หลิวซืออินไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ชีวิตของนางก็เหมือนคนขาดที่พึ่ง ยามนี้คนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็คือเยี่ยเหวินจ้าว เขาพานางขึ้นรถม้า เดินทางออกมาจากเมืองต้าโจ กลับไปยังท่าเรือ เมืองหนานไห่อีกครั้ง
ระหว่างทางหลิวซืออิน เอาแต่นั่งขดตัว ร้องไห้อยู่เงียบๆในรถม้า ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เยี่ยเหวินเจ้าปล่อยให้นางอยู่แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจะปลอบโยนนางอย่างไรดี
แผนการเดิมของเยี่ยเหวินจ้าว ก็คือการเดินทางไปยังแคว้นอื่น เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เรือที่เขาจะอาศัยไปด้วย กำหนดออกเดินทางคืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ระหว่างนี้จึงต้องรอ เขาคิดจะหาบ้านเช่าสักหลัง โชคดีคนขับรถม้ารู้จักเจ้าของบ้านเช่าจึงแนะนำให้
"เราจะอยู่ที่นี่กันสักหนึ่งเดือน"
เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินเข้าบ้าน บ้านหลังนี้ค่อนข้างเล็ก มีห้องนอนห้องเดียว ครัว และชานบ้าน ราคาจึงไม่สูงมาก
"เจ้าปัดกวาดให้ดี ในครัวมีข้าวสารกับเนื้อ เจ้าทำกับข้าวได้เลย ข้าจะไปข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวจะกลับมา"
เขาบอกนาง แล้วปล่อยนางไว้ที่บ้านเพียงลำพัง หลิวซืออินจึงจัดการปัดกวาดเช็ดถู จากนั้นก็เข้าครัวทำอาหาร งานพวกนี้นางล้วนเคยทำ จึงไม่ยากลำบากอะไร
เยี่ยเหวินจ้าวหายไปหนึ่งชั่วยาม ก็กลับมาพร้อมข้าวของหลายอย่าง เขาวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วบอกว่ามันคืออะไรบ้าง
"ข้าซื้อเสื้อผ้าให้เจ้า ข้าไม่รู้เจ้าชอบสีอะไร จึงเอามาทุกสี"
ห่อแรกเป็นเสื้อผ้าสตรี มีหลากสีสัน เนื้อผ้าฝ้ายนุ่มสบาย และรองเท้าอีกสองคู่ ในห่อผ้ายังมีตู้โตว (เสื้อบังทรง) สีชมพูเท่าจำนวนชุด หลิวซืออินรีบเก็บยัดไว้ในผ้า
"ของแบบนี้เจ้าก็รู้จักซื้อด้วยหรือ"
"มิใช่ว่า เจ้าจำเป็นต้องใช้หรือ"
เยี่ยเหวินจ้าวไปซื้อเสื้อผ้า เถ้าแก่เนี้ยร้านขายเสื้อผ้าสตรี แนะนำว่าควรจะมีตู้โตวเท่าจำนวนชุด แล้วถามว่าเขาชอบสีอะไร เขาจึงบอกว่าชอบสีดำ เถ้าแก่เนี้ยส่ายหน้าหยิบสีชมพูมาให้
"ภรรยาเจ้า นางต้องชอบสีชมพูแน่ เจ้าซื้อสีนี้ให้นางเถอะ เอาสีขาวไปสักสองตัวก็ดี"
เยี่ยเหวินจ้าวตกลงเอาตามที่เถ้าแก่เนี้ยแนะนำ เขาเห็นหน้าแดงๆ แววตาขัดเขินของนางในตอนนี้แล้ว รู้สึกว่าเงินที่จ่ายไปคุ้มค่ายิ่ง
"ห่อนี้ก็เป็นของข้าหรือ"
หลิวซืออินเอ่ยถาม ขณะเปิดดูของอีกห่อ
"ห่อนี้เป็นของเรา"
เยี่ยเหวินจ้าวกุมมือนางไว้ หยิบชุดเจ้าสาวสีแดงออกมาจากห่อ ส่งให้นาง
"นี่เจ้าคิดทำอะไร"
นางไม่ยอมรับ ขยับถอยหนี มองชุดเจ้าสาวสีแดง ด้วยสายตาเหมือนมองปีศาจ
"เราจะกราบไหว้ฟ้าดินกัน ข้าซื้อเทียนแดงมงคลมาด้วย"
เยี่ยเหวินจ้าวคิดทำตามประเพณีให้ถูกต้อง เขาเป็นกำพร้า หลิวซืออินก็ไร้บิดามารดา จัดพิธีกันสองคนแบบเรียบง่ายก็เหมาะสมแล้ว
"ไม่ ข้าไม่แต่งกับเจ้า"
นางเอ่ยปฏิเสธหมุนกายหันหลังให้เขา สิ่งเลวร้ายที่เขาทำไว้กับนาง ไม่อาจลบเลือนได้
"เจ้าฟังข้าพูดก่อน อย่าเพิ่งปฏิเสธ"
เยี่ยเหวินจ้าววางชุดลง เดินมาจับไหล่ให้นางหันมามองหน้าเขา
"เจ้าบอกข้าว่า ถูกอาสะใภ้บังคับขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว นั่นจึงไม่ใช่การแต่งงานที่แท้จริง"
"ตอนนี้เจ้าก็บังคับข้า ให้กราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้ามิใช่หรือ"
นางก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขา สตรีย่อมอยากมีงานวิวาห์ที่งดงาม กับชายที่รักนาง ทว่าสิ่งนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อนางกับเขาไม่ได้รักกัน
"ข้าไม่ได้บังคับ แต่จะขอร้องเจ้า แต่งงานกับข้าเถอะ ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าชั่วชีวิต"
เขายกมือนางมาจุมพิต แล้ววางบนหน้าอกข้างซ้ายของตน
"ข้าไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีชาติตระกูล ไร้บิดามารดา อีกทั้งเคยทำร้ายเจ้ามาก่อน ให้โอกาสข้าได้ชดใช้ให้เจ้า เป็นภรรยาข้าเถอะนะ"
อาจไม่ใข่ถ้อยคำที่หวาน แต่ทุกคำคือความจริงใจที่เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยออกมา
"ข้า... ข้าตกลง"
หลิวซืออินตอบในที่สุด ชีวิตนางไม่เหลือใครอีกแล้ว และไม่มีหนทางใดให้เลือกอีก แต่งกับคนผู้นี้ ให้โอกาสเขาได้ชดใช้ให้นาง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
"ขอบคุณ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจ มาเถอะเรามาช่วยกันแต่งห้องหอ"
เยี่ยเหวินจ้าวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอสตรีแต่งงาน เมื่อนางตอบรับ โลกทั้งใบเหมือนจะสว่างขึ้น หัวใจของเขาพองโตจนคับอก
ห้องนอนถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสีแดง กระดาษเขียนอักษรมงคล บนโต๊ะมีกาสุรามงคล และเทียนแดง
ทั้งสองสวมชุดสีแดง กราบไหว้ฟ้าดินกันอย่างเรียบง่าย เสร็จพิธีก็รินสุรามงคล คล้องแขนดื่มเช่นคู่แต่งงานทั่วไป
"เจ้ารู้หรือไม่ว่า เมื่อเข้าหอแล้ว เหตุใดจึงห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวออกจากห้อง จนกว่าจะรุ่งเช้า"
เยี่ยเหวินจ้าวชวนนางพูดคุย เขานั่งข้างนางในมือถือกาสุรามงคล รินสุราดอกท้อรสหวานหอม ใส่จอกในมือตนแล้วรินใส่จอกในมือนาง ยกขึ้นจิบช้าๆ ส่งสายตาให้นางดื่มบ้าง หลิวซืออินยกขึ้นดื่ม รสหวานไม่บาดคอทำให้ดื่มง่าย นางยื่นจอกขอเพิ่ม เขารินให้นางและเขาอีกจอก
"ข้าเคยได้ยิน แต่ไม่รู้ความหมาย"
สุรารสดีหวานหอม ทำให้คนดื่มอารมณ์ดี ผ่อนคลายจากเดิม จึงพูดคุยตอบโต้กับเขา
"ข้าก็ไม่รู้ความหมาย รู้เพียงหากเจ้าสาวงดงามเช่นเจ้า ผู้เป็นเจ้าบ่าวเช่นข้า คงไม่อยากออกไปจากห้องตลอดทั้งคืน"
เขายื่นหน้าเข้ามาหา สบตานางในระยะใกล้ ดวงตามองใบหน้าของนาง หัวใจพลันรู้สึกเบิกบาน สตรีนางนี้คือภรรยาของเขาแล้ว นางงดงามเหลือเกิน ความรู้สึกเป็นเจ้าของเกิดขึ้นในใจ
"เจ้าน่าไม่อาย"
นางผลักหน้าเขาออกห่าง แก้มแดงขึ้นมา ยกจอกสุราขึ้นดื่ม แล้วแย่งกาสุรามารินดื่มเอง
"คนน่าไม่อายคนนี้คือสามีเจ้า"
เยี่ยเหวินจ้าวยื่นหน้าเข้ามาหาอีกครั้ง เย้าแหย่เจ้าสาวของเขาเล่น
"เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นสามีข้า เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไร"
นางกราบไหว้ฟ้าดินกับเขาแล้ว แต่ไม่รู้ชื่อของเจ้าบ่าวตัวเอง ช่างน่าขบขันแต่ก็หัวเราะไม่ออก นางแต่งเป็นสะใภ้ตระกูลใดก็ไม่รู้ ภายหน้ามีบุตรจะใช้แซ่อะไร
"หลิวซืออิน สามีของเจ้าแซ่เยี่ย ชื่อเหวินจ้าว"
เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยนามตัวเองให้นางรู้ เขาจับไหล่นางดึงเข้ามากอดไว้ วางคางบนกระหม่อมของนาง ถอนหายใจอย่างมีความสุข ขณะเอ่ยว่า
"ท่านแม่ข้าบอกว่า บิดาข้าแซ่เยี่ย จึงตั้งชื่อข้าว่า เยี่ยเหวินจ้าว ข้าโตมาไม่เคยเห็นหน้าเขา และไม่คิดจะตามหาว่าเขาอยู่ที่ใด เมื่อท่านแม่ตายท่านลุงรับเลี้ยงข้า ครอบครัวท่านลุงมีบุญคุณกับข้า หยวนจงเหลียงข่มเหงเจ้าสาวของพี่ชายข้า ทำร้ายเขาจนเกือบพิการ ท่านป้าสะใภ้ร้องไห้อ้อนวอนให้ข้าช่วยแก้แค้น ข้าจึงต้องฆ่าหยวนจงเหลียง"
เขาจับมือนางมากุมไว้ ขณะเอ่ยขอโทษ
"ข้าขอโทษเจ้า สิ่งที่ข้าทำกับเจ้ายากจะชดใช้ได้ ขอให้รู้ว่าข้าเสียใจ ข้าไม่หวังให้เจ้าให้อภัยข้า ขอเพียงอย่าเกลียดข้าได้หรือไม่"
ชะตาชีวิตของเขาไม่ต่างจากนาง หลิวซืออินฟังแล้วก็เข้าความรู้สึกของเขา ครอบครัวของท่านอาก็มีบุญคุณกับนาง ทำให้นางยอมทดแทนคุณด้วยการขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทนพี่สาว จนถูกเขาฉุดคร่ามา มันคงเป็นชะตากรรมให้นางกับเขาได้พบเจอและต้องอยู่ร่วมกัน
"ข้า... ให้อภัยเจ้า"
คำพูดประโยคนี้ทำให้คนฟังนิ่งงันไป ก่อนจะก้มลงมา ใช้มือประคองใบหน้าของนางให้สบตาเขา ดวงคมคู่นั้นคล้ายมีหยาดน้ำคลออยู่
"ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจอีก ข้าสัญญา"
เยี่ยเหวินจ้าวให้คำมั่น ขณะก้มลงมาแตะริมฝีปากบนเรียวปากนุ่ม เอนกายพานางนอนลงบนเตียงวิวาห์ กระซิบบอกนางว่า
"คืนนี้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้า"
///
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู