ฟู่จาวหนิงสุดท้ายก็สองจิตสองใจ เขียนไปอีกครึ่งแผ่นแล้วก็ยื่นส่งให้เขาเซียวหลันยวนได้รับจดหมายนาง ก็เห็นภาพดินสอถ่านรูปนั้นก่อน จากนั้นก็มองเห็นตัวหนังสือหลายบรรทัดข้างๆ"นี่เป็นหน้าตาของเก๋อชีซิงที่วาออกมาตามที่ไป๋หู่บรรยาย ท่านลองเทียบดูว่าใช่คนนี้ไหม ไป๋หู่บอกว่าตอนอยู่ที่ต้าชื่อไม่เคยรู้ว่าเก๋อชีซิงรู้วิชาแพทย์ ท่านลุงก็ไม่เคยให้เขารักษามาก่อน เรื่องนี้ทำให้คนผู้นี้น่าสงสัย ลองตรวจสอบดูได้"แค่นี้หรือ?เซียวหลันยวนพลิกจดหมายดูด้านหลัง ด้านหลังก็ไม่มีอะไรเขียนไว้เขามองชิงอี "หมดแล้วหรือ?"ชิงอีไม่เข้าใจ "ท่านอ๋อง น่าจะยังมีอีกอย่างนั้นหรือ?"พระชายาบอกว่าจะเขียนจดหมายหลายหน้าหรือ?เซียวหลันยวนเม้มริมฝีปากขึ้นทันที ไม่เบิกบานเสียแล้ว เขาเขียนไปตั้งมากมาย ฟู่จาวหนิงตอบมาแค่หน้าเดียว ยิ่งไปกว่านั้นด้านครึ่งจดหมายยังเป็นรูปของเก๋อชีซิงอีกด้วย แต่สักคำเดียวก็ไม่พูดถึงเขาเลย ไม่สนใจเขาเลยหรือว่าพวกเขาแยกกันเช่นนี้ ความรู้สึกก็จืดจางลงไปด้วย?"ไปถามชินอ๋องเซียวดูว่าเก๋อชีซิงคนนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้หรือเปล่า" เขายื่นจดหมายส่งออกไป"ขอรับ" ชิงอีรับจดหมายมา เหลือบมองผาดหนึ่งที่แท
องค์จักรพรรดิตอนนี้จำเป็นต้องมีคนหนึ่งมาแทนที่ตำแหน่งของหมอเทวดาหลี่หมอเทวดาหลี่ตอนนี้กำเริบเสิบสานไปหน่อยจริงๆ ลูกสาวของเขาออกเรือนกับเซียวเหยียนจิ่งก็ถือว่าได้แต่งงานสูงเกินตัวแล้ว แต่พวกเขาพ่อลูกก็ยังอาละวาดอยู่ในจวนชินอ๋องเซียว ทำให้คนในเมืองหลวงต้องมาเห็นเรื่องตลกอยู่นานสองนานจวนชินอ๋องเซียวก็ถือเป็นครอบครัวของราชวงศ์นะพอเห็นเรื่องตลกของจวนชินอ๋องเซียวก้เท่ากับเห็นเรื่องตลกของราชวงศ์ชินอ๋องเซียวไม่ได้มาฟ้ององค์จักรพรรดแค่ครั้งเดียว แต่องค์จักรพรรดิไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับเขาได้ ใครทำให้พวกเขาต้องเอาแต่พึ่งหมอเทวดาหลี่กันล่ะ?แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามีอาการป่วยบางอย่าง หมอเทวดาหลี่รักษาไม่ได้ พวกเขาแค่คิดว่าอาการป่วยนี้หนักมาก ถ้าไม่ใช่หมอใหญ่ไม่มีทางรักษาได้ จึงทำได้เพียงยอมรับไปหลังจากที่ฟู่จาวหนิงปรากฎตัว พวกเขาจึงพบว่า ที่แท้ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้คือวิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่อันที่จริงก็ไม่ได้ดีสักเท่าไรตอนนี้องค์จักรพรรดิก็หวังว่าจะมีหมอใหญ่ที่วิชาแพทย์เก่งกว่าหมอเทวดาหลี่อีกสักคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเก๋อชีซิงก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วตอนนี้"ชินอ๋องเซียว เจ้าไปพบกับหมอเก
องค์จักรพรรดิฟังแล้วมึนหัวหน่อยๆนี่ทำไมเหมือนฟังเรื่องเหลือเชื่ออยู่เลย?"หลังจากนั้นล่ะ?""ของในห้องลับนั้นมีไม่น้อยเลย หลังจากข้าจัดการออกมาจึงพบถึงสถานที่ที่พ่อของข้าจากมา เขาบอกว่าตนเองไม่ใช่คนต้าชื่อ เป็นคนของตงฉิง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้สืบทอดตระกูลขุนนางแพทย์แห่งแคว้นตงฉิงด้วย ตอนนั้นเขากับปู่ของข้าติดตามใต้ฝ่าพระบาทไปทำการทูตที่ต้าชื่อ นำคัมภีร์ยาหนังสือแพทย์มาด้วยส่วนหนึ่ง คิดจะส่งมอบให้กับต้าชื่อ"ซู๊ดองค์จักรพรรดิฟังถึงตรงนี้แล้วอดสูดปากไม่ได้ตงฉิง!เป็นคนตงฉิงจริงหรือ?ได้ยินว่าแคว้นเจาตอนนั้นก็ได้รับของดีดีมาจากตงฉิงด้วยเหมือนกัน เรื่องนี้พูดขึ้นมาก็ไม่ค่อยน่าภูมิใจเท่าไร ประชาชนแคว้นเจาไม่รู้กัน ตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนักน่าจะต้องเป็นพวกเหล่าขุนนางเก่าในราชวงศ์ที่แก่หง่อมจนฟันหลุดหมดปากแล้วเท่านั้นที่จะรู้อยู่บ้างแต่องค์จักรพรรดิก็ยังรู้ว่าไม่น่าภาคภูมิใจเท่าไร ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะไปถามให้ชัดเจน ตงฉิงหายไปนานแล้ว และไม่ใช่แคว้นเจาที่ทำให้มันล่มสลาย ใครจะยังไปสนใจอดีตกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?เพียงแต่ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับคนของตงฉิงคนหนึ่ง องค์จั
องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้ที่เห็นหมอเก๋อ ก็เป็นแค่ผู้เฒ่าที่มีวิชาแพทย์คนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นชายชราที่มีประโยชน์กับเขา แต่ตอนนี้พอมองหมอเก๋ออีกครั้ง กลับดูมีแสงประกายแห่งผู้วิเศษที่ดูเหมือนเซียนขึ้นมาเสียอย่างนั้น"หมอเก๋อ จะยืนพูดกันอยู่ทำไม? นั่งลงคุยกันเถิด"องค์จักรพรรดิร้องเรียกขึ้นทันที "ใครก็ได้ ยกน้ำชามา ยังต้องให้ข้าสอนพวกเจ้าทำงานอีกหรือ?"เก๋อชีซิงนั่งลง ดื่มชา และรู้สึกว่าที่ตนเองเลือกมาแคว้นเจาคือถูกต้องแล้ว หลังจากนี้เขาก็จะเป็นคนเหนือคนแล้วที่ต้าชื่อ เขากังวลว่าถ้าจักรพรรดิต้าชื่อถูกโค่นไป ของทั้งหมดคงถูกแย่งไปทั้งหมดราชวงศ์ต้าชื่อ เดิมทีก็มีสัญชาตญาณสัตว์ป่าแย่งชิงของชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นต้าชื่อก่อนหน้านี้จะต้องทำเรื่องที่แม้แต่ฟ้าก็ยังรับไม่ได้กับตงฉิงอย่างแน่นอน พวกเขายิ่งต้อนรับคนรุ่นหลังของตงฉิงไม่ลง กลัวว่าความลับในอดีตจะถูกเปิดโปงออกมามากกว่าแคว้นเจาแน่นอนพวกเขาไม่มีทางให้รุ่นหลังของตงฉิงได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันดังนั้นถ้าเขาเปิดเผยจุดนี้กับต้าชื่อ คงได้ตายแบบไม่มีหลุมฝังแน่นอนลองดูบทลงเอ่ยของตระกูลเสิ่นที่แต่เดิมโดดเด่นแต่ต้องมาตกอับเหมือนปัจจุบั
เกี่ยวกับจุดนี้ เขายังคิดๆ ว่าจะเอาตำแหน่งใดให้กับหมอเก๋อดี"เช่นนี้ จวนก็สำคัญ จะมอบให้ก่อน เจ้าเองก็เก็บกวาดแล้วย้ายเข้าไปแล้วกัน""เป็นพระมหากรุณาธิคุณ!" เก๋อชีซิงลิงโลดขึ้นมา คุกเข่าลงขอบคุณทันที"เพียงแต่ว่า" องค์จักรพรรดิเปลี่ยนน้ำเสียง "ข้าเองก็มอบให้เจ้าโดยไม่มีเหตุใดได้เสียด้วย ดังนั้น หมอเก๋อ เจ้าว่า...""ข้าน้อยเข้าใจแล้ว! กลับไปข้าจะเขียนตำรับยาล้ำค่าให้สิบรายการ มอบให้แก่แคว้นเจา นี่เป็นแค่ความจริงใจอันดับแรกที่ข้าน้อยมอบให้"องค์จักรพรรดิต้องการคำพูดนี้ของเขาหลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หมัวมัวจินก็พาสาวใช้วังสองคนออกจากวังไปซื้อของเล่นบางส่วนมาให้กับไทเฮาในจุดที่ไม่มีคนเห็น หมัวมัวจินก็หมุนตัวมุดเข้าไปในรถม้าอีกคันหนึ่ง แอบมายังจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนเห็นหมัวมัวจินจากในห้องหนังสือหลังจากได้ยินคำพูดของหมัวมัวจินเขาก็รู้สึกเกินคาดขึ้นมา"หนังสือแพทย์หกสิบหกเล่ม?"นี่มันเป็นของที่ล่อตาล่อใจคนมากเลยนะ ถ้าหากหนังสือแพทย์เหล่านี้สามารถปรากฎขึ้นในงานประชุมหมอใหญ่ คนเหล่านั้นก็น่าจะแย่งกันอุตลุต"บอกว่าหมอเก๋อคนนั้นอาศัยหนังสือแพทย์เหล่านี้ ค้นคว้ามาหนึ่งปีก็กลายมาเ
ในเมืองเล็กที่ตระกูลเสิ่นตั้งอยู่เมืองนี้มีกลิ่นหอมลอยไปทั่วทุกหนแห่งพวกของไป่หูหลังจากเข้าเมืองก็ถอนใจโล่งมาถึงอย่างปลอดภัยแล้ว ในใจเองก็ไม่ตึงเครียดอีกแล้ว"คุณหนู ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลเจ็ดเพลิงของต้าชื่อ ทุกครัวเรือนที่นี่จะทำขนมนึ่งใบไผ่ประเภทหนึ่ง ให้ข้าซื้อแต่ละรสชาติมาให้ท่านดีไหม?" มีองครักษ์ถามขึ้นขนมนึ่งใบไผ่?ฟังแล้วน่าจะไม่เลว"ไม่รีบๆ ไปบ้านตระกูลเสิ่นกันก่อน"ฟู่จาวหนิงยังดูร้อนรนอยู่ ไม่รู้ว่าไท่ไท่อาวุโสเสิ่นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว"คุณหนู ข้าส่งคนรีบไปส่งข่าวแล้ว ดูว่าในบ้านตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ถ้านายท่านมารับท่านได้คงจะดีที่สุด" ไป๋หู่เอ่ยขึ้นเขาไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงที่เต็มไปด้วยฝุ่นแบบนี้ไปปรากฎตัวต่อหน้าคนตระกูลเสิ่นตอนนี้เพราะคนในตระกูลเสิ่นตอนนี้ก็ซับซ้อนอยู่ คุณหนูจาวหนิงถ้าไปปรากฎตัวแบบนี้ที่หน้าประตูตระกูลเสิ่น คงได้ถูกคนไม่น้อยดูถูกเอาแน่ๆ ถึงตอนนั้นจะคิดว่าเป็นญาติจนๆ ที่ไหนเข้ามาอีกต่อให้ภายหลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงตอนนั้นการไม่ได้รับความเป็นธรรมกับการต้อนรับที่เย็นชาก็เกิดขึ้นไปแล้วไป๋หู่รู้สึกว่า นายท่านเองก็คงไม่ยอมให้นางต้องได้รั
"ข้าบอกไปแล้ว ข้าไม่ได้อยู่ในสวนสี่ซิน พวกเจ้าเองก็รู้ว่าข้าอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง?""ถ้าเจ้าไม่ได้เข้าไปพัก เช่นนั้นก็หลบไป พวกเราเข้าไปดูหน่อย""เอะอะอะไรกัน?"ไม่ห่างไปนัก เสิ่นเสวียนเดินเนบๆ เข้ามา ข้างกายมีหลิวหั่วตามมาด้วยแม่นางเหล่านี้พอเห็นเสิ่นเสวียน ก็วิ่งเฮโลหนีกระเจิดกระเจิง เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนพวกนางหลายคนล้วนกลัวเสิ่นเสวียน"ท่านลุง พวกนางบอกว่าจะเข้าไปในสวนสี่ซินหลบร้อน ข้าอธิบายกับพวกนางแล้ว บอกว่าส่วนสี่ซินเป็นสถานที่ของท่านลุง พวกนางเข้าไปคงไม่สะดวกนัก" อวี๋อวี่เวยพอเห็นเสิ่นเสวียน น้ำเสียงก็อดเง้างอดขึ้นมาไม่ได้นางรู้สึกว่า สวนสี่ซินจัดสถานที่ใหม่แล้วแสะงว่าเสิ่นเสวียนคงจะเข้ามาอยู่เองเพราะผ่านมาตั้งนานก็ยังไม่เห็นว่ามีใครมาเลย"ใครก็ห้ามเข้าทั้งนั้น"เสิ่นเสวียนเอ่ยเรียบๆ ขึ้นมาไม่กี่คำมีแม่นางรวบรวมความกล้าถามขึ้น "ท่านลุง นั่นท่านจะเข้าไปพักหรือ?"ถ้าหากเป็นเขาเข้าไปพัก เช่นนั้นพวกนางก็คงจะเข้าไปไม่ได้จริงๆเสิ่นเสวียนส่ายหัว "ไม่ใช่"ไม่ใช่หรือ?อวี๋อวี่เวยตกตะลึง"นายท่าน!"เขาเหลือบมองไปที่ประตูเรือนที่ลั่นดาลไว้ หันหน้ามองไปทาง
"หมอหวาง!"เสิ่นเสวียนรีบเดินเข้ามา พอเห็นภาพตรงหน้า จิตใจก็ดำดิ่งชายชราคนนั้นคือหมอหวางร่างกายของไท่ไท่อาวุโสสั่นจนไม่สามารถฝังเข็มได้แล้ว นี่มันฝังผิดได้ทุกเมื่อหมอหวางมองไปทางเสิ่นเสวียน เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "ท่านเสวียน ทำอะไรไม่ได้เลย ไท่ไท่อาวุโสสั่นไปทั้งตัว แล้วยังตึงอย่างมาก ฝังเข็มต่อไม่ได้แล้ว ยาเองก็ป้อนลงไปไม่ได้"ผู้อาวุโสเสิ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ สองมือกุมภรรยาชราของเขา น้ำตาก็อาบท่วมอันที่จริงคนในบ้านตระกูลเสิ่นอายุยืนมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไปกว่านั้นสุขภาพทั้งสองคนก่อนหน้านี้ก็ดีมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่ปีที่แล้วเข้าวังจนโดนพิษ ตอนนี้ยังกินได้ดื่มได้นอนได้ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ครู่เดียวก็เป็นเช่นนี้แล้ว"อาเสวียน พอแค่นี้เถอะ" เขาเอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่าพูดจบประโยคนี้ก็ถอนหายใจยาวออกมาให้เขาพูดคำว่าพอแค่นี้เถอะออกมาเอง ใจก็เหมือนมีดกรีดแทงนี่เป็นภรรยาที่อยู่กับตนเองมาครึ่งชีวิตเลยนะ พวกเขาทั้งสองคนเดิมทีก็ล้วนมีความคาดหวังร่วมกัน คืออยากจะเห็นวันที่เสิ่นฉยงลูกชายคนโตกลับมาที่บ้านเขาอยากเห็นร่างกายของเสิ่นเสวียนสุขภาพดีขึ้นมา บนใบหน้าปรากฎความยอดเยี่ยมในวัยหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ