LOGINบทที่3 เจรจาการค้า(ตอนปลาย)
ยามแสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าอากาศเย็นสดชื่นนัก โจวฟางหลินได้วางแผนไว้ว่าจะไปพบท่านเหล่าหลาน คนผู้นี้จำได้ว่า เคยเป็นคนที่ท่านพ่อเคยช่วยเหลือช่วงที่ยังเป็นพ่อค้าเล็กๆ ซึ่งในช่วงนั้นนางเองก็ยังเด็กอายุเพียงสิบหนาว ท่านเหล่าหลานจากพ่อค้าที่ไม่มีอำนาจและชื่อเสียงสามารถไต่เต้าขึ้นมาใช้ระยะเวลาแค่เพียงสิบปี จนสามารถได้รับสัมปทานการขายข้าวทุกชนิด บัดนี้มีใครบ้างไม่รู้จักชายวัยกลางคนผู้นี้
อีกไม่นานจะมีสงครามอีกครั้ง จึงต้องกักตุนสินค้าโดยเฉพาะข้าวและเกลือให้มากที่สุด ยามศึกสงครามชาวบ้านไม่สามารถมีเงินซื้อสิ่งเหล่านี้ได้ที่กักตุนเพื่อที่จะส่งขายในแคว้นที่ได้รับผลกระทบต่างหาก
โจวฟางหลินออกจากจวนไปวันนี้ได้พาซุนหงไปด้วย เพราะบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ผู้นี้จะขอตามไปด้วยพูดเหตุผลต่างๆนา จนต้องพามาด้วยเพื่อตัดปัญหาความเจ้าแง่แสนงอนของนาง
“ฮูหยินน้อย วันนี้ท่านต้องพาชุนหงไปด้วยนะเจ้าคะ”
“ข้าไปคนเดียวจะสะดวกกว่า เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่เถอะ”
“ท่านพาข้าไปด้วยเถอะ เดี๋ยวจะดูไม่ดี ถ้านายหญิงออกไปผู้เดียวแบบนี้ทุกวัน อาจจะเกิดข้อครหาได้นะเจ้าคะ”
ร่างบางถอนหายใจ พลางยกยิ้มอย่างเอ็นดู ช่างพูดช่างเจรจาเสียจริง
“ก็ได้ เตรียมตัวเถอะประเดี๋ยวจะสาย” เอ่ยขึ้นด้วยความอ่อนใจกับบ่าวที่จงรักภักดีผู้นี้
“เจ้าค่ะ” ชุนหงยิ้มกว้างที่ได้ติดตามฮูหยินน้อยไปด้วย อย่างน้อยนางจะได้ไม่เป็นห่วง
เมื่อรถม้าได้หยุดลงหน้าคฤหาสน์ของท่านเหล่าหลาน ที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ ตัวคฤหาสน์ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางพื้นที่ที่มีการจัดอย่างเป็นระเบียบสวยงามสมกับความมั่งคั่งของคหบดีเสียจริง
“ข้าโจวฟางหลินบุตรสาวของท่านแม่ทัพโจว มาขอพบท่านเหล่าหลาน ช่วยไปแจ้งท่านให้ด้วย”
คนเฝ้าประตูไม่เคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน แต่ด้วยท่าทางที่ดูสง่างามผิดกับสตรีที่เคยพบเจอ น้อยนักจะพบเจอสตรีที่ใส่ชุดสีแดงจนเกือบดำเช่นนี้ แต่ก็ยังดูเป็นสตรีที่ยังอ่อนเยาว์นัก เกล้าผมแบบสตรีที่ออกเรือนแล้ว แต่คงต้องสอบถามให้มากกว่านี้
“ ไม่ทราบว่าได้นัดกับนายท่านไว้หรือไม่”
“เพียงไปบอกว่า ข้าเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพโจวก็พอ” โจวฟางหลิน ยกยิ้มมุมปาก สายตาที่มองดูเย็นชาขึ้นหนึ่งส่วน ด้วยคิดหงุดหงิดกับการซักไซ้มากความของชายตรงหน้า
ชายเฝ้าประตูรู้สึกเย็นยะเยือกยามสบตากับสตรีตรงหน้า เหมือนได้พบเจอกันคนที่มีอำนาจมากกว่าจะเป็นแม่นางน้อย จึงได้รีบเข้าไปเรียนนายท่านด้วยความรวดเร็ว
ซุนหงที่ยืนอยู่ใกล้ชิดกับนายหญิง รู้สึกถึงความเย็นชา ไหล่บางตั้งตรงใบหน้าเรียบสนิท ยามเอ่ยวาจาน้ำเสียงช่างดูมีอำนาจนัก ดูแตกต่างจากที่เคยเห็นตลอดเวลาที่เติบโตมาด้วยกัน นายหญิงของนางได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“นายท่าน มีสตรีมาขอพบแจ้งว่าเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพโจวขอรับ” ชายเฝ้าประตูรีบร้อนแจ้งด้วยยังรู้สึกเหน็บหนาวกับสายตาของสตรีผู้นั้น
นายท่านเหล่าหลาน เมื่อได้ยินว่า บุตรสาวของผู้มีพระคุณของเขาที่ช่วยตอนเขาลำบาก กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ก็มีส่วนช่วยเหลือไม่น้อย ก็ผุดลุกขึ้นมาเขาย่อมจดจำแม่ทัพโจวได้ เพียงแต่บุตรสาวของแม่ทัพโจวที่เคยเจอะเจอก็ผ่านเป็นสิบปีแล้ว ในช่วงนั้นนางยังเล็กนัก แต่ก็รีบสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงหน้าประตู สตรีตรงหน้าเกล้าผมด้วยทรงผมที่สตรีออกเรือนแล้ว ใบหน้างดงามถึงแม้จะไม่ถึงขนาดล่มเมืองแต่ก็งดงามไม่แพ้ใคร ชุดที่ใส่สีแดงเกือบดำช่างไม่เหมือนผู้ใด สตรีที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้จะไม่ใส่สีเข้มถึงเพียงนี้ ด้วยจะทำให้ไม่น่ารักสมวัย ใบหน้าที่อมยิ้มน้อยๆแต่สายตาดูเย็นชาเหมือนกับคนที่ผ่านโลกมานับไม่ถ้วน ท่าที่ไหล่ตั้งตรง จึงดูสง่าและมีอำนาจอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพรึ” ร่างไม่สูงไม่ต่ำแต่ออกจะเจ้าเนื้อท่าทางภูมิฐานได้เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ผิดกับที่เขาคิดไว้ เขาเพียงคิดว่าคงจะมาเจอกับสตรีที่ยังดูอ่อนเยาว์อ่อนหวานไม่ใช่ภาพที่เห็นตรงหน้า ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
“คำนับท่านเหล่าหลาน ข้าเพียงมีเรื่องจะมาเจรจากับท่านสักเพียงเล็กน้อย” โจวฟางหลิน ยกยิ้มมุมปาก ก้มลงเล็กน้อย ด้วยท่วงท่าดูสง่างามทว่าดูไม่แข็งและไม่อ่อนจนเกินไป
“เชิญด้านในก่อนค่อยพูดคุยกัน” อดจะสุภาพด้วยความเกรงใจไม่ได้โดยไม่รู้ตัว
โจวฟางหลินเดินเข้าไปพร้อมกับชายวัยกลางคน ซุนหงที่ยืนนิ่งตลอดการสนทนา เมื่อนายหญิงก้าวเดินไปข้างหน้าจึงได้รู้สึกตัวรีบก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้ข้าช่วยเหลือก็สามารถเอ่ยออกมาได้ ท่านแม่ทัพมีบุญคุณต่อข้า ข้าจะช่วยเหลือเท่าที่ข้าจะช่วยได้” ชายวัยกลางคนเอ่ยออกมาอย่างใจกว้างเมื่อได้นั่งโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงเรียบร้อยแล้ว
“ข้ามีท่าทีที่เดือดร้อนรึ” ร่างบางที่นั่งหลังเหยียดตรง ท่วงท่ายามพูดคุยช่างดูผ่อนคลาย สบสายตาชายวัยกลางคนด้วยการอมยิ้มเล็กน้อย
“เอ่อ.แล้วมีอะไรรึถึงมาหาข้า” ร่างท้วมเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ต้องลดสายตาลงเพื่อหลบสายตาที่ดูเย็นชาเสียจริง
“ข้าต้องการเจรจาการค้า ต้องการข้าวสารที่ท่านมีทุกชนิด ท่านสามารถหาให้ได้รึไม่?” ร่างบางเริ่มจะเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาในวันนี้
“ต้องการเยอะเพียงไหน?” ร่างท้วมขมวดคิ้ว ราคาที่ต้องจ่ายจะเยอะเพียงใดถ้าต้องการสินค้ามากมายเพียงนั้น
“ต้องการอย่างละยี่สิบเกวียน มีเพียงข้าวขาวที่มีเท่าไหร่ข้ายินดีรับหมด”
“ข้าสามารถหาให้ได้ ข้าจะลดราคาให้ ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณของข้า” ชายร่างท้วมเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ถึงแม้จะสงสัยว่าทำไมถึงต้องการเยอะถึงเพียงนั้นแต่ก็ไม่ใช่วิสัยของพ่อค้า ที่จะต้องไปอยากรู้ว่าคนซื้อจะเอาไปทำอันใดบ้าง
“ได้ยินว่าท่านได้การผูกขาดขายเกลือด้วยไม่ใช่รึ ถ้าข้ามีเกลือบริสุทธิ์มาเสนอท่านจะยินดีหรือไม่” โจวฟางหลิน สามารถได้ข้าวสารมาโดยไม่ต้องเสียเงินเยอะขนาดนั้น เพราะย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะเกลือที่มีราคาแพง และรสชาติก็ติดขม ถ้านางสามารถเอาเกลือที่มีสีขาวสะอาดบริสุทธิ์มาเสนอ มีรึจะไม่สนใจ
“มีจริงรึ เกลือที่มีคุณภาพอย่างที่ว่ามา ทุกวันนี้เกลือที่ส่งเข้าวังก็เป็นเกลือขาวที่มีคุณภาพสูง แต่ก็แพงแสนแพงและหายากมาก ถ้าเจ้ามีอย่างที่พูดมา ข้ายินดีทำการค้าที่ยุติธรรมกับเจ้าแน่นอน”ท่านเหล่าหลานตื่นเต้นเมื่อคิดว่า สินค้าที่หายากและมีราคาแพงเช่นนี้ ถ้าได้แบบมีคุณภาพขาวบริสุทธิ์ไม่ติดชมเป็นจำนวนมากคงทำรายได้มหาศาลกับเขาแน่นอน
“ข้าไม่เคยพูดเล่นสิ่งใดที่ข้าพูดจะต้องทำได้จริงแน่นอน”ร่างบางเห็นท่าทางตื่นเต้นของชายวัยกลางคนตรงหน้า ก็รู้ทันทีว่าการค้าของนางสำเร็จแล้ว
“ยังมีอีกเรื่อง ท่านมีคนที่ก่อสร้างด้วยรึไม่ ข้าต้องการสร้างที่เก็บสินค้าขนาดใหญ่ มีห้องสามห้องนอกนั้นก็เป็นลานกว้างมีหลังคาสร้างกำแพงปิดหมดทุกด้าน ค่าแรงไม่ใช่ปัญหา เมื่อสร้างเสร็จจะได้ส่งสินค้าไปที่นั่นเลย”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา จะหาคนไปสร้างให้เมื่อเสร็จจะแจ้งและนัดส่งสินค้าพร้อมกันไปเลย และเรื่องเกลือจะได้เมื่อไหร่” เหล่าหลานย่อมสนใจเกลือที่มีราคาแพงลิบลิ่วแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ทำกำไรได้มหาศาลเลยทีเดียว
“ขอเวลาหนึ่งเดือน ข้าจะมาท่านอีกครั้ง”
ซุนหงที่ยืนดูการเจรจาการค้ามาตลอด อดรู้สึกทึ่งกับนายหญิงของนางไม่ได้ ท่าทีที่นิ่งสงบเรียบเฉยภายใต้ความกดดันภายในห้องที่มีบุรุษร่างสูงใหญ่หลายคนยืนประจำที่อยู่ และชายวัยกลางคนที่เค้าเรียกกันว่า นายท่านเหล่าหลาน ที่ดูมีอำนาจบารมี นางเคยได้ยินชื่อมานานว่าเขามีอำนาจและเส้นสายมากมายนักทั้งในราชสำนักและตามหัวเมืองทั้งแคว้น ด้วยเป็นพ่อค้าที่ผูกขาดการค้าข้าวและเกลือ
“นายหญิงจะกลับจวนเลยรึไม่เจ้าคะ”ซุนหงเหมือนพึ่งจะหาเสียงตัวเองเจอ จึงได้เอ่ยถามเพราะเวลานี้ก็ใกล้จะเย็นแล้ว การเจราจากินเวลานานโขทีเดียว
“กลับเลยก็แล้วกัน” ร่างบางก็รู้สึกเหนียวตัวมิใช่น้อย และรู้สึกหิวนิดหน่อยด้วยตอนพูดคุยจนเลยเวลาทานข้าว จึงคิดว่าจะไม่แวะที่ใดแล้ว
รถม้าที่วิ่งมาถึงหน้าจวนเมื่อจอดสนิท ได้มีพ่อบ้านมาแจ้งว่า ท่านแม่ทัพจะกลับมาในวันพรุ่งนี้
โจวฟางหลินพยักหน้ารับรู้ มาแล้วอย่างไร จะให้นางกระโดดโลดเต้นที่สามีผู้เย็นชาดังภูเขาน้ำแข็งจะกลับแล้วเช่นนั้นรึ ถ้าเป็นชาติก่อนคงจะดีใจมาก แต่นางเข็ดหลาบแล้วกับความพยายามที่สูญเปล่า เมื่อครั้งนางถูกเผ่าชยงหนูจับตัวไปทรมานทั้งเฆี่ยนตีถอดเล็บ เมื่อถูกช่วยกลับมาได้เพราะก่อนจะถูกจับไปได้วางแผนโจมตีชาวชยงหนูไว้ก่อนแล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส สามีผู้เย็นขาเพียงมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราวและได้ส่งนางกลับมารักษาที่จวน ส่วนเขาก็ยังอยู่ในค่ายทหารต่อ
ร่างบางถอนหายใจนึกเสียดายทำไมไม่ฝึกฝีมือการต่อสู้ให้ชำนาญกว่านี้ มีแค่ความเฉลียวฉลาดเวลาวางแผน เมื่อถึงคราวโดนจับกลับช่วยเหลือตนเองไม่ได้
“นายหญิงอาบน้ำได้แล้วเจ้าค่ะ” ซุนหงเตรียมน้ำอุ่นเรียบร้อยก็ได้บอกนายหญิงที่นั่งเหม่อ และรู้สึกแปลกใจปกตินายหญิงจะดีอกดีใจที่ท่านแม่ทัพจะกลับมาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กับสงบนิ่งเหมือนไม่แยแสกับการกลับมาของท่านแม่ทัพเสียอย่างนั้น
โจวฟางหลินหย่อนร่างงามลงในถังที่มีน้ำอุ่นถึงระดับอกอวบอิ่มด้วยความผ่อนคลาย นั่งคิดย้อนไปถึงช่วงเวลาที่นางแต่งงานกับเฉินโม่เหยียน
นางไล่ตามความรักจากบุรุษผู้นี้ ตั้งแต่แต่งงานออกมาเข้าตระกูลเฉิน ถูกกดดันเรื่องการมีบุตรไม่ได้ นางเคยแม้กระทั่งยั่วยวนสามีทำทุกวิธี แต่สามีผู้เย็นชากลับหาสนใจ กลับมีท่าทางเบื่อหน่ายลำคาญ จากที่มีนิสัยอ่อนหวานร่าเริงก็เงียบขรึมลง ขอติดตามไปค่ายทหารเป็นกุนซือที่เคยทำตอนที่อยู่ท่านพ่อ นางขึ้นชื่อเรื่องความฉลาดเฉียวจึงทำให้เหล่าทหารยอมรับในตำแหน่งกุนซือ ถูกศัตรูตามฆ่าถูกจับไปทรมานเพราะตำแหน่งกุนซือมีความสำคัญกับกองทัพมาก อยู่กับสามีเคียงข้างมาสามสิบปี ก็ยังไม่อาจจะละลายน้ำแข็งในใจของเขาได้ เวลานี้สวรรค์ให้ได้ย้อนกลับมา นางจะทำเพื่อตัวเองเท่านั้น และคิดว่าสามีน่าตายผู้นั้นก็คงไม่มาสนใจนางเช่นเดิม และนั่นคือสิ่งที่ต้องการ ถ้าเฉินโม่เหยียนกับมาครานี้ จะเอ่ยเรื่องหย่าร้างให้มันเสร็จสิ้นไป นางเองก็ต้องการอิสระมากกว่าจะมาจมดิ่งในจวนตระกูลเฉินเช่นนี้
นางเอกของไรท์หาได้สนใจสามีนะคะ😌😌
ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคับ🤟🤟
ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มาลียา จากสตรีสูงศักดิ์เมื่อได้ถูกส่งกลับด้วยชื่อเสียงที่อื้อฉาว มือเรียวที่บัดนี้ไม่ได้อ่อนนุ่มเช่นเดิมอีกแล้ว ท่าทีที่หยิ่งยะโสไม่มีให้เห็นเช่นแต่ก่อน บัดนี้ต้องมาทำงานทุกอย่างภายในบ้านที่บิดาส่งนางแต่งงานกับพ่อค้าที่มักจะเดินทางมารับหนังสัตว์บ่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึงบิดาที่รักใคร่นางเมินเฉยเย็นชาไม่ใส่ใจสักนิดว่านางจะเป็นเช่นไร จึงได้กระจ่างแจ้งรู้ว่าบุตรสาวก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาแลกกับผลประโยชน์ถ้าหมดประโยชน์ก็จะโยนทิ้งไปเสียลายาแม่นมที่เลี้ยงดูมาลียาก็ถูกโบยจนตายด้วยไม่สามารถสั่งสอนนางให้ทำตามแผนการได้สำเร็จ โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้สินะโจวฟางหลินได้ฟังเรื่องราวผ่านพ่อค้าผู้หนึ่งที่เคยรับรู้ว่า องค์หญิงผู้นี้เคยแต่งเข้ามาเป็นภรรยารองของตระกูลเฉิน ได้เล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้ได้ฟัง นางไม่ได้สงสารผู้ใด ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นจะผิดก็เพียงแค่ องค์หญิงเป็นเพียงหมากที่หมดประโยชน์แล้วก็เท่านั้น ถ้านางทำสำเร็จความรุ่งโรจน์ ก็จะเกิดกับนาง แล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ชุนหงได้เขียนจดหมายมาหาได้บอกเล่าถึงเรื่องที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หนานกงก็ดู
ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้
สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ
สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค
ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห
โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม







