“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสั่งให้คนของเราติดตามไปทันที”
“เรื่องในวันนี้ต้องไม่มีคนรู้ มีเพียงคนตายเท่านั้นที่ไม่พูด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จวนเสนาบดีหง
“รอดแล้วๆๆ”
“คุณหนู รอด้วยเจ้าค่ะ แฮ่ก แฮ่ก”
“โอย ซวยอะไรเช่นนี้ ละครก็ไม่ได้ดูแถมยังหลุดเข้าไปในห้องนั้นก็เกือบถูกฆ่าตายแล้ว”
“คุณหนู…ท่าน…ไป…หลบ..ที่ใดมา..เจ้าคะ”
“อาชิง ไปพักก่อน เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง”
จอกชาที่กำลังจะยกดื่มค้างเอาไว้เพียงครึ่งเดียวก่อนจะวางลงอย่างรู้สึกหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าว่าอะไรนะ พวกมันเข้าไปที่จวนเสนาบดีหงงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ไม่ผิดแน่ พวกกระหม่อมตามพวกมันเข้าไป พวกมันเข้าทางประตูหลังของจวนพ่ะย่ะค่ะ”
“หวังเจา!!”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“ไปจวนเสนาบดีหงกับข้าเดี๋ยวนี้!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จวนเสนาบดีหง
“หงเหนียงคารวะท่านอ๋องเพคะ”
“ฮูหยินหง ท่านเสนาบดีไม่อยู่จวนหรือ”
“ทูลท่านอ๋อง วันนี้ท่านเสนาบดีมีประชุมกับขุนนางที่กรมเพคะ เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเสด็จมาเร่งด่วน ต้องการพบท่านเสนาบดีหรือเจ้าคะ”
“อ้อ เปล่าหรอก พอดีว่าวันนี้ข้ามีธุระที่หอสุ่ยเซียนและพบขโมย ตามพวกมันมาแต่คนของข้ากลับบอกว่ามันเข้ามาทางจวนของท่านก็เลยอยากมาตรวจสอบ ไม่ทราบว่าฮูหยินจะลำบากใจหรือไม่หากว่าข้า..”
“ไม่เลยเพคะท่านอ๋อง ยินดีเพคะ อาเฟิ่ง เจ้าไปบอกให้ทุกคนในจวนออกมารับเสด็จท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนใช้ใหม่เก่าบ่าวไพร่สาวใช้เรือนใดก็เรียกออกมาให้หมด”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
“อะไรนะ เรียกไปที่ห้องโถงกลางเพื่ออะไร”
“เห็นบอกว่าท่านอ๋องเวยเสด็จมาเจ้าค่ะ ให้ไปทุกคน บ่าวไพร่คนสวนก็ไม่เว้นเจ้าค่ะ”
“ไปเถอะอาชิง ไปดูกัน”
หงลี่อินและอาชิงเดินไปที่ห้องโถงกลางตามที่ฮูหยินรองเรียก นางเห็นว่าบ่าวชุดแรกเดินสวนออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่ยังอยู่
“เอ่อ นี่หงซินมี่บุตรสาวหม่อมฉันกับท่านเสนาบดีเพคะท่านอ๋อง ซินมี่ ยกน้ำชาให้ท่านอ๋องเร็วๆเข้า”
“หงซินมี่คารวะท่านอ๋องเพคะ”
หงซินมี่เป็นสตรีที่งดงามกิริยามารยาทเรียบร้อยเป็นที่ภาคภูมิใจของ ฮูหยินหงเหนียง ในเมื่อท่านอ๋องเสด็จเยือนถึงจวน นางย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะให้บุตรสาวมาปรนิบัติท่านอ๋องแน่นอน
“คุณหนูหง เงยหน้าขึ้นหน่อยเถิด”
“เพคะท่านอ๋อง”
หงซินมี่เงยหน้าขึ้นช้าๆ เวยห่าวหรานมองหน้านาง หญิงสาวทำหน้าเอียงอายและยิ้มออกมาเมื่อได้สบตาอ๋องหนุ่มตรงๆ
“ไม่ใช่”
“อะไรไม่ใช่หรือเพคะท่านอ๋อง”
“อ่อ นางมิใช่คนที่ข้าตามหา ไม่ใช่ขโมยน่ะ”
“อ้อๆ แน่นอนสิเพคะ ซินมี่ของหม่อมฉันไม่เคยออกจากจวนไปไหนหรอกเพคะไม่เหมือนกับ..”
“ท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุใดฮูหยินรอง”
“เอ่อ คุณหนูใหญ่อย่าเสียมารยาท รีบคารวะท่านอ๋องเวยก่อน”
หงลี่อินมองหน้าหงเหนียงด้วยสายตาไม่พอใจ เมื่อครู่หงเหนียงเกือบจะว่าร้ายนางต่อหน้าผู้อื่นแล้วเมื่อนางหันไปคารวะผู้ที่หงเหนียงเรียกว่าท่านอ๋องอะไรนะ นางจำไม่ได้แล้ว
“หงลี่อินคารวะท่านอ๋อง”
“เงยหน้าขึ้น”
หงลี่อินจำเสียงเย็นๆนั้นได้ เหตุใดเขามาถึงที่นี่ มือของนางเริ่มสั่น ลี่อินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆ ท่านอ๋องเองก็เพ่งมองนางเช่นกัน สายตาของลี่อินที่มองเขา ตาโตเหมือนลูกกวางนั้นทำเอาเขาตกใจเล็กน้อย เป็นเพราะนางอยู่ในชุดสตรีกระมัง แก้มใสเนียน ปากบางได้รูปนั้นทำเอาเขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องส่วนตัวก่อนหน้านั้น ลี่อินกะพริบตาเล็กน้อยด้วยความกลัว
“ท่านอ๋องเพคะ ว่าอย่างไรเจ้าคะ นี่ก็ครบหมดทุกคนแล้วเพคะ ใช่นางหรือไม่เพคะ ขโมยที่ท่านอ๋องตามหา”
“ขโมย เหตุใดถึงว่าข้าเป็นขโมย ฮูหยินรองท่านมีปัญหาอะไรกับข้า”
“ดูสิ กล้าลุกขึ้นทั้งๆที่ยังไม่มีคำสั่งท่านอ๋อง โอยข้าจะบ้าตาย แม่นมหลุน ไปเอาไม้เรียวมา”
“เจ้ากล้าหรือ”
“หุบปาก!!”
ท่านอ๋องตะโกนออกมา ทั้งห้องโถงเงียบกริบ ฮูหยินหงและซินมีสั่นด้วยความกลัวทันที แต่ลี่อินยังไม่ละสายตาโกรธที่มองหงเหลียง ท่านอ๋องเองก็สังเกตเห็นสายตาดุดันและเอาเรื่องของนางด้วยเช่นกัน นางแทบจะไม่ฟังเขาเลยด้วยซ้ำ
“ข้าคิดว่า ข้าเห็นคุณหนูที่หอสุ่ยเซียนวันนี้นะ”
หงเหลียงหันมาเอาเรื่องลี่อินทันที นานๆจะมีโอกาสเล่นงานนาง
“หงลี่อิน นี่เจ้าแอบออกไปดูละครอีกแล้วงั้นหรือ มิหนำซ้ำยังไปขโมยของท่านอ๋องอีก”
“ข้าบอกว่าข้าไม่ใช่ขโมย เจ้ามีหลักฐานอะไรมาหาว่าข้าเป็นขโมย ท่านน่ะ”
หงลี่อินหันไปชี้หน้าท่านอ๋องอย่างไม่นึกกลัว
“ของสิ่งใดของพระองค์หาย ถึงได้มากล่าวหาว่าหม่อมฉันขโมยมา”
“แม่นาง ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าเป็นขโมย ข้าบอกว่าข้าเหมือนว่าจะเจอเจ้าที่นั่นเพียงเท่านั้น”
“เจ้าแอบหนีเที่ยวอีกแล้ว กฎของจวน จับนาง”
“หยุดนะ ปล่อยข้านะ”
“เดี๋ยวก่อน ฮูหยินหง ท่านจะทำอะไร”
“ทูลท่านอ๋อง นี่เป็นกฎของจวน นางรู้ดีเพคะว่าหากทำผิดต้องได้รับโทษ จับแขนนางเอาไว้สิ”
“ปล่อยข้านะ หงเหลียงหากเจ้ากล้าทำข้า อย่าคิดว่าข้าจะ..”
“ซ่า…..”
“ช้าก่อน!!…”
น้ำเย็นจัดถูกเทลงรดศีรษะหงลี่อินที่พูดไม่ทันจบ นางสำลักน้ำเกือบจะหมดสติ ตอนนี้นางทั้งหนาวและสั่น แต่รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของสองแม่ลูกนั้นชัดเจน ท่านอ๋องตกใจเมื่อเห็นว่านางถูกลงโทษต่อหน้าเขาโดยที่ทั้งคู่ไม่ฟังเสียงท้วงติงจากเขาเลย
หงลี่อินสำลักและคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับหันมามองเขาด้วยสายตาอาฆาต ตาลูกกวางนั้นเริ่มมีน้ำตาคลอจนแดงก่ำด้วยความแค้นต่อเขาก่อนที่ร่างบางนั้นจะล้มหมดสติลงตรงหน้าเขา
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู”
"ฮูหยินหง นี่เจ้ากล้าลงโทษคนต่อหน้าข้า เจ้าไม่กลัวความผิดงั้นหรือ"
“ท่านอ๋องโปรดอภัย ในเมื่อนางทำผิดก็ต้องลงโทษตามกฎของจวนเพคะ”
“จำเป็นต้องทำต่อหน้าข้าด้วยงั้นหรือ หลีกไป เจ้าน่ะ นำทางไปที่ห้องนางเดี๋ยวนี้”
เขาช้อนตัวหงลี่อินและเดินตามอาชิงไปส่งที่ห้องของลี่อิน ไม่นานจึงกลับมายังห้องโถง เพื่อจัดการกับฮูหยินที่ไร้มารยาทของหงเล่งจิน
“เรื่องนี้ข้าจะรายงานกับหงเล่งจิน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาลงโทษผู้ใดต่อหน้าข้า เตรียมไม้มาโบยฮูหยินหงสิบไม้”
“ท่านอ๋องอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันเพียงทำตามกฎของจวนเท่านั้นเพคะ”
“ข้าเองก็ทำตามกฎของข้าเช่นกัน ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาออกคำสั่งต่อหน้าและลงโทษใครต่อหน้าโดยมิได้ถามความเห็นข้า โบย!!”
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ให้อภัยด้วยเพคะ”
“ท่านแม่ ท่านอ๋องเพคะ โปรดอภัยให้แม่หม่อมฉันด้วยเพคะ ท่านแม่เพียงทำตามกฎ ไม่คิดว่าจะ..”
“คุณหนู เจ้าอยากรับโทษแทนนางหรือไม่ ในฐานะที่เจ้าเป็นบุตรกตัญญู ข้าเปลี่ยนให้ก็ได้นะ โบยเจ้าแทนดีไหม”
“ข้า…”
“หลีกไป โบย!!”
“ท่านแม่ ฮืออ ท่านแม่”
เมื่อครบสิบไม้ ฮูหยินหงก็คลานลงมาจากโต๊ะพาดทันทีและนอนหมอบคลานไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ท่านอ๋องมองพวกนางด้วยหางตา เขาไม่ชอบการกระทำที่เกินหน้าเขาแบบนี้ แต่นางก็ทำ
“วันนี้ข้าไม่พบผู้ต้องสงสัย คิดว่าคนของข้าน่าจะมองพลาดไป ขออภัยที่ทำให้เสียเวลา กลับ!!”
จวนสกุลหง“เจ้าสาวจวนเสร็จหรือยัง ขบวนเจ้าบ่าวอีกสองเลี้ยวถนนก็จะมาถึงแล้วนะ”“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ”“ลี่อิน ตื่นเต้นหรือไม่”“เจียอี ขอบใจเจ้ามากนะที่เป็นธุระให้ทุกเรื่องเลย หากไม่ได้เจ้าข้าก็คงจัดการอะไรไม่ถูก”“อย่าได้ห่วง งานนี้ข้าเองก็จัดการท่านอ๋องให้ทุ่มสุดตัว พระองค์ยอมเทหมดหน้าตักเพื่อเจ้าเลยนะ ชุดแต่งงานนี่สั่งทำพิเศษใช้ช่างเย็บดิ้นปักทองฝีมือดีเกือบสิบคนรุมกันปักเลยถึงได้เสร็จทัน”“ขบวนเจ้าบ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหงเรียบร้อยหรือไม่เจ้าคะ”“พี่อี้เหวินมาช่วยข้าที”“เจ้าค่ะคุณหนูอิน”“พี่อี้เหวิน ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเรียกพวกเราว่าคุณหนู ท่านเป็นฮูหยินใต้เท้าโอหยาง เหตุใดท่านจึงลืมตัวอยู่เรื่อยเลย หากท่านเรียกอีกทีข้าจะโกรธแล้วนะ”“ข้าขอโทษๆลี่อิน ข้าจะไม่ลืมอีกแล้วเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ”“ต้องแบบนี้สิ แล้วข้าเล่า”“จ้าๆเจียอี ไปกันเถิด ท่านอ๋องมาถึงหน้าประตูแล้ว”อี้เหวินและเจียอีพยุงเจ้าสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าเรียบร้อยแล้วออกไปรอเจ้าบ่าวมารับที่หน้าจวน เมื่อพิธีการเริ่มขึ้นนำความปราบปลื้มใจให้กับผู้มาร่วมงานเมื่อส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวที่อยู่บนหลังม้าเพื่อพานางกลับไปยังจวนอ๋องเพื่อ
จวนท่านอ๋อง“กล้าเอาชีวิตและบ้านเมืองเป็นเดิมพัน หมากกระดานนี้ ข้าจะเป็นผู้ล้มมันเอง หวังเจา ตามพวกนางมา” “พ่ะย่ะค่ะ”“พวกเจ้าสามคนต้องทำให้เงียบและแนบเนียนที่สุด คอยสังเกตนางเอาไว้”“เพคะท่านอ๋อง พวกหม่อมฉันทราบแล้ว”“หากแม่นมนั่นไว้ใจพวกเจ้าแล้วก็ทำตามแผนได้เลย หลอกนางเอาของไปซ่อน ปล่อยข่าวลือเท็จเพื่อให้นางไปกระตุ้นหยงฮวาให้หายโดยเร็ว”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง""ห้องของเฟยซี“พรุ่งนี้เราไปจวนท่านตากันดีหรือไม่”“ดีเจ้าค่ะท่านแม่”“ถ้าเช่นนั้นเจ้ารีบนอนนะ”“แล้วท่านพ่อจะไปกับเราด้วยหรือไม่เจ้าคะ”“ท่านพ่อมีงาน คงจะไม่ได้ไปกับเรา”“แล้วท่านพ่อจะไปหาข้าที่จวนท่านตาหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านพ่อสอนเขียนอักษรกับวาดภาพอีกเจ้าค่ะ”“คืนนี้เจ้านอนก่อนนะ”“ก็ได้เจ้าค่ะ”เฟยซีหลับสนิทไปแล้ว ลี่อินที่นอนข้างๆนางในห้องที่ท่านอ๋องจัดเอาไว้เพื่อเป็นห้องส่วนตัวของเฟยซี เพื่อจะได้ให้นางเก็บของได้สะดวกเพราะตอนนี้ทั้งอุปกรณ์การศึกษาและของเช่นล้วนมากขึ้นลี่อินเผลอหลับไปโดยไม่ได้ห่มผ้าให้ตัวเอง จนเมื่อตกดึก เมื่อท่านอ๋องประชุมกับหวังเจา ท่านหมอเฉินและสั่งงานองครักษ์เรียบร้อยแล้วไม่เห็นนางอยู่ในห้องจึง
สิบวันก่อนงานพิธีมงคลสมรสพระราชทานพิเศษจากฝ่าบาท ได้มีราชโองการส่งมาที่จวนท่านอ๋องถึงสองฉบับ“ด้วยองค์การแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีรับสั่งประทานรางวัลให้กับท่านอ๋องเวยห่าวหรานที่ทำความดีความชอบปราบกบฏและสร้างความสัมพันธ์สองแคว้นต้าหมิงและเสิ่นตู ประทานทองคำยี่สิบหีบ ผ้าไหมทอมือชั้นดีเมือยเจียง หยางยี่สิบพับ เงินหนึ่งหมื่นตำลึง และเพื่อเป็นของขวัญวันสมรส ประทานเรือนพระราชทานหนึ่งหลังพร้อมโฉนดที่ดิน ม้าศึกสามสิบตัว พลเรือนบ่าวไพร่อีกหนึ่งร้อยคนพร้อมเบี้ยหวัดตลอดสองปี จบราชโองการ ”“เวยห่าวหรานรับราชโองการ”“ท่านอ๋อง พระชายายินดีด้วยกับงานสมรส”“ขอบคุณกงกง”ถุงเงินเล็กๆแต่หนักถูกส่งให้เฉินกงกงโดยหวังเจาที่ยื่นให้พวกเขาเมื่อทั้งคู่รับราชโองการมา บรรดาของพระราชทานทยอยขนเข้ามาที่ลานหน้าห้องโถงจวนท่านอ๋อง“เรื่อนพระราชทานตั้งอยู่ใกล้วังหลวง ฝ่าบาทคงไม่ยอมปล่อยให้พระองค์อยู่ไกลจากฝ่าบาทเลยนะเพคะ”“แต่เดิมข้ากับฝ่าบาทสนิทกันอยู่แล้ว แม้ว่าเหล่าขุนนางหลายคนจะพยายามยุยงส่งเสริมให้พระองค์กับข้าผิดใจกันก็ไม่เป็นผล เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่”“เพราะท่านพี่ไม่เคยคิดหวังในราชบัลลังก์ ฝ่าบาทจึงได้ครองราชย์แทนใช่หรื
“ไม่จริง!! เพราะเจ้าโผล่มาทำให้ท่านอ๋องหวั่นไหวต่างหาก เดิมทีเขาก็ต้องเป็นคู่หมายของข้าอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะส่งเขาไปรับข้าถึงเสิ่นตูหรือ”“หึ ดูท่าเจ้าจะเข้าใจผิดตั้งแต่ตอนนั้นเลยสินะองค์หญิง ข้าจะบอกความจริงอีกอย่างให้เจ้ารู้เอาไว้นะ ข้ากับลี่อินได้หมั้นหมายกันก่อนที่ข้าจะไปรับเจ้าที่เสิ่นตูแล้ว”หยงฮวานั้นเรียกได้ว่าเกิดอาการตกใจสุดขีดจนหน้านางเริ่มไร้ความรู้สึกไปเลยก็ว่าได้เมื่อนางค่อยๆหันไปมองผู้ที่กำลังพูดเรื่องนี้กับนางด้วยเสียงที่เรียบ“ท่าน…ท่านอ๋อง ตรัสว่าอย่างไรนะ พระองค์กับนาง….”“ข้ากับลี่อินได้ตกลงหมั้นหมายกันก่อนที่ข้าจะเดินทางไปรับเจ้าที่เสิ่นตู เดิมทีหน้าที่นี้มิใช่ของข้า แต่เพราแผนการชั่วขององค์ชายสี่ที่ต้องการล่อข้าออกจากเมืองหลวงเพื่อนำเจ้ามาสร้างปัญหาในราชสำนัก เขาจึงกราบทูลฝ่าบาทให้ข้าเป็นผู้ไปรับเจ้ามา แทนที่จะเป็นองค์ชายสามอย่างไรเล่า”“ที่แท้ท่านอ๋องกับบุตรของเสนาบดีหมั้นหมายกันมาก่อนแล้ว พวกเขามีบุตรด้วยกันก็ไม่แปลกแต่นางนี่สิ”“เหตุใดจึงยังไม่ยอมรับอีก ข้าอับอายแทนนางเหลือเกิน”“หึ ฮ่าๆ ที่แท้ทั้งหมดนั่น ตลอดเวลาที่ข้ามาที่นี่ข้าล้วนแต่คิดไปเองข้าหลงนึ
ท่านอ๋องมองหน้าหยงฮวาที่ต้องการคำตอบจากเขา เขาเพียงตอบด้วยเสียงเรียบๆ“หากว่าเจ้าไม่เริ่มใช้แผนสกปรกก่อน ข้าก็คงไม่ตลบหลังเช่นนี้ หยงฮวา”“ท่านมันโหดเหี้ยมเลือดเย็นเกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ หลอกใช้ความรักของข้าที่มีต่อพระองค์ทำเรื่องเลวร้ายนี่ขึ้นมา”“เลวร้ายงั้นหรือ ความรักงั้นหรือหยงฮวา เจ้าควรจะรู้เอาไว้นะว่าเรื่องนี้มันเริ่มต้นเมื่อใด เจ้าเริ่มวางแผนวางยาข้าแต่ไม่สำเร็จ ข้าไม่ยอมรับและจับแผนการชั่วครั้งนั้นได้ เจ้าไม่ยอมแพ้และยังให้คนปล่อยข่าวลือทั่วเมืองหลวงว่าข้าอยู่ในห้องนอนกับเจ้าทำเจ้าเสื่อมเสีย" "ส่งจดหมายให้พี่ชายของเจ้าที่เสิ่นตูเพื่อให้เกิดข้อพิพาท กดดันฝ่าบาทให้บีบบังคับข้าแต่งงานกับเจ้า สุดท้ายข้าก็ยอมให้เจ้าเป็นพระสนม เจ้ายังไม่พอใจถึงกับวางแผนชั่วนี่ตลบหลังบีบบังคับข้าจนถึงที่สุดเอาความสัมพันธ์สองแคว้นมาเป็นเดิมพันเพื่อให้ข้าแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นพระชายา เจ้าคิดว่าแผนชั่วช้าพวกนี้กับการกระทำของข้านั่น มันเทียบกันได้หรือไม่”เสี่ยงก่นด่านางเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ“หน้าไม่อาย คนเข้าไม่ได้รักแต่นางก็พยายามอยากได้เขาจนเขาหมดหนทาง สมน้ำหน้าแล้ว”“ถึงกับกล้าเอาแผ่นดินมาเดิมพัน นาง
หยงฮวาตกใจกับคำที่หลุดออกจากปากนางไป ท่านอ๋องทำเพียงหยักยิ้มที่มุมปากขึ้นเหมือนเยาะเย้ยนาง ใบหน้าเย็นชาเลือดเย็นที่คุ้นเคยนั่นส่งมาให้นาง แล้วตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ตำหนักของนางนั่นคืออะไรกัน“ได้ยินหรือไม่ นางหลุดปากออกมาเอง”“นี่มันเรื่องอะไรกัน”“พระสนม เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”“ไม่เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้เอ่ยเช่นนั้น หม่อมฉันหมายความว่า แม่นมเองก็บอกหม่อมฉันว่าท่านอ๋องตรัสว่าหากหม่อมฉันฟื้นขึ้นมา ท่านอ๋องจะแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นพระชายาเพคะ หม่อมฉันพูดผิดเพคะ”“งั้นหรือ พระสนม ถ้าเช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร”ท่านอ๋องพยักหน้าให้หวังเจานำขวดยาออกมาให้นางดู แม่นมถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นทันที นางจำขวดยาสองขวดนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะนางเป็นผู้ฝังเองกับมือ หยงฮวาหันไปมองหน้าแม่นม บัดนี้ใบหน้านั้นขาวซีดราวกับถูกยาพิษอีกครั้ง“นี่มัน….นี่คือสิ่งใดเพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าท่านอ๋องต้องการบอกอะไรกับหม่อมฉัน”“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ เจ้าอาจจะไม่รู้ แต่คนข้างหลังเจ้านั่น นางอาจจะรู้ดีก็ได้เพราะว่านางเป็นผู้เอาไปฝังไว้ข้างสระบัวหลังตำหนักของเจ้านี่”“ทะ…ท่านอ๋องเพคะ ไม่…ไม่ใช่นะเพคะ นั่นมันคื