LOGIN“เจ้า! นี่ถึงขนาดกล้าตะคอกใส่ข้าเลยงั้นหรือนางตัวดี ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยสินะ!”
“ฮูหยิน! เจ้าอย่าลืมสิว่าที่นี่คือที่ใด หลินอิงเจ้าหมายความว่าอย่างไร นี่เจ้ากลัวว่าข้าจะไม่ทำตามที่รับปากเอาไว้งั้นหรือ”
“นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ท่านพ่อก็รู้ว่าที่นี่คือจวนแม่ทัพ ข้าเพียงแค่บอกพวกเขาให้ไปสืบข่าวที่จวนสกุลเมิ่งในตอนนี้ ก็จะรู้ทันทีว่าความเป็นอยู่ของท่านแม่ในเวลานี้เป็นอย่างไร หากว่าข้าไม่มั่นใจว่านางอยู่ดีกินดีตามที่พวกท่านลั่นวาจารับปากเอาไว้ เช่นนั้นตราตั้งนี้…”
“เจ้า! นี่ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ”
“แม่ของข้าก็เป็นภรรยาคนหนึ่งของท่าน และข้าก็เป็นบุตรสาวด้วยเช่นกัน หากท่านยังไม่ลืม ข้าแค่ถามว่าพวกท่านทำสิ่งที่รับปากข้าเอาไว้แล้วหรือยัง ถึงได้กล้ามาทวงถามตราตั้งของข้า”
“เจ้า!”
“สายของแม่ทัพหลิวบอกข้ามาว่า ก่อนหน้าที่ท่านจะเหยียบเข้าจวนสกุลหลิวมาหาข้า แม่ของข้ายังอยู่ในเรือนไม้ผุพังหลังเดิม ไม่ได้รับการดูแล และยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นี่หรือคือสิ่งที่พวกท่านรับปากเอาไว้”
“คือเรื่องนี้พ่อ… พ่อยังไม่มีเวลาจัดการให้ แต่ว่าหากได้ตราตั้งกลับไป ข้ารับรองว่าจะจัดการเรื่องของแม่เจ้าให้เหมาะสม”
“เช่นนั้นรบกวนท่านพ่อ… ไปจัดการให้เหมาะสมอย่างที่ท่านพูดเสียก่อน แล้วค่อยมาถามเอาตราตั้งกับข้าเถิด”
“เมิ่งหลินอิง มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
“ท่านแม่ ท่านเริ่มทนไม่ไหวแล้วหรือ อยากจะร้องตะโกนแล้วลงมือกับข้าอีกงั้นหรือ ก็เอาสิ”
“เจ้า!”
“ฮูหยิน! อย่าวู่วาม เมิ่งหลินอิงนี่เจ้าแค่แต่งงานกับแม่ทัพหลิวไม่กี่วัน เจ้ากล้าใช้ชื่อของเขามาข่มขู่พวกข้าเลยงั้นหรือ”
“เป็นพวกท่านที่ผลักไสให้ข้าแต่งงานกับท่านแม่ทัพ เพื่อเปิดทางให้ “เมิ่งหลูซื่อ” ได้อภิเษกกับท่านอ๋องมิใช่หรือ มาตอนนี้ท่านยังจะมาไม่พอใจสิ่งใดอีก อ้อจริงสินะ เห็นว่าท่านอ๋องจะแต่งนางเข้าไปในฐานะชายารอง ศักดิ์ศรีแม้จะมากกว่าฮูหยินแม่ทัพ แต่กลับช่วยเรื่องการค้าไม่ได้เท่าตราตั้งระดับสี่ ที่พระราชทานมาจากฮ่องเต้"
“เมิ่งหลินอิง… นางสารเลว!”
“ฮูหยิน อย่านะเจ้าคะที่นี่จวนแม่ทัพ”
“หลีกไป!”
หวังลี่จงมิได้เข้ามาตบตีนาง แต่เล็บที่ยาวจิกเข้าไปในแขนจนหลินอิงรู้สึกเจ็บ สายตาของทั้งคู่บ่งบอกได้ว่าเกลียดกันมากขนาดไหน
“ฮูหยินใหญ่ ท่านรับบทท่านแม่ได้ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย มันคงจะฝืนใจท่านมากสินะ ข้าจะบอกท่านเอาไว้อีกอย่าง ที่นี่เป็นจวนแม่ทัพ มีองครักษ์ลับทุกที่ไม่ว่าจะบนหลังคา ด้านหน้าและรอบ ๆ จวน หากว่าข้าได้รับบาดเจ็บหรือมีแผลแม่แต่นิดเดียวเกรงว่า…”
“ฮูหยินถอยออกมา เมิ่งหลินอิงครั้งนี้ข้าจะยอมให้เจ้าก่อน ข้าจะรีบจัดการย้ายแม่ของเจ้า ไปที่เรือนตะวันตกตามที่รับปากเอาไว้”
“เรื่องหมอ”
“ทั้งหมอ ทั้งยา อาหารและสาวใช้ ข้าจะจัดให้สมเกียรติ”
“หากข้าให้คนไปสืบรอบนี้แล้ว พวกท่านไม่ทำตามที่รับปากเอาไว้ละก็ แม้แต่ตราตั้งก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นอีกเลย”
“เจ้า! ได้… ถือว่าครั้งนี้เจ้าได้เปรียบ ฮูหยินเรากลับเถอะ”
“ไม่ส่งนะเจ้าคะ”
ทั้งสองคนเดินออกมาด้วยท่าทางโมโห เมื่อลับตาคนแล้ว เมิ่งหลินอิงก็ล้มตัวลงที่เก้าอี้ในทันที ผิงเพ่ยรีบเข้ามาพยุงนางทันที
“คุณหนูเจ้าคะ!”
“ข้าไม่เป็นไร ก็แค่… ไม่ชินเท่านั้นเอง หวังว่าจะช่วยท่านแม่ได้นะ”
“แต่ว่าคุณหนู หากว่าหลังจากที่ท่านให้ตราตั้งไปแล้ว พวกเขาไม่ทำตามที่รับปากเอาไว้เล่าเจ้าคะท่านจะทำเช่นไร ฮูหยินมิต้องทรมานในจวนนั้นอีกครั้งหรอกหรือ”
“ไม่มีทาง รอให้ท่านแม่หายดีเสียก่อน ข้าจะรีบพาท่านแม่ออกมาจากจวนทันที โชคดีที่ให้เจ้าไปสืบมาก่อน มิเช่นนั้นตราตั้งนั่นก็คงเสียไปง่าย ๆ โดยที่ข้าไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน ดูแล้วพวกเขาต้องการมันมากจริง ๆ”
“คุณหนูท่านเจ็บหรือไม่ รีบกลับเรือนไปทำแผลก่อนเถอะเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ช่างโหดร้ายยิ่งนัก ท่านแต่งงานออกมาอยู่นอกจวนแล้ว ก็ยังตามมาทำร้ายท่านได้”
“คนอย่างนางเคยมีความเมตตาให้ใครเสียที่ไหนกัน ครั้งนี้ไม่ตบตีข้าให้เห็นรอย ก็นับว่าปรานีมากแล้ว”
“รีบกลับเถอะเจ้าค่ะ”
พวกนางทั้งสองคนเดินกลับไปที่เรือนแล้ว ทุกอย่างไม่รอดพ้นสายตาของพ่อบ้านจิ่ว ซึ่งรับคำสั่งจากแม่ทัพหลิวให้มาคอยสอดส่องดูแล เขาเดินกลับไปที่เรือนใหญ่ทันที เพื่อรอท่านแม่ทัพกลับมาจากในวัง
เรือนเล็ก
“เจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร”
“เหตุใดพวกเขาถึงทำร้ายฮูหยินขนาดนี้ จิตใจทำด้วยอะไรกัน”
“เย่าชิงเจ้าอย่าพูดไปนะ”
“แต่ว่าแผลของท่าน เหตุใดจึงเหมือนกับถูกเสือข่วนเช่นนี้ แม้ว่าจะอยู่ในร่มผ้าที่มิอาจมองเห็น แต่ก็มิใช่แผลน้อย ๆ เลย”
ทั้งคู่ช่วยทำแผลให้หลินอิง เย่าชิงนำยารักษาแผลสดอย่างดีมาให้พวกนาง เมื่อรู้ว่าฮูหยินบาดเจ็บ แต่ก็ไม่รู้อะไรมากกว่านั้นมากนัก เพราะผิงเพ่ยและหลินอิงยังไม่ได้เล่าอะไรให้นางฟัง
“เอาละ ๆ พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะเปลี่ยนชุดสักหน่อย ชุดนี้คงใส่ไม่ได้แล้ว”
“ดูสิจิกจนชุดเป็นรูใหญ่ขนาดนี้ นางช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก”
“ข้าจะไปเอาผ้าพันแผลที่เรือนใหญ่มาเพิ่มนะเจ้าคะ ท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจะปิดปากให้สนิท ตามที่พี่ผิงเพ่ยบอกเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมากนะเย่าชิง”
“ขอแค่ท่านไม่ไล่ข้า ให้กลับไปเฝ้าครัวใหญ่ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
“รีบไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
เรือนใหญ่
“เจ้าบอกว่าวันนี้เมิ่งฉีมาหานางงั้นหรือ”
“ขอรับ มาเพียงไม่นานก็กลับไป”
“ที่จริงหลังแต่งงาน ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมเจ้าสาวอยู่แล้ว ที่เขารีบร้อนมานี่เพราะอะไรกัน”
หลิวเว่ยหยางมองหน้าพ่อบ้านที่นิ่งไป นั่นคือคำตอบที่ได้รับ
“วันนี้เรียกฮูหยินให้มากินข้าวเย็นกับข้าที่นี่ รีบไปสั่งก่อนที่พวกนางจะทำมื้อเย็น”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
เรือนเล็ก
“อะไรนะ ไปกินข้าวกับท่านแม่ทัพงั้นหรือ เหตุใดต้องเจาะจงเป็นวันนี้ด้วย คุณหนูข้าคิดว่าเรื่องนี้คงปิดไม่ได้แน่แล้ว พ่อบ้านนั่น…”
“เขาเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเรื่องที่บิดาของฮูหยินมาหาที่นี่ เขาคงรายงานท่านแม่ทัพแน่เจ้าค่ะ เพราะถึงอย่างไรพ่อบ้านจิ่วก็มีหน้าที่คอยดูแลจวน”
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นเย่าชิงเจ้าไปกับข้าด้วย”
“เหตุใดพาเย่าชิงไปเจ้าคะ”
“ข้าจะต้องไปบอกท่านแม่ทัพก่อนว่ารับเจ้ามาอยู่ที่เรือน เขาจะได้รับทราบเอาไว้ หากไม่บอกจะกลายเป็นว่าข้าเห็นแก่หน้าของเขา”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน”
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินตามหลินอิงมายังเรือนหน้า เมื่อเข้าไปที่ห้องโถงเล็กในเรือน แม่ทัพหลิวก็หันมาพอดี
“เจ้ามาแล้วงั้นหรือ สาวใช้ของเจ้า…”
“ท่านแม่ทัพ เย่าชิงได้รับอนุญาตจากหัวหน้าสาวใช้ให้มาช่วยที่เรือน แต่ข้าเห็นว่าถึงอย่างไรก็ต้องแจ้งท่านก่อน ก็เลยพานางมาด้วย”
“อ้อ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ต่อไปไม่ต้องบอกข้าก็ได้ ข้ารับรู้แล้วพวกเจ้าออกไปเถอะ”
""เจ้าค่ะ""
ทั้งสองหันมามองฮูหยินด้วยความเป็นห่วงจนแม่ทัพหลิวรู้สึกราวกับว่าพวกนางส่งเจ้านายมาตาย
“ข้าไม่กัดนางหรอก พวกเจ้ากลัวอันใดกัน ออกไปได้แล้ว”
เขาบอกเพียงให้นางรับรู้เท่านั้น เพราะหลังจากนี้หลินอิงก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ท่านอ๋องดุดันทุกสนามรบอยู่แล้ว แม่แต่ศึกรักก็มิได้ว่างเว้น เมื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว เขาก็ไม่มีทางหยุดง่าย ๆ “อ๊ะ ท่านพี่เพคะ ตรงนี้ไม่ได้ อยู่ใกล้ห้องลูกเกินไป”“เช่นนั้นไปที่หน้าต่างกัน เจ้าชอบระเบียงมิใช่หรือ”“ท่านมันช่าง…อ๊าา อย่าสอดเข้ามาโดยไม่บอกเช่นนี้สิ หลิวเว่ยหยางคน…นิสัยเสีย อึ๊ยย อ๊าา ลึกไปแล้ว อ๊าาา"สะโพกของนางเบียดกับเขาจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่นานเขาก็ยกตัวนางขึ้น และตอกกระแทกเข้ามาที่เอว พระชายาเอนหงายตามแรงที่ถูกกระแทก นางอ้าปากเพื่อระบายหาอากาศหายใจ เมื่อถูกเข้ารุกเร้าเข้ามาไม่ยั้ง ตอนนี้ท่านอ๋องพานางมานั่งที่เตียง โดยให้นางนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา“อื้อ อ๊าาา อย่าดูดแรงสิเพคะ มัน เสียว…อ๊าา”“เช่นนั้นก็กระแทกลงมาให้แรงกว่านี้สิ เจ้าจะได้รู้สึกดีกว่านี้”เขาช่วยจับที่สะโพกของนาง และขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ลิ้นหนายังคงวนอยู่ที่สองเต้างามตรงหน้า ซึ่งเปียกไปด้วยน้ำลายและเริ่มมีรอยจ้ำแดงเต็มไปหมดทั้งตัว“ไปล้างตัวกันเถิด”“แน่ใจหรือเพคะว่าแค่ล้างตัว”ห้องอาบน้ำเขาใช้อ่างไม้ขนาดใหญ่เพื่อพานางมาล้างตัว
ห้าปีถัดมา / ตำหนักพระชายา"ข้าว่าปักเลื่อมลงที่ปกเสื้ออีกหน่อย น่าจะสวยนะ"“ข้าก็คิดเช่นนั้นเพคะ”“เสด็จแม่!”“เฉินเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าวันนี้เจ้าไปประชุมกับเสด็จพ่อมิใช่หรือ”“ข้ากลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ไปอาบน้ำ แล้วนี่เสด็จพ่อของเจ้าเล่า”“คุยกับท่านอาจื่อรั่วอยู่ข้างนอก ข้าวิ่งมาหาท่านก่อน”“เช่นนั้นก็พอดีเลย มานี่สิแม่กำลังตัดชุดใหม่ให้เจ้า ไหนลองสวมดูหน่อยสิว่าพอดีหรือไม่”พระชายาเริ่มสวมเสื้อให้กับท่านชายน้อย “หลิวซือเฉิน" ซึ่งเป็นโอรสองค์โตของท่านอ๋อง เขามีน้องสาวอีกคนซึ่งตอนนี้อายุได้เพียงสองปี โดยมีแม่นมเลี้ยงอยู่ในตำหนัก“พอดีเลย เหลือแค่ปักลายอีกนิดหน่อย ก็จะสวมทันฤดูหนาวนี้แล้ว”“ข้าจะทันได้สวมไปล่าสัตว์ฤดูหนาว กับเสด็จพ่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเด็กน้อย อายุเท่านี้ก็อยากจะไปล่าสัตว์แล้วหรือ”“ข้าเริ่มฝึกดาบแล้ว ท่านแม่ตอนนี้ข้าเริ่มเก่งแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”“จ้า ๆ ลูกแม่เก่งที่สุดอยู่แล้ว เอาล่ะเจ้าถอดเสื้อออกมาก่อน แม่ยังตัดเย็บไม่เสร็จ”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องที่เสด็จเข้ามาพร้อมกับจื่อรั่ว ทันได้เห็นพระชายาที่กำลังถอดเสื้อให้กับหลิวซือเฉินพอดี เมื่อ
กว่าสามเดือนแล้ว ที่ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ในวังหลวงของต้าเฟิง ตำหนักใหม่นี้ถูกสร้างขึ้น หลังจากที่ท่านอ๋องตัดสินใจว่าจะสร้างตำหนักชั้นเดียว เพื่อมิให้พระชายาต้องเดินขึ้นลง แม้ว่าจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างเช่นนั้น แต่พระองค์ก็ยังคงไม่ไว้วางพระทัยทุกครั้งหลังจากประชุมเช้าเสร็จ ก็ต้องรีบกลับมาดูอาการของพระชายาเสียก่อน หากรู้เพียงนิดว่าพระชายาเกิดวิงเวียนศีรษะ หรือได้รับอุบัติเหตุ ต่อให้เพียงเล็กน้อย ท่านอ๋องก็รีบเสด็จมาทันทีห้องบรรทม“พอเถิดเพคะ ไหนว่าช่วงบ่ายจะเสด็จไปที่กรมกลาโหม คุยเรื่องเสบียงกองทัพอย่างไรเล่า”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอฟังเสียงลูกอีกหน่อย เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่าข้ากำลังคุยกับลูกอยู่”“เฮ้อ ไม่คิดว่าท่านพี่จะอาการหนักถึงขั้นนี้ เช่นนั้นให้หม่อมฉันไปด้วยเลยดีไหมเพคะ”“ไม่ได้นะ เจ้าจะเดินมาก ๆ หาได้ไม่ อีกอย่างวันนี้เจ้าดื่มยาแล้วหรือยัง เห็นว่าตอนเช้าอาเจียนอีกแล้ว”“ผู้ใดขยันฟ้องถึงเพียงนี้กันนะ”จื่อรั่วที่ยืนอยู่นอกห้อง จามออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว นับตั้งแต่เข้าวังมาท่านอ๋องก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย หลังจากที่ขึ้นครองบัลลังก์ก็เริ่มส่งมอบงานให้แต่ละฝ่าย แม้ว่าทุกฝ่ายเขาจะดูแลเป็นอย่
หลินอิงนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ กว่าจะทำความเข้าใจกับเรื่องที่เขาพูด แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยรู้มาก่อนแล้วว่า ที่จริงผู้ที่จะขึ้นเป็นท่านอ๋องปกครองเมืองต้าเฟิง เดิมทีก็ต้องเป็นหลิวเว่ยหยางอยู่แล้ว แต่เขาไม่ยอมรับตำแหน่ง ฝ่าบาทจึงต้องให้ชิงอ๋องมาปกครองแทนก็ตาม“ท่านหมายความว่า”“จากฮูหยินตราตั้ง เจ้าก็จะกลายเป็นพระชายาหลิวอ๋องแห่งต้าเฟิงแทนอย่างไรเล่าเด็กโง่”“ขะ ข้าหรือเจ้าคะ”“ถูกต้องแล้ว อีกอย่างบุตรที่กำลังจะเกิดมา ก็จะเป็นท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อยด้วย”“นี่มัน…เรื่องอันใดกัน”“เอาล่ะตอนนี้อย่าพึ่งคิดมากเลยนะ ทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว จริงสิข้าลืมบอกเจ้าอีกอย่างหนึ่ง วันก่อนข้าสั่งให้คนนำป้ายวิญญาณของท่านแม่เจ้า ไปไว้ที่เรือนหลังเล็ก กำลังจะถามเจ้าว่า จะทำที่นั่นเป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของท่านแม่เจ้าเลยดีหรือไม่”“แต่ว่าท่านแม่มิใช่คนสกุลหลิวนะเจ้าคะ”“แม่ภรรยาไม่ต่างกับแม่ตัวเอง หรือเจ้ามีที่ที่เหมาะกว่านั้นเล่า”“ข้าไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ ตามใจท่าน”“อีกอย่างเราเองก็คงต้องย้ายเข้าไปในวังหลวงเร็ว ๆ นี้แล้ว จวนนี้คงจะมาได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น”“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“ตอนนี้เจ้านอนพักเสียก่อน รอให้ร่า
หลินอิงก้มหน้าลง แต่เขากลับใช้นิ้วจับคางนางขึ้นมา“เจ้ายอมรับโทษเสียแต่โดยดีเสียเถิด โทษหนักจะได้เป็นเบา”“ข้ามิได้ทำผิดอะไรนี่เจ้าคะ อีกอย่างข้าบอกท่านแล้วว่าจะไปหาท่านแม่ ข้ารู้ว่า…”นางเริ่มน้ำตารื้นอีกครั้ง เขาดึงนางเข้ามากอด ครั้งนี้นางยอมให้เขากอดแต่โดยดี และยังกอดตอบอีกด้วย “ข้ารู้ดีที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องในวังขึ้นพร้อมกันเช่นนี้ ตั้งแต่วันที่แปลงผักของเจ้าถูกทำลาย ข้าก็รู้ตัวแล้วว่าทำไม่ถูก และกำลังทำร้ายเจ้าทางอ้อมมากขึ้น จึงรีบตัดสินใจที่จะไม่หาจวนให้พวกนาง และติดต่อไปที่ผู้เฒ่าสกุลว่านทันที”“นางคงอยากให้ท่านเป็นบิดาของเฟิงหลานจริง ๆ”“ไม่ใช่หรอก นางเพียงแค่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ข้ารู้ดีว่านางมีจุดประสงค์ใด แต่ก็ยังใจอ่อนยอมให้นางพักอยู่ที่จวน เพราะทนเห็นหลานชายตัวเล็กซึ่งเป็นลูกของสหาย ออกไปลำบากข้างนอกไม่ได้ จนเผลอทำร้ายจิตใจเจ้า เกือบจะสายเกินไปเสียแล้ว อิงเอ๋อร์ข้าขอร้องเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”“อะไรหรือเจ้าคะ”นางค่อย ๆ คลายอ้อมกอดมามองเขาอีกครั้ง สายตาอ้อนวอนของเขา ทำให้หัวใจนางอ่อนยวบลงมาในที่สุด“จากนี้ไปต่อให้จะทะเลาะกันเช่นไร ข้ายอมให้เจ้าโกรธ ตบตีข้า
จวนแม่ทัพหลินอิงกะพริบตาตื่นขึ้นมา ก็มองเห็นเพดานในห้องที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นจวนแม่ทัพ และเป็นห้องนอนของนางและเขาบนเรือนใหญ่ นางได้ยินเสียงคนที่คุยกันอยู่ใกล ๆ แต่ก็แทบจะขยับตัวไม่ได้“นะ น้ำ”“อิงเอ๋อร์! ท่านหมอนางฟื้นแล้ว”ไม่นานเสียงฝีเท้าของคนไม่ต่ำกว่าสามคน ก็พากันเดินเข้ามา นางรู้สึกได้ว่าพื้นเรือนสั่น และมือหนาที่อบอุ่นก็หันมาจับนางเอาไว้“อิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หิวน้ำหรือ”“อือ…”นางพูดได้เพียงเท่านั้น เสียงรินน้ำและส่งให้และค่อย ๆ ยกป้อนนางนั้นช่างอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านหมอบอกว่าเจ้ามีไข้ และอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนน้อย”“ข้าอยากกลับเรือนหลัง”“ไม่ได้ ที่นั่นไม่ปลอดภัย อีกอย่างที่นี่ก็เป็นห้องของเรา จะย้ายไปที่อื่นอีกทำไม”“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”"ท่านหมอ อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง รีบตรวจเถอะเร็วเข้า"“ขอรับท่านแม่ทัพ”เมื่อท่านหมอเอาผ้ามารองที่แขนของนาง ก็เริ่มจับชีพจรโดยมีเขาที่พยุงนางอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านั้นมัวแต่ยุ่งเรื่องทำแผล และคุยกับท่านแม่ทัพ เขาเลยยังมิได้มาตรวจนางอย่างละเอียด เมื่อหันมามองหน้านางสลับกับท่านแม่ทัพก็เริ่มหันมายิ้ม“ฮ







