“ท่านอ๋อง ตกลงว่า..”
ท่านอ๋องยกมือห้ามก่อนขึ้นรถม้า
“ขึ้นรถแล้วค่อยว่ากัน”
รถม้าวิ่งออกมาจากจวนเสนาบดีแล้ว เรื่องในวันนี้คงเป็นประเด็นระหว่างเขากับเสนาบดีหงอีกแน่นอนเมื่อบุกมาถึงจวนและยังมาลงโทษฮูหยินของเขาอีกด้วย ทั้งๆที่เขาควรจะผูกมิตรกับเสนาบดีกลาโหมผู้นี้เอาไว้เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า
“ท่านอ๋อง”
“ส่งคนไปสืบเรื่องของหงลี่อินมาให้ข้า”
“สืบเรื่องของนาง ทำไมขอรับ”
“ข้าอยากรู้…”
ภาพของนางที่มองเขาด้วยความโกรธนั้นยังคงติดตาเขาอยู่ ปากบางที่ซีดจัดของนางยังคงติดอยู่ในใจของเขา
“ว่านาง…ได้ยินอะไรหรือไม่”
“แล้วคำสั่งก่อนหน้านี้…”
“อย่าพึ่งฆ่า จับนางมาสอบสวนก่อน”
“ท่านอ๋องไม่ควรประมาทนาง..”
“ข้ารู้ ข้าไม่ประมาทนางแน่นอน เพียงแต่ไม่คิดว่านางจะเป็นบุตรีของเสนาบดีหงเสียได้ กลับจวนแล้วค่อยว่ากันเถิด”
“ขอรับ”
ห้องคุณหนูลี่อิน
“คุณหนูฟื้นแล้ว แม่นมอี้ เร็วๆเข้า”
“คุณหนู ท่านยังมีไข้อยู่ ดื่มยานี่ก่อนเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณแม่นมอี้”
“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ โธ่คุณหนู เหตุใดต้องเจอเรื่องแบบนี้ไม่สิ้นสุด”
“เจ้าอ๋องใจโหดนั่น ข้าเกลียดเขา”
“คุณหนูอย่าพูดเช่นนั้นเจ้าค่ะ ท่านไม่รู้ว่าท่านอ๋องโกรธมากที่ฮูหยินสั่งราดน้ำเย็นท่าน ตอนท่านหมดสติ ท่านอ๋องตกใจมากอุ้มท่านมาส่งถึงห้อง
“แล้วก็ยังสั่งโบยฮูหยินไปห้าไม้ด้วยเจ้าค่ะ”
“เขาสั่งโบยหงเหลียงงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ท่านอ๋องบอกว่านางบังอาจสั่งลงโทษคนต่อหน้าเขา ซึ่งเป็นการไม่ไว้หน้าเขาเจ้าค่ะ”
“งั้นหรือ เรื่องจริงหรือ”
“จริงเจ้าค่ะ ตอนนี้ฮูหยินยังลุกไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“หึ ก็นับว่ายังมีคุณธรรม ข้าอภัยให้เขาก็ได้ อารมณ์ดีแล้ว”
“แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ ท่านแอบออกไปดูละครอีกแล้วงั้นหรือเจ้าคะ”
“เอ่อ แม่นม คือว่าข้า..”
“เอาเถอะเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจว่าคุณหนูคงเบื่อ แต่ต่อไปแค่บอกข้าก่อนจะได้ไม่ต้องแอบออกไปและหาเรื่องให้นางทำโทษท่านเช่นวันนี้อีก”
“แม่นมไม่ส่งคนตามข้าแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่แล้วเจ้าค่ะ แต่คุณหนูสัญญาก่อนนะเจ้าคะว่าจะไม่แอบหนีออกไปอีก”
“เจ้าค่ะๆสัญญา รักแม่นมอี้ที่สุดเลย”
หอสุ่ยเซียนวันถัดมา.
“วันนี้ไม่ต้องหนีผู้ใดแล้ว”
“คุณหนูหง”
“คุณชายโอหยาง”
“ข้าขอนั่งด้วยได้หรือไม่”
ในเมื่อเขาก็ดูไม่ได้มีพิษภัยอะไร เหตุใดจะผูกมิตรกันไม่ได้ ไม่แน่ว่าในอนาคตเขาอาจจะเป็นสหายที่ดีก็ได้
“อ่อ ได้สิเจ้าคะ”
“วันนี้เหตุใดท่านออกมาได้ ไม่แต่งเป็นบุรุษแล้วด้วย”
“ข้าไม่ต้องแอบแล้วเจ้าค่ะ ก็เลยแต่งตัวตามสบายออกมา ท่านล่ะ วันนี้ว่างหรืออย่างไร ถึงได้มานั่งดูละครได้”
“บอกตามตรง ที่จริงข้ามารอเจ้าน่ะ”
“รอข้า รอทำไมเจ้าคะ”
“เจ้าก็คงจะรู้เรื่องที่ทางสองสกุลอยากให้เจ้ากับข้าหมั้นหมายกัน”
“อืม ก็พอรู้เจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ค่อยอยากหมั้นกับผู้ใดตอนนี้ ท่านมองสตรีสกุลอื่นเถิดเจ้าค่ะ อ้อ น้องสาวข้าก็ยังว่าง ท่านไม่มองสักหน่อยหรือ ข้าไม่สนใจบุรุษ เราเป็นสหายกันดีกว่า"
“สหายงั้นหรือ ไม่เคยได้ยินสตรีผู้ใดอยากคบบุรุษเป็นสหาย”
“ก็ข้านี่อย่างไรเล่า อย่าคิดมากสิ จะสตรีหรือบุรุษก็ไม่ต่างกันหรอก”
“แม่นางช่างเป็นคนแปลกจนข้าประทับใจ ข้าขอดื่มให้เจ้า”
“มาสิๆ ดื่มๆ"
“เขาคือใครกัน”
“คุณชายโอวหยางรุ่ย บุตรของโอหยางจุนกรมขุนนางขอรับ ตัวเขาเองก็พึ่งสอบเข้าราชการได้เมื่อปีกลาย อยู่กรมขุนนางเช่นเดียวกัน”
“เขาเป็นคนรักของนางงั้นหรือ”
“เห็นว่าสองสกุลนี้จะให้พวกเขาหมั้นหมายกันนะขอรับ”
“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง”
“ข้าจะคุยกับนางได้เช่นไร”
“ท่านอ๋องอยากคุยกับนางหรือขอรับ”
“อย่าลืมภารกิจของเรา”
“ได้ขอรับ ข้าจัดการเอง”
“ข้ารอในห้อง”
หงลี่อินนั่งดูละครกับโอหยางรุ่ยด้วยความสนุกอยู่ได้พักหนึ่ง การดูละครกับเขาก็มิใช่เรื่องแย่ เขาเป็นเพื่อนดูละครที่สนุกมากทีเดียว จนนางได้รับจดหมายจากเสี่ยวเอ้อร์ว่าให้อ่านคนเดียว เมื่อนางเปิดอ่านจึงรีบขอตัวขึ้นไปชั้นบน ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า
“หากไม่อยากให้ท่านพ่อรู้ รีบขึ้นมา!!”
“แล้วข้าต้องไปที่ใดกันล่ะนี่ ว๊าย”
หงลี่อินถูกดึงเข้าห้อง ซึ่งเป็นห้องเดิมเมื่อครั้งที่แล้วที่นางเข้ามา นางหันมามองหน้าคนที่ดึงนางเข้ามา
“ไอ้…”
“หืมม”
“เอ่อ ท่านอ๋อง พระองค์พาหม่อมฉันเข้ามาทำไมที่นี่เพคะ”
“นั่งก่อนสิ”
“ไม่ล่ะเพคะ เสียเวลาดูละคร รีบคุยมาเถอะ”
“สามหาว!! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าภายในดาบเดียวและฝังเจ้าเอาไว้ที่นี่โดยไม่มีใครล่วงรู้”
หงลี่อินกะพริบตาถี่ๆมองเขาอย่างนึกกลัวก่อนจะนั่งลงตามคำเชิญของเขาด้วยความเกรงกลัว
“รินชาให้ข้าสิ”
หงลี่อินรินน้ำชาและส่งให้เขา เขารับไปและมองหน้านางก่อนจะยกดื่มจนหมดและวางจอกลงอย่างแรงจนนางสะดุ้ง
“รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงเรียกเจ้ามา”
“ไม่ทราบเพคะ"
“ข้าอยากจะถามว่า…”
“ต่อให้พระองค์ถามหม่อมฉันอีกกี่รอบ หม่อมฉันก็บอกได้ว่าไม่ได้ยินอะไรเลย พระองค์จะบ้าหรือ หม่อมฉันเข้ามาเพียงครู่เดียวด้วยความหวาดกลัวว่าคนที่จวนจะจับได้ จะมีเวลาเอาหูที่ไหนไปแอบฟังพวกท่านคุยกัน ไม่ว่าพระองค์จะวางแผนขโมยอะไรหรือฆ่าใครหม่อมฉันก็ไม่รู้ทั้งนั้น และก็ไม่สนด้วยเพราะมันไม่ใช่เรื่องของหม่อมฉัน”
เวยห่าวหรานดึงตัวนางเข้ามาใกล้จนชิด ลมหายใจเขารดอยู่ที่แก้มนาง
“เจ็บนะ ท่านอ๋อง ปล่อยหม่อมฉันนะ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่มันหายถึงอะไร สิ่งที่เจ้าพูดทำให้ข้าตัดสินได้เลยว่าเจ้าควรจะอยู่หรือตาย”
“ท่านอ๋อง หากพระองค์อยากฆ่าหม่อมฉันนักละก็ ให้หม่อมฉันดูละครเรื่องนี้ให้จบก่อนได้หรือไม่แล้วหม่อมฉันจะมาให้พระองค์ฆ่าถึงที่เลย”
“นี่เจ้าท้าทายข้างั้นหรือ”
หงลี่อินส่งสายตาดื้อดึงมาให้เขา ตากลมโตคู่นั้นมองเขาด้วยนึกสงสัยว่าเขาเป็นพวกบ้าอำนาจหรือไม่ เหตุใดต้องทำเสียงดุดันกับนางราวกับสอบสวนนักโทษเช่นนี้ด้วย
“ท่านอ๋องพระองค์คงไม่ค่อยมีเพื่อนสินะ จะคุยกับใครก็ยาก กินข้าวทั้งทีก็นั่งกินในห้องส่วนตัว ละครก็ไม่ดู ชีวิตเหี่ยวเฉา ไม่มีสีสัน น่าสงสารเสียจริง”
ท่านอ๋องโกรธจนผลักนางนอนลงกับพื้นพร้อมกับปักมีดสั้นคมกริบลงไปเฉียดหน้านางไปนิดเดียว
“ท่าน…ท่านอ๋องอย่าวู่วาม หม่อมฉันแค่...แค่ล้อเล่นเท่านั้นเพคะ ล้อเล่นพระองค์อย่าทำอะไรข้านะ”
“หากเจ้าพูดมากอีกแค่คำเดียว ข้าจะกรีดปากเจ้าเสีย”
“ตกลงท่านอ๋องเรียกข้ามา มีธุระอะไรเพคะ”
“ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
“งานอะไรเพคะ เหตุใดต้องเป็นข้า เหตุใดข้าต้องทำด้วยเพคะ”
มีดอันเดิมปักลงไปกลางโต๊ะต่อหน้านาง ลี่อินกลืนน้ำลายอย่างลำบาก นางเป็นคนปากไวจึงไม่ทันคิดว่าเขาโหดเหี้ยมเพียงใด
“เพราะข้าเลือกเจ้า เจ้าก็ต้องทำไม่มีสิทธิ์ถาม”
“งานอะไรเพคะ”
“ก่อกวน ตัดรำคาญ สายลับ ส่งจดหมาย”
“มันงานอะไรกันแน่เพคะ ท่านอ๋องพูดจนงงไปหมด”
“เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่ข้าเรียกใช้งาน เจ้าต้องมาทันที”
“แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้เช่นไรว่าเมื่อไหร่”
“ข้าจะเป็นผู้กำหนดเอง”
“หากหม่อมฉันหลับอยู่ล่ะเจ้าคะ”
หงลี่อินมองหน้าเขา สายตาดุดันนั่นมองมายังนาง ลี่อินจึงเลือกที่จะหุบปากและรินชามาดื่มแทนแต่กลับถูกเขาดึงจอกชาไปจากมือและยกขึ้นดื่มแทน
“จอกนั้นข้าดื่มไปแล้วนะเพคะ ท่าน…”
“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ จูบก็เคยมาแล้ว เรื่องแค่นี้เจ้าถือด้วยหรือ”
จวนสกุลหง“เจ้าสาวจวนเสร็จหรือยัง ขบวนเจ้าบ่าวอีกสองเลี้ยวถนนก็จะมาถึงแล้วนะ”“ใกล้แล้วเจ้าค่ะ”“ลี่อิน ตื่นเต้นหรือไม่”“เจียอี ขอบใจเจ้ามากนะที่เป็นธุระให้ทุกเรื่องเลย หากไม่ได้เจ้าข้าก็คงจัดการอะไรไม่ถูก”“อย่าได้ห่วง งานนี้ข้าเองก็จัดการท่านอ๋องให้ทุ่มสุดตัว พระองค์ยอมเทหมดหน้าตักเพื่อเจ้าเลยนะ ชุดแต่งงานนี่สั่งทำพิเศษใช้ช่างเย็บดิ้นปักทองฝีมือดีเกือบสิบคนรุมกันปักเลยถึงได้เสร็จทัน”“ขบวนเจ้าบ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหงเรียบร้อยหรือไม่เจ้าคะ”“พี่อี้เหวินมาช่วยข้าที”“เจ้าค่ะคุณหนูอิน”“พี่อี้เหวิน ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเรียกพวกเราว่าคุณหนู ท่านเป็นฮูหยินใต้เท้าโอหยาง เหตุใดท่านจึงลืมตัวอยู่เรื่อยเลย หากท่านเรียกอีกทีข้าจะโกรธแล้วนะ”“ข้าขอโทษๆลี่อิน ข้าจะไม่ลืมอีกแล้วเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ”“ต้องแบบนี้สิ แล้วข้าเล่า”“จ้าๆเจียอี ไปกันเถิด ท่านอ๋องมาถึงหน้าประตูแล้ว”อี้เหวินและเจียอีพยุงเจ้าสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าเรียบร้อยแล้วออกไปรอเจ้าบ่าวมารับที่หน้าจวน เมื่อพิธีการเริ่มขึ้นนำความปราบปลื้มใจให้กับผู้มาร่วมงานเมื่อส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวที่อยู่บนหลังม้าเพื่อพานางกลับไปยังจวนอ๋องเพื่อ
จวนท่านอ๋อง“กล้าเอาชีวิตและบ้านเมืองเป็นเดิมพัน หมากกระดานนี้ ข้าจะเป็นผู้ล้มมันเอง หวังเจา ตามพวกนางมา” “พ่ะย่ะค่ะ”“พวกเจ้าสามคนต้องทำให้เงียบและแนบเนียนที่สุด คอยสังเกตนางเอาไว้”“เพคะท่านอ๋อง พวกหม่อมฉันทราบแล้ว”“หากแม่นมนั่นไว้ใจพวกเจ้าแล้วก็ทำตามแผนได้เลย หลอกนางเอาของไปซ่อน ปล่อยข่าวลือเท็จเพื่อให้นางไปกระตุ้นหยงฮวาให้หายโดยเร็ว”""รับบัญชาเพคะท่านอ๋อง""ห้องของเฟยซี“พรุ่งนี้เราไปจวนท่านตากันดีหรือไม่”“ดีเจ้าค่ะท่านแม่”“ถ้าเช่นนั้นเจ้ารีบนอนนะ”“แล้วท่านพ่อจะไปกับเราด้วยหรือไม่เจ้าคะ”“ท่านพ่อมีงาน คงจะไม่ได้ไปกับเรา”“แล้วท่านพ่อจะไปหาข้าที่จวนท่านตาหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากให้ท่านพ่อสอนเขียนอักษรกับวาดภาพอีกเจ้าค่ะ”“คืนนี้เจ้านอนก่อนนะ”“ก็ได้เจ้าค่ะ”เฟยซีหลับสนิทไปแล้ว ลี่อินที่นอนข้างๆนางในห้องที่ท่านอ๋องจัดเอาไว้เพื่อเป็นห้องส่วนตัวของเฟยซี เพื่อจะได้ให้นางเก็บของได้สะดวกเพราะตอนนี้ทั้งอุปกรณ์การศึกษาและของเช่นล้วนมากขึ้นลี่อินเผลอหลับไปโดยไม่ได้ห่มผ้าให้ตัวเอง จนเมื่อตกดึก เมื่อท่านอ๋องประชุมกับหวังเจา ท่านหมอเฉินและสั่งงานองครักษ์เรียบร้อยแล้วไม่เห็นนางอยู่ในห้องจึง
สิบวันก่อนงานพิธีมงคลสมรสพระราชทานพิเศษจากฝ่าบาท ได้มีราชโองการส่งมาที่จวนท่านอ๋องถึงสองฉบับ“ด้วยองค์การแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีรับสั่งประทานรางวัลให้กับท่านอ๋องเวยห่าวหรานที่ทำความดีความชอบปราบกบฏและสร้างความสัมพันธ์สองแคว้นต้าหมิงและเสิ่นตู ประทานทองคำยี่สิบหีบ ผ้าไหมทอมือชั้นดีเมือยเจียง หยางยี่สิบพับ เงินหนึ่งหมื่นตำลึง และเพื่อเป็นของขวัญวันสมรส ประทานเรือนพระราชทานหนึ่งหลังพร้อมโฉนดที่ดิน ม้าศึกสามสิบตัว พลเรือนบ่าวไพร่อีกหนึ่งร้อยคนพร้อมเบี้ยหวัดตลอดสองปี จบราชโองการ ”“เวยห่าวหรานรับราชโองการ”“ท่านอ๋อง พระชายายินดีด้วยกับงานสมรส”“ขอบคุณกงกง”ถุงเงินเล็กๆแต่หนักถูกส่งให้เฉินกงกงโดยหวังเจาที่ยื่นให้พวกเขาเมื่อทั้งคู่รับราชโองการมา บรรดาของพระราชทานทยอยขนเข้ามาที่ลานหน้าห้องโถงจวนท่านอ๋อง“เรื่อนพระราชทานตั้งอยู่ใกล้วังหลวง ฝ่าบาทคงไม่ยอมปล่อยให้พระองค์อยู่ไกลจากฝ่าบาทเลยนะเพคะ”“แต่เดิมข้ากับฝ่าบาทสนิทกันอยู่แล้ว แม้ว่าเหล่าขุนนางหลายคนจะพยายามยุยงส่งเสริมให้พระองค์กับข้าผิดใจกันก็ไม่เป็นผล เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่”“เพราะท่านพี่ไม่เคยคิดหวังในราชบัลลังก์ ฝ่าบาทจึงได้ครองราชย์แทนใช่หรื
“ไม่จริง!! เพราะเจ้าโผล่มาทำให้ท่านอ๋องหวั่นไหวต่างหาก เดิมทีเขาก็ต้องเป็นคู่หมายของข้าอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะส่งเขาไปรับข้าถึงเสิ่นตูหรือ”“หึ ดูท่าเจ้าจะเข้าใจผิดตั้งแต่ตอนนั้นเลยสินะองค์หญิง ข้าจะบอกความจริงอีกอย่างให้เจ้ารู้เอาไว้นะ ข้ากับลี่อินได้หมั้นหมายกันก่อนที่ข้าจะไปรับเจ้าที่เสิ่นตูแล้ว”หยงฮวานั้นเรียกได้ว่าเกิดอาการตกใจสุดขีดจนหน้านางเริ่มไร้ความรู้สึกไปเลยก็ว่าได้เมื่อนางค่อยๆหันไปมองผู้ที่กำลังพูดเรื่องนี้กับนางด้วยเสียงที่เรียบ“ท่าน…ท่านอ๋อง ตรัสว่าอย่างไรนะ พระองค์กับนาง….”“ข้ากับลี่อินได้ตกลงหมั้นหมายกันก่อนที่ข้าจะเดินทางไปรับเจ้าที่เสิ่นตู เดิมทีหน้าที่นี้มิใช่ของข้า แต่เพราแผนการชั่วขององค์ชายสี่ที่ต้องการล่อข้าออกจากเมืองหลวงเพื่อนำเจ้ามาสร้างปัญหาในราชสำนัก เขาจึงกราบทูลฝ่าบาทให้ข้าเป็นผู้ไปรับเจ้ามา แทนที่จะเป็นองค์ชายสามอย่างไรเล่า”“ที่แท้ท่านอ๋องกับบุตรของเสนาบดีหมั้นหมายกันมาก่อนแล้ว พวกเขามีบุตรด้วยกันก็ไม่แปลกแต่นางนี่สิ”“เหตุใดจึงยังไม่ยอมรับอีก ข้าอับอายแทนนางเหลือเกิน”“หึ ฮ่าๆ ที่แท้ทั้งหมดนั่น ตลอดเวลาที่ข้ามาที่นี่ข้าล้วนแต่คิดไปเองข้าหลงนึ
ท่านอ๋องมองหน้าหยงฮวาที่ต้องการคำตอบจากเขา เขาเพียงตอบด้วยเสียงเรียบๆ“หากว่าเจ้าไม่เริ่มใช้แผนสกปรกก่อน ข้าก็คงไม่ตลบหลังเช่นนี้ หยงฮวา”“ท่านมันโหดเหี้ยมเลือดเย็นเกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ หลอกใช้ความรักของข้าที่มีต่อพระองค์ทำเรื่องเลวร้ายนี่ขึ้นมา”“เลวร้ายงั้นหรือ ความรักงั้นหรือหยงฮวา เจ้าควรจะรู้เอาไว้นะว่าเรื่องนี้มันเริ่มต้นเมื่อใด เจ้าเริ่มวางแผนวางยาข้าแต่ไม่สำเร็จ ข้าไม่ยอมรับและจับแผนการชั่วครั้งนั้นได้ เจ้าไม่ยอมแพ้และยังให้คนปล่อยข่าวลือทั่วเมืองหลวงว่าข้าอยู่ในห้องนอนกับเจ้าทำเจ้าเสื่อมเสีย" "ส่งจดหมายให้พี่ชายของเจ้าที่เสิ่นตูเพื่อให้เกิดข้อพิพาท กดดันฝ่าบาทให้บีบบังคับข้าแต่งงานกับเจ้า สุดท้ายข้าก็ยอมให้เจ้าเป็นพระสนม เจ้ายังไม่พอใจถึงกับวางแผนชั่วนี่ตลบหลังบีบบังคับข้าจนถึงที่สุดเอาความสัมพันธ์สองแคว้นมาเป็นเดิมพันเพื่อให้ข้าแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นพระชายา เจ้าคิดว่าแผนชั่วช้าพวกนี้กับการกระทำของข้านั่น มันเทียบกันได้หรือไม่”เสี่ยงก่นด่านางเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ“หน้าไม่อาย คนเข้าไม่ได้รักแต่นางก็พยายามอยากได้เขาจนเขาหมดหนทาง สมน้ำหน้าแล้ว”“ถึงกับกล้าเอาแผ่นดินมาเดิมพัน นาง
หยงฮวาตกใจกับคำที่หลุดออกจากปากนางไป ท่านอ๋องทำเพียงหยักยิ้มที่มุมปากขึ้นเหมือนเยาะเย้ยนาง ใบหน้าเย็นชาเลือดเย็นที่คุ้นเคยนั่นส่งมาให้นาง แล้วตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ตำหนักของนางนั่นคืออะไรกัน“ได้ยินหรือไม่ นางหลุดปากออกมาเอง”“นี่มันเรื่องอะไรกัน”“พระสนม เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”“ไม่เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้เอ่ยเช่นนั้น หม่อมฉันหมายความว่า แม่นมเองก็บอกหม่อมฉันว่าท่านอ๋องตรัสว่าหากหม่อมฉันฟื้นขึ้นมา ท่านอ๋องจะแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นพระชายาเพคะ หม่อมฉันพูดผิดเพคะ”“งั้นหรือ พระสนม ถ้าเช่นนั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร”ท่านอ๋องพยักหน้าให้หวังเจานำขวดยาออกมาให้นางดู แม่นมถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นทันที นางจำขวดยาสองขวดนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะนางเป็นผู้ฝังเองกับมือ หยงฮวาหันไปมองหน้าแม่นม บัดนี้ใบหน้านั้นขาวซีดราวกับถูกยาพิษอีกครั้ง“นี่มัน….นี่คือสิ่งใดเพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าท่านอ๋องต้องการบอกอะไรกับหม่อมฉัน”“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ เจ้าอาจจะไม่รู้ แต่คนข้างหลังเจ้านั่น นางอาจจะรู้ดีก็ได้เพราะว่านางเป็นผู้เอาไปฝังไว้ข้างสระบัวหลังตำหนักของเจ้านี่”“ทะ…ท่านอ๋องเพคะ ไม่…ไม่ใช่นะเพคะ นั่นมันคื