ตอนที่
[2] ไม่เป็นอย่างที่คิด ฉีฉีสาวรับใช้ประจำเรือนปีกซ้ายของฮูหยินคนใหม่ของจวน เดินหันกลับมาด้วยความหงุดหงิดที่ตนต้องมารับใช้สตรีที่ไม่สามารถส่งเสริมอันใดตนได้ เดิมทีคิดว่าเป็นบุตรสาวมาจากตระกูลใหญ่ คงทำให้ตนที่มีหน้าที่รับใช้มั่งคั่งขึ้นได้ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่านอกจากจะไม่ดีขึ้น ยังถูกคนเรือนอื่นหัวเราะเยาะว่าต้องมารับใช้ฮูหยินตาขาวผู้นี้อีก แต่ยังดีที่ได้รับคำสั่งจากคนในเรือนใหญ่ ว่าสามารถระบายความไม่ชอบใจนี้กับฮูหยินผู้นั้นได้ และความคิดหลายอย่างก็ได้รับถ่ายทอดมารวมถึงตัวนางเองคิดเองด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงหงุดหงิดอยู่ดี เมื่อไรจะได้ไปดูแลเรือนอื่น ยิ่งเรือนใหญ่อย่างท่านแม่ทัพตนยิ่งอยากไป แม้จะรู้ว่ามีเจ้าถิ่นอยู่ที่นั่นก็ตาม ฉีฉีคิดไปโดยที่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังของตนแม้แต่น้อย จนกระทั่ง “เจ้าน่ะ” กึก! คราแรกสงสัยแต่เมื่อหันไปแล้วพบว่าเป็นฮูหยินไร้ประโยชน์ผู้นั้นจึงได้หันกลับมาแล้วเดินหน้าต่อ แววตาของโรสหรือลู่หรงซินมืดครึ้มลง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังกันและนางก็คร้านจะพูดให้มากความ จึงได้เร่งฝีเท้าให้ตามอีกฝ่ายไปและ….. ผลั่วะ! “โอ๊ย” ถีบลงไป…. ฉีฉีที่ไม่ทันตั้งตัวถูกถีบจนใบหน้าคว่ำลงกับทางเดินหินและไม่ทันจะหันไปดูว่าเป็นผู้ใดที่กล้าทำเช่นนี้ด้วยไม่คิดว่าจะเป็นฮูหยินผู้นั้นก็พบว่ามีของเหลวบางอย่างเคล้าอยู่ปาก และเมื่อถ่มมันออกมาก็พบว่าเป็นเลือดนอกจากนั้นยังมี….. ฟัน!! ฉีฉีเมื่อรู้แล้วว่าตนเพิ่งสูญเสียฟันหนึ่งซี่ไปก็กรีดร้องออกมา “กรี๊ดดดดดด ไหน ผู้ใดมันทำข้า” ว่าแล้วก็หันไปดูก็พบวเพียงลู่หรงซินกำลังยืดกอดอกสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ “เป็นเจ้าหรือ! ที่แท้เป็นเจ้า สตรีไร้ประโยชน์ คอยดูเถอะข้าจะไปฟ้องพี่ลี่ฉุนกับท่านแม่บ้านใหญ่!!” ยิ่งพูดเลือดยิ่งไหลออกมาและเมื่อกล่าวจบแล้วก็ส่งสายตาเคียดแค้นแล้วก็รีบพาตนเองลุกขึ้นวิ่งไปทันที ลู่หรงซินมองภาพตรงหน้าแล้วแค่นยิ้มออกมาครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไป จะไปฟ้องผู้ใดก็มาดูกัน ระหว่างทางที่เดินไป หูนางก็ได้ยินคนจับกลุ่มพูดเรื่องนี้ เป็นสตรีอายุน้อยสามคน ดูท่าคงเป็นบ่าวในจวน “เอาแต่ข้าวบูดให้กินเช่นนั้นก็ช่างทนได้หลายวันนะ” สตรีหนึ่งกล่าว “นางคงไม่ได้คิดอันใด ขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนั้น วัน ๆ หากไม่อยู่ในจวนก็ออกไปข้างนอกทำตัวไร้แก่นสาร นี่น่ะหรือฮูหยินของพวกเรา” สตรีอีกผู้หนึ่งกล่าวแล้วกลอกตาอย่างไม่พอใจ “ข้าล่ะ รอให้ท่านแม่ทัพหาเรื่องหย่ากับนางได้” สตรีสามกล่าวสมทบ “สมรสพระราชทานเช่นนี้จะหย่าได้หรือ” “แม้จะยากแต่ก็หย่าได้หากนางไม่มีคุณสมบัติมากพอ…...” “เช่นนั้นพวกเราก็ช่วยฉีฉีอีกแรงนึงดีหรือไม่ ให้นางขาดคุณสมบัติ อีกทั้งอาจจะได้รางวัลจากพี่ลี่ฉุนด้วย” กล่าวจบทั้งสามก็มองหน้ากันอย่างมีความนัย “แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงฉีฉีร้องเสียงดัง มิใช่ว่าโดนฮูหยินผู้นั้นรังแกหรอกนะ” "สตรีอ่อนแอและขี้กลัวเช่นนั้น จะกล้าทำอันใดดะ...." กร็อบ! "โอ๊ยยย!!" สตรีอายุน้อยยังกล่าวไม่จบก็พบว่านิ้วข้างหนึ่งของตนเองถูกหักจนผิดรูปไปแล้ว “ข้าหักนิ้วได้ หักคอก็ได้เช่นกัน อยากลองดูหรือไม่เล่า” สิ้นเสียงทุกคนก็หันไปมองลู่หรงซินราวกับถูกผีหลอก ไม่นานความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ฉีฉีวิ่งไปที่เรือนใหญ่พร้อมน้ำตาทั้งเลือดที่หลั่งไหลออกมาจากปากมากมายราวกับมีเหตุร้ายก็ไม่ปาน ไม่นานเรื่องราวเมื่อครู่ก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้กับ ลี่ฉุนหรืออู๋ลี่ฉุน บุตรสาวของฟ่านหงกับอู๋จ้ง แม่บ้านใหญ่และพ่อบ้านใหญ่ของจวนแม่ทัพเซวีย สามคนที่มีอำนาจรองลงมาต่อจากผู้เป็นเจ้าของจวน นั่นก็เพราะในอดีตฟ่านหงเคยเป็นมือซ้ายที่ตามติดฮูหยินผู้เฒ่าก่อนที่จะจากไป เมื่อคนสำคัญจากไปคนที่เหลืออยู่จึงได้รับหน้าที่ให้ดูแลจวน ไม่นานก็สามารถควบคุมดูแลทั้งหมดแทนเซวียหลิงจ้านอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอู๋ลี่ฉุน ที่ทำราวกับตนเป็นฮูหยินของจวนก็ไม่ปาน คอยสั่งการดูแลทุกอย่าง ด้วยในใจก็อยากจะเป็นฮูหยินของเซวียหลิงจ้านด้วยนั่นเอง ยิ่งเจ้าของจวนน้อยครั้งที่อยู่จวน อำนาจเบ็ดเสร็จจึงตกเป็นของสามพ่อแม่ลูกโดยทันที ในจวนบ่าวคนใดที่แข็งข้อไม่มีจุดจบดีสักคน หากอยากอยู่รอดต้องทำตัวสงบเสงี่ยมและไร้ตัวตนเข้าไว้ หรือไม่ก็หากประจบประแจงทั้งสามได้ดีก็อาจจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ตามหลังฉีฉีมาก็เป็นบ่าวอีกสองคนที่รีบวิ่งมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ด้านผู้ที่โดนหักนิ้วนั้นให้บ่าวคนอื่นรีบพาไปหาหมอแล้ว ด้านลี่ฉุนเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ด้วยอคติเป็นทุนเดิมที่ลู่หรงซินมาแย่งตำแหน่งของตนไป จึงได้คิดจะไปจัดการสตรีผู้นั้นให้ไม่กล้ามาแสดงอำนาจในพื้นที่ของตน แต่ไม่ทันจะได้ไปที่ใดก็พบกับลู่ซินหรงที่ยืนรออยู่หน้าเรือนอยู่แล้ว “ฮูหยิน เดี๋ยวนี้ไม่ขังตนเองไว้ในเรือนแล้วหรือ จึงได้มีเวลามาทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้” แม้ว่าจะยังไม่เชื่อว่าลู่หรงซินจะกล้าทำ เพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นเช่นไร แต่วันนี้เป็นโอกาสที่จะได้ระบายความไม่พอใจออกไป ผิดไม่ผิดอย่างไร วันนี้ลู่หรงซินก็ไม่รอดแน่ตอนพิเศษ[2]ไปงานวันเกิดที่เผ่านอกด่าน ใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความดุดันของบุรุษวัยยี่สิบหนาวช่างทำให้คนเคลิบเคลิ้มและหวาดหวั่นได้ในคราเดียว เดินตามหลังกันมานั้นแม้จะอายุเพียงสิบสองหนาวแต่ก็เห็นเค้าของความหล่อเหลาล่มเมืองแล้วเพราะเป็นความผสมผสานระหว่างเซวียหลิงจ้านและลู่หรงซิน ใช่แล้วทั้งสองก็คือเซวียจินหลิงและเซวียจินหลง บุตรชายที่เซวียหลิงจ้านและลู่หรงซินภาคภูมิใจ เนื่องจากเมื่อหลายเดือนที่แล้ว เซวียจินหลิงได้รับจดหมายจากพ่อแม่ที่แท้จริงว่าจะมีการจัดงานวันเกิดให้กับมารดา หรือราชินีของเผ่านอกด่าน จึงอยากให้เขามาเข้าร่วมสักครั้ง เนื่องจากหลังจากที่เขาจำเรื่องราวได้ทั้งหมด เขาก็ยังไม่เคยเข้าร่วมงานนี้สักครั้ง แต่หากว่ามาเที่ยวเล่นเขาพาหลงเออร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ปีนี้เข้าเห็นว่าคนทั้งคู่เฝ้ารอเขามาเนิ่นนาน เขาจึงคิดว่าตนเองก็ไม่ควรจะใจดำถึงเพียงนั้น ทั้งท่านแม่ท่านแม่ก็สนับสนุน ท่านแม่อยากจะตามมาด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่าต้องดูแลน้องเล็ก เซวียจินหราน ในวัยเจ็ดหนาวที่อ้อนแต่จะไปสนามฝึกทุกวัน น้องเล็กเหมือนท่านแม่มาก กลับไปคงต้องหาของฝากดี ๆ ไปฝากนางเสียแล้ว “หลิงเออร์มาแล้วหรือ
ตอนพิเศษ[1]สำเร็จโทษ เติ้งหลงฮ่องเต้นั้นเอ็นดูหลานชายบุญธรรมทั้งสองอย่างเซวียจินหลิงและเซวียจินหลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนามจินหลง ก็เป็นพระองค์ที่ทรงตั้งให้ จากเดิมที่เซวียหลิงจ้านได้หยุดพักหนึ่งปีพระองค์ก็ให้เขามาประจำการอยู่เมืองหลวงชั่วคราวจนกว่าบุตรชายคนเล็กจะเติบใหญ่ แต่ทว่านางนั้นรอไม่ไหวแล้ว เมื่อบุตรชายอายุได้สามหนาวจึงได้ให้สามีไปขอพระราชทานฝ่าบาทขอกลับไปประจำการอยู่ที่เมืองสวี่เฉิง คราแรกฝ่าบาทไม่เห็นด้วย แต่เมื่อบอกว่าเป็นความต้องการของภรรยา พระองค์จึงต้องอนุญาตโดยไม่เต็มใจ หากลู่หรงซินต้องการเขาหรือจะไม่อนุญาต ภาพวันนั้นเมื่อสามปีที่แล้วเขาไม่ลืม คิดแล้วก็ลูบคอตนเองไปพลาง ๆ จากนั้นตระกูลเซวียจึงได้ย้ายกันไปอยู่ที่เมืองสวี่เฉิงนับจากนั้น ทุกคนตามไปหมดทั้งแม่นมฉิงและถิงถิง รวมถึงฉีอ้าย แต่จะฉีอันพี่ชายของนางแม้จะอยากตามไป แต่เขาต้องบุกเบิกหนทางให้ตนเอง จะต้องสอบเป็นขุนนางของวังหลวงได้ รวมถึงเขาได้ตกลงกับกลุ่มศัตรูพ่ายว่าจะพัฒนาตรอกจูชางให้เจริญยิ่งขึ้น ฉีอ้ายจึงได้แต่ส่งกำลังใจให้พี่ชายให้ทำให้สำเร็จ ด้านจวนตระกูลเซวียนั้นไม่น่าเป็นห่วงเพราะได้หาคนที่ไว้ใจได้และฝีม
ตอนที่[17]เสี่ยวหลิงอยากมีน้อง“ท่านแม่ ท่านแม่ฟังเสี่ยวหลิงอยู่หรือไม่ ท่านแม่ต้องมีน้องให้เสี่ยวหลิงนะขอรับ” เมื่อเห็นมารดาคล้ายเหม่อลอยจึงได้รีบสำทับอีกครั้ง เด็กน้อยเร่งเร้าอีกครั้งจึงทำให้สติของนางกลับมา “อ้อ อืม เสี่ยวหลิง แม่จะเก็บไปคิดอีกที แม่ขอกลับเรือนก่อนนะ เจ้าอย่าคิดมาก” ว่าแล้วก็จ้ำอ้าวออกจากเรือนบุตรชายเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง คล้อยหลังลู่หรงซิน ร่างสูงที่แอบฟังเรื่องราวอยู่ไม่ไกลก็ได้เข้ามาในห้องของบุตรชาย “เสี่ยวหลิง พ่อจะเอาน้องมาให้เจ้า พ่อสัญญา” ในวันต่อมาทั้งคู่จึงได้จับเข่าคุยกัน แต่ไป ๆ มา ๆ เซวียหลิงจ้านก็ทนไม่ไหว เขาจึงเอ่ยความในใจออกไปตามตรง “ซินเออร์ เจ้าย้ายมาอยู่เรือนเดียวกับพี่เถิด พี่ว่าเราควรเรียนรู้กันให้มากกว่านี้”และไม่น่าเชื่อว่าการเจรจาอันแสนแปลกจะสำเร็จผล! นางตัดสินใจย้ายมาอยู่เรือนเดียวกับเขา และคืนนี้จะเป็นวันที่นางและเขาจะได้ร่วมนอนเตียงด้วยกันเป็นครั้งแรก…..และคงหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นไม่ได้สินะ ในห้องนอนที่ประดับประดาด้วยของตกแต่งสีแดง บนโต๊ะมีสุรามงคลและขนม คล้ายกับวันเข้าหอของคู่บ่าวสาวก็ไม่ปาน นี่ต้องเป็นฝีมือของแม่นมฉิงเป็นแน่ “ซ
ตอนที่[17]เสี่ยวหลิงอยากมีน้องชาติกำเนิดที่แท้จริงของเสี่ยวหลิง ที่แท้เสี่ยวหลิงคือบุตรชายคนเล็กของราชาของเผ่านอกด่านทั้งสี่ที่ถูกบ่าวชายหญิงที่คิดคดทรยศลักพาตัวบุตรชายของเขาออกมาและสร้อยที่เสี่ยวหลิงแขวนอยู่กับตัวอยู่ตลอดนั่นคือคำตอบ น่าแปลกที่เสี่ยวหลิงในยามนั้นอายุห้าหนาวแล้ว แต่กลับจำอันใดไม่ได้ ซึ่งนางมองว่ามันผิดปกติ จึงได้ใช้ยาของนางในการรักษาเขา สุดท้ายจึงพบว่าเขาได้ถูกวางยาทำให้ความจำก่อนหน้านั้นหายไปและแน่นอนว่า R-01 ก็ช่วยเหลือได้อีกแล้ว เด็กน้อยจำพ่อแม่ที่แท้จริงได้ แต่เขากล่าวว่าจะอยู่กับนางและเซวียหลิงจ้าน แต่หากเติบใหญ่เขาเปลี่ยนไปหรืออย่างไร นางย่อมให้เขาได้ทำตามที่ใจปรารถนา เมื่อเป็นเช่นนี้ แคว้นเติ้งและเผ่านอกด่านจึงลงนามสัญญาว่าจะไม่ระรานกัน ไม่โจมตีกัน ด้วยทางนั้นก็รู้สึกผิดและอยากขอบคุณที่แม่ทัพใหญ่แคว้นเติ้งที่รับเลี้ยงและดูแลบุตรชายของพวกเขาเป็นอย่างดี ทั้งเมื่อทำเจรจาสงบศึกแล้ว พวกเขาก็สามารถมาเยี่ยมเยียนบุตรชายได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีสัญญาการค้าที่จะเปิดโอกาสให้ได้ทำการค้าร่วมกันอีก นี่มีแต่ดีกับดีทั้งนั้น จะรบกันต่อเพื่อสิ่งใด เรื่องราวทั้งหมดจึงจบ
ตอนที่[17]เสี่ยวหลิงอยากมีน้อง ตั้งแต่วันที่นางบอกว่าจะให้โอกาสเขา นางก็รู้สึกว่าเขาชักจะทำตัวแปลก ๆ ขึ้นทุกวัน เช่นวันนี้ เขาพานางมาถือตะกร้าเก็บดอกไม้ในสวนดอกไม้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อดูแล้ว มันไม่เหมาะสำหรับนางและเขาเอาเสียเลย สุดท้ายเมื่อไม่อาจฝืนความเป็นตนเอง จึงได้แต่มองหน้ากันและหัวเราะออกมาเบา ๆ “ไปที่ที่เหมาะกับพวกเรากัน” เซวียหลิงจ้านเสนอขึ้นเหล่าทหารต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ฮูหยินที่มากฝีมือที่พวกเขาจำได้ไม่ลืมในวันที่เกือบจะเป็นวันสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแคว้นเติ้ง แต่เป็นเพราะฮูหยินของพวกเขาผู้นี้จึงทำให้ผ่านวิกฤตนั้นมาได้ เมื่อนางมาพวกเขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ สองสามีภรรยามาที่ค่ายด้วยความอารมณ์ดีไม่น้อย แต่อารมณ์ดีอย่างไรถึงได้สู้กันเช่นนั้น“นี่…. เป็นวิธีแสดงความรักต่อกันฉบับท่านแม่ทัพและฮูหยินหรือ” ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้น ทั้งคู่ต่อสู้กันจนเหงื่อโชก แน่นอนว่าที่ผู้เป็นภรรยาเป็นฝ่ายเอาชนะได้เกือบทั้งหมดทุกรอบ แต่มีรอบสุดท้ายที่เขากล่าวขึ้น “ฮูหยินหากพี่ชนะพี่จะขอให้เจ้าทำบางอย่างได้หรือไม่” เมื่อกล่าวจบสายตาแห่งความสงสัยก็เกิดขึ้น “อันใดหรือเจ้าคะ
ตอนที่[16]ขอโอกาสจู่ ๆ เขาก็ถือวิสาสะมาจับมือนางเอาไว้ “……”“ฮูหยิน ข้าอาจจะรู้เรื่องและเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของสตรีน้อยนักเพราะตั้งแต่เด็กก็เอาแต่ตามท่านพ่อไปที่ค่าย เจ้าอาจจะรู้สึกไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีกว่าเดิม ไม่สิ ข้าต้องทำได้แน่” “……”“เจ้าเป็นภรรยาคนแรก และข้าสัญญาว่าจะเป็นภรรยาคนเดียวและคนสุดท้ายของข้า” “……”“ดังนั้น ฮูหยินข้าขอโอกาสเป็นสามีที่ดีของเจ้าได้หรือไม่” แม้ว่ายามนี้จะเป็นเวลากลางคืน แต่นางก็เห็นใบหน้าที่กำลังเว้าวอนของเขาได้อย่างชัดเจนช่วงเวลาที่รอคอยคำตอบช่างเป็นเวลาที่หัวใจของเซวียหลิงจ้านรู้สึกบีบรัดเหลือเกิน จนกระทั่ง…“ก่อนที่ข้าจะตอบ ข้าอยากจะกล่าวอะไรเสียหน่อย” “ได้สิ ฮูหยินว่ามาเลย” เขายืดตัวขึ้นเพื่อรอฟังนางด้วยความตั้งใจ “ข้า…ก็ไม่ใช่สตรีเฉกเช่นสตรีทั่วไป หากท่านเคยรู้เรื่องราวของลู่หรงซินว่าเป็นมาเช่นไร ยามนี้ข้ามิใช่เช่นนั้น ข้ามิได้อ่อนหวาน อ่อนโยน มิได้เก่งเรื่องของสตรีอย่างที่ควรจะเป็น ข้าชอบต่อสู้และออกจะ…. ดุดัน ท่านอาจจะไม่ชอบเช่นกัน ท่านลองคิดดูอีกทีดีหรือไม่”เขารู้ว่านางแตกต่างจากที่เขาได้ยินมาโดยสิ้นเชิง แต่สตรีที่ทำ