Share

บทที่5 คนทรยศ

บทที่5 คนทรยศ

การส่งมอบสินค้าได้มาถึง อาวุธที่สั่งมาจำนวนมากได้ถูกลำเลียงมาจนครบ นางต้องจ่ายด้วยเงินจำนวนสูงถึงหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงทอง

คนงานที่ถูกซื้อตัวมาจากตลาดค้าทาสนับร้อยชีวิต ครึ่งหนึ่งถูกส่งไปที่ชายแดนตะวันออกเพื่อไปนำเกลือที่ถูกตากจนแห้งเอากลับมาที่นี่ ส่วนที่เหลือห้าสิบคนจะมาเอาไว้ใช้งาน ทั้งจัดเก็บสินค้าและคอยดูแลสินค้าทุกอย่าง จัดคนเฝ้ายามตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

ทาสที่ซื้อจากตลาดค้าทาส มีอยู่หนึ่งคนที่ดูโดดเด่นที่สุด โจวฟางหลินได้ตั้งชื่อว่า หนานกง มีรูปร่างสูงใหญ่มีที่มาไม่ชัดเจน ใบหน้ามีรอยบาดแผลที่หายแล้วแต่ยังคงเป็นแผลเป็นพาดบนใบหน้าจึงทำให้ดูน่ากลัว ขายตัวเองเป็นทาสแต่ไม่มีคนซื้อด้วยใบหน้าที่น่ากลัวรูปร่างสูงใหญ่จึงขายไม่ออกเมื่อเห็นสายตาของหนานกง เหมือนกับคนที่ผ่านเหตุการณ์มากระทบจิตใจ จึงดูเป็นคนหยาบกระด้าง คนแบบนี้ถ้าซื้อใจได้จะภักดีจนวันตาย และนางก็ชอบคนนิสัยแบบนี้เสียด้วยสิ จึงซื้อมาในราคาที่ไม่แพงมากด้วยคนค้าทาสกลัวจะขายไม่ออก จึงไม่ได้เรียกราคาสูงมากขายมาแค่ราคายี่สิบตำลึงเงิน

“หนานกงเจ้าไปดูความเรียบร้อยทั้งหมด ข้าจะให้เจ้าเป็นหัวหน้าควบคุมดูแลสินค้า” ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าดูเย็นชาน่าเกรงขาม ชุดที่ใส่เป็นสีแดงอมดำเช่นเคย นางใส่สีแดงอมดำมีเสื้อคลุมปักดิ้นทองสวยงามจนเคยชินตั้งแต่ย้อนกลับมาจึงยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขาม

“ขอรับนายหญิง” หนานกงน้อมรับด้วยความเต็มใจ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกในอำนาจที่มีของสตรีร่างเล็กผู้นี้ ยามสบตาที่สงบนิ่งเหมือนบึงน้ำที่ไม่มีแม้ความเคลื่อนไหว จนต้องลดสายตาลงมา

หลังจากนั้นผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป ท่านเหล่าหลานก็ได้นำสินค้าที่เป็นข้าวสารมาส่งด้วยตัวเอง

“ข้าได้นำสินค้ามาส่งตามจำนวนที่สั่งมา” ซึ่งมีถึงหนึ่งร้อยเกวียน ต่อแถวยาวจนสุดสายตา“ข้ารบกวนท่านแล้วไฉนถึงต้องมาด้วยตนเองด้วย” โจวฟางหลินแปลกใจการส่งสินค้าสามารถให้คนงานมาส่งก็ได้หรือมีเรื่องอันใดอีก

“ข้าเพียงแต่ต้องการจะมาพูดคุยกับเจ้าเรื่องเกลือด้วย”

“สิ้นเดือนนี้ข้าจะส่งให้ท่านได้ดูเสียก่อน ถ้าตกลงในคุณภาพก็ทำสัญญากันได้เลย แต่รับรองว่า เกลือของข้าท่านจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ร่างบางเอ่ยถึงเวลาที่ได้ตกลงกัน และเกลือของนางกำลังเดินทางกลับมาเพื่อจะมาต้มกรองจนสะอาดถึงจะส่งขายได้

ชายร่างท้วมดูมีอำนาจได้มาเห็นกับตาว่า การกักตุนสินค้าครั้งนี้ไม่ใช่การค้าเล็กๆเสียแล้ว ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ห่างสายตาผู้คนกินเนื้อที่ด้านบนเขาเกือบทั้งหมด พลางเหลือบสายตามามองสตรีรูปร่างอรชรที่ใส่ชุดแดงเข้มจนเกือบดำเหมือนครั้งก่อนด้วยความสนใจ

“ดูแล้วคงไม่ใช่การค้าธรรมดาเสียแล้วใช่รึไม่”สายตาคมกริบจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาย่อมมองออกว่าสตรีผู้นี้ย่อมไม่ธรรดาตามสายตาที่เห็น ถึงจะรู้ว่าเป็นเพียงบุตรสาวอดีตท่านแม่ทัพโจวก็ตาม

“ข้าเพียงเป็นคนคอยหาโอกาศก็เพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเอ่ยตอบเพียงสั้นๆ ยกยิ้มมุปากขัดกับสายตาที่เย็นชา

นายท่านเหล่าหลานเมื่อเห็นการอธิบายสั้นๆเพียงเท่านั้นก็รู้ได้ว่า คนที่มีนิสัยแบบนี้ มักจะเป็นคนที่คิดการณ์ไกลเด็ดขาด และไม่ค่อยพูดมากถึงถามไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด สู้กลับไปฟังข่าวเรื่องเกลือเสียดีกว่า และคิดว่าการการค้าครั้งต่อไปคงได้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“ตกลง ข้าใจร้อนเองจะไปรอฟังข่าวก็แล้วกัน” จึงได้กลับออกไปพร้อมกับลูกน้องที่ติดตามมามากมาย

ข้าวสารที่นำมา เป็นราคาที่นางต้องจ่ายเกือบหนึ่งหมื่นตำลึงทอง แต่เงินทองเหล่านี้จะกลับมาอีกไม่นาน เพราะหลังจากนี้การค้าที่แท้จริงกำลังจะเริ่มแล้ว

“หนานกง ไปจัดการให้เรียบร้อย เมื่อจัดเสร็จเรียบร้อย ให้นำเกลือไปหนึ่งกระสอบไปไว้ในห้องที่ว่าง จัดเตรียมเตาและหม้อใบใหญ่มาด้วย” ร่างบางสั่งงานครั้งเดียวจนครบ จากนั้นจึงเดินไปดูความเรียบร้อย ก่อนจะมาควบคุมการต้มเกลือด้วยตนเอง

ภายในจวนแม่ทัพที่เงียบจนผิดปกติถ้าเป็นเมื่อก่อน เขากลับมาที่จวนโจวฟางหลินมักจะเข้ามาหาและนำของกินมาให้จนเขาลำคาญ แต่เวลาก็ล่วงมาจนถึงยามบ่ายยังไม่เห็นหน้านางสักครั้ง

“ตงซานไปดูซิ ฮูหยินได้อยู่เรือนรึไม่”ร่างสูงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหมือนเอ่ยถามด้วยเรื่องไม่สำคัญนัก“ขอรับน

ายท่าน” ตงซานรับคำสั่งแต่ก็สังเกตุสีหน้าที่เรียบเฉยของนายท่าน เมื่อก่อนไม่เห็นจะอยากรู้นายหญิงจะอยู่รึไม่ ทำไมวันนี้ถึงอยากจะรู้ขึ้นมาได้“ฮูหยินน้อยอยู่เรือนหรือไม่” ตงซานเอ่ยถามชุนหงสาวใช้คนสนิทของฮูหยินท่านแม่ทัพ

“ฮูหยินน้อยออกไปจากจวนตั้งแต่รุ่งสางแล้ว มีอันใดรึ” ซุนหงยังงอนที่นายหญิงไม่ให้ตามไปอีกแล้วน้ำเสียงจึงดูหงุดหงิดตามไปด้วย“ท่านแม่ทัพถามถึงคงอยากเจอฮูหยินน้อยกระมัง” ตงซานก็สับสนอยู่ว่าให้มาดูเฉยๆแต่ไม่ได้เรียกหา

จึงไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรต่อไป “ทำไมถึงอยากเจอนายหญิงของข้า” ซุนหงค่อนข้างงุนงงปกติก็ทำท่าลำคาญนักมิใช่รึ

แค่คิดก็รู้สึกปวดใจแทนนายหญิงแต่งงานเข้ามาร่วมสองปีพึ่งจะมีวันนี้ที่ท่านแม่ทัพถามหานายหญิงของนาง

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าไปรายงานนายท่านก่อน ประเดี๋ยวจะหงุดหงิดไปเสียอีก” ตงซานจึงรีบกลับไปรายงานตามที่ซุนหงบอกมา“นายท่านฮูหยินน้อยไม่อยู่เรือนขอรับ ซุนหงบ่าวรับใช้ก็ไม่ได้ติดตามไปด้วย เห็นบอกว่าฮูหยินน้อยออกไป

ตั้งแต่ย่ำรุ่งแล้วขอรับ”

ร่างสูงกำยำขมวดคิ้วหนาได้รูปด้วยความหงุดหงิด ใยไม่มาแจ้งให้รับรู้ว่าจะไปที่ใดไม่เห็นหัวสามีเลยใช่รึไม่ เฉินโม่หยียนทำงานต่อด้วยความหงุดหงิด เมื่อสมาธิไม่มีจึงขยำกระดาษบนโต๊ะที่เขียนไว้ขว้างทิ้งด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

ตงซานมองตามกระดาษที่ถูกขยำและโยนทิ้ง จึงได้แต่เกาหัวว่านายท่านวันนี้เป็นอะไร หรือเพราะนายหญิงไม่ได้มาปรนนิบัติเหมือนเช่นเคย แต่นายท่านไม่ชอบฮูหยินน้อยมิใช่รึ จะต้องการพบเจอไปทำไมกัน

ในระหว่างที่จวนมีแต่คนที่อารมณ์ไม่ดี แต่โจวฟางหลินที่ยังอยู่ในโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ กำลังสอนคนงานต้มเกลือเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากนำเกลือมาต้มจนเดือดแล้วกรองเอาฝุ่นละอองออกให้มากที่สุด จากนั้นให้ต้มอีกครั้งและก็กรองสองชั้นให้น้ำเกลือค่อยๆหยดลงไป จะได้เกลือที่ขาวสะอาดและมาทิ้งให้แห้ง ค่อยนำมาบดจนละเอียด เกลือของเดิมที่ใช้กัน คือเกลือดิบที่ไม่ผ่านการต้มฆ่าเชื้อ มักจะสกปรกมากน้อยแล้วแต่จะกักขังน้ำเกลือที่บริเวณใด และจะมีรสขมติดปลายลิ้น แต่เกลือของนาง ย่อมขาวสะอาดรสชาติดี กรรมวิธีนี้ถึงจะดูไม่ยากแต่กว่าจะมีคนค้นพบก็ใช้เวลาไปเกือบสามสิบปีหลังจากนี้ “ขั้นตอนที่ข้าสั่งสอนหากมีผู้ใดนำไปกระจาย คงรู้ถึงโทษทัณฑ์ของมันดี” ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่

สายตาช่างดุดัน ทำให้คนงานในที่นี้ถึงกับคุกเข่าลงมาตัวสั่นแบบไม่รู้ตัว “พวกข้าจะจงรักภักดีกับนายหญิงตลอด

ชีวิต จะไม่พูดออกไปแน่นอนขอรับ” ทุกคนต่างเอ่ยด้วยเสียงอันสั่นกลัว ถึงจะยังไม่เคยโดนโทษทัณฑ์แต่ท่าทางนายหญิงช่างน่ากลัวเสียจริง “ถ้าใครจงรักภักดีต่อข้าก็จะมีชีวิตที่ดีหากแต่คิดที่เปลี่ยนไปอย่าหาว่าข้าโหดร้าย” โจวฟาง

หลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาอันแหลมคมไปทางเหล่าคนงาน ยิ่งทำให้คนงานก้มหน้าด้วยความเกรงกลัว นางแค่เพียงจะเตือนไว้เท่านั้น หากไม่ทำผิดอันใดก็ไม่ตัองกลัวว่าจะโดนทำโทษที่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

“นายหญิงจะนำเกลือทั้งหมดมาต้มเลยรึไม่ขอรับ” หนานกงเอ่ยถามเพื่อจะได้จัดการต่อไป“นำมาต้มเสียทั้งหมด

การจัดก็บจะต้องสะอาดและปราศจากการอับชื้น” ร่างบางสั่งงานเสร็จก็กลับจวน ด้วยนางได้ออกจากจวนมาตั้งแต่ย่ำรุ่ง ควรจะกลับไม่ให้เย็นย่ำมาก ถ้าได้หย่าร้างเร็วๆก็คงดีจะได้สะดวกกว่านี้ เพียงแต่เป็นสมรสพระราชทานจึงทำให้เรื่องราวมันยุ่งยากขึ้น ช่างน่าปวดหัวเสียจริง เมื่อกลับถึงจวนซุนหงก็รีบออกมาบอกเรื่องราวต่างๆ ว่าท่านแม่ทัพ

ถามหานายหญิงตั้งแต่ช่วงสายจึงคิดว่าจะแวะไปสักหน่อย อาจจะมีเรื่องราวอันใดก็เป็นได้ จึงได้สาวเท้าเดินกับไปทางเรือนหลักด้านหน้าที่พึ่งจะเดินผ่านมา “ไปแจ้งว่าข้ามาพบ” ร่างบางยืนด้านหน้าเรือนไม่ได้เข้าไปเช่นเมื่อก่อน จึงดู

ห่างเหินจนตงซานรู้สึกแปลกใจ วันนี้นายหญิงไม่ได้เข้าไปเลยเช่นเมื่อก่อน กลับรออนุญาติเสียก่อน กิริยาท่าทางก็สง่าน่าเกรงขาม หลังตั้งตรงใบหน้าเรียบนิ่งจนตงซานต้องรีบไปเรียนนายท่านว่าฮูหยินน้อยมาพบ “นายท่านฮูหยินน้อย

มาพบขอรับ”ตงซานพูดจบก็จ้องมองใบหน้าผู้เป็นนายว่าจะเอ่ยอะไรออกมาบ้างรึไม่

เฉินโม่เหยียนรู้สึกใจเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าโจวฟางหลินมาพบ เงยหน้าจากกองหนังสือตรงหน้าสอดส่ายสายตาขึ้นมองก็ไม่เห็นสตรีน่าตายผู้นั้น “ฮูหยินน้อยรออยู่ด้านนอกขอรับ”ตงซานรีบรายงานเมื่อเห็นว่านายท่านมองหานายหญิง

“คราวนี้มามีมารยาทอันใด เมื่อก่อนเห็นเดินเข้ามาไม่ขออนุญาติสักนิด”ร่างสูงกำยำขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ทีเมื่อก่อนแทบจะโผเข้าหามาวันนี้ช่างห่างเหินเสียจริง

ตงซานรีบเร่งเดินออกไปเพื่อจะไปเรียนนายหญิงให้เข้ามาที่ห้องหนังสือ ประเดี๋ยวนายท่านจะอารมณ์เสียไปยิ่งกว่านี้

“ท่านมีธุระอันใดกับข้ารึไม่ ซุนหงแจ้งว่าท่านไปถามหาข้า” ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับภรรยาที่บัดนี้ได้ดูเปลี่ยนไปจนเหมือนคนละคน ท่าทางสง่าสีหน้าเรียบนิ่งมองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ จึงยิ่งหงุดหงิดกับท่าทีห่างเหินเช่นนี้ จะให้พูดว่าทำไมนางไม่มาหาเขาเช่นเมื่อก่อนมันก็ใช่ที่ จึงต้องเอ่ยเรื่องที่ออกจากจวนทำไมไม่แจ้งเขาเสียก่อน

“ข้าได้ข่าวว่าเจ้าออกจากจวนแทบทุกวัน ทำไมไม่แจ้งคนในจวนไว้ว่าจะไปไหน แล้วทำไมต้องออกไปทุกวัน” ร่างสูงเอ่ยจบก็สูดลมหายใจอย่างโล่งอกที่ได้พูดออกไปแก้เรื่องที่ตั้งใจไปถามหานางที่เรือน

“ข้อแรก ท่านย่าได้บอกไว้ไม่ต้องแจ้งถ้าจะออกไปไหน ขอเพียงไม่ทำให้เสียชื่อเสียงมาถึงตระกูลเฉินก็พอ ข้อสองข้าไม่จำเป็นต้องแจ้งธุระของข้าให้ผู้ใดรู้” โจวฟางหลินเอ่ยอธิบายทีละข้อด้วยนำเสียงช้าๆและชัดเจนทุกคำพูด

“ในเมื่อข้ากลับมาแล้วและเป็นสามีเจ้าไม่สมควรจะแจ้งข้าหน่อยรึ” เฉินโม่หยียนเริ่มหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อภรรยาไม่ให้ความสำคัญกับเขาเช่นเมื่อก่อน

โจวฟางหลินถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย นางไม่คิดว่าจะมาถกเถียงในเรื่องไร้สาระเช่นนี้ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นสนใจว่าจะไปไหนทำอะไร มาบัดนี้กลับจะให้รายงานทุกฝีก้าว

ร่างสูงกำยำลุกขึ้นสืบเท้ามาที่ภรรยา เมื่อได้มายืนใกล้ๆจึงได้รู้ว่านางช่างตัวเล็กนัก แต่เรื่องความฉลาดเฉียวเขาก็ได้ยินมาไม่น้อยจากกองทัพที่มักจะเอ่ยชมให้ได้ยินมาตลอด แต่ถึงจะเก่งกาจเพียงใดถ้าไม่รักก็คือไม่รัก แต่เขาให้เกียรตินางเสมอในฐานะภรรยา แต่มาวันนี้นางช่างห่างเหินเสียเขารู้สึกถึงความเย็นวาบในอกอย่างบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเปลี่ยนไปแต่เปลี่ยนยังไงก็บอกไม่ถูกเช่นกัน

ชาติก่อนเย็นชากับน้องนัก ชาตินี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ

ฝากกดติดตามกันด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดตอนใหม่

ขอบคุณที่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43ความพ่ายแพ้ที่มิอาจยอมรับ

    ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้

    สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ

  • ฮูหยินสายลุย   ที่41 ลองดี

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่40 เจ้าหญิงชนเผ่านอกด่าน

    ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่38 เตรียมตัวเดินทางเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง

    โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่37 สาร์นแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์

    ภายในราชสำนักที่กำลังมีขุนนางเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วยความเร่งรีบ ด้วยฝ่าบาทมีรับสั่งเข้าเฝ้าเพื่อหารือในเรื่องมีสาร์นมาจากชนเผ่านอกด่านที่อยู่แดนไกล เป็นเชื้อสายมองโกล ระบุอยู่ในสาร์นว่าต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นเว่ย ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับองค์ชายของแคว้น แต่ต้องการให้เจ้าหญิงในเผ่าหนี่เจียง แต่งเป็นชายารองของแม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียน ด้วยธิดาของเผ่านามว่า มาลียา ได้ยินชื่อเสียงและเคยได้เห็นภาพเหมือนของท่านแม่ทัพจึงได้หลงรักท่านแม่ทัพผู้นี้เป็นอย่างมากถึงแม้จะรู้ว่าท่านแม่ทัพมีฮูหยินเอกแล้วก็ไม่ถือสา ถ้าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้ เผ่าหนี่เจียงจะส่งบรรณาการโดยมีผ้าไหมแพรพรรณและเครื่องประดับห้าสิบหีบเป็นประจำทุกปี “ขุนนางทั้งหลายมีความคิดเห็นเช่นไรในเรื่องนี้” ฮ่องเต้เอ่ยถามขุนนางที่มาร่วมประชุมด้วยทรงต้องการจะทราบว่า ใยเผ่าหนี่เจียงที่อยู่ไกลโพ้นและได้รวบรวมชนเผ่าเล็กๆ จนกลายเป็นเผ่าที่ใหญ่โตถึงได้ต้องการแต่งงานมาเชื่อมสัมพันธ์ โดยเป็นเพียงภรรยารองของแม่ทัพแดนเหนือด้วย“ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องทบทวนให้ดีพะย่ะค่ะ เผ่าหนี่เจียงบัดนี้ไม่ใช่ชนเผ่าเล็กๆ ถ้ามาแต่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status