Share

บทที่ 11

พลธนูจำนวนมากได้เดินเท้าลัดเลาะไปด้านหลังภูเขา ถึงจะเป็นทางลาดชันแต่หลบสายตาศัตรูได้เป็นอย่างดี เสียงฝีเท้าทหารหลายพันนายถูกกลบด้วยเสียงม้าศึกที่วิ่งวนตลอดการเดินทาง จนในที่สุดก็สามารถขึ้นไปบนเนินเขาสูงได้สำเร็จ จึงได้ส่งสาร์นด้วยนกพิราบว่าได้ถึงจุดที่นัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว

ม้าศึกที่วิ่งวนมาหลายชั่วยามจึงได้หยุดพักผ่อนเสียที ก่อนจะผลัดเปลี่ยนออกไปอีกครั้งในช่วงเวลาถัดไป

เสี่ยวเฉาและพวกอีกสิบคนไม่ได้กลับมาแต่จะอยู่กับเผ่าเซียนเป่ย เพื่อช่วยเผ่าเซียนเป่ยโจมตีขัดขวาง ชาวชยงหนูที่กำลังเตรียมตัวกันครั้งใหญ่ เพื่อมาเสริมทัพให้กับทัพเยี่่ยน จึงต้องขัดขวางเพื่อไม่ให้มาข่วยเสริมทัพใหญ่ได้และการ โดยจะแบ่งกันไปเผาเสบียงและกระโจมของผู้นำเผ่าทั้งหมด เพื่อให้เกิดความวุ่ยวายโกลาหลจนไม่สามารถมาสมทบกับทัพใหญ่ได้

ที่ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้มาร่วมรบ ด้วยแคว้นเยี่ยนได้ยื่นข้อเสนอว่าจะแบ่งดินแดนแคว้นเว่ยให้ถึงครึ่งหนึ่ง จึงได้มาเห็นภาพความร่วมมือในครั้งนี้

“ท่านเสี่ยวเฉา ไปทางด้านซ้าย ข้าไปสำรวจมาแล้วที่เก็บเสบียงอยู่ทางนั้น”

“ดีมาก เมื่อเผาแล้วก็ไปรวมตัวกับท่านปาเล่อเปียว เราใช้วิธีแบบกองโจร สู้ซึ่งหน้าจะเสียเปรียบมากเราเพียงต้องการเพียงขัดขวางเพียงเท่านั้นไม่่จำเป็นต้องปะทะถึงเพียงนั้น”

หนานกง ก่อนจะกลับมาถึงค่ายทหารของทัพเว่ย ได้ทบทวนแผนการกับแม่ทัพน้อยแคว้นหานอีกครั้งเพื่อจะได้ไม่มีความผิดพลาด ก่อนจะกลับมายังค่ายเพื่อปกป้องนายหญิง เมื่อมีการสู้รบข้าศึกอาจจะมาจับตัวเพื่อทำร้ายผู้เป็นกุนซือของกองทัพได้ซึ่งเรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งสู้รบเป็นเวลานานยิ่งอันตราย จึงต้องกับมาอารักขานายหญิงเสียก่อน

“นายหญิงข้ากลับมาแล้วขอรับ” ร่างสูงใหญ่คำนับพร้อมกับรายงานการเคลื่อนพลของแคว้นหาน ที่จะมารออีกฝั่งแม่น้ำ ตามที่ตกลงกันไว้ ให้ซุ่มโจมตีรอให้ทหารแคว้นเยี่ยนข้ามขึ้นมาบนฝั่งเสียก่อนจึงค่อยลงมือ

“เจ้าทำดีมาก ครั้งนี้เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”

เมื่อแสงตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าแสงสีทองได้ลามเลียไปตามยอดไม้และพื้นดินอันกว้างใหญ่ ทัพหน้าของแคว้นเว่ยที่มีทหารนับแสนได้จัดทัพด้วยความมีระเบียบวินัย ด้วยการเดินทัพวันแรกต้องตัดกำลังทัพเยี่ยนให้มากที่สุด ซึ่งใช้ทหารเกินครึ่งจากที่มีเพียงหนึ่งแสนแปดหมื่นนาย ซึ่งมีจำนวนคนน้อยกว่าฝ่ายศัตรูมากหลายเท่า

เสียงกึกก้องไปด้วยผู้คนและม้าศึกจำนวนมาก ธงของทัพเว่ยโบกสะบัดพริ้วไหวดังต้องการประกาศก้องถึงความแข็งแกร่งของกองทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ว่าไม่เคยรบแพ้เลยสักครั้ง ประกอบกับลมที่พัดมาทำให้ต้นไม้ใบหญ้าแกว่งไกวไปมาตามสายลมที่พัดความหนาวเย็นเข้ามาเป็นระลอกจนเกิดฝุ่นกระจายเป็นจำนวนมาก เสียงที่ฮึกเหิมของทหารนับแสนดังก้องไปทั่วสนามรบอันกว้างใหญ่จนคนทั่วไปได้เห็นคงได้ตกตะลึงเป็นแน่

ยามลั่นกลองรบด้วยจังหว่ะเร่งความเร็ว ที่ทำให้จิตใจฮึกเหิมจนตัองการจะฟาดฟันศัตรูให้แตกพ่าย ทำให้ฝ่ายศัตรูที่อยู่ตรงข้ามเกิดอ่อนไหวหวาดระแวงกับการเผชิญหน้ากับทหารกล้าที่สู้รบมายาวนานโดยเฉพาะที่ถูกเกณฑ์มายิ่งหวาดกลัวจนขวัญผวา

แม่ทัพใหญ่ซ่างกวน เมื่อเคลื่อนม้าไปข้างหน้าจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมอง บุรุษร่างสูงที่ใส่ชุดเกราะแม่ทัพใหญ่บนกำแพงสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ถึงกับขมวดคิ้ว ชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่รึ บาดเจ็บเสียเพียงนั้นยังรอดมาได้ วันนี้จะเด็ดหัวแม่ทัพใหญ่แคว้นเว่ยมาเสียให้จงไดั ต่อให้เก่งกาจเพียงใด จะมาสู้กองทัพทหารหกแสนของเขาได้เยี่ยงไร ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจที่ไม่สามารถสังหารได้สำเร็จในวันนั้น

เฉินโมเหยียน ได้ไปยืนบนกำแพงสูงเพื่อจะให้แม่ทัพใหญ่แคว้นเยี่ยนได้เห็น และเมื่อร่างสูงได้ไปยืนเด่นเพื่อเป็นจุดสนใจ ทหารเมื่อเห็นแม่ทัพผู้เก่งกาจของพวกเขา ต่างก็โห่ร้องด้วยความฮึกเหิมจนก้องสนามรบ พวกเขามั่นใจในกลศึกครั้งนี้ว่าจะต้องนำชัยชนะมาได้แน่นอนความรู้สึกยิ่งฮึกเหิมแรงกายแรงใจมาเต็มที่

ร่างสูงสง่าได้เห็นกองทัพขนาดมหึมาของทัพเยี่ยน ที่ยังดูสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ในขณะที่ทัพเว่ยมีคนน้อยกว่ามาก ยังดูมีความน่าเกรงขามเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ด้วยทหารของแคว้นเว่ยจะเป็นทหารที่ถูกฝึกมาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่ถูกเกณฑ์มารบ จึงดูมีวินัยเคร่งครัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อถึงเวลาเสียงแตรที่ทำมาจากเขาสัตว์ได้ถูกเป่าขึ้นมาเป็นสัญญานการเคลื่อนทัพ เสียงฝีเท้าทั้งคนและม้าดังกึกก้องไปทั่วสมรภูมิรบ เสียงกลองที่ถูกตีดังกระหึ่มจนฝ่ายตรงข้ามถึงจะมีคนมากกว่า กับมีจิตใจสั่นไหวหวาดกลัว ด้วยเกินครึ่งไม่ใช่ทหารอย่างแท้จริงเมื่อมาเจอสถานการณ์ที่กดดัน ยิ่งหวาดกลัวจนทำอันใดไม่ถูก ภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในหัวตามจินตนาการ ยิ่งทำให้เกิดสับสนวุ่นวายจนไม่อาจควบคุม

ในขณะที่ทัพหน้าของแคว้นเยี่ยนได้ส่งสัญญานการเคลื่อนทัพเช่นกัน ทั้งสองได้ประจันหน้ากันด้วยท่าทางที่ดุดัน

"หากยอมแพ้เสียโดยดีก็จะไม่ต้องมาเสียเลือดเนื้อกันมากมาย หากคิดจะสู้ก็อย่าหาว่ากองทัพเยี่ยนของข้าจะบดขยี้กองทัพเล็กๆของเจ้าจนแตกกระจายเล่า" แม่ทัพใหญ่ซ่างกวนเอ่ยตะโกนออกมาอย่างเยาะเย้ยที่มีกองทัพเพียงหยิมมือแต่กลับหาญกล้ามาสู้ทัพเยี่ยนที่มากกว่าหลายเท่า

"อย่าได้ทะนงตนนัก ถ้าทำได้อย่างที่เอ่ยอ้างก็เข้ามา เราแคว้นเว่ยจะไม่ยอมเป็นเชลยศึกอย่างแน่นอน" รองแม่ทัพหานที่นำทัพหน้าในครั้งนี้เอ่ยตอบโต้เช่นกัน

" บุก ฆ่ามัน เราจะนำชัยชนะกลับมาให้ได้" รองแม่ทัพหานสั่งบุกเพื่อจะได้จบการศึกตามแผนการที่วางเอาไว้จะดีกว่า มาเปลืองน้ำลายกับผู้ที่คิดจะมาลุกลานเหล่านี้

หลังสิ้นเสียงคำสั้ง ทหารกล้าก็เริ่มวิ่งเข้าไล่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด รองแม่ทัพหานที่เผชิญหน้ากับแม่ทัพใหญ่ซ่างกวนของทัพเยื่ยน ต่างมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่ากัน ถึงรองแม่ทัพหานจะมีตำแหน่งเพียงรองแม่ทัพ หากแต่ประสบการณ์สู้รบโชกโชนนัก การจะสู้กับแม่ทัพฝ่ายศัตรูย่อมไม่เสียเปรียบแน่นอน

พลธนูที่อยู่บนเนินเขาสูงได้เห็นการสู้รบได้ชัดเจนว่าทัพหน้าได้เปิดการสู้รบกันแล้ว และด้านล่างที่เป็นกองทัพเยี่ยนบัดนี้ได้เกิดเสียความสามัคคี และขาดระเบียบแบบแผนจึงดูต่างคนต่างจะหนีเอาตัวรอด จึงได้ส่งสัญญานเป็นกระจกส่องแสงลงมา เพื่อส่งสัญญานให้ด้านล่างลงมือได้เลย

เมื่อได้เห็นสัญญานที่ส่งมา ทหารของกองทัพเว่ยที่มารอเวลาก็ได้เข้าโจมตีตรงกลางของกองทัพเยี่ยน ด้วยในส่วนนี้จะเป็นชาวบ้านที่็ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร เมื่อถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัวจึงพยายามจะหนี ทำให้กองทัพเริ่มวุ่นวายคนจำนวนมากเมื่อพยายามหนีตายจึงได้เหยียบกัน บ้างก็ล้มลุกคลุกคลานจนเสียรูปขบวนเป็นภาพที่ชวนน่าเวทนา

นายกองและตำแหน่งคอยจัดวางทัพของแคว้นเยี่ยน ต่างตะโกนให้อยู่ในกฏระเบียบเมื่อเห็นความสับสนวุ่นวาย แต่ช่วงเวลาที่ความหวาดกลัวได้มีเต็มหัวใจใยจะฟังคำสั่งได้อยู่อีก

ภาพทหารแคว้นเยี่ยนที่พยายามหนีตายเหยียบกันวุ่นวายล้มลุกคลุกคลานดูสับสนอลหม่านแต่กลับเป็นการดีสำหรับพลธนูของแคว้นเว่ยที่อยู่บนเนินเขา พลธนูที่อยู่ด้านบนก็เริ่มยิงลงมาข้างล่างดังห่าฝน จนทหารของแคว้นเยี่ยนเริ่มล้มตายเป็นจำนวนมากด้วยเสียเปรียบคนที่อยู่ที่สูงกว่า แต่จะเลือกยิงเฉพาะที่ไม่มีกระจกติดไว้ตามบ่าของทหาร เพราะคนเหล่านี้คือคนแคว้นเว่ยที่ถูกส่งไปปะปนสร้างความวุ่นวายในทัพเยี่ยน

ทหารแคว้นเว่ยที่ถูกส่งไปแฝงตัวในฝ่ายศัตรูจำนวนมากได้ตะโกนพร้อมกัน เมื่อได้เห็นความสับสนวุ่นวายจนยากจะควบคุมแล้ว

“กองทัพเยี่ยนแพ้แล้วถอยทัพ”

“ถอยทัพเร็ว แม่ทัพยอมแพ้แล้ว”

การตะโกนต่อๆกัน จึงทำให้ทัพเยี่ยนที่หวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งพยายามจะหลบหนี การเดินตามแผนทุกย่างก้าวของกองทัพเว่ยจึงทำให้ทหารแคว้นเยี่ยนหวาดกลัวราวกับอุปทานหมู่ ต่างพยายามหนีตายกันจ้าละหวั่นจนเกิดภาพคล้ายกับมดที่พยายามหนีตายจากกระทะตั้งไฟ

ทหารแคว้นเยี่ยนที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้การสื่อสารถูกส่งต่อจนกลายเป็นความเข้าใจผิดความโกลาหลจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดายจากกองทัพที่จัดทัพมาอย่างน่าเกรงขามบัดนี้ได้แตกกระจายจนเป็นภาพน่าอดสู ต่อให้ผู้รับหน้าที่คอยควบคุมดูแลจะพยายามตะโกนให้จัดระเบียบอีกครั้ง ก็ไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว

เมื่อสร้างความวุ่นวายสำเร็จจึงได้ถอดชุดออกจึงทำให้สามารถแยกออกจากทหารทัพเยี่ยนได้อย่างชัดเจน จึงไม่มีการฆ่าฟันกันเองในทัพเว่ยแต่กลับสร้างกำลังใจให้เพิ่มขึ้นมาอีก ว่าการสร้างความปั่นป่วนได้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว

ทหารทัพเยี่ยนที่ถูกกวาดต้อนลงแม่น้ำต่างพยายามหนีขึ้นฝั่ง แต่ก็หาได้มีชีวิตรอดไปได้ เพราะทหารแคว้นหานได้อยู่รออีกฝากฝั่งแล้วเช่นกัน

กองทัพเว่ยที่ไล่ฆ่าศัตรูอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้สนามรบอันกว้างใหญ่นี้เต็มไปด้วยศพที่มากมายมหาศาลนัก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยนกแร้งที่บินวนไปมาเพื่อรอเวลาที่ทุกอย่างสงบลง จะได้มีอาหารครั้งใหญ่ได้อิ่มหมีพลีมันเป็นแน่

เมื่อได้ยินว่าให้ถอยทัพ กองทัพเยี่ยนยิ่งหนีกระจัดกระจายจนไม่สามารถสั่งรวมทัพได้อีกภาพที่ทหารแคว้นเว่ยได้เห็นในวันนี้คงจะได้ นำไปเล่ากันชั่วลูกชั่วหลานกันเลยทีเดียว กับความภูมิใจที่สามารถชนะทหารที่นำทัพมามากมายมหาศาลได้ในคราวเดียว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 76

    บทที่44 ความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจยอมรับ ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร “กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 75

    ธูปราคะที่ถูกจุดขึ้นมาได้ไหม้ลงจนเกือบครึ่งแล้ว มาลียาที่ได้สูดดมไปด้วยเริ่มมีอาการร้อนรุ่มไปทั้งร่างกาย สมองและสายตาเริ่มพล่าเลือน ดวงตาราวเมล็ดซิ่งหยาดเยิ้มด้วยอารมณ์กำหนัดที่เกิดจากสูดควันเข้าไปเยอะพอประมานหนึ่ง เฉินโม่เหยียนที่ได้กินยาถอนพิษไปแล้วย่อมไม่ได้รับผลกับสิ่งนี้ จึงมีสีหน้าที

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 74

    บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้ สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอ

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 73

    บทที่42 กลลวง ภายในเรือนที่อยู่ในด้านหลังป่าไผ่ ปลูกไว้เพื่อความสวยงามจึงไม่ได้บดบังเรือนที่อาศัยของภรรยารอง เสียงสนทนาที่แผ่วเบา กำลังวางแผนที่จะให้ราชบุตรเขยได้ลงเอยเปลี่ยนไม้เป็นเรือเสียโดยเร็ว และจะส่งจดหมายไปถึงท่านมหาข่านให้ส่งคนมาสังหารฮูหยินเอกเพื่อจะได้ทำตามแผนการที่วางเอาไว้ได้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 72

    ฮูหยินใหญ่เฉามองเจตนาลูกสะใภ้คนรองผู้นี้ได้ถ่องแท้จึงอดขนลุกไม่ได้ ช่างปั้นแต่งแสดงออกเก่งเสียจริง “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านแม่ ” มาลียา ยิ้มอ่อนหวานรับปิ่นปักผมมาอย่างนอบน้อมพลางคิดว่าไม่น่าจะยากเย็นสักเท่าใดถ้าจะเอาชนะใจแม่สามีผู้นี้ เมื่อต้องยกน้ำชาให้กับฮูหยินเอกที่นั่งหลังตรงดูมีอำนาจแผ่กระจายออกมา

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่ 71

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status