยังธรรมดา แต่นางหลังจากนี้จะออกไปหายา แล้วค่อยๆ รักษาข้า และเป็นไปได้ด้วยที่จะรักษาจนหาย"พอพูดออกมา ในใจเหล่าขุนนางก็เต้นตึกตักขึ้นความหมายก็คือสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนป่วยหนักมาตลอดอย่างนั้นหรือตอนนี้รักษาแล้วยังมีผลที่ไม่ค่อยดีเช่นนี้ แต่ไม่รักษาก็จะไม่รอดเอาส่วนที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนพูดว่าหลังจากนี้อาจจะรักษาจนหาย นี่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่อย่างน้อยก็อธิบายได้จุดหนึ่ง นั่นคือในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ยังรักษาไม่ได้ยิ่งไ
ชิ้นนี้เป็นของเขา!เมื่อคืนนี้เขาถูกยั่วโมโห จึงอยากจะกินสิ่งนี้เพื่อดับไฟเสียหน่อย ดังนั้นจึงไปกำชับพ่อครัวหลวงไว้ตอนนี้ของวางมาอยู่ในมือเซียวหลันยวนเสียแล้ว"ไอ้เจ้าแจ๊บๆ สีเขียวในนี้คืออะไรกัน?" เซียวหลันยวนยังลองดมดู "มีกลิ่นของชาหอมเสียด้วย?""เหอะๆ" องค์จักรพรรดิสีหน้าใกล้จะตึงจนไม่ไหวแล้ว "อ๋องเจวี้ยน นี่เป็นขนมที่ทำจากชาหลงจิ่งคุณภาพสูงที่เก็บมาตอนเช้าแล้วชงด้วยน้ำค้าง บวกกับเนื้อลำไยและเครื่องปรุงดอกกุ้ยกับรากบัวบด มีชื่อว่ามรกตเสวย""องค์จักรพรรดิช่างรอบรู้เสียจริง เช่นนั้นข้าขอชิมหน่อย"เซียวหลันยวนกัดขนมชิ้นค่อนข้างใหญ่นั้นไปคำหนึ่ง ด้านในมีความใสสะอดอยู่จริงๆ หอมสดชื่นเตะจมูก"อร่อย" เขาเอ่ยขึ้นคำหนึ่ง "ข้าชอบมาก ขนมชิ้นนี้ปริมาณเยอะดี หวา มีสองชิ้นด้วย ข้าจะเหลืออีกชิ้นไว้ให้พระชายาลองชิมดู"สองชิ้นนี้มันเป็นของเขานะ! นี่ถูกเอาไปหมดเลยหรือ! หน้าองค์จักรพรรดิดำมะเมี่ยมไปแล้ว"องค์จักรพรรดิ" เซียวหลันยวนกินไปด้วยถามเขาไปด้วย "ข้าจะหิวไม่ได้ ดังนั้นจึงสั่งคนให้ไปที่ห้องเครื่องหยิบมาส่งๆ ไม่รู้ว่าหยิบอาหารเช้าของใครมา คงไม่ถูกด่ากระมัง? กลับไปรบกวนท่านไปบอกกับเจ้าขอ
องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าตนเองเจอเซียวหลันยวนอยู่บ่อยครั้ง แล้วเวลาพูดคุยกับเขา ก็เหมือนอายุตัวเองสั้นลงไปหลายปีเลยรอจนได้รับของมา เขาแทบไม่อยากจะเห็นคนผู้นี้เลย! จริงด้วย ยังมีฟู่จาวหนิงอีก!"สิ่งยืนยันสามชิ้นมันเปิดอะไรขึ้นมาได้หรือ? แล้วพบกับอะไรบ้าง? จะเอาแต่พูดถึงของสามชิ้นนั้นไม่ได้สิ?"พอเห็นว่าองค์จักรพรรดิถามลำบาก พระสัสสุระจึงนำเอาน้ำใจนี้ส่งต่อไปจนสุดทางวันนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องให้อ๋องเจวี้ยนเอาสิ่งของเหล่านี้พูดออกมาให้ได้"พระสัสสุระจะเป็นห่วงไปทำไม? ไม่ว่าสิ่งของจะเป็นอะไร นี่ก็เป็นของสกุลเซียว ไม่ใช่ของตระกูลเจียงของท่าน"พระสัสสุระเองก็สำลักจนเจ็บหัวใจไปหมดแค่หมู่บ้านกุยเซี่ยวถูกทำลาย ตอนนี้เจียงเจี๋ยก็เหลือแค่ลมหายใจแล้ว เองก็บอกเรื่องนี้ออกมาไม่ได้ คิดบัญชีกับอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ได้ แล้วยังต้องคอยปิดเรื่องนี้อีก จะได้ไม่เปิดโปงตัวฮองเฮา"อ๋องเจวี้ยนพูดถูกต้อง องค์จักรพรรดิเองก็เป็นคนตระกูลเซียวนี่นา องค์จักรพรรดิถึงอย่างไรก็ต้องรู้กระมัง?"องค์จักรพรรดิทำท่าทำทางโบกไม้มือ "เฮ้อ เสด็จพ่อรักอ๋องเจวี้ยนเป็นพิเศษ คิดจะส่งแคว้นเจาอีกครึ่งหนึ่งให้เขา ข้าไม่กล้าพูดอะ
ครั้งนี้ที่สูดลมหายใจลึกก็ไม่ทำให้เขาสงบลงเท่าไรนัก ทำได้เพียงทำมันหลายๆ รอบ นี่อดกลั้นจนหน้าผากมีเส้นลือดปูดขึ้นมาเลยทีเดียว"อ๋องเจวี้ยน ข้าไม่เคยมีความหมายเช่นนั้น เจ้าทำไมจึงคาดเดาไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ ข้าเสียใจมากจริงๆ"ใครก็ฟังออกว่าประโยคนี้องค์จักรพรรดิกัดฟันพูดออกมาแต่เขาก็ยังพูดออกมาได้แต่เกรงว่าคงจะทำแค่ผิวเผินกระมัง?"เมืองหลวงนี้ จวนอ๋องเจวี้ยน เป็นบ้านของเจ้าเซียวหลันยวนไปตลอดกาล เจ้าจะไปที่ยอดเขาโยวชิงหรืออยู่ในเมืองหลวง ก็ล้วนตามแต่อิสระของเจ้า ข้าไม่เคยกักบริเวณเจ้ามาก่อน"ตอนที่องค์จักรพรรดิพูดประโยคนี้ เหล่าขุนนางก็ล้วนถอนใจโล่งออกมาแล้ว"เช่นนั้นก็ขอบคุณองค์จักรพรรดิแล้ว" อ๋องเจวี้ยนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งองค์จักรพรรดิครั้งนี้สูดลมหายใจลึก "ในเมื่ออ๋องเจวี้ยนไม่ยอมพูดออกมา เช่นนั้นก็ว่าเรื่องทางการกันต่อ สถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ใหญ่ของหอไป่กุยจะทำอย่างไร เสบียงค่ายทหารทางเหนือที่หกจะทำอย่างไร?"เหล่าขุนนางก็เลยกลับมาที่หัวข้อนั้นหารือกันไปมา ก็ยังรู้สึกว่าต้องบริจาคมาบางส่วน ไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ องค์จักรพรรดิเองก็สั่งการลงมา เริ่มจากในเมืองหลวง ให้
องค์จักรพรรดิถ้าต้องไปดูจริงๆ ล่ะก็ ก็รู้สึกขายหน้าอยู่หน่อยๆ แล้วจะดูเหมือนเขาร้อนรนเกินไป แล้วยังรู้สึกสนใจกับมรดกของอดีตพระชายาองค์จักรพรรดิอีกด้วยแต่ถ้าไม่ไปให้เห็นกับตาเสียหน่อยเขาก็ทั้งรู้สึกไม่ยินยอม และไม่เชื่อคำพูดของเซียวหลันยวนด้วยเมื่อครั้งไท่ซ่างหวงสละบัลลังก์ในอดีต เซียวหลันยวนตั้งแต่เด็กจนโต ในวังก็ไม่มีร่องรอยของหญิงสาวคนนั้นอยู่เลยจริงๆ และไม่รู้ว่านางทิ้งอะไรเอาไว้ให้กับเขาถ้าหากเซียวหลันยวนคิดจะเอาของบางส่วนออกมาบอกว่าเป็นมรดกของหญิงสาวคนนั้น ก็ก็ดูจะมีน้ำหนักเพียงพออยู่"สิ่งที่ทิ้งไว้ให้กับเจ้า ถูกวางไว้ที่ไหนหรือ? ตอนไปรับถึงกับต้องใช้เวลาตั้งเป็นเดือนๆ?"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "จำให้ทำอย่างไรได้? ร่างกายของข้าก็เร่งระยะทางเร็วมากไม่ไหว ดังนั้นจึงค่อยๆ คืบคลานกันไป บวกกับพระชายาของข้าก็ไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาก่อน ดังนั้นข้าก้เลยพานางไปชมเขาชมแม่น้ำของแคว้นเจาเสียเลย"เชื่อก็บ้าแล้ว!เซียวหลันยวนพูดต่อ "ยิ่งไปกว่านั้นตลอดทางพวกเรายังเจอกับเจ้าพวกสายตาไม่กว้างไกลบางส่วน จัดการขึ้นมาก็ตำมือ ดังนั้นไปไปมามาก็เลยเสียเวลาไปกว่าครึ่งปี"มุมปากองค์จักรพร
องค์จักรพรรดิ "!!"เขาโมโหจนแทบบ้าแล้ว!ฟู่จาวหนิงไม่รู้เลยว่าเซียวหลันยวนเป็นคนที่ไร้เหตุผลในราชสำนักขนาดไหน แค่อาศัยปากก็แทบจะทำให้องค์จักรพรรดิโมโหจนคลั่ง หลังจากที่เขาไปประชุมเช้า ฮองเฮาก็สั่งคนมาเชิญนางฟู่จาวหนิงปฏิเสธไม่ได้ไปพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ให้นางเห็นหน้าของฮองเฮา นางก็รู้สึกแย่เสียแล้วพอมาถึงวังเฟิ่งอี๋ สาวใช้วังก็เข้รามาคารวะนางอย่างนอบน้อม"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ฮองเฮาวันนี้บอกว่าปวดหัว ท้องก็ไม่ค่อยดีนัก จึงเชิญท่านมาดูอาการเสียหน่อย"พูดขึ้นอย่างจริงใจฮองเฮาสุขภาพไม่ดี ฟู่จาวหนิงเชื่ออยู่เมื่อคืนนี้มองหน้าของนางก็มองออกแล้ว คาดว่าน่าจะถูกเรื่องที่ถอนรากถอนโคนหมู่บ้านกุยเซี่ยวส่งผลกระทบเข้าฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าน้องชายของฮองเฮาเจียงเจี๋ยบาดเจ็บหนัก หมอเทวดาหลี่เองก็ไปยังจวนพระสัสสุระตั้งหลายรอบนางให้ไป๋หู่ไปสืบข่าวพวกเขา รู้ว่าคนของจวนพระสัสสุระออกมาซื้อยาอะไรบ้าง ดูจากวัตถุดิบยาพวกนั้น ฟู่จาวหนิงก็ยืนยันได้แล้ว ว่าเจียงเจี๋ยเจ็บหนักมากแต่ในวัตถุดิบยาเหล่านี้มีฤทธิ์ยาที่รุนแรง ผลลัพธ์การหยุดเลือดรั้งชีวิตดีมาก แต่จะยิ่งทำร้ายร่างกายเข้าไปอีก บางทีเดิมทียังพอช่
สีหน้าหมัวมัวเกือบจะเปลี่ยนไปส้มที่ปอกเสร็จแล้ว ฮองเฮากินไปสองสามกลีบเพื่อเปิดกระเพาะ จากนั้นจะเอาไปแขวนไว้ในบ่อ รอช่วงกลางวันค่อยนำมากินทั้งหมดมีอยู่ไม่มาก นี่กินได้ทั้งวันเลยนะผลลัพธ์คือพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาไปหมดเลย?"... ในเมืองหลวงไม่มี" ฮองเฮากัดฟันฟู่จาวหนิงไม่กลัวเปรี้ยว ยิ่งไปกว่านั้นกระเพาะนางยังดีมากอีกด้วย ของอย่างส้ม นางกินตอนท้องว่างไม่มีปัญหาอะไรเลยส้มนี้หวานมาก น้ำทะลัก ในเมืองหลวงไม่มีจริงๆ ดูท่าขนส่งมาก็น่าจะหนักอยู่ ระยะทางก็ห่างไกล แล้วยังต้องเสียไประหว่างทางอีกมาก ดังนั้นจึงล้ำค่าสุดๆด้านนอกไม่มีทางได้เห็น มีแต่ฮองเฮาที่ได้กิน นางทำไมจะต้องเกรงใจกัน?นางก็เลยกินไปทีละกลีบสองกลีบ กินอย่างเบิกบาน"ฮองเฮาเรียกข้าเข้ามา มีเรื่องอะไรหรือ?"ทำไมถึงจ้องนางแบบนี้ล่ะ?ฮองเฮาปวดใจกับส้มเหล่านั้น ใจหดหู่ขึ้นมาเลย "ข้าหลายวันนี้นอนหลับไม่ค่อยดี หลังจากตื่นมาก็หัวก็ปวดท้องก็ปวด ไม่ค่อยอยากอาหารด้วย""หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง?" ฟู่จาวหนิงถาม"หมอหลวงบอกว่าอาจจะเป็นโรคไม่เจริญอาหาร"สภาพอากาศร้อนมากก็เป็นโรคลมแดดได้แต่ฮองเฮาก็รู้อยู่เต็มอก ว่าใจของนางซึมเศร้าจนไ
หมัวมัวคนนั้นรีบเดินเข้ามา สายตาตกไปอยู่บนตัวฟู่จาวหนิง ทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านอยู่ที่นี่พอดีเลย รบกวนท่านไปดูไทเฮาหน่อย"ฟู่จาวหนิงดีดตัวลุกขึ้น "ไทเฮาเป็นอะไรไป?""จู่ๆ ก็ลุกไม่ขึ้น อ่อนยวบไปทั้งตัวเลย ข้าน้อยเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร""ไปไปไป ข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยกับฮองเฮาว่า "ฮองเฮา ท่านทางนี้ล้วนมีหมอหลวงกับหมอเทวดาหลี่คอยดุแล้ว เช่นนั้นข้าไม่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนจะดีกว่า ข้าจะไปดูไทเฮาทางนั้น!"พูดจบนางก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวสายลม"ฮองเฮา ข้าน้อยขอตัวก่อน" หมัวมัวคนนั้นก็คารวะให้ด้วย รีบออกจากตำหนักไปฮองเฮายื่นมือออกมา เดิมทีคิดจะขวางฟู่จาวหนิงไว้ แต่นางก็เร็วเสียเหลือเกิน ห้ามไม่ทันนางเห็นฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปคาตาที่น่าโมโหที่สุดก็คือ ฟู่จาวหนิงกลับลืมวางถามส้มนั้นลง! แต่นางกอดออกไปด้วย!ฟู่จาวหนิงเดินออกมาพักหนึ่งจึงผ่อนฝีเท้าลง รอให้หมัวมัวเดินตามมา"พระชายาอ๋องเจวี้ยน นี่ท่าน.." หมัวมัวจินมองส้มครึ่งถาดที่นางกอดอยู่ ไม่ค่อยเข้าใจนัก"ฮองเฮาให้คนปกมาให้ข้า แล้วยังเชิญให้ข้ากินอย่างเป็นมิตรด้วย ข้าไม่กินก็ไม่ได้ นี่เพื่อไม่ให้เสียน้
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ