เยี่ยเหวินจ้าวทาบกายแกร่งขึ้นก่ายเกยร่างงาม ริมฝีปากจุมพิตบนเรียวปากอิ่ม ตวัดไล้ ดูดดุนเรียวลิ้นเล็กของนาง
สัมผัสของเขาเริ่มต้นด้วยความเร่าร้อนยั่วเย้า หลอกล่อ มอมเมานาง จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ปลายนิ้วสอดเข้าไปในผมยาวของนาง ประคองศีรษะให้รับจุมพิตของเขาอย่างไร้ทางหลบเลี่ยง ริมฝีปากถูกเขาดูดแรงทั้งบนและล่าง กวาดต้อนทุกความหวานของนางอย่างหิวกระหาย พร้อมกับยั่วเย้าให้ตอบสนอง
เมื่อลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นของเขา เยี่ยเหวินจ้าวก็เพิ่มแรงเร้าให้นางเป็นฝ่ายจูบเขาบ้าง ความไม่ประสาของนางทำให้เขาอิ่มเอมใจ พรหมจรรย์ของนาง เขาได้ครอบครองเป็นคนแรก จูบแรก ทุกสิ่งที่เขากระทำ เป็นสิ่งแรกสำหรับนางทั้งสิ้น
เขาจูบอย่างอ่อนหวาน แล้วเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ บดเคล้า เล้าโลม ให้นางตกเป็นทาสเสน่หา เขาเองก็ตกอยู่ในห้วงพิศวาสจนยากจะถ่ายถอน เสียงหอบหายใจของนางดังกระเส่า เช่นเดียวกับเขาที่หายหอบแรง ครางเสียงหนักในคอ ดูดดื่มความหวานฉ่ำที่เขาโหยหาอย่างยั้งใจไม่อยู่
เยี่ยเหวินจ้าวเฝ้าวนเวียนจุมพิตซ้ำจนหนำใจ ก่อนที่สองมือจะเลื่อนมาประคองแก้มนุ่ม ถอนริมฝีปากปาก แล้วจ้องมองใบหน้างดงามแดงซ่านของนางอย่างชื่นชม
ริมฝีปากอิ่มแดงจัดบวมเจ่อเล็กน้อยจากฤทธิ์จุมพิตเร่าร้อนของเขา ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือหวานเยิ้ม งดงามราวกับเทพธิดา ชวนให้คนมองอยากจะครอบครองให้หมดทั้งกาย
คนตัวโตค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดเจ้าสาวสีแดงออกจากร่างงาม ริมฝีปากตามลงมาครอบครองยอดทรวงสีหวาน ดูดแรงสลับกับขบเม้มปลายยอดกะจิริดราวกับเม็ดไข่มุก หยอกเย้าให้นางเสียวสยิว สองมือ เคล้าคลึง นวดเฟ้น ความนุ่มหยุ่นนั้นอย่างหลงใหล นิ้วแข็งแรงไล้วนบนยอดทรวงอันอ่อนไหว ปลายลิ้นร้อนละเลง ปาดไล้ สลับไปมาทั้งซ้ายขวา ดูดกลืนสลับขบเม้มแรงบ้างเบาบ้าง มืออีกข้างนวดคลึงเคล้าไปมา กระตุ้นเร้า เรียกเสียงครางครวญจากเจ้าของทรวงงามให้แอ่นกายป้อนให้เขาดื่มกิน
หลิวซืออินหายใจหอบกระเส่า หัวใจเต้นแรงด้วยความเสียวซ่าน ร่างงามตกอยู่ใต้อาณัติของเขาจนไร้ทางขัดขืน มือจิกบ่าหนาแอ่นอกให้เขาอย่างลืมอาย ในสมองมัวพร่าคิดอะไรไม่ออก ร่างกายของนางคล้ายบุปผาที่ถูกภมรลงมาคลุกเคล้าเกสร เบ่งบานเปิดเผยความงดงาม ให้เขาเชยชิม
เยี่ยเหวินจ้าวตวัดลิ้นบนยอดทรวง หนักบ้างเบาบ้าง จนเจ้าของร่างงามบิดกายอย่างทรมาน มือข้างหนึ่งของเขาไล้ลูบลงมาตามหน้าท้อง ปลายนิ้วลูบไล้เนินสาวไปมา ขณะที่ด้านบนยังคงกล่อมด้วยริมฝีปาก ที่ยังเคล้าคลึงทรวงอวบไม่ยอมปล่อย เขาจู่โจมร่างงามพร้อมกันทั้งบนและล่างจนนางหัวหมุนตั้งรับไม่ทัน
“พอ... พอเถอะ ข้า อ๊ะ!”
หลิวซืออินร้องครางประท้วงเสียงแผ่วหวิว แล้วสะดุ้งเฮือก เมื่อเขาขยับปลายเรียวนิ้วยาวให้ค่อยๆ เบียดแทรกผ่านกลีบผกางาม เปิดทางเข้าสู่ปากทางแสนคับแคบ อีกนิ้วก็ขยับปลายนิ้วโลมไล้เกสรบุปผางามให้ผลิบาน กลั่นมธุรสหวานให้หลั่งรินออกมา
"อ๊ะ ข้า... ข้าไม่..."
มือน้อยขูดข่วนเขาจนเป็นรอยเล็บเต็มแผ่นหลัง ความเจ็บเล็กน้อยนั้นไม่ทำให้เขาหยุด แต่กลายเป็นกระตุ้นเร้า ให้เขาลงมือหนักหน่วงขึ้น กายสาวเกร็งกระตุกตามแรงเคลื่อนไหว ของปลายนิ้วที่ขยับไปมา
เขาเลื่อนตัวลงมาจูบไล่จากทรวงงามมาตามหน้าท้องแบนราบ ผิวเนียนนุ่มขาวผ่องราวกับน้ำนม ถูกเขาใช้ปลายลิ้นปาดไล้อย่างหลงใหล ทุกอณูไม่หลุดพ้นจากสัมผัสวาบหวามนั้น ยิ่งนางดิ้นเร่า ยิ่งทำให้เขาเร่าร้อนขึ้น ปลายนิ้วชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำหวานถูกดึงออก ก่อนที่ริมฝีปากจะเข้าไปดูดดื่มเกสรสาว ละเลงปลายลิ้นร้อนให้นางดิ้นเร่าด้วยความเสียวซ่าน
“อืม หวาน...”
มธุรสหลั่งรินออกมาให้ดื่มกิน เขาดื่มด่ำกับความหวานหอมของนางไม่รู้หน่าย หูฟังเสียงหวานครางครวญอย่างสุขสม ร่างงามเกร็งกระตุก หลั่งรินออกมาจนชุ่มฉ่ำบ่งบอกว่านางไปแตะขอบฟ้าแล้ว
“ภรรยา ข้าทำให้เจ้ามีความสุขหรือไม่...”
เยี่ยเหวินจ้าวเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของหลิวซืออินด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเริ่มปลุกปั่นให้นางเคลิ้มไหว ว่ายวนในทะเลพิศวาสร่วมกับเขา
หลังจากกล่อมให้นางคล้อยตาม จนพบความสุขไปครั้งหนึ่ง เยี่ยเหวินจ้าวก็สลัดเสื้อผ้าของเขาออกจนเปลือยเปล่า ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแกร่ง ชวนให้คนมองใจเต้นรัว
ครั้งแรกที่หลิวซืออินตกเป็นของเขา ดวงตาของนางถูกปิดไว้ และเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป นางก็ไม่คิดแม้แต่จะมองหน้า ตอนนี้นางได้เห็นเรือนร่างของสามีเต็มตา ก็รู้สึกวาบหวามในใจ
“พอ...พอเถอะ ข้า...”
นางส่ายหน้าห้ามปรามเขา พยายามฝืนความปรารถนาที่ท่วมท้น
“เจ้าอย่ากลัวเลย มันคือสิ่งสวยงาม ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่านี้”
เยี่ยเหวินจ้าวไม่ยอมให้นางหลุดจากบ่วงเสน่หาที่เขาบรรจงปลุกเร้า เขาเลื่อนตัวขึ้นไปจุมพิตปิดปากที่ร้องห้าม มอมเมานางให้หลงอยู่ในวังวนพิศวาส
ร่างงามอ่อนระทวยลงปล่อยให้เขาสัมผัสไปทั่วร่าง ความงดงามของนางปรากฏต่อสายตาคนมอง ผิวกายของหลิวซืออิน เนียนละเอียด ขาวผุดผ่องไร้รอยไฝฝ้า มือหนาเลื่อนลูบไปบนผิวนุ่ม กวาดสายตาจับจ้องปทุมทองสองข้าง มันกลมกลึงงดงามได้รูป ปลายยอดสีแดงระเรื่อราวกับทับทิมน้ำงาม เกิดจากมือและปากของเขาที่เฟ้นฟอนอย่างเร่าร้อนก่อนหน้า
นางหายใจหอบกระเส่า หน้าอกสะท้อนขึ้นลง ยั่วยวนสายตาเหลือเกิน มือเลื่อนลูบผ่านเอวคอดกิ่ว สะโพกผายหนั่นแน่น สำรวจความงดงามทั่วร่างจนมาถึงปลายนิ้วเท้า หัวใจคนมองเต้นรัวแรง สูดลมหายใจแรงเมื่อไฟรักในกายลุกโพลงจนยากจะดับลงได้ มีเพียงความปรารถนาจะครอบครองร่างงดงามนี้ให้สาสมใจ
เยี่ยเหวินจ้าวทาบกายแกร่งกำยำแนบชิด มือลูบไล้ เฟ้นฟอนทรวงอวบงาม ปลุกเร้าให้นางเร่าร้อน เพื่อให้พร้อมรับคลื่นสวาทที่กำลังจะถาโถมเข้าใส่
กายสาวเหมือนเรือลำน้อยล่องลอยกลางทะเลกว้าง ริมฝีปากของบุรุษดุจสายลม พัดมาแผ่วเบาในคราวแรก กล่อมให้ใบเรือลอยละล่องพลิ้วไหว สัมผัสตรงไหนก็สะท้านไหว ปลายลิ้นของเขาผ่าวร้อนเหมือนสายลมอุ่นในฤดูร้อน ปัดป่ายแตะแต้มตรงไหน ก็ทำให้อ่อนระทวยหลอมละลายจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู