Share

ตอนที่ 2

last update Huling Na-update: 2025-07-17 07:44:49

ระหว่างเส้นทางเมืองไฮ่มุ่งสู่เมืองหลวง

“ช่วยด้วย ช่วยคุณชายของข้าด้วย” ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายอย่างหนัก บุรุษวัยสามสิบกว่า ๆ ผู้หนึ่ง รีบขวางทางทหารกลุ่มหนึ่งไว้ด้วยความลนลานและหวาดหวั่น

“เกิดอะไรขึ้น” คนที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารถามขึ้น

“รถม้าของคุณชายข้าลื่นเสียหลักตกลงไปที่หน้าผา คุณชายของข้ากระโดดออกมาจากรถได้ แต่ก็ติดอยู่ที่ชะง่อนผาด้านล่าง ไม่สามารถหาทางขึ้นมาได้เพราะได้รับบาดเจ็บที่เท้า”

“คนอยู่ไหน”

“ทางนี้”

ทหารหลายสิบนายเตรียมจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บท่ามกลางสายฝน

“พี่ตู้ รอให้ฝนซาอีกสักหน่อยดีกว่า ฝนตกแบบนี้มันเสี่ยงเกินไปนะ” ไป๋ซินหูเสนอแนะเพื่อนร่วมงาน

“แต่คนกำลังบาดเจ็บนะอาหู และฝนก็ตกหนักมากด้วย น้ำจากข้างบนไหล่ลงไปแบบนี้ เกรงว่าชะง่อนผาอาจจะพังลงได้”

“ชะง่อนผาไม่น่าพังง่าย ๆ ยังมีลักษณะคล้ายปากถ้ำไว้หลบลมฝนได้อีก เขาน่าจะปลอดภัยไปจนถึงฝนหยุดตก แต่ถ้าเราช่วยเขาตอนนี้เรานี่แหละที่เสี่ยงกว่าเขา”

อาตู้คิดตามคำพูดของเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นคนรอบคอบที่สุดในกลุ่ม

“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่เราจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นานไม่ได้ เจ้าก็รู้ว่าเราเป็นกลุ่มสุดท้าย ต้องรีบกลับไปรวมตัวกับกลุ่มอื่นในเมืองหลวง ตอนนี้เรามีแค่สองทางเลือกเท่านั้น คือช่วยเขาหรือไม่ก็ทิ้งเขาไปตอนนี้เลย ให้เขารอให้คนอื่นที่ผ่านทางมาช่วย”

“แต่เราเป็นทหารนะพี่ตู้ เราจะทิ้งชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนไม่ได้”

“เช่นนั้นก็ต้องทำตอนนี้เลย เราจะเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว ถ้าเรากลับไปถึงช้ากว่ากำหนดมากเกินไป เราก็จะโดนลงโทษตามวินัยทหารเหมือนกัน”

“เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่ตู้เถิด” ไป๋ซินหูรับปากอย่างเต็มใจ

ความจริงเขาควรจะกลับถึงเมืองหลวงตั้งแต่สามวันที่แล้ว แต่เพราะฝนที่ตกมาผิดฤดูนี้เอง ทำให้ท่านแม่ทัพไม่ไว้วางใจ สั่งให้ทหารกองของเขาอยู่เฝ้าระวังต่ออีกสามวัน เพราะกลัวจะเกิดเหตุน้ำท่วมหมู่บ้านซ้ำอีก

“เจ้าไปหยิบเชือกกับผ้ามาให้ข้าที”

“อือ” ซินหูทำตามคำสั่งโดยเร็ว

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ซินหูก็เตรียมตัวจะลงไปช่วยคน

“ข้าเอง” อาตู้ดึงไป๋ซินหูเอาไว้

“เจ้าออกคำสั่งอยู่ข้างบนนี่แหละ” ซินหูรู้ว่าพี่ตู้มีอาการปวดแขนข้างซ้ายมาสักพักแล้ว และตัวก็ใหญ่กว่าเขามากจึงไม่อยากให้ลงไป

“แน่ใจนะ” อาตู้ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ถนัดงานแบบนี้

“แน่ใจสิ รีบ ๆ เข้าเถอะ ฝนซาลงบ้างแล้ว เราจะได้ทำงานง่ายขึ้น”

อาตู้พยักหน้ารับ

ไป๋ซินหูถูกหย่อนลงไปจนถึงชะง่อนผาอย่างปลอดภัย มองดูร่างโปร่งบางที่หลบฝนอยู่กับโขดหิน เขาดูอิดโรยและซีดเซียว และเขายังอายุน้อยอยู่เลย ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่ามาจากชาติตระกูลที่ดี

“เป็นอย่างไร เจ็บตรงไหนบ้าง”

“ข้าเจ็บขามาก ท่านมาช่วยข้าหรือ”

“อือ ข้ามาช่วยแล้ว” ไป๋ซินหูมองข้อเท้าที่บิดจนผิดรูป บวมช้ำเป็นสีคล้ำ สูงขึ้นมาอีกนิดก็เห็นกระดูกแทงทะลุเนื้อที่ฉีกขาดออกมา แต่แทบไม่มีเลือดให้เห็นแล้ว คงเพราะถูกน้ำฝนชะล้างไป เขารีบหยิบผ้าและไม้ที่เตรียมไว้ออกมา

“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วคุณชายน้อย” ถามขณะเริ่มโรยยาลงไปบนบาดแผล

“อีกสองเดือนข้าก็จะอายุสิบสองแล้ว โอ๊ย!!!” ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดที่จู่โจมเข้ามากะทันหัน

ซินหูรีบจับขาที่ทำท่าจะชักหนี “อดทนหน่อยนะคุณชาย บาดแผลของเจ้าสาหัสมาก ข้าต้องรักษาอาการเบื้องต้นให้ก่อน เสร็จแล้วจะรีบพาเจ้าขึ้นไป กัดผ้านี้ไว้นะ”

“ข้าเจ็บ ซู้ด..แต่ข้าจะอดทน” เขารีบกัดผ้าข่มความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต แม้น้ำตาจะไหลแข่งกับน้ำฝนแต่ก็ไม่ปริปากร้องออกมา

“ข้าเป็นทหาร ชื่อไป๋ซินหู เดินทางไปช่วยผู้ประสบภัยที่เมืองไฮ่หลายเดือนแล้ว เมียของข้ากำลังท้องแก่ใกล้คลอด ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นลูกสาว เพราะข้ามีแต่พี่ชาย ข้าจึงอยากได้ลูกสาวเอาไว้ให้อ้อนข้าบ้าง” ซินหูหาเรื่องมาชวนคุยกับเด็กหนุ่ม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวด “เสร็จแล้ว”

“ท่านคงมีความสุขมากสินะ ที่จะได้กลับไปเจอหน้าภรรยา แล้วยังจะได้เป็นพ่อคนอีก” แม้จะยังเจ็บอยู่ แต่เขาก็คุยโต้ตอบกับนายทหารผู้มีพระคุณที่กำลังผูกปมผ้า

“ดีใจมาก อยากจะกลับถึงบ้านวันนี้พรุ่งนี้เลย ค่อย ๆ ลุกขึ้นนะ” เขาประคองเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นช้า ๆ “นอกจากที่ขาแล้วยังเจ็บที่ไหนอีกไหม”

“เจ็บตามตัวบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ ข้าทนได้”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าขึ้นไป ตอนที่ถูกดึงขึ้นไปก็ระวังให้ดี”

“แล้วท่านไม่ขึ้นไปกับข้าด้วยหรือ”

“สองคนมันจะหนักเกินไป ถึงฝนจะซาลงมากแล้วแต่ก็ยังอันตราย เจ้าขึ้นไปก่อนเถิดคุณชายน้อย”

“ข้าชื่ออี้เทียน ขอบคุณท่านอาไป๋” ประสานมือคำนับอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ

“ยินดี เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม”

“อือ”

ซินหูส่งยิ้มให้คุณชายน้อยก่อนจะกระตุกเชือกส่งสัญญาณให้คนด้านบน มองตามเด็กหนุ่มที่ถูกดึงขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้วอย่างไม่คลาดสายตา

ครืนนนน..

“ระวัง!” เสียงของอาตู้ตะโกนดังด้วยความตกใจแข่งกับสายฝน

“เหวอ!” เสียงของอี้เทียนร้องด้วยความตกใจจนฟังไม่รู้เรื่อง

ไป๋ซินหูก็ตกใจกับภาพของอี้เทียนที่กำลังร่วงลงมาอย่างเร็ว รีบขยับตัวหมายจะรับคนที่กำลังตกลงมา ลืมไปว่าตัวเองนั้นกำลังยืนอยู่ชิดขอบผา ทำให้ขาข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนอากาศ..

แต่โชคยังดีที่ร่างของอี้เทียนสะบัดลงมาใส่เขาพอดี ตัวเขาจึงเหมือนถูกเหวี่ยงกลับไปบนผาได้อย่างฉิวเฉียด

แต่ขาข้างที่ก้าวออกไปในอากาศเมื่อสักครู่ รู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมา..

เขาคงโดนหินบาดเข้าให้แล้ว

แต่ยังไม่ทันได้ขยับดูให้แน่ใจ สายตาก็เหลือบไปเห็นหินขนาดสองแขนโอบกำลังเกยอยู่บนหน้าผาด้านบน

มันมาจากไหน!

ใจของเขาแทบจะหยุดเต้น หวังอย่างยิ่งว่ามันจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น

แต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่เขาหวัง!!

เขาไม่คิดอะไรแล้วในตอนนี้ หวังเพียงว่าเด็กหนุ่มบนตัวเขาคนนี้จะปลอดภัย

“จับเชือกไว้ให้มั่น!” แล้วผลักเด็กหนุ่มออกไปสุดแรง แล้วรีบหมุนตัวหนีก้อนหินก้อนใหญ่ที่กำลังตกลงมาสุดชีวิต

แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หินทั้งก้อนกระแทกใส่หลังเขาก่อนจะกลิ้งตกผาไป

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฮูหยินของข้าคือเจ้าเท่านั้น   ตอนที่ 15

    คำตอบที่ได้ยินทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใบหน้าถมึงทึงด้วยความโมโหในการกระทำของภรรยา โมโหจนจุกอกจนต้องใช้มือช่วยขยี้“หรือเจ้าไม่รู้เรื่องนี้”“นางเคยพูดถึงผู้เฒ่าเสิ่นหลังจากที่ข้าบอกเรื่องที่ท่านจะแต่งอาซินเข้าบ้าน เราสองคนมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องนี้ นางอยากให้อาซินแต่งเข้าสกุลเสิ่น แต่ข้าก็ปฏิเสธชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะให้อาซินแต่งงานกับท่าน นางก็รับปากข้าดิบดี ขอมาคุยเรื่องนี้กับพ่อบ้านโปเอง ดังนั้นที่ข้าเห็นอาซินร้องไห้วันนี้ ข้าจึงเข้าใจว่านางไม่อยากแต่งงานกับท่าน”“เหตุใดฮูหยินจูถึงอยากให้นางแต่งกับผู้เฒ่าเสิ่นมากกว่าข้า” แม้จะรู้เหตุผลแต่ก็อยากจะถามลองเชิงให้แน่ชัด เพราะอยากรู้ว่าคนผู้นี้มีความหวังดีและจริงใจ ให้หญิงสาวที่เป็นเพียงลูกเลี้ยงเพียงใด“ตามที่เราคุยกัน นางอยากให้อาซินได้แต่งกับผู้เฒ่าเสิ่น เพราะเขารับปากนางว่าจะแต่งอาซินเป็นเมียเอก ทำให้นางมั่นใจว่าอาซินจะมีอนาคตที่มั่นคงกว่าแต่งกับท่าน”“แล้วแต่งกับข้าไม่มั่นคงอย่างไร เจ้าก็เห็นว่าข้ามั่งคั่งเพียงใด”“.....”“พูดมาเถิด ผิดพลาดตรงไหนข้าจะได้แก้ต่างกับท่านวันนี้เลย ข้าสู้ผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ตรงไหน”“ไม่ใช่เรื่อ

  • ฮูหยินของข้าคือเจ้าเท่านั้น   ตอนที่ 14

    ทันทีที่พ้นออกมาจากประตูคฤหาสน์สกุลเติ้ง ไป๋ซินซินก็รีบจับแขนของมารดา แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างแรง จึงได้แต่จับมือตัวเองอย่างหวาดหวั่นกระวนกระวาย“ท่านแม่ ท่านจะให้ข้าแต่งงานกับผู้เฒ่าเสิ่นจริงหรือ”จูอินคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาว “ดีใจจนร้องไห้เลยหรืออาซิน”“ข้าไม่ได้ดีใจนะท่านแม่”“ไม่ต้องห่วง แม่คนนี้จะรีบไปเจรจาให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ เจ้ากับน้องกลับบ้านไปก่อนนะ รอฟังข่าวดีจากแม่ได้เลย”หญิงสาวรีบคุกเข่ากับพื้นถนน “ท่านแม่ได้โปรด อย่าให้ข้าแต่งงานกับท่านผู้เฒ่าเลยนะ”“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” จูอินรีบหันซ้ายแลขวาแล้วกระชากร่างเล็กขึ้นมา “หยุดร้องเดี๋ยวนี้!”“เจ้าทำให้แม่โกรธอีกแล้วนะอาซิน!” จูอ้ายเหม่ยตะคอกเสียงเบา แล้วบิดเนื้อตรงต้นแขนของนางด้วยความเกลียดชังเป็นทุน “แต่งงานกับท่านผู้เฒ่าไม่ดีตรงไหน ฐานะท่านก็ดี เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาช่วยท่านพ่อทำงานอีก”“ใช่ พอเจ้าแต่งงานไปแล้วข้าก็ต้องมาเหนื่อยแทนเจ้าอีก ข้าเสียสละเพื่อเจ้าแค่ไหนคิดบ้างสิ”“ข้ายอมเหนื่อย ยอมตื่นเช้านอนดึกกว่าเดิมก็ได้ ท่านแม่อย่าให้ข้าแต่งงานกับผู้เฒ่าเสิ่นเลยนะ”“ไม่ได้ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว อ้ายเหม่ยพานางกลับบ้านไปเดี๋ย

  • ฮูหยินของข้าคือเจ้าเท่านั้น   ตอนที่ 13

    อี้เทียนมองหญิงสาวเล็กน้อย “ข้าต้องกินข้าวตรงเวลาเพราะต้องกินยา กินข้าวด้วยกันนะ”ซินซินยังไม่ทันตอบอะไร อ้ายเหม่ยก็รีบเดินไปยืนใกล้รถเข็นของเขา“ให้อ้ายเหม่ยช่วยนะเจ้าคะ”“ให้เป็นหน้าที่ของบ่าวดีกว่าคุณหนู” ซูฮวาพูดอย่างนอบน้อม แล้วเบียดอีกฝ่ายให้หลุดไปจากตำแหน่งคนเข็นรถ“เชิญ” เติ้งอี้เทียนทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความไม่พอใจของแม่ลูกกับสาวใช้ แต่แอบสนใจความสงบเสงี่ยมเจียมตัวของหญิงสาวที่ตัวเองหมายตาที่โต๊ะอาหารจูอ้ายเหม่ยตื่นเต้นกับอาหารหลากชนิดที่วางอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ หลายอย่างล้วนเป็นอาหารที่ไม่เคยกิน ส่วนที่เคยกินก็ดูพิถีพิถันกว่ามาก“ท่านแม่ โต๊ะนี่หมุนได้ด้วย ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“สำรวมกิริยาหน่อยอ้ายเหม่ย” จูอินรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แต่ก็ต้องฝืนยิ้มอ่อนหวานมองไปทางเจ้าของคฤหาสน์ “ท่านเติ้งอย่าถือสานางเลยนะ ต้องโทษข้าที่เลี้ยงดูนางอย่างเคร่งครัดเกินไป แทบไม่เคยให้ออกจากบ้านไปไหน พอเจออะไรแปลกตาจึงมักจะตื่นเต้นเกินงาม”“กินข้าวกันเถิด ถ้าไม่ถูกปากหรืออยากได้อะไรเพิ่มก็บอกได้นะ ข้าจะให้ห้องครัวทำมาให้” พูดเสร็จเขาก็หมุนฐานไม้บนโต๊ะอาหาร “ตรงหน้าเจ้าคือเนื้อตุ๋นลิ้นจี่ ลองตักกินส

  • ฮูหยินของข้าคือเจ้าเท่านั้น   ตอนที่ 12

    นางรีบยกมือห้าม “ฟังเหตุผลของข้าก่อนแล้วค่อยแย้ง”“พูดมา”“ท่านเติ้งแต่งเมียมาสามคนแล้ว แต่ทุกคนล้วนได้รับหนังสือหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ ข้ายังรู้อีกว่าเขามีอนุอยู่ในบ้านอีกหลายคน พวกนางล้วนชิงดีชิงเด่น ใส่ร้ายป้ายสีกันไปมาเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน”“ข้าไม่เคยได้ยิน”“เจ้าจะไปรู้อะไร วัน ๆ เอาแต่นวดแป้ง ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามชาวบ้านดูก็ได้”“เจ้าก็เชื่อข่าวลือไม่มีมูลพวกนั้น”“ลูกของข้ากำลังจะแต่งงานกับเขานะ จะไม่ให้ข้าพูดได้อย่างไร หรือเพราะนางไม่ใช่ลูกของเจ้า แต่งไปแล้วจะเป็นอย่างไรก็ช่าง”“ข้าไม่เคยคิดแบบนั้นเลยอาอิน..เอาเป็นว่ารอให้พ่อบ้านโปกลับมาก่อนก็แล้วกัน ข้าจะคุยกับเขาอีกที”“ท่านต้องถามเขาว่าที่ชาวบ้านพูดกันเป็นความจริงไหม” เรื่องที่นางพูดไปใช่ว่าจะเป็นจริงทั้งหมด แต่ถ้านางไม่ยอมรับว่าแต่งขึ้นมาเองใครจะรู้“บุรุษมีอนุมันก็ไม่ผิด แต่งกับท่านเติ้งนางคงไม่ลำบาก”“นั่นลูกข้าทั้งคนนะ โง่ ๆ เซื่อง ๆ อย่างนางไม่กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพวกอนุหรือ”“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”“ต้องให้เขาแต่งอาซินเป็นเมียเอก”“เจ้าอย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย แค่ได้แต่เข้าสกุลเติ้งก็โชคดีของลูกเราแล้ว”

  • ฮูหยินของข้าคือเจ้าเท่านั้น   ตอนที่ 11

    บ้านสกุลจูไป๋ซินซินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นทุกคนกำลังกินข้าวพร้อมหน้า ทุกสายตาหันมาจับจ้องก่อนจะเมินกลับอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้นางรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินแต่นางจะรู้สึกให้เปลืองความรู้สึกไปทำไม เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับพวกเขาอยู่แล้ว“มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ”“ท่านพ่อ!”“หุบปาก” เอ่ยเสียงเย็นพอ ๆ กับสายตาอ้ายเหม่ยเม้มปากด้วยความขัดใจ ถลึงตามองพี่สาวต่างบิดาอย่างเกลียดชัง มองไปทางมารดาก็เห็นท่านปรามด้วยสายตา จึงได้แต่ข่มกลั้นความโมโหเอาไว้“ผู้ใหญ่เรียกไม่ได้ยินหรือ” จูอินมองลูกสาวคนโตด้วยสายตาที่ว่างเปล่า“เจ้าค่ะ” ซินซินจำใจเดินไปนั่งร่วมโต๊ะจูก่านต้งลุกไปตักข้าวและหยิบตะเกียบส่งให้หญิงสาว แล้วนั่งลงกินต่อโดยไม่พูดอะไร“ขอบใจ” บอกน้องชายแล้วมองกับข้าวบนโต๊ะ แต่ไม่กล้าเอื้อมตะเกียบออกไปคีบ จึงคีบข้าวเปล่าใส่ปาก“แม่ของเจ้าได้บอกอะไรกับเจ้าหรือยัง”“ข้ายังไม่ได้บอกนาง” จูอินไม่คาดคิดว่าสามีจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “ท่านพ่อบ้านไม่อยู่ เห็นว่ารีบกลับบ้านเกิดไปดูใจน้องชาย ต้องรอให้เขากลับมาก่อน ข้าจึงยังไม่ได้พูดอะไรกับนาง”“แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”“อีกประมาณครึ่งเดื

  • ฮูหยินของข้าคือเจ้าเท่านั้น   ตอนที่ 10

    ความโอหังของจูอ้ายเหม่ยหายไปเกินครึ่งเมื่อถูกเอ่ยถึงบิดา ใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างท้าทายไม่เกรงกลัวใคร เริ่มมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด“ข้านึกออกแล้ว” เฟิงเมี่ยนชี้หน้าอ้ายเหม่ยพร้อมทำตาโต “เจ้าคือลูกสาวคนรองของร้านซาลาเปาสกุลจู” เขาปรบมือรัว ๆ ทำท่าภูมิใจกับความฉลาดของตัวเอง “ในเมื่อถูกตราหน้าว่าเป็นขอทานแล้ว ข้าไปเล่าให้เขาฟังว่าโดนอะไรบ้าง แล้วขอค่ายาจากเขาสักหน่อยดีกว่า”จูอ้ายเหม่ยหน้าซีดด้วยความกลัว รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเมื่อนึกถึงบิดา.. แม้ท่านจะดูใจดี แต่เมื่อใดที่ท่านโกรธขึ้นมา มารดาก็ยังไม่กล้าต่อกร แล้วนางเป็นแค่ลูกจะรอดได้อย่างไร“จะไปไหน” เฟิงเมี่ยนสะใจเมื่อเห็นนางสะดุ้งสุดตัว “จะจากไปง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ เจ้ายังไม่ได้ขอโทษพวกเราเลย”“ทำไมข้าต้องขอโทษ” แม้จะขัดขืนแต่เสียงก็อ่อนลงเกินครึ่ง ความมั่นอกมั่นใจลดเหลือแค่หนึ่งส่วนจากสามส่วน“เช่นนั้นก็รีบกลับไปเถิด ข้าไปคุยกับเถ้าแก่จู พ่อของเจ้าง่ายกว่า”“ข้าขอโทษ! ขอโทษ ๆ ๆ ข้าขอโทษ!” ตะคอกใส่หน้าบุรุษทั้งสอง ถลึงตาใส่เฟิงเมี่ยนอย่างอาฆาตแค้น “พอใจหรือยัง”“ถ้าขอโทษไม่เต็มใจแบบนี้ก็จ่ายเจ็บหน้าข้ามาด้วยก็แล้วกัน”“ข้าไม่มี”“ไม่เ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status