"คุณหนู" สีหน้าเสี่ยวชิ่นไม่ค่อยดีนัก "โหวผิงเอินเป็นพวกสืบทอดบรรดาศักดิ์ โหวผิงเอินคนแรกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจักรพรรดิองค์ที่แล้ว นับเป็นสมาชิกอาวุโสของราชวงศ์ น้องสาวของโหวผิงเอินเป็นพระชายาหมิ่นในวังอยู่ตอนนี้""ได้รับการโปรดปรานหรือ?""โปรดปรานเอามากๆ"เดิมทีบรรพบุรุษก็เป็นเชื้อพระญาติในราชวงศ์ เป็นขุนนาง ตอนนี้ในบ้านยังมีพระชายาคนโปรดอีกคนหนึ่ง ไม่แปลกที่โหวผิงเอินนี่จะกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ด้านหลังพวกเขามีคนกระซิบกระซาบ เถ้าแก่ของหออันดับหนึ่งมีบริกรไปอ้อนวอน จึงรีบวิ่งตรงเข้ามาสมกับที่เป็นเถ้าแก่ใหญ่ของหออันดับหนึ่ง สวมเสื้อผ้าไหมหรูหราสีน้ำตาล ดูแล้วยังทรงสง่ายิ่งกว่าพวกนายท่านผู้ดีมีเงินทั่วไปเสียอีกเขาพอมาถึงก็รีบคารวะให้กับโหวผิงเอิน"ท่านโหวมาหรือ? แล้วยังมีเหล่ารัฐทายาทกับคุณชายอีก มากันหมดเลยหรือ? เห็ดเชียนเสวี่ยอีกครู่หนึ่งก็ทำเสร็จแล้ว ทุกท่านรีบขึ้นไปด้านบนเถิด อย่าเพิ่งยุ่งกับคนเหล่านี้เลย อารมณ์ดีเข้าไว้ อีกเดี๋ยวร่ำสุรากินอาหารจะได้ยิ่งเบิกบาน"เขาเข้าง้อพวกของโหวผิงเอินทันทีพี่ชายบริการอีกคนก็รีบส่งสัญญาณมือพูดกับพวกไป๋หู่"พวกท่านก็รีบเลี่ยงออกไปเถิด
เถ้าแก่ใหญ่เองก็ร้อนรนขึ้นมาถ้าหากหออันดับหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาเองก็เดือดร้อนยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อล้วนมากินข้าวกันที่หออันดับหนึ่งกันทั้งนั้น เช่นนั้นพวกเขาถ้าปกป้องได้แค่ไหนก็ต้องทำ ทว่าตอนนี้ดูจะปกป้องคนเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว"ไม่อย่างนั้น รอท่านโหวกินเห็ดเชียนเสวี่ยเสร็จก่อนค่อยว่ากันดีไหม? ถึงอย่างไรเห็ดเชียนเสวี่ยถ้าแช่น้ำแล้ว ต้องฝานแผ่นลงหม้อภายในหนึ่งเค่อ ตอนนี้ในครัวเองก็เตรียมจะฝานแผ่นแล้วด้วย ถ้าเสียเวลาไปคงไม่ดีนัก"คิดไม่ถึงว่าพอเถ้าแก่ใหญ่พูดถึงเรื่องนี้ ก็หยุดโหวผิงเอินไว้ได้จริงๆ"อย่างนั้นหรือ?""ท่านโหว พวกเราเดิมทีก็มาเพื่อเห็ดเชียนเสวี่ย จะให้พวกแมลงไม่กี่ตัวนี้ทำพวกเราเสียเวลาไม่ได้นะ" ชายอ้วนอีกคนก็เอ่ยตามขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นก็เห็นแก่หน้าเห็ดเชียนเสวี่ยแล้วกัน"โหวผิงเอินชี้พวกไป๋หู่ "แต่คนพวกนี้ยังไปไหนไม่ได้ ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ให้พวกเขาเห็นพวกเรากินกันจนอิ่มหมีพีมันก่อน แล้วพวกเราค่อยไปชำระหนี้""ถูกต้องถูกต้อง"คนเหล่านั้นพอโบกมือ ด้านนอกก็มีพวกคนคุ้มครองเรือนล้อมกรอบเข้ามาทันที ขวางทางพวกไป๋หู่เอาไว้นี่คือไม่ให้พวกเขาออกไปจริงๆ"ไปๆๆ ขึ้นชั้น
"ฮ่าๆๆ น่าสนใจ นิสัยดุดันเสียด้วย"เขาเห็นพวกของไป๋หู่ตามเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง ก็อดปรบมือพูดขึ้นมาไม่ได้ "ที่แท้พวกเขาก็เป็นองครักษ์สาวงามนี่เอง? มิน่าอารมณ์ถึงเป็นแบบเดียวกับเจ้า ถ้าเจ้าเงยหน้าขึ้นมาเร็วกว่านี้ ข้าเองคงจะอ่อนโยนขึ้นบ้างแล้ว""โหวผิงเอินสินะ? เจ้ากำเริบเสิบสานต่อไปเถอะ เจ้าแบบนี้ก็ดูลับๆ ล่อๆ ดี""ฮ่าๆ ข้าชอบที่สาวงามมาชมข้าแบบนี้ มาๆๆ มานั่งนี่ จะให้สาวงามยืนแกร่วได้อย่างไร? มานั่งนี่มา เดี๋ยวข้าจะป้อนเห็ดเชียนเสวี่ยให้เจ้าสักคำ!"ฟู่จาวหนิงก็เดินตรงไปทางเขาจริงๆเสี่ยวชิ่นร้อนรน "คุณหนู!"สืออีเองก็หน้าเปลี่ยนสีแล้วแม้จะรู้ว่าฟู่จาวหนิงเองก็มีฝีมือพอตัว บนตัวมีเข็มพิษอยู่ไม่น้อย ไม่ค่อยจะเสียเปรียบใคร แต่ก็ยังกลัวว่านางจะเกิดเรื่องอยู่ดีแต่ฟู่จาวหนิงโบกมือให้พวกเขาจากทางด้านหลัง เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องตามมาตอนที่ฟู่จาวหนิงใกล้จะเดินไปอยู่ข้างๆ โหวผิงเอิน เถ้าแก่ใหญ่ก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น"ท่านโหว วันนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้กินเห็ดเชียนเสวี่ยแล้ว ข้าน้อยจึงรีบขึ้นมาขอโทษท่านโหวเสียก่อน ท่านโหวกับเหล่าคุณชายโปรดสั่งอาหารอื่นเถิด?""เจ้าว่าอะไรนะ?"โหวผ
ฟู่จาวหนิงรีบวิ่งลงไปชั้นล่างสืออีพวกเขาเองก็รีบตามไป ตอนนี้โหวผิงเอินสนแต่จะเข้าไปคุยกับองค์ชายสอง เตรียมจะไปอาละวาดกับหออันดับหนึ่ง จึงไม่ได้สนใจพวกเขาเลย"พวกเจ้าห้ามเข้าไป"ฟู่จาวหนิงตอนวิ่งมาถึงห้องครัวก็ถูกคนห้ามเอาไว้"ไป๋หู่" นางร้องขึ้นทันทีพวกของไป๋หู่เข้ามา กันผู้ช่วยพ่อครัวไว้ ให้ฟู่จาวหนิงวิ่งเข้าไปได้อย่างสะดวกด้านหลังครัวมีเรือนเล็กอยู่หลังหนึ่ง ใต้ชายคามีเก้าอี้ยาวหลายตัววางไว้ ตอนนี้มีคนนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวหลายตัวนั้น ข้างๆ มีคนล้อมเขาอยู่ ล้วนลนลานทำอะไรกันไม่ถูกและพ่อครัวซุนที่นอนอยู่ยังมีอาการชักอยู่ฟู่จาวหนิงพอเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปรีบวิ่งมาด้วยและกำชับขึ้นด้วย "กันพวกเขาออก"ตัวนางเองพุ่งตรงไปยังพ่อครัวซุน "หลีกไป อย่ามาล้อมดูเขา!""เจ้าเป็นใครน่ะ? เจ้าเข้ามาที่นี่ทำอะไร?"คนเหล่านั้นดูแล้วน่าจะเป็นคนที่คอยช่วยในห้องครัว ตอนนี้ล้อมกันอยู่ข้างๆ พ่อครัวซุนฟู่จาวหนิงไม่สนพวกเขา พอเดินเข้าไป ก็ยกมือหนีบเข็มออกมา แล้วแทงลงไปบนหัวของพ่อครัวซุนทันที"เจ้าทำอะไรน่ะ!"คนข้างๆ ตกตะลึง รีบจะยื่นมือเข้าไปตบนาง แต่พอจะลงมือก็ถูกพวกไป๋หู่กับสืออีแยกออกมาแล้
เถ้าแก่ใหญ่เองก็เหงื่อตกฝ่ามือ"คนอื่นห้ามแทงมั่วซั่ว แต่คุณหนูพวกเราทำได้ ไม่ใช่สิ คุณหนูของพวกเราเองก็ไม่ได้แทงมั่วซั่ว นางกำลังรักษาอาการป่วย" ไป๋หู่เอ่ยขึ้น"พ่อครัวซุนถ้าหากเกิดตายขึ้นมา นั่นจะไม่ใช่ความผิดของนางหรอกหรือ?" โหวผิงเอินหัวเราะเย็นชาขึ้นมาพูดตลกอะไร หญิงสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบคนนี้น่ะหรือเป็นหมอเทวดา?สืออีตอบอย่างไม่ต้องคิด "ถ้าท่านพูดแบบนี้ หลังจากนี้ป่วยจนตายไปก็ไม่มีหมอใหญ่คนไหนกล้ามารักษาให้หรอก""เจ้าพูดว่าใครจะป่วยตาย?!"โหวผิงเอินโมโหขึ้นมา นี่ไม่ใช่กำลังแช่งเขาหรือ?ตอนที่เขากำลังจะถลกแขนเสื้อ องค์ชายสองก็กดบ่าเขาไว้ "โหวผิงเอิน ใจเย็นๆ อย่าบุ่มบ่าม"โหวผิงเอินหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านองค์ชายสองน้องสาวเขาแม้จะเป็นพระชายาคนโปรด แต่เสด็จแม่ขององค์ชายสองเองก็เป็นพระชายาคนโปรดเช่นกัน ยิ่่งไปกว่านั้นมีความรักกับองค์จักรพรรดิมาตั้งแต่เยาว์วัยด้วยองค์จักรพรรดิโปรดปรานพระชายาหมิ่น แต่ก็ยังเคาระต่อเสด็จแม่ขององค์ชายสองอยู่พอสมควรองค์ชายสองพูดออกมาแล้ว คนทั้งหมดจึงไม่กล้าขยับ ล้วนยืนอยู่ที่นี่มองดูฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตคน"เจ้าว่า นางถูกพวกเราจ้องมองเ
ฟู่จาวหนิงตอนค่ำยังต้องเข้ามาให้ยาน้ำกับพ่อครัวซุนอีกยิ่งไปกว่านั้นยังต้องตรวจสอบส่วนสมองของเขาให้ละเอียดอีกด้วย"ท่านตอนนี้นอนให้สบายเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก"ฟู่จาวหนิงพูดพลางเดินเข้ามา มองไปทางเถ้าแก่ใหญ่เถ้าแก่ใหญ่ตอนนี้พอมองนางก็รู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นผู้วิเศษนอกโลก อ่อไม่สิ เหมือนกับเซียนมากกว่า"มีคนที่ละเอียดรอบคอบไหนไหม ต้องมาคอยดูแลอยู่ข้างๆ เขา คอยจับตาดูสถานการณ์เขาตลอดเวลา""มีมีมี ภรรยาของพ่อครัวซุนเป็นคนละเอียดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมาะที่สุดด้วย ข้าให้คนไปตาสะใภ้ซุนเข้ามาแล้ว""ดี รอนางมาถึงแล้วบอกข้าหน่อย ข้ามีเรื่องที่ต้องระวังกำชับกับนาง""ใช่ๆๆ"เถ้าแก่ใหญ่ฟังคำนางโดยสัญชาตญาณ ในตอนนี้สิทธิ์อำนาจและแรงกล่อมที่ฟู่จาวหนิงแสดงออกมานั้นแกร่งมาก"เถ้าแก่ใหญ่ เถ้าแก่ใหญ่ แล้วเห็ดวิญญาณพวกนั้นจะทำอย่างไรดี?"มีพ่อครัวอีกคนถามขึ้นอย่างร้อนรนเห็ดวิญญาณ คือเห็ดที่มีเฉพาะในภูเขาบางลูกของต้าชื่อเท่านั้น เห็นชนิดนี้หายากมาก เติบโตก็ช้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแค่ในช่วงเวลาสนี้ ผลผลิตน้อยถึงน้อยมาก หายากเอามากๆ ด้วยตอนนั้น นายท่านฮั่วของหออันดับหนึ่งใช้เห็ดชนิดนี้มาทำ
"เขาตอนนี้ต้องนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน ลุกขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ลุกมาได้ก็ยังทำงานไม่ได้""ใครให้หน้าเจ้ามากันเนี่ย? เห็นว่าตัวเองหน้าตาดูดีหน่อย เจ้าก็คิดว่าตัวเองมาขวางข้าได้แล้วหรือ? แค่แทงคนไปไม่กี่ที ก็คิดว่าตนเองเป็นหมอเทวดาแล้วหรือ?"โหวผิงเอินกำหมัดตั้งท่าจะฟาดไปทางนาง"โหวผิงเอิน!"องค์ชายสองก็ตาไวคว้าข้อมือเขาไว้พวกไป๋หู่ก็ตั้งท่าจะลงมือแล้ว"จะลงมือกับหญิงสาวคนหนึ่งได้อย่างไรกัน? จะว่าไป นางเองก็เป็นหมอใหญ่จริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพ่อครัวซุนพูดออกมาได้แล้วเมื่อครู่?"องค์ชายสองขวางเตือนโหวผิงเอินไปด้วย มองฟู่จาวหนิงไปด้วยเขารู้สึกสนใจตัวฟู่จาวหนิงเสียแล้วทั้งๆ ที่รู้จักตัวตนฐานะของพวกเขาทางนี้ แต่ก็ยังเยือกเย็นอยู่ได้นางไม่ใช่คนต้าชื่อ แต่น่าจะไม่ใช่พวกองค์หญิงท่านหญิงอะไรด้วย เพราะตัวตนฐานะเช่นนี้ไม่น่าจะแอบหนีมาต้าชื่อเงียบๆ แล้วยังไม่เผยตัวตนฐานะของตัวเองออกมาอีกยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองเองก็เชื่อมั่นว่าสายตาตนเองไม่พลาดคุณหนูราชวงศ์ บนตัวเองจะมีความหยิ่งทะนงอยู่บ้าง เป็นสิ่งที่เพาะบ่มมาตั้งแต่ยังเล็กแต่ฟู่จาวหนิงบนตัวไม่มีสิ่งเหล่านี้ แต่กลับมีความเชื่อมั่น
กระทั่งเถ้าแก่หออันดับหนึ่งก็ยังลิงโลดขึ้นมา"ผู้อาวุโสตู้ ได้โปรดช่วยด้วย..."เขายังพูดไม่จบ ผู้อาวุโสตู้ก็ยกมือขวาขึ้นทุกคนมองเห็นว่ามือขวาของเขามีสามนิ้วพันผ้าอยู่ ตกตะลึงไปทันที"ขอโทษด้วย ข้าหลายวันก่อนไม่ทันระวังทำมือโดนลวก จับมีดไม่ไหว" ผู้อาวุโสตู้บอกราวกับน้ำเย็นถังหนึ่ง ราดลงไปบนหัวเถ้าแก่ใหญ่เขาจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ"แต่ว่า ถ้าหากข้าฝานเห็ดวิญญาณให้พวกเจ้า แล้วมีประโยชน์อะไรกัน?" ผู้อาวุโสตู้กลอกตา"ไม่ใช่ว่าฝานไม่ได้หรอกหรือ?"เสิ่นเสวียนพูดต่อ "ถ้าหากฝานได้ ผู้อาวุโสตู้ยังช่วยปรุงได้ด้วย เห็ดเชียนเสวี่ยที่ทำออกมาไม่มีทางด้อยกว่าพ่อครัวซุนแน่ ถึงตอนนั้น คนที่ฝานเห็ดได้ครึ่งชั่ง ผู้อาวุโสที่ปรุงได้อีกครึ่งชั่ง อย่างนี้เป็นอย่างไร?"พวกเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้จองเห็ดเชียนเสวี่ยไว้ แต่เสิ่นเสวียนเห็นฟู่จาวหนิงมาที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องลองชิมเสียหน่อย โอกาสหาได้ยากมาก"ได้!"เถ้าแก่ใหญ่ตบลงโต๊ะ จากนั้นก็บอกกับคนอื่นว่า "แขกทุกท่าน ถึงตอนนั้นก็จะเหลือให้เจ้านายของพวกเราแค่ครึ่งชั่ง และเฉลี่ยให้กับทุกท่นาที่จองไว้อีกประมาณครึ่งชั่ง ปริมาณลดลงประมาณคำหนึ่ง เช่นนี้ได้ไหม?
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ