บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 10'ข่าวใหญ่สกุลซ่ง'..ภายในห้องเงียบสงบไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด ๆ ทั้งนั้น หมอทำการตรวจดูหยางเยว่อย่างละเอียด สอบถามมากมายจนเธอแทบจะตอบไม่ทัน ส่วนซ่งอี้ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาเอาแต่จ้องหมอตลอดเวลาถึงไม่มีคำพูดแต่มันคือความกดดันอย่างยิ่งเหมือนว่าสุดท้ายจะได้ข้อสรุปแล้วหมอวัยกลางคนหันมาส่งยิ้มให้ซ่งอี้ก่อนจะประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อย “ยินดีด้วยเถ้าแก่ซ่ง ยินดีด้วย”“ยินดีเรื่องอะไร ฮูหยินของฉันเจ็บไข้อยู่แท้ ๆ”“ฮูหยินไม่ได้เจ็บไข้หรอก แต่ที่มีอาการอาเจียนเพราะกำลังแพ้ท้อง”“ฮะ!” สองสามีภรรยาต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกันทันที“คุณว่าอะไรนะคุณหมอ” ซ่งอี้ถามย้ำอีกรอบ“ผมถึงต้องแสดงความยินดีไง ตอนนี้ฮูหยินหยางตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วครับ เพราะรอบเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว และมีอาการอื่น ๆ ของคนแพ้ท้องร่วมด้วยจึงมั่นใจว่าตั้งครรภ์แน่นอน ถ้าเถ้าแก่ซ่งอยากแน่ใจมากกว่านี้ก็สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งได้”ซ่งอี้และหยางเยว่ต่างได้ยินในสิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างดีชัดเจนทุกถ้อยคำแต่เหมือนว่าหูของพวกเขาจะดับไปเสียแล้วสติก็ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อความดีใจเอ่อล้
บทที่ 11'เหตุด่วนเหตุร้าย'..บ้านสกุลหยางหยางเยว่นั่งอยู่ภายในศาลากลางสระน้ำที่สงบร่มเย็น เบื้องหน้ามีขนมหวานมากมายที่ถูกยกขึ้นโต๊ะแล้วยังมีชารสดีมากอีกด้วย แต่ก็มีผู้อื่นร่วมโต๊ะนั่นคือมารดาเลี้ยงและน้องสาวคนเล็กของนาง“ต้องขอบคุณเธอที่ยอมเสียสละตัวเองแต่งงานกับเถ้าแก่ซ่ง เราถึงได้มีชาดีกินเช่นนี้” ฮูหยินหวังมารดาเลี้ยงของหยางเยว่กล่าวขึ้น“ฉันก็ยินดีที่การเสียสละของฉัน ทำให้พวกท่านได้สุขสำราญใจกันเช่นนี้” หยางเยว่ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะมองไปทาง ‘หยางอัน’ น้องสาวคนเล็กของนางที่ตอนนี้ก็เริ่มแตกเนื้อสาวแล้ว“ต่อไปก็ตาของเธอ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถิด”“พะ… พี่หญิงสามกล่าวอะไรคะ?” หยางอันยังคงมีสีหน้าใสซื่ออย่างไม่เข้าใจนัก“ก็ถูกบังคับแต่งงานเหมือนฉันไง”พอได้ยินเช่นนั้นหยางอันก็หน้าเสียเล็กน้อยจนฮูหยินหวังต้องหันไปปลอบใจ “อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้สกุลก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด อีกอย่างอันเอ๋อร์ก็ร่ำเรียนที่โรงเรียนสตรีอนาคตคงได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก”“ดียิ่งนัก ช่างเป็นครอบครัวที่รักลูกเท่ากันเหลือเกิน”หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะมันย่
บทที่ 12'ชดใช้กรรม'..“ช่วยด้วย!”“ใครก็ได้ช่วยด้วย!”“หยุดนะโว๊ย!”พวกโจรวิ่งตามมาติด ๆ ในขณะที่หยางเยว่ก็พยายามวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดจนเธอเริ่มเหนื่อยแล้ว ขาแทบจะก้าวไม่ออกอีกต่อไปแล้วเพราะมันอ่อนล้ามากเหมือนจะล้มได้ตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้ความหวังเพราะถนนมันช่างห่างไกลเหลือเกิน แต่ตอนที่แสงแห่งความหวังกำลังจะหมดลงกลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วรถยนต์ถูกจอดลงตรงหน้าของหยางเยว่ ห่างออกไปไม่ไกลเท่านั้น คนที่คุ้นเคยก้าวลงมาจากรถพร้อมปืนในมือแล้วชี้ปลายกระบอกมาทางเธอจนหยางเยว่ตกใจ“ฮูหยินก้มลง!” เสียงตะโกนของซ่งอี้ดังสนั่นจนหยางเยว่ต้องหยุดฝีเท้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นสองมือยกขึ้นปิดหูตัวเองแล้วก้มหัวลงให้ต่ำที่สุดทันทีปัง ปัง ปัง!เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดกระสุนที่มีกลิ่นดินปืนไหม้พุ่งผ่านไปเหนือตัวของหยางเยว่มุ่งตรงไปยังด้านหลังที่มีพวกโจรอยู่ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดจนเธอต้องหันไปมองก็พบว่าโจรสองคนถูกยิงจนล้มลงไปกองกับพื้นเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่ขาและแขนภาพน่ากลัวตรงหน้ามันทำให้จิตใจของหยางเยว่เตลิดไปไหนต่อไหน บวกกับคว
บทที่ 13‘โดนสั่งห้ามไปไหน’..หยางเยว่เดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าภายใต้ชายคาเรือนของตนเอง ผ่านมาแล้วสามวันนับจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับเธอ ตัวเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ลูกก็ยังอยู่ดี เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้นจึงนอนโรงพยาบาลเพียงคืนเดียวก็กลับมาอยู่บ้านได้พวกโจรถูกตำรวจจับกุมรวมถึงฉีเหมยหลิวด้วย เธอไม่ได้ไปพบฉีเหมยหลิวหรอกกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวตบอีกฝ่ายจนฟันร่วงและที่สำคัญไปกว่านั้นเธอกำลังตั้งท้อง อะไรเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไม่ใช่ลอยหน้าลอยตาไปทุกที่ สถานีตำรวจมีผู้ร้ายมากมายเกิดหลุดการจับกุมแล้วเข้ามาทำร้ายเธอจะแย่เอา ซ่งอี้อยากให้เธออยู่บ้านรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีมากกว่า“วันนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเธอหันกลับไปหาซ่งอี้ที่กำลังจะออกไปทำงานจึงเลื่อนมือไปช่วยจัดเสื้อผ้าเขาให้เรียบร้อย “ฉันรู้แล้ว เถ้าแก่พูดกรอกหูฉันทุกวัน”“ก็เธอชอบดื้อ”“ฉันดื้อตรงไหนคะ เชื่อฟังเถ้าแก่จะตาย”“ดีแล้วจะได้ไม่เกิดเรื่องอีก”“แต่จะให้อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวก็เหงาแย่เลย”“ไว้เธออยากไปไหน ฉันจะพาไปเอง”“จะดีเหรอคะ เถ้าแก่ต้องทำงานไม่รบกวนเหรอ?”“ฉันยอมไม่ไปทำงานดีกว่าต้องปล่อยเธอไปไห
บทที่ 14'ซ่งเหยาน้อย'..เสียงเด็กน้อยร้องอ้อแอ้อยู่ภายในเรือนหลังใหญ่ที่ตอนนี้มีเหล่าสาวรับใช้กำลังเดินเข้าเดินออกด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ขนมหวาน ผลไม้ถูกยกเข้ามาภายในเรือนจัดวางบนโต๊ะอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ลืมข้าวบดละเอียดของเด็กน้อยด้วยที่ตอนนี้หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นนมที่ใช้ผสมลงไปในข้าวบดอย่างพิถีพิถัน สะอาดสะอ้านและมีคุณประโยชน์สำหรับเด็กวัยกำลังโต“ไหนใครหิวข้าวบ้าง”ซ่งอี้หยิบถ้วยช้าวบดผสมนมเดินมาหา ‘ซ่งเหยา’ ลูกชายวัยหนึ่งขวบที่นั่งอยู่บนตักของหยางเยว่ด้วยรอยยิ้ม เขานั่งลงที่พื้นตรงหน้าของบุตรชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก่อนจะตักข้าวบดผสมนมขึ้นมาจ่อที่ปากเล็ก ๆ ที่กำลังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา ช่างน่ารักน่าชังจนอยากจะจับมาฟัดแก้มให้ช้ำแต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้“อ้ามมมม อ้าปากเร็วครับ ไหนใครคนเก่ง”“แอ้ ๆ อ้าม ๆ” ซ่งเหยาตัวน้อยยกมือไม้ขึ้นจับไปในอากาศด้วยท่าทางสดใสร่าเริงตามวัย ปากเล็กเคี้ยวข้าวบดผสมนมหมุบหมิบช่างน่าเอ็นดู“อร่อยไหมครับคนเก่ง”“หม่ำ ๆ”“ครับ ๆ หม่ำ ๆ อ้าปากหม่ำ ๆ” ซ่งอี้ตักข้าวบดผสมนมป้อนให้ลูกชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขเขาเงยขึ้นสบตากับหยางเ
บทที่ 15‘คู่ชีวิต’..เสียงจูบดังระงมภายในห้องอาบน้ำที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาจากอ่างใบใหญ่แต่เหมือนจะแคบลงยามคนสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่ภายใน ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดจนรู้สึกเจ็บแปล๊บแต่หยางเยว่กลับรู้สึกชอบมากเธอโหยหาความป่าเถื่อนจากเขาด้วยการสอดแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นหนาอย่างดูดดื่มจนเกิดเสียงจูบอันชื้นแฉะยั่วยวนหัวใจให้ลุ่มหลงในความปรารถนาอันมากล้นสัมผัสเปียกชื้นจากริมฝีปากหนาที่เลื่อนต่ำลงมายังหน้าอกอวบอิ่ม ปากดูดดึงยอดปทุมถันสีสดจนมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก เรียวลิ้นกวาดต้อนไปทั่วฐานจนน้ำลายเหนียวอาบชโลมเป็นเส้นสายใยน้ำหวานที่หยาดเยิ้มไหลย้อย เสียงครวญครางดังออกมาไม่ขาดปาก มันหวานนุ่มละมุนหูแต่ก็แฝงไปด้วยความกระเส่าเสียวซ่านที่ซ่งอี้ชอบมากเลยปรนเปรอสวาทเล้าโลมเรือนกายของหยางเยว่เต็มที่เพราะอยากได้ยินเสียงครวญครางซ่งอี้ดำน้ำลงไปใต้ล่างจนหยางเยว่ตกใจแต่ยังไม่ทันห้ามก็รู้สึกเสียวซ่านยามลิ้นหนากวาดเลียไปทั่วกลีบดอกไม้งามจนต้องส่งเสียงครางหวานฉ่ำออกมา ใบหน้าเชิดขึ้นมือดำดิ่งลงไปขยุ้มผมหนาภายใต้ผืนน้ำที่กำลังกระเพื่อมเอ่อล้นขอบอ่างตามร่างขยับของคนสองคน แต่ทำได้ไม่น
บทที่ 14'ซ่งเหยาน้อย'..เสียงเด็กน้อยร้องอ้อแอ้อยู่ภายในเรือนหลังใหญ่ที่ตอนนี้มีเหล่าสาวรับใช้กำลังเดินเข้าเดินออกด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข ขนมหวาน ผลไม้ถูกยกเข้ามาภายในเรือนจัดวางบนโต๊ะอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ลืมข้าวบดละเอียดของเด็กน้อยด้วยที่ตอนนี้หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นนมที่ใช้ผสมลงไปในข้าวบดอย่างพิถีพิถัน สะอาดสะอ้านและมีคุณประโยชน์สำหรับเด็กวัยกำลังโต“ไหนใครหิวข้าวบ้าง”ซ่งอี้หยิบถ้วยช้าวบดผสมนมเดินมาหา ‘ซ่งเหยา’ ลูกชายวัยหนึ่งขวบที่นั่งอยู่บนตักของหยางเยว่ด้วยรอยยิ้ม เขานั่งลงที่พื้นตรงหน้าของบุตรชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก่อนจะตักข้าวบดผสมนมขึ้นมาจ่อที่ปากเล็ก ๆ ที่กำลังส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา ช่างน่ารักน่าชังจนอยากจะจับมาฟัดแก้มให้ช้ำแต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้“อ้ามมมม อ้าปากเร็วครับ ไหนใครคนเก่ง”“แอ้ ๆ อ้าม ๆ” ซ่งเหยาตัวน้อยยกมือไม้ขึ้นจับไปในอากาศด้วยท่าทางสดใสร่าเริงตามวัย ปากเล็กเคี้ยวข้าวบดผสมนมหมุบหมิบช่างน่าเอ็นดู“อร่อยไหมครับคนเก่ง”“หม่ำ ๆ”“ครับ ๆ หม่ำ ๆ อ้าปากหม่ำ ๆ” ซ่งอี้ตักข้าวบดผสมนมป้อนให้ลูกชายตัวน้อยด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขเขาเงยขึ้นสบตากับหยางเ
บทที่ 13‘โดนสั่งห้ามไปไหน’..หยางเยว่เดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าภายใต้ชายคาเรือนของตนเอง ผ่านมาแล้วสามวันนับจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับเธอ ตัวเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ลูกก็ยังอยู่ดี เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้นจึงนอนโรงพยาบาลเพียงคืนเดียวก็กลับมาอยู่บ้านได้พวกโจรถูกตำรวจจับกุมรวมถึงฉีเหมยหลิวด้วย เธอไม่ได้ไปพบฉีเหมยหลิวหรอกกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวตบอีกฝ่ายจนฟันร่วงและที่สำคัญไปกว่านั้นเธอกำลังตั้งท้อง อะไรเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไม่ใช่ลอยหน้าลอยตาไปทุกที่ สถานีตำรวจมีผู้ร้ายมากมายเกิดหลุดการจับกุมแล้วเข้ามาทำร้ายเธอจะแย่เอา ซ่งอี้อยากให้เธออยู่บ้านรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีมากกว่า“วันนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเธอหันกลับไปหาซ่งอี้ที่กำลังจะออกไปทำงานจึงเลื่อนมือไปช่วยจัดเสื้อผ้าเขาให้เรียบร้อย “ฉันรู้แล้ว เถ้าแก่พูดกรอกหูฉันทุกวัน”“ก็เธอชอบดื้อ”“ฉันดื้อตรงไหนคะ เชื่อฟังเถ้าแก่จะตาย”“ดีแล้วจะได้ไม่เกิดเรื่องอีก”“แต่จะให้อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวก็เหงาแย่เลย”“ไว้เธออยากไปไหน ฉันจะพาไปเอง”“จะดีเหรอคะ เถ้าแก่ต้องทำงานไม่รบกวนเหรอ?”“ฉันยอมไม่ไปทำงานดีกว่าต้องปล่อยเธอไปไห
บทที่ 12'ชดใช้กรรม'..“ช่วยด้วย!”“ใครก็ได้ช่วยด้วย!”“หยุดนะโว๊ย!”พวกโจรวิ่งตามมาติด ๆ ในขณะที่หยางเยว่ก็พยายามวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดจนเธอเริ่มเหนื่อยแล้ว ขาแทบจะก้าวไม่ออกอีกต่อไปแล้วเพราะมันอ่อนล้ามากเหมือนจะล้มได้ตลอดเวลา ดวงตาคู่สวยมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้ความหวังเพราะถนนมันช่างห่างไกลเหลือเกิน แต่ตอนที่แสงแห่งความหวังกำลังจะหมดลงกลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วรถยนต์ถูกจอดลงตรงหน้าของหยางเยว่ ห่างออกไปไม่ไกลเท่านั้น คนที่คุ้นเคยก้าวลงมาจากรถพร้อมปืนในมือแล้วชี้ปลายกระบอกมาทางเธอจนหยางเยว่ตกใจ“ฮูหยินก้มลง!” เสียงตะโกนของซ่งอี้ดังสนั่นจนหยางเยว่ต้องหยุดฝีเท้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นสองมือยกขึ้นปิดหูตัวเองแล้วก้มหัวลงให้ต่ำที่สุดทันทีปัง ปัง ปัง!เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดกระสุนที่มีกลิ่นดินปืนไหม้พุ่งผ่านไปเหนือตัวของหยางเยว่มุ่งตรงไปยังด้านหลังที่มีพวกโจรอยู่ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดจนเธอต้องหันไปมองก็พบว่าโจรสองคนถูกยิงจนล้มลงไปกองกับพื้นเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลที่ขาและแขนภาพน่ากลัวตรงหน้ามันทำให้จิตใจของหยางเยว่เตลิดไปไหนต่อไหน บวกกับคว
บทที่ 11'เหตุด่วนเหตุร้าย'..บ้านสกุลหยางหยางเยว่นั่งอยู่ภายในศาลากลางสระน้ำที่สงบร่มเย็น เบื้องหน้ามีขนมหวานมากมายที่ถูกยกขึ้นโต๊ะแล้วยังมีชารสดีมากอีกด้วย แต่ก็มีผู้อื่นร่วมโต๊ะนั่นคือมารดาเลี้ยงและน้องสาวคนเล็กของนาง“ต้องขอบคุณเธอที่ยอมเสียสละตัวเองแต่งงานกับเถ้าแก่ซ่ง เราถึงได้มีชาดีกินเช่นนี้” ฮูหยินหวังมารดาเลี้ยงของหยางเยว่กล่าวขึ้น“ฉันก็ยินดีที่การเสียสละของฉัน ทำให้พวกท่านได้สุขสำราญใจกันเช่นนี้” หยางเยว่ยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะมองไปทาง ‘หยางอัน’ น้องสาวคนเล็กของนางที่ตอนนี้ก็เริ่มแตกเนื้อสาวแล้ว“ต่อไปก็ตาของเธอ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถิด”“พะ… พี่หญิงสามกล่าวอะไรคะ?” หยางอันยังคงมีสีหน้าใสซื่ออย่างไม่เข้าใจนัก“ก็ถูกบังคับแต่งงานเหมือนฉันไง”พอได้ยินเช่นนั้นหยางอันก็หน้าเสียเล็กน้อยจนฮูหยินหวังต้องหันไปปลอบใจ “อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้สกุลก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด อีกอย่างอันเอ๋อร์ก็ร่ำเรียนที่โรงเรียนสตรีอนาคตคงได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก”“ดียิ่งนัก ช่างเป็นครอบครัวที่รักลูกเท่ากันเหลือเกิน”หยางเยว่อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะมันย่
บทที่ 10'ข่าวใหญ่สกุลซ่ง'..ภายในห้องเงียบสงบไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด ๆ ทั้งนั้น หมอทำการตรวจดูหยางเยว่อย่างละเอียด สอบถามมากมายจนเธอแทบจะตอบไม่ทัน ส่วนซ่งอี้ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขาเอาแต่จ้องหมอตลอดเวลาถึงไม่มีคำพูดแต่มันคือความกดดันอย่างยิ่งเหมือนว่าสุดท้ายจะได้ข้อสรุปแล้วหมอวัยกลางคนหันมาส่งยิ้มให้ซ่งอี้ก่อนจะประสานมือแล้วโค้งหัวลงเล็กน้อย “ยินดีด้วยเถ้าแก่ซ่ง ยินดีด้วย”“ยินดีเรื่องอะไร ฮูหยินของฉันเจ็บไข้อยู่แท้ ๆ”“ฮูหยินไม่ได้เจ็บไข้หรอก แต่ที่มีอาการอาเจียนเพราะกำลังแพ้ท้อง”“ฮะ!” สองสามีภรรยาต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกันทันที“คุณว่าอะไรนะคุณหมอ” ซ่งอี้ถามย้ำอีกรอบ“ผมถึงต้องแสดงความยินดีไง ตอนนี้ฮูหยินหยางตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วครับ เพราะรอบเดือนไม่มาสองเดือนแล้ว และมีอาการอื่น ๆ ของคนแพ้ท้องร่วมด้วยจึงมั่นใจว่าตั้งครรภ์แน่นอน ถ้าเถ้าแก่ซ่งอยากแน่ใจมากกว่านี้ก็สามารถไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งได้”ซ่งอี้และหยางเยว่ต่างได้ยินในสิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างดีชัดเจนทุกถ้อยคำแต่เหมือนว่าหูของพวกเขาจะดับไปเสียแล้วสติก็ล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อความดีใจเอ่อล้
บทที่ 9‘หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น’..เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่หยางเยว่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่สกุลซ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก เธอกับเถ้าแก่ซ่งก็ยังคงศึกษาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายจนตอนนี้ก็เข้าใจกันมากขึ้นแล้ว นับว่าเป็นสามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งส่วนเรื่องความรัก แม้นในตอนแรกของการแต่งงานจะเป็นการคลุมถุงชนที่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายจัดการทั้งหมดก็ตามและเธอก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งอี้เท่าไหร่นัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้ามันก็ยิ่งมีความผูกพัน จากความผูกพันก็กลายเป็นความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นวันนี้เธอทำขาหมูตุ๋นยาจีนเลยจะเอาไปให้ซ่งอี้ที่ร้านเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็นำไปฝากฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้วด้วยหนึ่งถ้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูเธอมากนับว่าเป็นความโชคดี ถึงสกุลซ่งจะร่ำรวยแต่ก็คล้ายว่าถูกคำสาปเพราะคนในครอบครัวนี้มักจะมีอายุขัยที่สั้นเสียส่วนใหญ่ เธออยู่ที่นี่ก็ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของบ่าวรับใช้เก่าแก่มาไม่น้อยเลยคุณแม่ของซ่งอี้ตายตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนคุณอาของเขาก็มาตายจากไปหลังจากคุณแม่ตายไปเพียงหนึ่งปีจากอุบัติเหตุทางน้ำ คุณ
บทที่ 8'ค่ำคืนในเซี่ยงไฮ้'..เสียงร้องเพลงดังขึ้นภายในห้องของโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ไม่ยอมหลับใหล แม้ตอนนี้จะดึกดื่นมากแล้วก็ตามแต่ไฟในเมืองก็ยังสว่างไสวอยู่ หยางเยว่ที่ยังคงอินกับการเที่ยวไนต์คลับก็จำเอาเพลงของนักร้องสาวมาร้องบ้าง ไม่พอยังเต้นยั่วยวนเลียนแบบหล่อนตรงหน้าของซ่งอี้ที่นั่งอยู่อีกด้วยซิปของชุดกี่เพ้าถูกรูดลงก่อนที่มือเล็กจะถอดแขนเสื้อออกจนเผยให้เห็นหน้าอกเล็กภายใต้ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำที่มันตัดกับผิวขาวได้เป็นอย่างดี ร่างเล็กก้าวขึ้นไปคร่อมทับบนตักใหญ่เอาไว้แล้วบดเบียดเสียดสีร่างกายส่วนล่างเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงความแข็งนูนภายใต้เนื้อผ้า“แค่นี้เถ้าแก่ก็แข็งแล้วเหรอ?”“ฉันแข็งตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว อยากเอาเธอใจจะขาด”“ใจเย็นก่อนสิคะ ใจเย็น” นิ้วเรียวลากไล้ลงมายังอกกว้างก่อนจะปลดเปลื้องกระดุมออกแล้วแหวกสาบเสื้อเชิ้ตให้กว้าง ใบหน้าหวานซบลงไปถูไถกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นในตอนนี้หยางเยว่โดนฤทธิ์ไวน์นอกเล่นงานเสียแล้ว เธอเมามายเสียจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย ลิ้นเล็กลากเลียที่ยอดอกทั้งสองข้างของสามีจนได้ยินเสียงครางเข
บทที่ 7‘ดื่มด่ำความสุขในยามราตรี’..Shanghai.ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยแสงสีตระการตา ยามราตรีที่ควรเงียบสงบกลับมีแต่เสียงเพลงและเสียงพูดคุยดังอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินไปหัวมุมถนนไหน ตึกปูนรูปทรงแบบตะวันตกที่ประดับประดาด้วยไฟหลากหลายสีที่ห้อยระโยงระยางจนสว่างไสว มันคือความเจริญที่คนนอกเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีทางได้สัมผัสเพราะหลังจากสงครามทั้งในและนอกที่ประเทศต้องเผชิญมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูด้วยซ้ำก็มีเพียงใจกลางเมืองใหญ่เท่านั้นที่พอจะเห็นถึงความศิวิไลซ์ที่พอจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเจริญหูเจริญตาหยางเยว่ในชุดกี่เพ้าแบบจีนแท้ ๆ ปักทอลวดลายซิ่งฮวาสีแดงที่ตัดกับสีเขียวของชุดได้เป็นอย่างดี แต่สตรีที่เดินผ่านเธอไปล้วนแต่งชุดกระโปรงแบบชาวตะวันตกที่มันพลิ้วไหวเบ่งบานยามเดินหรืิอหมุนตัว มองแล้วก็เพลินตาไม่น้อยเลยทีเดียวเห็นเรียกกันว่าชุดเดรส เธอเองก็อยากใส่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าสามีจะชอบหรือเปล่าเพราะเขาไม่ชอบฉีเหมยหลิว และฉีเหมยหลิวก็แต่งตัวแบบชาวตะวันตกจ๋า ๆ เลยกลัวว่าเขาจะไม่ชอบสตรีแบบนั้นจึงไม่กล้าแต่ง“เถ้าแก่จะพาฉันไปไหนคะ?” เธอเดินมาควงแขนสามีด้วยรอยยิ