พลธนูจำนวนมากได้เดินเท้าลัดเลาะไปด้านหลังภูเขา ถึงจะเป็นทางลาดชันแต่หลบสายตาศัตรูได้เป็นอย่างดี เสียงฝีเท้าทหารหลายพันนายถูกกลบด้วยเสียงม้าศึกที่วิ่งวนตลอดการเดินทาง จนในที่สุดก็สามารถขึ้นไปบนเนินเขาสูงได้สำเร็จ จึงได้ส่งสาร์นด้วยนกพิราบว่าได้ถึงจุดที่นัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว
          ม้าศึกที่วิ่งวนมาหลายชั่วยามจึงได้หยุดพักผ่อนเสียที ก่อนจะผลัดเปลี่ยนออกไปอีกครั้งในช่วงเวลาถัดไป
          เสี่ยวเฉาและพวกอีกสิบคนไม่ได้กลับมาแต่จะอยู่กับเผ่าเซียนเป่ย เพื่อช่วยเผ่าเซียนเป่ยโจมตีขัดขวาง ชาวชยงหนูที่กำลังเตรียมตัวกันครั้งใหญ่ เพื่อมาเสริมทัพให้กับทัพเยี่่ยน จึงต้องขัดขวางเพื่อไม่ให้มาข่วยเสริมทัพใหญ่ได้และการ โดยจะแบ่งกันไปเผาเสบียงและกระโจมของผู้นำเผ่าทั้งหมด เพื่อให้เกิดความวุ่ยวายโกลาหลจนไม่สามารถมาสมทบกับทัพใหญ่ได้
          ที่ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้มาร่วมรบ ด้วยแคว้นเยี่ยนได้ยื่นข้อเสนอว่าจะแบ่งดินแดนแคว้นเว่ยให้ถึงครึ่งหนึ่ง จึงได้มาเห็นภาพความร่วมมือในครั้งนี้
          “ท่านเสี่ยวเฉา ไปทางด้านซ้าย ข้าไปสำรวจมาแล้วที่เก็บเสบียงอยู่ทางนั้น”
           “ดีมาก เมื่อเผาแล้วก็ไปรวมตัวกับท่านปาเล่อเปียว เราใช้วิธีแบบกองโจร สู้ซึ่งหน้าจะเสียเปรียบมากเราเพียงต้องการเพียงขัดขวางเพียงเท่านั้นไม่่จำเป็นต้องปะทะถึงเพียงนั้น”
           หนานกง ก่อนจะกลับมาถึงค่ายทหารของทัพเว่ย ได้ทบทวนแผนการกับแม่ทัพน้อยแคว้นหานอีกครั้งเพื่อจะได้ไม่มีความผิดพลาด ก่อนจะกลับมายังค่ายเพื่อปกป้องนายหญิง เมื่อมีการสู้รบข้าศึกอาจจะมาจับตัวเพื่อทำร้ายผู้เป็นกุนซือของกองทัพได้ซึ่งเรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งสู้รบเป็นเวลานานยิ่งอันตราย จึงต้องกับมาอารักขานายหญิงเสียก่อน
          “นายหญิงข้ากลับมาแล้วขอรับ” ร่างสูงใหญ่คำนับพร้อมกับรายงานการเคลื่อนพลของแคว้นหาน ที่จะมารออีกฝั่งแม่น้ำ ตามที่ตกลงกันไว้ ให้ซุ่มโจมตีรอให้ทหารแคว้นเยี่ยนข้ามขึ้นมาบนฝั่งเสียก่อนจึงค่อยลงมือ
          “เจ้าทำดีมาก ครั้งนี้เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”
          เมื่อแสงตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าแสงสีทองได้ลามเลียไปตามยอดไม้และพื้นดินอันกว้างใหญ่ ทัพหน้าของแคว้นเว่ยที่มีทหารนับแสนได้จัดทัพด้วยความมีระเบียบวินัย ด้วยการเดินทัพวันแรกต้องตัดกำลังทัพเยี่ยนให้มากที่สุด ซึ่งใช้ทหารเกินครึ่งจากที่มีเพียงหนึ่งแสนแปดหมื่นนาย ซึ่งมีจำนวนคนน้อยกว่าฝ่ายศัตรูมากหลายเท่า
           เสียงกึกก้องไปด้วยผู้คนและม้าศึกจำนวนมาก ธงของทัพเว่ยโบกสะบัดพริ้วไหวดังต้องการประกาศก้องถึงความแข็งแกร่งของกองทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ว่าไม่เคยรบแพ้เลยสักครั้ง ประกอบกับลมที่พัดมาทำให้ต้นไม้ใบหญ้าแกว่งไกวไปมาตามสายลมที่พัดความหนาวเย็นเข้ามาเป็นระลอกจนเกิดฝุ่นกระจายเป็นจำนวนมาก เสียงที่ฮึกเหิมของทหารนับแสนดังก้องไปทั่วสนามรบอันกว้างใหญ่จนคนทั่วไปได้เห็นคงได้ตกตะลึงเป็นแน่
          ยามลั่นกลองรบด้วยจังหว่ะเร่งความเร็ว ที่ทำให้จิตใจฮึกเหิมจนตัองการจะฟาดฟันศัตรูให้แตกพ่าย ทำให้ฝ่ายศัตรูที่อยู่ตรงข้ามเกิดอ่อนไหวหวาดระแวงกับการเผชิญหน้ากับทหารกล้าที่สู้รบมายาวนานโดยเฉพาะที่ถูกเกณฑ์มายิ่งหวาดกลัวจนขวัญผวา
          แม่ทัพใหญ่ซ่างกวน เมื่อเคลื่อนม้าไปข้างหน้าจึงได้เงยหน้าขึ้นไปมอง บุรุษร่างสูงที่ใส่ชุดเกราะแม่ทัพใหญ่บนกำแพงสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ถึงกับขมวดคิ้ว ชายผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่รึ บาดเจ็บเสียเพียงนั้นยังรอดมาได้ วันนี้จะเด็ดหัวแม่ทัพใหญ่แคว้นเว่ยมาเสียให้จงไดั ต่อให้เก่งกาจเพียงใด จะมาสู้กองทัพทหารหกแสนของเขาได้เยี่ยงไร ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจที่ไม่สามารถสังหารได้สำเร็จในวันนั้น
           เฉินโมเหยียน ได้ไปยืนบนกำแพงสูงเพื่อจะให้แม่ทัพใหญ่แคว้นเยี่ยนได้เห็น และเมื่อร่างสูงได้ไปยืนเด่นเพื่อเป็นจุดสนใจ ทหารเมื่อเห็นแม่ทัพผู้เก่งกาจของพวกเขา ต่างก็โห่ร้องด้วยความฮึกเหิมจนก้องสนามรบ พวกเขามั่นใจในกลศึกครั้งนี้ว่าจะต้องนำชัยชนะมาได้แน่นอนความรู้สึกยิ่งฮึกเหิมแรงกายแรงใจมาเต็มที่
           ร่างสูงสง่าได้เห็นกองทัพขนาดมหึมาของทัพเยี่ยน ที่ยังดูสับสนวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ในขณะที่ทัพเว่ยมีคนน้อยกว่ามาก ยังดูมีความน่าเกรงขามเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ด้วยทหารของแคว้นเว่ยจะเป็นทหารที่ถูกฝึกมาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่ถูกเกณฑ์มารบ จึงดูมีวินัยเคร่งครัดกว่าอย่างเห็นได้ชัด
           เมื่อถึงเวลาเสียงแตรที่ทำมาจากเขาสัตว์ได้ถูกเป่าขึ้นมาเป็นสัญญานการเคลื่อนทัพ เสียงฝีเท้าทั้งคนและม้าดังกึกก้องไปทั่วสมรภูมิรบ เสียงกลองที่ถูกตีดังกระหึ่มจนฝ่ายตรงข้ามถึงจะมีคนมากกว่า กับมีจิตใจสั่นไหวหวาดกลัว ด้วยเกินครึ่งไม่ใช่ทหารอย่างแท้จริงเมื่อมาเจอสถานการณ์ที่กดดัน ยิ่งหวาดกลัวจนทำอันใดไม่ถูก ภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในหัวตามจินตนาการ ยิ่งทำให้เกิดสับสนวุ่นวายจนไม่อาจควบคุม
          ในขณะที่ทัพหน้าของแคว้นเยี่ยนได้ส่งสัญญานการเคลื่อนทัพเช่นกัน ทั้งสองได้ประจันหน้ากันด้วยท่าทางที่ดุดัน
          "หากยอมแพ้เสียโดยดีก็จะไม่ต้องมาเสียเลือดเนื้อกันมากมาย หากคิดจะสู้ก็อย่าหาว่ากองทัพเยี่ยนของข้าจะบดขยี้กองทัพเล็กๆของเจ้าจนแตกกระจายเล่า" แม่ทัพใหญ่ซ่างกวนเอ่ยตะโกนออกมาอย่างเยาะเย้ยที่มีกองทัพเพียงหยิมมือแต่กลับหาญกล้ามาสู้ทัพเยี่ยนที่มากกว่าหลายเท่า
          "อย่าได้ทะนงตนนัก ถ้าทำได้อย่างที่เอ่ยอ้างก็เข้ามา เราแคว้นเว่ยจะไม่ยอมเป็นเชลยศึกอย่างแน่นอน" รองแม่ทัพหานที่นำทัพหน้าในครั้งนี้เอ่ยตอบโต้เช่นกัน
           " บุก ฆ่ามัน เราจะนำชัยชนะกลับมาให้ได้" รองแม่ทัพหานสั่งบุกเพื่อจะได้จบการศึกตามแผนการที่วางเอาไว้จะดีกว่า มาเปลืองน้ำลายกับผู้ที่คิดจะมาลุกลานเหล่านี้
          หลังสิ้นเสียงคำสั้ง ทหารกล้าก็เริ่มวิ่งเข้าไล่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด รองแม่ทัพหานที่เผชิญหน้ากับแม่ทัพใหญ่ซ่างกวนของทัพเยื่ยน ต่างมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่ากัน ถึงรองแม่ทัพหานจะมีตำแหน่งเพียงรองแม่ทัพ หากแต่ประสบการณ์สู้รบโชกโชนนัก การจะสู้กับแม่ทัพฝ่ายศัตรูย่อมไม่เสียเปรียบแน่นอน
          พลธนูที่อยู่บนเนินเขาสูงได้เห็นการสู้รบได้ชัดเจนว่าทัพหน้าได้เปิดการสู้รบกันแล้ว และด้านล่างที่เป็นกองทัพเยี่ยนบัดนี้ได้เกิดเสียความสามัคคี และขาดระเบียบแบบแผนจึงดูต่างคนต่างจะหนีเอาตัวรอด จึงได้ส่งสัญญานเป็นกระจกส่องแสงลงมา เพื่อส่งสัญญานให้ด้านล่างลงมือได้เลย
           เมื่อได้เห็นสัญญานที่ส่งมา ทหารของกองทัพเว่ยที่มารอเวลาก็ได้เข้าโจมตีตรงกลางของกองทัพเยี่ยน ด้วยในส่วนนี้จะเป็นชาวบ้านที่็ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร เมื่อถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัวจึงพยายามจะหนี ทำให้กองทัพเริ่มวุ่นวายคนจำนวนมากเมื่อพยายามหนีตายจึงได้เหยียบกัน บ้างก็ล้มลุกคลุกคลานจนเสียรูปขบวนเป็นภาพที่ชวนน่าเวทนา
          นายกองและตำแหน่งคอยจัดวางทัพของแคว้นเยี่ยน ต่างตะโกนให้อยู่ในกฏระเบียบเมื่อเห็นความสับสนวุ่นวาย แต่ช่วงเวลาที่ความหวาดกลัวได้มีเต็มหัวใจใยจะฟังคำสั่งได้อยู่อีก
           ภาพทหารแคว้นเยี่ยนที่พยายามหนีตายเหยียบกันวุ่นวายล้มลุกคลุกคลานดูสับสนอลหม่านแต่กลับเป็นการดีสำหรับพลธนูของแคว้นเว่ยที่อยู่บนเนินเขา พลธนูที่อยู่ด้านบนก็เริ่มยิงลงมาข้างล่างดังห่าฝน จนทหารของแคว้นเยี่ยนเริ่มล้มตายเป็นจำนวนมากด้วยเสียเปรียบคนที่อยู่ที่สูงกว่า แต่จะเลือกยิงเฉพาะที่ไม่มีกระจกติดไว้ตามบ่าของทหาร เพราะคนเหล่านี้คือคนแคว้นเว่ยที่ถูกส่งไปปะปนสร้างความวุ่นวายในทัพเยี่ยน
          ทหารแคว้นเว่ยที่ถูกส่งไปแฝงตัวในฝ่ายศัตรูจำนวนมากได้ตะโกนพร้อมกัน เมื่อได้เห็นความสับสนวุ่นวายจนยากจะควบคุมแล้ว
          “กองทัพเยี่ยนแพ้แล้วถอยทัพ”
          “ถอยทัพเร็ว แม่ทัพยอมแพ้แล้ว”
          การตะโกนต่อๆกัน จึงทำให้ทัพเยี่ยนที่หวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งพยายามจะหลบหนี การเดินตามแผนทุกย่างก้าวของกองทัพเว่ยจึงทำให้ทหารแคว้นเยี่ยนหวาดกลัวราวกับอุปทานหมู่ ต่างพยายามหนีตายกันจ้าละหวั่นจนเกิดภาพคล้ายกับมดที่พยายามหนีตายจากกระทะตั้งไฟ
           ทหารแคว้นเยี่ยนที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้การสื่อสารถูกส่งต่อจนกลายเป็นความเข้าใจผิดความโกลาหลจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดายจากกองทัพที่จัดทัพมาอย่างน่าเกรงขามบัดนี้ได้แตกกระจายจนเป็นภาพน่าอดสู ต่อให้ผู้รับหน้าที่คอยควบคุมดูแลจะพยายามตะโกนให้จัดระเบียบอีกครั้ง ก็ไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว
          เมื่อสร้างความวุ่นวายสำเร็จจึงได้ถอดชุดออกจึงทำให้สามารถแยกออกจากทหารทัพเยี่ยนได้อย่างชัดเจน จึงไม่มีการฆ่าฟันกันเองในทัพเว่ยแต่กลับสร้างกำลังใจให้เพิ่มขึ้นมาอีก ว่าการสร้างความปั่นป่วนได้สำเร็จไปอีกขั้นแล้ว
          ทหารทัพเยี่ยนที่ถูกกวาดต้อนลงแม่น้ำต่างพยายามหนีขึ้นฝั่ง แต่ก็หาได้มีชีวิตรอดไปได้ เพราะทหารแคว้นหานได้อยู่รออีกฝากฝั่งแล้วเช่นกัน
          กองทัพเว่ยที่ไล่ฆ่าศัตรูอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้สนามรบอันกว้างใหญ่นี้เต็มไปด้วยศพที่มากมายมหาศาลนัก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยนกแร้งที่บินวนไปมาเพื่อรอเวลาที่ทุกอย่างสงบลง จะได้มีอาหารครั้งใหญ่ได้อิ่มหมีพลีมันเป็นแน่
          เมื่อได้ยินว่าให้ถอยทัพ กองทัพเยี่ยนยิ่งหนีกระจัดกระจายจนไม่สามารถสั่งรวมทัพได้อีกภาพที่ทหารแคว้นเว่ยได้เห็นในวันนี้คงจะได้ นำไปเล่ากันชั่วลูกชั่วหลานกันเลยทีเดียว กับความภูมิใจที่สามารถชนะทหารที่นำทัพมามากมายมหาศาลได้ในคราวเดียว