“แต่ว่าโสมขาวนี้ ไม่ควรทานแบบดิบ หรือนำมาทำยาก่อนที่จะทำให้มันแห้งหรือเป็นผงก่อน เพราะ…”นางหันไปมองหน้าท่านอ๋องที่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ นี่นางจะพูดมากเป็นหนังสือตำราแพทย์พูดได้อีกแล้วหรือนี่“แม่นางหง เพราะว่าอะไรหรือ ข้ารอฟังอยู่”“โสมตัวนี้มีฤทธิ์แรง หากทานสดอาจจะต้านการทำงานบางส่วนของอวัยวะภายในได้เพคะ เพราะฉะนั้น ทำตามที่หม่อมฉันแนะนำ จะดีต่อพลานามัยของฝ่าบาทที่สุดเพคะ”“ยอดเยี่ยม เจ้ามีความรู้เรื่องการแพทย์ด้วยงั้นหรือ”“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันตอนเด็กมีโอกาสได้ร่ำเรียนกับท่านอาจารย์มานิดหน่อยเพคะ”“อ้อ เป็นเช่นนี้ เยี่ยม มอบรางวัลให้อ๋องเวย และแม่นางหง”“ขอบพระทัยเสด็จพี่”“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”ลี่อินเดินกลับมานั่งที่ข้างๆท่านอ๋องที่ยังคงทำสีหน้าเรียบๆเช่นเดิม ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา“เจ้ารู้เรื่องยาสมุนไพรด้วย ข้าพึ่งรู้”“ท่านอ๋องต้องการจะทำสิ่งใด”จอกชาในมือกำแน่น ก่อนจะค่อยๆวางลงพร้อมกับเสียงที่เย็นเยือกถึงปลายสันหลังของลี่อิน“ไม่ใช่ธุระของเจ้า”“หม่อมฉันก็ไม่อยากรู้ ไม่ว่าท่านอ๋องจะทำสิ่งใด โปรดอย่าพาหม่อมฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยว หลังจากวันนี้ไปขออย่าได้มาพบเจอหม่อมฉันอีกจะเป็นพระกรุณาเพ
ลี่อินได้แต่เดินเจ้าไปโดยมีท่านอ๋องเวยเดินไปด้วยทุกที่จนนางเริ่มรู้สึกว่าเขาตามติดมากเกินไป เมื่อมีผู้คนมาทักทาย หนึ่งในนั้นคือโอหยางรุ่ย“ลี่อิน ทางนี้ๆ เจ้าก็มาด้วยหรืองานนี้”“พี่โอหยาง ท่านพ่อส่งจดหมายมากะทันหันให้ข้ามาร่วมงานนี้เจ้าค่ะ”“เช่นนี้เนี่เอง เอ่อ..คารวะท่านอ๋องเวยพ่ะย่ะค่ะ”“อืม คุณชายโอหยางท่านมากับผู้ใดงั้นหรือ อ้อ สตรีเมื่อวานนี้ ใช่คู่หมั้นของท่านหรือไม่”“เอ่อ คือว่า อันที่จริงคู่หมั้นของข้านั้นคือ..”“หืมมม เจ้าว่าอะไรนะ”ท่านอ๋องพูดพร้อมส่งสายตาดุดันไปให้โอหยางรุ่ยพร้อมกับใช้มือพาดมาที่ไหล่ของลี่อินและกระชับนางเข้าไปหาตัวจนนางต้องหันไปมองเขา“เอ่อ ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องกระหม่อมขอตัวไปคุยกับสหายด้านนั้นก่อน เอ่อ ลี่อินแล้วเจอกันนะ”“เอ่อ พี่โอหยาง แล้วพบกันใหม่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องเพคะ พระองค์จะไม่ไปประทับอยู่ที่ของตนเองหรือเพคะ มาเดินตามหม่อมฉันอยู่ได้ คนทั้งงานเข้าใจผิดหมดแล้ว”“เข้าใจสิ่งใดผิดงั้นหรือ ก็งานนี้เป็นภารกิจของเจ้า ออกงานกับข้า เจ้าสงสัยสิ่งใด”“หม่อมฉันไม่ชอบใช้คำเป็นทางการ”“ก็ไม่ต้องใช้ หวังเจาก็ไม่ใช้เช่นกัน พูดธรรมดาก็ได้”“ไม่ได้ งานนี้ฝ่าบาท
ท่านอ๋องเกือบสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปก่อนจะหันมามองหน้าลี่อิน“เจ้า ชวนข้าไปที่ใดนะ”“ไปห้องท่านอ๋องไง ไปทำแผล พระองค์ตกใจสิ่งใดเพคะ”“อ่อ เจ้าจะทำแผลให้ข้าเช่นนั้นหรอกหรือ”“ท่านอ๋องเลี้ยงข้าวแล้ว หม่อมฉันก็ต้องตอบแทนบ้้างสิ จะได้ไม่ติดค้างกัน”“ก็ได้ ตามมาสิ”ท่านอ๋องเดินนำนางมายังห้องของเขาพร้อมกับสั่งให้หวังเจานำกล่องยาเข้ามาวางให้หงลี่อิน เมื่อวางกล่องยาลง นางจึงได้แกะผ้าพันแผลของเขาออก นางเห็นแผลด้านในแล้วนึกสยอง นี่คือฟันของนางจริงๆงั้นหรือ“แผลลึกมากเหมือนกันนะ”“นี่เจ้ากำลังเป็นห่วงข้า หรือกำลังชมฝีมือกัดของตัวเองกันแน่”“แน่นอน ต้องชมตัวเองสิกัดได้เยี่ยม แผลงามมาก”“แมวพยศ”“ท่านอ๋องว่าอะไรนะเพคะ”“เปล่า โอ๊ย เจ้าเบาๆหน่อยสิ”“พระองค์นี่ก็แปลก ตอนกัดไม่เห็นจะร้อง”“ข้าขอโทษ”ลี่อินชะงักไปเมื่อนางค่อยๆทายาให้เขาอย่างระวัง นางค่อยๆเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ“ท่านอ๋องขอโทษหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ”“เรื่องเมื่อคืน ข้าไม่คิดว่าเจ้าเฉียนเซินนั่น จะมือไว จนไปคว้าเอวเจ้าข้าขอโทษที่ห้ามเขาไม่ทัน”ลี่อินหยุดนิ่งไป ที่จริงแล้วนางกำลังดีใจอยู่ ท่านอ๋องที่เย็นชาราวน้ำแข็ง โหดเหี้ยมราวสัตว์ป่าแต
ท่านอ๋องยิ้มมุมปากพร้อมกับหันไปบอกหวังเจา“ข้าบอกแล้วว่านางมาแน่”“ว่าอย่างไรแม่นางหลิง ท่านจะยอมเลิกหรือไม่ แต่ว่า หากท่านมากันแล้ว…ก็..ดื่มกันไปนะ ข้า…”ท่านอ๋องรีบลุกขึ้นและพุ่งไปที่ลี่อินและโอบรอบเอวนางทันที หวังเจาสังเกตเห็นทันทีพร้อมกับแอบยิ้มกับท่าทีของผู้เป็นนายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน“อย่างที่ทุกท่านเห็น ข้าต้องขออภัยที่ข้ามิอาจตอบรับคำเชิญนี้ได้จริงๆ ใต้เท้าหลิง ฮูหยิน ต้องขออภัย ในเมื่อคู่หมั้นข้ามาตามแล้วข้าเองก็หมดเหตุผลที่จะละเลยนางแล้ว แม่นางหลิงขอโทษที่ทำให้เจ้าเสียเวลา น้องหญิงเรากลับจวนกันเถอะ ทุกท่าน ข้ากับคู่หมั้นขอตัวก่อน”“เอ่อ ท่านอ๋อง คือว่า…” “ขอตัวขอรับ”หวังเจารีบปิดท้ายและรีบเดินออกมา ลี่อินงงจนเลิ่กลักและทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่แบบนี้สิ เหตุใดไม่รู้มาก่อนว่าเป็นเขาที่อยู่ในห้องนั้น ท่านอ๋องโอบรอบเอวนางเดินออกมาจากห้องจนมาถึงโต๊ะของโอหยางและซินมี่นั่งอยู่“คารวะท่านอ๋องเวย”“คารวะท่านอ๋องเพคะ”“ทุกท่านตามสบาย ข้ากับคู่หมั้นขอตัวก่อน”""คู่หมั้น!!""ทั้งคู่มองตามท่านอ๋องและลี่อินไปอย่างนึกแปลกใจและสงสัย เหตุใดจู่ๆนางเป็นคู่หมั้นท่านอ๋องไปได้ จนกระทั่งซูผิงเดินออกม
สายตานางวันนี้ทำให้เขายอมถอยออกมา นางยังยืนอยู่ที่เดิม“คืนนี้เจ้าพักผ่อนเถอะ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะส่งข่าวมา”“หม่อมฉันไม่ไป”“เจ้าไปแน่”เขาออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับปิดให้นางเรียบร้อย ลี่อินรีบไปบ้วนปากที่มีกลิ่นคาวเลือดของเขาทิ้งพร้อมน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด ไม่รู้ว่านางรู้สึกอะไรกันแน่ โกรธที่เขาไม่ช่วยนางที่ถูกรังแก น้อยใจที่เขาไม่สนใจ หรือเกลียดที่เขาใช้นางเป็นเพียงเครื่องมือช่วยงาน หรือหวั่นไหวให้กับเขาเสียแล้ว“หงลี่อิน เจ้าอย่าโง่ เขาเลวขนาดนั้น เจ้าจะรักเขาไม่ได้”นางค่อยๆถอดชุดนั้นออก ชุดนี้เปื้อนเลือดของเขาเสียแล้ว นางไม่อยากเห็น เมื่อนางเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน เรื่องในคืนนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายจนนางตามไม่ทัน เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวโมโห น้อยใจ เสียใจ และ“มาจูบข้าทำไมกัน คนเลว คนชั่ว ท่านมันเลวเวยห่าวหรานคนเลว เลวๆๆๆๆ ฮืออๆๆ คนเลวว”ด้านนอกนั้น มือที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดยังคงยืนฟังเสียงร้องไห้ จนเสียงนั้นค่อยๆเงียบลงไป เขาค่อยๆยกมือที่ไม่เจ็บขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากอย่างเบามือ เขาหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ฆ่านาง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะได้ยินความลับขอ
“ใต้เท้าเฉียน ของดีกินทีหลัง อย่าลืมว่าท่านมีเวลากินนางทั้งคืน”“ฮ่าๆๆๆ ท่านอ๋องพูดถูกใจข้ายิ่งนัก ฮ่าๆๆ มา ข้าดื่ม ดื่ม”เฉียนเซินยกเหยือกเหล้าขึ้นมาดื่ม เหล้ายังไม่ทันหมดเหยือก เขาก็ล้มลงโดยง่ายดายจนลี่อินเกือบจะล้มไปกับเขาแต่ท่านอ๋องคว้านางเข้ามานั่งบนตักแทนพร้อมกับเผลอหันหน้าไปเฉียดแก้มนางนิดหนึ่งด้วยก่อนจะกระซิบบอกลี่อิน“อยู่เฉยๆก่อน ข้าจัดการเอง”นางนั่งอยู่บนตักของท่านอ๋องเพื่อมิให้คนอื่นๆสงสัย“ท่านเฉียน ไม่เอาน่า ท่านเมาแล้วหรือ ถ้าเช่นนั้นนางรำผู้นี้เล่า”“นี่ท่าน!!…”“เงียบไป!!”“ใต้เท้าเฉียน....”“เอามือของท่านออกไปนะ”“ข้าบอกให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาตื่น”“…”“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ใต้เท้าเฉียนเมามาก ข้าจะอยู่กับเขาเอง”นางรำค่อยๆเดินออกไปจนหมด ลี่อินก็เช่นกัน แต่เขาไม่ยอมให้นางลุกจากตักเขา“เหลือเจ้าเอาไว้คนหนึ่งเพื่ออยู่กับข้า ที่เหลือออกไปได้”พวกนางไม่สงสัยอะไร เพียงแค่เดินออกไปตามคำสั่ง เป็นปกติที่แขกอาจจะถูกใจผู้ใดก็จะเรียกเอาไว้อยู่แล้ว พวกนางจึงไม่รู้สึกแปลก เมื่อทุกคนออกไปแล้วลี่อินจึงลุกออกจากตัวเขาทันที ท่านอ๋องนั่งท่านั้นค้างอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองเป้าหมายที่สล