ตอนที่
[1] สตรีโง่งม เดิมทีอลิซเป็นผู้รับหน้าที่ในการช่วยเหลือรัฐมนตรีการคลัง แต่เธอได้รู้ความจริงบางอย่างทำให้เธอต้องตามมาด้วยความเป็นห่วง อลิซกำลังท้อง ท้องกับคนธรรมดาที่เป็นเพียงพนักงานบริษัททั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการของพวกเธอแต่อย่างใด….. ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทุกคนรู้ว่าจะต้องจัดการตัวเองยังไง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาตามมา ที่นี่แม้ไม่มีกฎว่าห้ามมีความรัก แต่การมีความรักคืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของการทำภารกิจ ทุกคนจึงรู้ว่าไม่ควรที่จะมีมัน จนมาถึงอลิซเธอรู้ดีว่าอลิซนั้นโหยหาการมีครอบครัวมากแค่ไหน และยังมีวันที่ใฝ่ฝันจะออกไปมีครอบครัวของตัวเอง ฉะนั้น ในฐานะที่เธอเป็นคนไปรับตัวอลิซจากสถานสงเคราะห์เธอจะให้อลิซเสี่ยงอีกไม่ได้ เมื่อภารกิจหลักในการช่วยเหลือรัฐมนตรีการคลังผ่านไปได้ด้วยดี ทุกอย่างก็คงจะจบแค่นั้น แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องน่ากลัวต่อจากนั้น ผู้ก่อการร้ายวางระเบิดที่โยงใยไปจนทั่วเมืองเอาไว้ ขอเพียงถึงกำหนดเวลา หลังจากได้เงินเรียกค่าไถ่แล้ว พวกมันก็จะระเบิดเมืองนี้ทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ดังนั้น เธอจะปล่อยให้มันทำสำเร็จไม่ได้ จึงได้รีบมารับภารกิจต่อ เธอไม่มีคนรัก ไม่มีอะไรที่นึกถึงมากนัก บริษัทก็มีอาคอยดูแลอยู่แล้ว แต่อลิซกำลังจะมีครอบครัว มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้น เธอไม่ควรให้ใครมาเสี่ยง ภารกิจของเธอตอนนี้คือต้องหยุดกลไกหลัก ซึ่งการหยุดมันก็คือการตัดขาดมันจากเส้นสายอื่น ๆ และระเบิดมันทิ้ง โดยต้องมีคนกดปุ่มทำลายมันด้วยตนเอง และคนคนนั้นก็คือเธอ ในจังหวะที่มือของเธอกดปุ่มทำลาย ในตอนนั้นโรสรู้เพียงแสงสว่างจ้าที่เกิดขึ้นจนมองไม่เห็นสิ่งใดอีก ในหูก็ไม่ได้ยินเสียงใด และภาพนึกคิดในหัวก็มีเพียงการที่ไม่ต้องเห็นคนทั้งเมืองต้องตาย ดีแล้ว ร่างที่ถูกแรงระเบิดหลับตาลง ก่อนที่จะไม่รับรู้สิ่งใดอีก เฮือก! ที่นี่คือ…. โรงหนัง? จากโกดังระเบิด กลับมาที่อยู่ที่โรงหนังได้ยังไง ทั้งยังมีแค่เธอคนเดียว ระหว่างที่โรสกำลังสับสนงุนงงอยู่นั้น ภาพในจอยักษ์ของโรงภาพยนตร์ลึกลับแห่งนี้ก็ฉายขึ้น เป็นเรื่องราวของคนคล้ายในยุคโบราณประเทศหนึ่งที่เธอเคยเรียนรู้มามากมาย ทั้งการต่อสู้ ภาษา การเขียน อาหาร ฯลฯ เพราะมีคนระดับสูงในประเทศนี้มาว่าจ้างบริษัทของเธอบ่อยครั้ง เธอจึงต้องเรียนเกี่ยวกับพวกเขาหลายอย่าง ภาพในจอดำเนินไป เป็นคล้ายหนังเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับสงคราม ในแคว้น การก่อกบฏผู้คนล้มตายจำนวนมาก ในภารกิจสุดท้าย เธอก็อุตส่าห์ไม่อยากเห็นภาพนี้ สุดท้ายก็มาเห็นในนี้จนได้ เรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นนักแสดงหลักคล้ายว่าเป็นเธอที่มองเห็นภาพรวมทั้งหมด แต่ก็คงต่างเป็นคนสำคัญหรือคนที่เกี่ยวข้อง สุดท้ายทำให้เธอเห็นสัจธรรมข้อหนึ่งว่า….เป็นคนดีคนเก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องตายเพราะคนชั่วที่มีมากทั้งยังเล่นเล่ห์อยู่ดี เหมือนเธอเลย สงครามครั้งนี้ฝ่ายกบฏชนะ! ชัยชนะครั้งนี้ของพวกเขาแลกมาด้วยเลือดเนื้อของเหล่าทหารและชาวบ้านที่ไม่รู้อันใด โรสไม่รู้ว่าเผลอเอาตัวเองจมลึกเข้าไปในภาพยนตร์ประหลาดนี้มากแค่ไหน หมัดที่กำแน่นราวกับต้องการระบายความแค้นนี้กับผู้ใดสักคน รู้ตัวอีกทีความอึดอัดก็จู่โจมเธออีกครั้งแล้ว…. แรงบีบรัดที่คอทำให้เธอเบิกตาโพลง นี่มัน! ไม่ทันได้คิดสิ่งใดมาก เธอรีบดีดตนเองขึ้นไปบนขื่อคานที่อยู่บนหัวทันที จากนั้นจึงทำลายเชือกและกระชากมันออกอย่างไม่ไยดี เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงกระโดดลงมา และเป็นอีกครั้งที่เธอต้องพบกับเรื่องที่ไม่เข้าใจ! ภาพหลายอย่างหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก และเมื่อมันหยุดลงก็ทำให้โรสได้แต่เข่นเขี้ยว ในกลุ่มคนมีตั้งมากมาย ทำไมต้องให้เธอมาอยู่ในร่างของลู่หรงซิน สตรีที่โง่งมและขี้ขลาดที่สุดในหนังประหลาดนั่นด้วย! โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังไม่รู้ตัว หึ สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายแบบนี้ น่ารังเกียจชะมัดตอนพิเศษ[2]ไปงานวันเกิดที่เผ่านอกด่าน ใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความดุดันของบุรุษวัยยี่สิบหนาวช่างทำให้คนเคลิบเคลิ้มและหวาดหวั่นได้ในคราเดียว เดินตามหลังกันมานั้นแม้จะอายุเพียงสิบสองหนาวแต่ก็เห็นเค้าของความหล่อเหลาล่มเมืองแล้วเพราะเป็นความผสมผสานระหว่างเซวียหลิงจ้านและลู่หรงซิน ใช่แล้วทั้งสองก็คือเซวียจินหลิงและเซวียจินหลง บุตรชายที่เซวียหลิงจ้านและลู่หรงซินภาคภูมิใจ เนื่องจากเมื่อหลายเดือนที่แล้ว เซวียจินหลิงได้รับจดหมายจากพ่อแม่ที่แท้จริงว่าจะมีการจัดงานวันเกิดให้กับมารดา หรือราชินีของเผ่านอกด่าน จึงอยากให้เขามาเข้าร่วมสักครั้ง เนื่องจากหลังจากที่เขาจำเรื่องราวได้ทั้งหมด เขาก็ยังไม่เคยเข้าร่วมงานนี้สักครั้ง แต่หากว่ามาเที่ยวเล่นเขาพาหลงเออร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ปีนี้เข้าเห็นว่าคนทั้งคู่เฝ้ารอเขามาเนิ่นนาน เขาจึงคิดว่าตนเองก็ไม่ควรจะใจดำถึงเพียงนั้น ทั้งท่านแม่ท่านแม่ก็สนับสนุน ท่านแม่อยากจะตามมาด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่าต้องดูแลน้องเล็ก เซวียจินหราน ในวัยเจ็ดหนาวที่อ้อนแต่จะไปสนามฝึกทุกวัน น้องเล็กเหมือนท่านแม่มาก กลับไปคงต้องหาของฝากดี ๆ ไปฝากนางเสียแล้ว “หลิงเออร์มาแล้วหรือ
ตอนพิเศษ[1]สำเร็จโทษ เติ้งหลงฮ่องเต้นั้นเอ็นดูหลานชายบุญธรรมทั้งสองอย่างเซวียจินหลิงและเซวียจินหลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนามจินหลง ก็เป็นพระองค์ที่ทรงตั้งให้ จากเดิมที่เซวียหลิงจ้านได้หยุดพักหนึ่งปีพระองค์ก็ให้เขามาประจำการอยู่เมืองหลวงชั่วคราวจนกว่าบุตรชายคนเล็กจะเติบใหญ่ แต่ทว่านางนั้นรอไม่ไหวแล้ว เมื่อบุตรชายอายุได้สามหนาวจึงได้ให้สามีไปขอพระราชทานฝ่าบาทขอกลับไปประจำการอยู่ที่เมืองสวี่เฉิง คราแรกฝ่าบาทไม่เห็นด้วย แต่เมื่อบอกว่าเป็นความต้องการของภรรยา พระองค์จึงต้องอนุญาตโดยไม่เต็มใจ หากลู่หรงซินต้องการเขาหรือจะไม่อนุญาต ภาพวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้วเขาไม่ลืม คิดแล้วก็ลูบคอตนเองไปพลาง ๆ จากนั้นตระกูลเซวียจึงได้ย้ายกันไปอยู่ที่เมืองสวี่เฉิงนับจากนั้น ทุกคนตามไปหมดทั้งแม่นมฉิงและถิงถิง รวมถึงฉีอ้าย แต่จะฉีอันพี่ชายของนางแม้จะอยากตามไป แต่เขาต้องบุกเบิกหนทางให้ตนเอง จะต้องสอบเป็นขุนนางของวังหลวงได้ รวมถึงเขาได้ตกลงกับกลุ่มศัตรูพ่ายว่าจะพัฒนาตรอกจูชางให้เจริญยิ่งขึ้น ฉีอ้ายจึงได้แต่ส่งกำลังใจให้พี่ชายให้ทำให้สำเร็จ ด้านจวนตระกูลเซวียนั้นไม่น่าเป็นห่วงเพราะได้หาคนที่ไว้ใจได้และฝีม
ตอนที่[17]เสี่ยวหลิงอยากมีน้อง“ท่านแม่ ท่านแม่ฟังเสี่ยวหลิงอยู่หรือไม่ ท่านแม่ต้องมีน้องให้เสี่ยวหลิงนะขอรับ” เมื่อเห็นมารดาคล้ายเหม่อลอยจึงได้รีบสำทับอีกครั้ง เด็กน้อยเร่งเร้าอีกครั้งจึงทำให้สติของนางกลับมา “อ้อ อืม เสี่ยวหลิง แม่จะเก็บไปคิดอีกที แม่ขอกลับเรือนก่อนนะ เจ้าอย่าคิดมาก” ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวออกจากเรือนบุตรชายเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง คล้อยหลังลู่หรงซิน ร่างสูงที่แอบฟังเรื่องราวอยู่ไม่ไกลก็ได้เข้ามาในห้องของบุตรชาย “เสี่ยวหลิง พ่อจะเอาน้องมาให้เจ้า พ่อสัญญา” ในวันต่อมาทั้งคู่จึงได้จับเข่าคุยกัน แต่ไป ๆ มา ๆ เซวียหลิงจ้านก็ทนไม่ไหว เขาจึงเอ่ยความในใจออกไปตามตรง “ซินเออร์ เจ้าย้ายมาอยู่เรือนเดียวกับพี่เถิด พี่ว่าเราควรเรียนรู้กันให้มากกว่านี้”และไม่น่าเชื่อว่าการเจรจาอันแสนแปลกจะสำเร็จผล! นางตัดสินใจย้ายมาอยู่เรือนเดียวกับเขา และคืนนี้จะเป็นวันที่นางและเขาจะได้ร่วมนอนเตียงด้วยกันเป็นครั้งแรก…..และคงหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นไม่ได้สินะ ในห้องนอนที่ประดับประดาด้วยของตกแต่งสีแดง บนโต๊ะมีสุรามงคลและขนม คล้ายกับวันเข้าหอของคู่บ่าวสาวก็ไม่ปาน นี่ต้องเป็นฝีมือของแม่นมฉิงเป็นแน่ “ซ
ตอนที่[17]เสี่ยวหลิงอยากมีน้องชาติกำเนิดที่แท้จริงของเสี่ยวหลิง ที่แท้เสี่ยวหลิงคือบุตรชายคนเล็กของราชาของเผ่านอกด่านทั้งสี่ที่ถูกบ่าวชายหญิงที่คิดคดทรยศลักพาตัวบุตรชายของเขาออกมาและสร้อยที่เสี่ยวหลิงแขวนอยู่กับตัวอยู่ตลอดนั่นคือคำตอบ น่าแปลกที่เสี่ยวหลิงในยามนั้นอายุห้าหนาวแล้ว แต่กลับจำอันใดไม่ได้ ซึ่งนางมองว่ามันผิดปกติ จึงได้ใช้ยาของนางในการรักษาเขา สุดท้ายจึงพบว่าเขาได้ถูกวางยาทำให้ความจำก่อนหน้านั้นหายไปและแน่นอนว่า R-01 ก็ช่วยเหลือได้อีกแล้ว เด็กน้อยจำพ่อแม่ที่แท้จริงได้ แต่เขากล่าวว่าจะอยู่กับนางและเซวียหลิงจ้าน แต่หากเติบใหญ่เขาเปลี่ยนไปหรืออย่างไร นางย่อมให้เขาได้ทำตามที่ใจปรารถนา เมื่อเป็นเช่นนี้ แคว้นเติ้งและเผ่านอกด่านจึงลงนามสัญญาว่าจะไม่ระรานกัน ไม่โจมตีกัน ด้วยทางนั้นก็รู้สึกผิดและอยากขอบคุณที่แม่ทัพใหญ่แคว้นเติ้งที่รับเลี้ยงและดูแลบุตรชายของพวกเขาเป็นอย่างดี ทั้งเมื่อทำเจรจาสงบศึกแล้ว พวกเขาก็สามารถมาเยี่ยมเยียนบุตรชายได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีสัญญาการค้าที่จะเปิดโอกาสให้ได้ทำการค้าร่วมกันอีก นี่มีแต่ดีกับดีทั้งนั้น จะรบกันต่อเพื่อสิ่งใด เรื่องราวทั้งหมดจึงจบ
ตอนที่[17]เสี่ยวหลิงอยากมีน้อง ตั้งแต่วันที่นางบอกว่าจะให้โอกาสเขา นางก็รู้สึกว่าเขาชักจะทำตัวแปลก ๆ ขึ้นทุกวัน เช่นวันนี้ เขาพานางมาถือตะกร้าเก็บดอกไม้ในสวนดอกไม้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อดูแล้ว มันไม่เหมาะสำหรับนางและเขาเอาเสียเลย สุดท้ายเมื่อไม่อาจฝืนความเป็นตนเอง จึงได้แต่มองหน้ากันและหัวเราะออกมาเบา ๆ “ไปที่ที่เหมาะกับพวกเรากัน” เซวียหลิงจ้านเสนอขึ้นเหล่าทหารต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ฮูหยินที่มากฝีมือที่พวกเขาจำได้ไม่ลืมในวันที่เกือบจะเป็นวันสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแคว้นเติ้ง แต่เป็นเพราะฮูหยินของพวกเขาผู้นี้จึงทำให้ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ เมื่อนางมาพวกเขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ สองสามีภรรยามาที่ค่ายด้วยความอารมณ์ดีไม่น้อย แต่อารมณ์ดีอย่างไรถึงได้สู้กันเช่นนั้น“นี่…. เป็นวิธีแสดงความรักต่อกันฉบับท่านแม่ทัพและฮูหยินหรือ” ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้น ทั้งคู่ต่อสู้กันจนเหงื่อโชก แน่นอนว่าที่ผู้เป็นภรรยาเป็นฝ่ายเอาชนะได้เกือบทั้งหมดทุกรอบ แต่มีรอบสุดท้ายที่เขากล่าวขึ้น “ฮูหยินหากพี่ชนะพี่จะขอให้เจ้าทำบางอย่างได้หรือไม่” เมื่อกล่าวจบสายตาแห่งความสงสัยก็เกิดขึ้น “อันใดหรือเจ้าคะ
ตอนที่[16]ขอโอกาสจู่ ๆ เขาก็ถือวิสาสะมาจับมือนางเอาไว้ “……”“ฮูหยิน ข้าอาจจะรู้เรื่องและเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของสตรีน้อยนักเพราะตั้งแต่เด็กก็เอาแต่ตามท่านพ่อไปที่ค่าย เจ้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีกว่าเดิม ไม่สิ ข้าต้องทำได้แน่” “……”“เจ้าเป็นภรรยาคนแรก และข้าสัญญาว่าจะเป็นภรรยาคนเดียวและคนสุดท้ายของข้า” “……”“ดังนั้น ฮูหยินข้าขอโอกาสเป็นสามีที่ดีของเจ้าได้หรือไม่” แม้ว่ายามนี้จะเป็นเวลากลางคืน แต่นางก็เห็นใบหน้าที่กำลังเว้าวอนของเขาได้อย่างชัดเจนช่วงเวลาที่รอคอยคำตอบช่างเป็นเวลาที่หัวใจของเซวียหลิงจ้านรู้สึกบีบรัดเหลือเกิน จนกระทั่ง…“ก่อนที่ข้าจะตอบ ข้าอยากจะกล่าวอะไรเสียหน่อย” “ได้สิ ฮูหยินว่ามาเลย” เขายืดตัวขึ้นเพื่อรอฟังนางด้วยความตั้งใจ “ข้า…ก็ไม่ใช่สตรีเฉกเช่นสตรีทั่วไป หากท่านเคยรู้เรื่องราวของลู่หรงซินว่าเป็นมาเช่นไร ยามนี้ข้ามิใช่เช่นนั้น ข้ามิได้อ่อนหวาน อ่อนโยน มิได้เก่งเรื่องของสตรีอย่างที่ควรจะเป็น ข้าชอบต่อสู้และออกจะ…. ดุดัน ท่านอาจจะไม่ชอบเช่นกัน ท่านลองคิดดูอีกทีดีหรือไม่”เขารู้ว่านางแตกต่างจากที่เขาได้ยินมาโดยสิ้นเชิง แต่สตรีที่ทำ