บทที่ 4 ท่านแม่ทัพกลับจวน
“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ท่านจะไม่ไปรอรับท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ” ซุนหงสาวใช้เพียงคนเดียวที่ติดตามนางมาตั้งแต่สกุลโจว ไดัเอ่ยเตือนด้วยความร้อนใจที่นายหญิงยังไม่ขยับเลยสักนิด ท่านแม่ทัพใกล้จะถึงหน้าจวนแล้ว “เจ้าจะรีบไปใยขาดข้าเสียคนท่านแม่ทัพจะเข้าจวนมิได้รึ” ร่างบางเอนกายบนตั่งด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายจนเห็นทรวดทรงองค์เอวที่โค้งเว้าดูยั่วยวนใจขัดกับใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา “ท่านไม่ดีใจหรือเจ้าคะ ที่ท่านแม่ทัพกลับมา” ซุนหงรู้สึกสับสนกับท่าทางของนายหญิงที่ดูไม่กระตือรือล้นต่อสิ่งใด “ข้าจะดีใจรึไม่ สำคัญด้วยหรือ เจ้าเคยเห็นท่านแม่ทัพต้องการพบข้ารึ” โจวฟางหลินถอนหายใยด้วยความเบื่อหน่าย ก็แค่กลับมาใยจะต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้ ซุนหงส่ายหน้า เพราะก็ไม่เห็นท่านแม่ทัพจะยินดีจะพบนายหญิงเสียเท่าไหร่ ในระหว่างที่พูดคุยได้มีบ่าวรับใช้ขั้นหนึ่งในเรือนของฮูหยินใหญ่ มาแจ้งด้วยท่าทางไม่มีความยำเกรง ว่าให้รีบออกไปต้อนรับท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้ “ฮูหยินน้อย ท่านไม่รู้หน้าที่เลยรึว่าจะต้องรีบออกไปต้อนรับท่านแม่ทัพ” อี้ถงเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของฮูหยินใหญ่นั่นก็คือมารดาของเฉินโม่เหยียน ที่อี้ถงไม่คิดจะเกรงใจ ด้วยรู้ว่าฮูหยินผู้นี้ไม่ใช่คนที่ท่านแม่ทัพให้ความสำคัญและฮูหยินใหญ่นายหญิงของนางก็ไม่ชอบหน้าเท่าใดนัก ไฉนเลยยังจะต้องให้เกียรติอันใดมากมาย ร่างอรชรลุกขึ้นจากตั่งที่เอนกายด้วยท่าทางเกียจคร้านเดินมาตรงหน้าอี้ถง ที่ยังมีท่าทียะโสโอหังด้วยมั่นใจว่าฮูหยินน้อยผู้นี้ไม่กลัาจะทำอันใดแน่นอน แต่ก็ต้องล้มลงไปอย่างงุนงง เมื่อมือเรียวสวยตบไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรง โจวฟางหลินจับที่เอวมีแส้อ่อนพันไว้แทนเข็มขัดผ้าด้วยท่าทางเชื่องช้า แส้ในมือได้สะบัดลงบนร่างกายบ่าวรับใช้ที่หยิ่งยโส ที่ยังล้มอยู่บนพื้น อี้ถงที่ไม่คาดคิดว่า สตรีตรงหน้าจะกล้าทำโทษบ่าวคนสนิทของฮูหยินใหญ่ จึงได้แต่กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แส้ที่บาดลงตรงผิวอ่อนบอบบางจะฉีกขาดเป็นริ้วเลือดได้ไหลออกมาตามร่องรอยของการถูกแส้บาดลงมา ท่ามกลางความตกใจของบ่าวรับใช้ที่มาพร้อมกันกับอี้ถง ซุนหงยังตกตะลึงกับเหตุการณ์ข้างหน้า หันมามองใบหน้านายหญิงที่เรียบนิ่งเย็นชา สายตาเย็นยะเยือกจนรู้สึกเหน็บหนาว ชุนหงไม่เคยเห็นนายหญิงดุร้ายเช่นนี้มาก่อน ท่วงท่ายืนที่นิ่งสงบดูสง่าและมีอำนาจจนจิตใจสั่นไหวหวาดกลัว เสียงกรีดร้องดังออกไปจนถึงหน้าจวน เฉินโม่เหยียนที่พึ่งจะเข้ามาในจวน ถึงกับขมวดคิ้วกับเสียงที่ได้ยินดังลอยมาถึงด้านหน้าภายในจวนที่ยืนอยู่ ฮูหยินใหญ่เฉา และฮูหยินผูุ้เฒ่า ก็รู้สึกงุนงง เสียงมาจากเรือนของฮูุหยินแม่ทัพที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับผูัใดทำไมจึงมีเสียงกรีดร้องแแบบนั้นได้เล่า เฉินโม่เหยียนและทุกคนจึงเดินไปยังที่เกิดเสียงว่าได้เกิดอะไรขึ้น ทำให้หงุดหงิดยิ่งนัก ที่มาถึงยังไม่ได้พักเหนื่อยก็มามีเหตุการณ์วุ่นวาย ช่างน่าปวดหัวเสียจริง “เกิดอะไรขึ้น”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยเสียงทรงอำนาจพลางกวาดสายตาไปโดยรอบจึงได้เห็นสาวใช้ของลูกสะใภ้ใหญ่นอนด้วยมีเลือดไหลตามร่างกายจนชุ่มเสืัอผ้าที่สวมใส่ “ช่วยด้วยเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่ บ่าวแค่มาแจ้งตามที่ฮูหยินใหญ่บอกแต่ถูกฮูหยินโจวทำรัายบ่าวบาดเจ็บถึงเพียงนี้” อี้ถงรีบฟ้องด้วยท่าทางน่าสงสาร “ทำไมเจ้าถึงต้องทำถึงเพียงนี้ สตรีเถื่อนที่มักจะอยู่แต่ในค่ายทหารไม่ได้อบรมอย่างคุณหนูชั้นสูงถึงได้มีกริยาโหดร้ายเช่นนี้” ฮูหยินใหญ่เฉากล่าวด้วยความแค้นใจที่บ่าวรับใช้ใกล้ชิดถูกทำร้ายถึงเพียงนี้ ตีหมายังต้องดูเจ้าของ แต่นี่กระไร นางเป็นถึงแม่สามีกลับไม่เกรงกลัวสักนิดเปรียบเหมือนกำลังท้าทายนาง เฉินโม่เหยียนยืนนิ่งจับจ้องไปที่ภรรยาที่ไม่เคยเจอหน้ามาครึ่งปี ที่ไม่ค่อยอยากกลับมาไม่ใช่เขาเกลียดนาง แต่ไม่ชอบที่มักจะมาคอยเอาใจจนรู้สึกลำคาญก็เพียงเท่านั้น แต่วันนี้กลับดูแปลกไป ท่ายืนไหล่ตรงดูสง่าใบหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นชาจนเหมือนเหวลึก จนไม่รู้ความคิดภายในใจว่าคิดอันใดอยู่ ดูมีทีท่าผ่อนคลายเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับนาง โจวฟางหลินสบสายตากับสามีที่เย็นชาด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ไม่ได้โหยหา รักใคร่ เหมือนคนแปลกหน้าเสียด้วยซ้ำ “เจ้าจะไม่อธิบายหน่อยรึ” เฉินโม่เหยียนเอ่ยขึ้นเมื่อมีแต่คนกล่าวหาแต่นางกลับนิ่งสงบไม่ได้ตื่นกลัวหรือจะเอ่ยแก้ตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ข้าขอถาม บ่าวที่ไม่เคารพเจ้านายผิดไหม?” ร่างบางเอ่ยถามครั้งที่หนึ่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ย่อมผิด” ร่างสูงเอ่ยตอบออกไป “บ่าวที่พูดจาส่อเสียดเจ้านายผิดหรือไม่?”นางเอ่ยถามครั้งที่สอง “ย่อมผิดเช่นกัน” ร่างสูงกำยำได้เอ่ยตอบคำถามเช่นเคย “บ่าวที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งผิดหรือไม่?”นางเอ่ยถามครั้งที่สาม “แต่เจ้าก็ไม่สมควรจะทำโทษบ่าวถึงเพียงนี้” ฮูหยินใหญ่ยังไม่ยอมแพ้กับเหตุผลของลูกสะใภ้ที่นางไม่ชอบหน้า “ชีวิตข้าเติบโตมากับค่ายทหาร ไม่เคยเรียนศาสตร์สตรี ย่อมไม่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาในการทำโทษ ถ้าเห็นว่าข้ามิเหมาะสมกับตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพ สามารถใช้กฏเจ็ดขับกับข้าได้” ร่างบางเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าราบเรียบเสมือนกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศเสียอย่างนั้น เหมือนการหย่าร้างไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนาง “นายหญิง”ซุนหงอุทานด้วยความตกใจ สตรีใดจะกล้าเอ่ยคำหย่าร้างกัน โจวฟางหลินส่ายสายตาสบกับทุกคนในที่นี้ ว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่คงมีเพียงเฉินโม่เหยียนที่ีสบสายตานางอย่างมั่นคง เขาเป็นถึงแม่ทัพผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน จะให้หลบสายตาสตรีที่เป็นภรรยาก็คงทำไม่ได้ แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มแปลกๆ นางในตอนนีัช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อน ในแววตาไม่มีความรักใคร่อาทร กลับดูมีความสง่าผ่าเผยและดูเหมือนสายตาของผู้ที่ผ่านโลกมามากมาย แต่นางอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีจะผ่านเรื่องราวมากกว่าเขาได้เยี่ยงไร ฮูหยินผู้เฒ่ายืนดูเหตุการณ์ด้วยรู้ว่า ถ้ายังไม่รีบจบเรื่องอาจจะบานปลายไปยิ่งกว่านี้ หลานสะใภ้ในวันนี้หาใช่ลูกพลับนิ่มเช่นวันวาน ท่าทางทรนงองอาจไม่สั่นไหวไปกับการกล่าวหา ใบหน้าที่นิ่งสงบ เอ่ยขึ้นมาแต่ละข้อหาช่องโหว่มิได้เลย นางเองก็รู้เห็นมาตลอดว่า เฉาเสวียนหลงสะใภ้ใหญ๋ให้ท้ายบ่าวนางนี้มาตลอด จนเหิมเกริมจึงคิดว่ามีฮูหยินใหญ่ปกป้องถ้ามีอันใดเกิดขึ้น ดูท่าแล้วจากวันนี้ที่เห็น คงสุดกลั้นของหลานสะใภ้ผู้นี้เป็นแน่ แต่ก็แปลกนางชอบหลานสะใภ้ในตอนนี้มากกว่าตอนก่อนเสียอีก “แต่ฟางหลินก็ไม่น่าทำถึงเพียงนี้” อนุซุนเอ่ยเพื่อเอาใจฮูหยินใหญ่ “นั่นสิเจ้าคะท่านแม่”เฉินอันหนิงเสริมคำพูดของมารดา “แล้วการหย่าร้างมันใช่เรื่องที่จะเอ่ยกันง่ายๆเสียทีไหน มีสตรีใดบ้างเป็นอย่างเจ้า”ฮูหยินใหญ่ถึงแม้จะไม่ชอบอนุและบุตรสาวนางนัก แต่เวลานี้มีเวลามาสนใจเสียเมื่อไหร่ แค่มาช่วยนางก็เพียงพอแล้ว “หยุดพูดกันได้แล้ว แค่ทำโทษบ่าวที่ไม่เคารพเจ้านาย ใยจะต้องมาถกเถียงกันเพราะบ่าวชั้นต่ำเช่นนี้”ฮูหยินผู้เฒ่ารีบปรามด้วยความปวดหัว เหลือบมองใบหน้าหลานสะใภ้ที่ดูเหมือนจะราบเรียบแต่สายตาที่สุขุมนุ่มลึกเช่นนี้ ถ้ายังไม่รีบจบเรื่อง อาจจะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้เป็นแน่ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ส่วนเจ้าสะใภ้ใหญ่ ถ้าไม่สามารถ อบรมบ่าวไพร่ได้และยังทำกิริยากระด้างกระเดื่องเช่นนี้อีก ข้าจะสั่งโบยห้าสิบไม้แล้วขายออกไปเสีย”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยคาดโทษออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ที่สะใภ้ใหญ่ให้ท้ายบ่าวจนเกิดเรื่องจนได้ หัวไม่ขยับหางจะส่ายได้เช่นไร ในเมื่อไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องต่อได้แล้ว เพราะดูท่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าให้ท้ายหลานสะใภ้โจ่งแจ้งถึงเพียงนี้ เรื่องก็คงต้องจบแค่นี้ จึงได้กลับออกไปด้วยความหงุดหงิดใจที่ไม่สามารถทำอะไรลูกสะใภ้นอกสายตาผู้นี้ได้ อี้ถงถูกประคองออกไปเหมือนนกปีกหัก ไม่กล้าสบตากับโจวฟางหลินเช่นเดิมอีก สายตาที่ดูเย็นเยียบหน้ากลัวจนอดขนลุกไม่ได้ “น้อมส่งท่านย่าเจ้าค่ะ” โจวฟางหลินเอ่ยกล่าวลาด้วยความเคารพ ถึงแม้จวนแห่งนี้จะหนาวเหน็บแต่ก็ยังมีดวงไฟส่องให้ความอบอุ่นนางอยู่บ้าง แต่เมื่อหันกลับมากับยังเจอสามีที่ยังไม่ขยับออกไปไหน จึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีรึ”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยเหตุการณ์ในวันนี้คาดว่านางคงใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย “ก็สบายดีเจ้าค่ะ ไม่ป่วยไม่ไข้”ร่างบางตอบเรียบๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก “แค่นี้”เฉินโม่เหยียนถึงกับงุนงง สั้นๆได้ใจความอะไรเยี่ยงนี้ “เรื่องการหย่าร้างถ้าท่านพร้อมเมื่อไหร่ก็แจ้งข้าได้เลย” โจวฟางหลินคิดว่าสามีอาจจะอยากพูดถึงเรื่องการหย่าร้างให้กระจ่างเลยเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าไม่ได้ต้องการพูดเรื่องการหย่า” ร่างสูงหงุดหงิดว่าทำไมวันนี้ภรรยาที่ดูว่าง่ายกลับเข้าใจอะไรยากถึงเพียงนั้น “แล้วท่านต้องการจะพูดเรื่องอะไร ถ้าไม่สำคัญนักก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ท่านพึ่งเดินทางมาคงเหนื่อยแล้ว ข้าขอลาไม่ส่งนะเจ้าคะ” ร่างบางเอ่ยจบก็หมุนตัวกลับขึ้นเรือนทิ้งให้สามีมองตามด้วยความรู้สึกสับสนกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ร่างสูงกำยำกลับมาที่เรือนหลักด้านหน้า ที่เขาจะมาพักทุกครั้งที่กลับมาจวน แต่ทำไมวันนี้ถึงดูกว้างใหญ่เกินไปสำหรับที่จะพักเพียงผู้เดียว เมื่อชำระร่างกายจนสดชื่นดีแล้วก็มานั่งที่ห้องทำงาน เขาจะต้องเขียนรายงานสถานการณ์ในเขตชายแดนส่งให้กับราชสำนัก ตอนนี้แคว้นเยี่ยนเริ่มมีการเคลื่อนไหวมักจะส่งทหารเข้ามาสอดแนม และเริ่มมีการดักปล้นในเขตติดต่อบ่อยครั้งจนผิดปกติ และพวกชนเผ่านอกด่านก็เริ่มมาก่อกวนบ่อยครั้งขึ้น เมื่อเขียนรายงานจบก็มองไปที่ประตู ปกติถ้าเขากลับมานางจะต้องนำผลไม้หรือขนมมาให้ ทำไมวันนี้ถึงเงียบสงบถึงเพียงนี้ “นายท่านมองหาอะไรหรือขอรับ” ตงซานบ่าวรับใช้ส่วนตัวที่จะคอยมาดูแลทุกครั้งที่เขากลับมาที่จวนเอ่ยด้วยความสงสัย นายท่านมักจะมองไปที่ประตูบ่อยครั้งเหมือนรอคอยสิ่งใด “เปล่า เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”ร่างสูงไม่ชอบคนมาปรนบัติยามอยู่ในห้องนอน จึงมักจะทำอะไรเองเสมอ เมื่อเอนกายลงนอน พลางนึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของภรรยา ดูเย็นชา ท่วงท่าสง่างามเหมือนไม่ใช่สตรีที่มีอายุเพียงยี่สิบปี สายตาที่ดูเหมือนรู้ทันในความคิดของแต่ละคน ใช่สิเขาไม่เคยเห็นนางยิ้มให้เลยตั้งแต่กลับมา ร่างสูงกำยำครุ่นคิดเรื่อยเปี่อยจนหลับไหลไปไม่รู้ตัว โดนเมินบ้างเป็นยังไงหล่ะ น้องกลับมาคราวนี้โนสนโน🤟 🥰🥰ฝากกดเข้าชั้นเพื่อจะได้ไม่พลาดการอัพตอนใหม่นะคะ️️ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มาลียา จากสตรีสูงศักดิ์เมื่อได้ถูกส่งกลับด้วยชื่อเสียงที่อื้อฉาว มือเรียวที่บัดนี้ไม่ได้อ่อนนุ่มเช่นเดิมอีกแล้ว ท่าทีที่หยิ่งยะโสไม่มีให้เห็นเช่นแต่ก่อน บัดนี้ต้องมาทำงานทุกอย่างภายในบ้านที่บิดาส่งนางแต่งงานกับพ่อค้าที่มักจะเดินทางมารับหนังสัตว์บ่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึงบิดาที่รักใคร่นางเมินเฉยเย็นชาไม่ใส่ใจสักนิดว่านางจะเป็นเช่นไร จึงได้กระจ่างแจ้งรู้ว่าบุตรสาวก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาแลกกับผลประโยชน์ถ้าหมดประโยชน์ก็จะโยนทิ้งไปเสียลายาแม่นมที่เลี้ยงดูมาลียาก็ถูกโบยจนตายด้วยไม่สามารถสั่งสอนนางให้ทำตามแผนการได้สำเร็จ โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้สินะโจวฟางหลินได้ฟังเรื่องราวผ่านพ่อค้าผู้หนึ่งที่เคยรับรู้ว่า องค์หญิงผู้นี้เคยแต่งเข้ามาเป็นภรรยารองของตระกูลเฉิน ได้เล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้ได้ฟัง นางไม่ได้สงสารผู้ใด ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นจะผิดก็เพียงแค่ องค์หญิงเป็นเพียงหมากที่หมดประโยชน์แล้วก็เท่านั้น ถ้านางทำสำเร็จความรุ่งโรจน์ ก็จะเกิดกับนาง แล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ชุนหงได้เขียนจดหมายมาหาได้บอกเล่าถึงเรื่องที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หนานกงก็ดู
ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้
สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ
สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค
ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห
โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม