บทที่2 เจราจาการค้า
 โจวฟางหลินนึกทบทวนเรื่องราวในชาติก่อน นางมีคนรู้จักที่ทำการค้าอาวุธ ท่านพ่อเคยได้ติดต่อยามเมื่อเกิดศึกสงครามแล้วทางเมืองหลวงไม่ส่งอาวุธมาให้อ้างว่า พึ่งส่งไปให้ทางหัวเมืองอื่นจึงทำให้ไม่สามารถจะมีพอส่งมาที่หัวเมืองทางเหนือ ตระกูลของนางเป็นแม่ทัพมาตั้งแต่ท่านปู่ แต่ท่านพ่อมีเพียงบุตรสาว มีนางเป็นบุตรสาวของฮูหยินเอกเพียงคนเดียว ท่านพ่อจึงจำเป็นต้องรับ อนุหูจางเหมย เพื่อจะได้มีบุตรชายสืบทอด แต่ก็ยังคงเป็นสตรี เมื่อบิดาเสียชีวิตจึงมีนางเป็นบุตรสาวสายตรงเพียงผู้เดียว
 โจวฟางหลินคิดว่าถ้าติดต่อท่านเหลียวที่เคยทำการค้ากับท่านพ่อสำเร็จ จะติดต่อกับอีกหนึ่งคน ท่านเหล่าหลาน เป็นคนค้าข้าวสารทุกชนิดรายใหญ่และมีเกลือที่สามารถส่งขายให้เกือบทั้งแคว้นด้วยการผูกขาดสัมปทานไว้ จริงๆแล้วราชสำนักจะเป็นผู้ควบคุมการค้าเกลือไว้ขายแต่เพียงผู้เดียว แต่ไม่รู้ว่านายท่านเหล่าหลานได้สัมปทานการขายเกลือมาจากราสำนักได้อย่างไร แต่ต้องเสียภาษีที่ถูกเรียกเก็บเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน เรื่องเกลือนางสามารถทำได้เพราะหลังจากที่จะเสียขีวิตได้มีคนสามารถผลิตเกลือบริสุทธิ์ได้จนสร้างกำไรมหาศาล แต่ต้องหลังจากนี้เกือบสามสิบปี
 ร่างบางได้ออกจากจวนตั้งแต่รุ่งสางเพราะไม่ต้องไปขออนุญาติกับฮูหยินผู้เฒ่า ดัวยเพราะไม่ได้ตัังกฏเกณฑ์ไว้ ว่าจะต้องขออนุญาตถึงจะออกไปได้ จึงเริ่มจากการจะไปเจรจากับท่านเหลียวก่อน ไม่ได้หนักใจเรื่องเงินทอง ด้วยเพราะเป็นบุตรสาวสายตรงเพียงผู้เดียวจึงได้สินเดิมที่ติดตัวมาเยอะมากมาย รวมทั้งร้านค้าสิบกว่าแห่ง การซื้ออาวุธมากักตุนย่อมใช้เงินมหาศาล แต่คิดว่าน่าจะมีเงินเพียงพอแน่นอน
  “ช่วยไปแจ้งท่านเหลียว ข้าโจวฟางหลินบุตรสาวท่านแม่ทัพโจวมาขอเข้าพบ” เอ่ยกับคนเฝ้าประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย
  “รอสักครู่ข้าขอไปเรียนนายท่านก่อน” คนเฝ้าประตูมองแม่นางที่อายุยังน้อยแต่มีกิริยาที่ดูสง่างามผิดกับสตรีวัยเยาว์ทั่วไป จึงได้เอ่ยว่าจะไปเรียนนายท่านเสียก่อน
  “นายท่านมีแม่นางผู้หนึ่งได้มาขอเข้าพบ ชื่อโจวฟางหลินเป็นบุตรท่านแม่ทัพโจวขอรับ”
  ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ลูบเครายาวตัดเล็มเป็นระเบียบด้วยท่าทางครุ่นคิด เขาย่อมจำแม่ทัพโจวได้และทำการค้ากันหลายครั้ง เป็นคนดีเลยทีเดียวแต่ที่แปลกใจว่าทำไมบุตรสาวของแม่ทัพโจวที่อายุยังน้อยถึงได้มาขอพบเขา นายท่านเหลียวผู้นี้ไม่คิดทำการค้าขาดทุนหรอกนะ
  “เจ้าไปเชิญแม่นางโจวเข้ามาได้” นายท่านเซียวจึงนั่งรอด้วยความอยากรู้เช่นกันว่าแม่นางน้อยจะมาด้วยเรื่องอันใด
  “คำนับนายท่านเซียว”
  ชายร่างสูงใหญ่ได้จ้องมองสตรีตรงหน้าที่สวมใส่ชุดสีแดงจนเกือบดำผ้าคลุมปักลายสวยงามก็เป็นสีดำเนื้อผ้าพริ้วไหว นางดูอ่อนน้อมแต่ไม่สามารถกดข่มได้ ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้า ปกติคนที่จะเข้ามาพบเขามักจะอ่อนน้อมจนน่าลำคาญ แต่แม่นางน้อยผู้นี้กลับไม่มีท่าทีประหม่าสักนิด ยิ่งสายตาที่มองมาดูล้ำลึกจนไม่สามารถคาดเดาได้ นายท่านเหลียวถึงกับอมยิ้มชอบใจที่มีคนที่กล้าสบตาเขาในรอบหลายปี ด้วยผู้คนต่างรู้ว่าเขาเป็นพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ อิทธิพลต้องย่อมไม่ธรรมดาการจะเข้าพบเขาย่อมมีความเกรงกลัวไปด้วยไม่ใช่เย็นชาถึงเพียงนี้
  “แม่นางโจวเชิญนั่ง”นายท่านเหลียวผายมือที่นั่งฝั่งตรงข้ามการเจรจาการนั่งตรงข้ามมักจะสังเกตุคู่เจรจาได้ชัดเจน คนบางคนหวั่นเกรงและคนบางคนก็ไม่ได้หวั่นไหว ซึ่งจะสามารถอ่านได้จากกิริยาที่แสดงออกมา
  “ข้ามีเรื่องจะมาเจรจาการค้ากับท่านเหลียวเจ้าค่ะ” ร่างบางเอ่ยด้วยเสียงที่นุ่มนวลชวนฟังผิดกับใบหน้าที่เรียบสนิทสายตาจับจ้องไปที่่คู่สนทนาไม่ไดัหลบสายตาแต่อย่างใด
  “อ่อ.แล้วเจ้าจะมาเจรจากับข้าเรื่องอันใด ข้าคิดว่าน่าจะรู้ว่าข้าค้าขายเพียงสิ่งเดียว” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่าจะเจรจากับเขาได้ตรงจุดรึไม่
  “ข้าย่อมรู้ และก็ต้องการเป็นจำนวนมาก ท่านจะมีสินค้าให้ข้ารึไม่”
  นายท่านเหลียวไม่ตอบทันที นั่งจับจ้องไปที่ใบหน้างดงามที่ยังสงบนิ่ง สายตาทั่งคู่สบประสานแต่ร่างบางยังคงไม่หลบสายตากับผู้ทรงอำนาจในตลาดค้าอาวุธ จนร่างสูงใหญ่หัวเราะในความใจกล้าของสตรีตรงหน้า ขนาดบุรุษยังไม่กล้าสบสายตากับเขานานเพียงนี้ แม่นางน้อยผู้นี้ช่างเด็ดเดี่ยวเสียจริง ไม่เลว ไม่เลว เลยทีเดียว
  “เจ้าต้องการอะไรบ้างและจำนวนเท่าไหร่”นายท่านเหลียวหยั่งเชิงว่านางจะรู้ว่ามีอาวุธอะไรบ้าง ที่เขามีในตอนนี้
  โจวฟางหลินยกยิ้มด้วยรู้ว่าชายตรงหน้ากำลังหยั่งเชิงอยู่ นางผ่านมาชาติหนึ่งแล้วและอยู่ในกองทัพมาตลอดจะไม่รู้เลยรึว่าจะมีอาวุธอะไรบ้าง
  “ข้าต้องการ ดาบ หอก ง้าว กระบอง ธนูหน้าไม้ และทวนววงเดือน ท่านสามารถหาสินค้าได้จำนวนมากหรือไม่” ร่างบางเอ่ยอย่างคล่องแคล่ว ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบกับท่านั่งที่หลังเหยียดตรงดูสง่างาม ไม่เหมือนสตรีวัยเยาว์เลยสักนิด
 “นายท่านเหลียวถึงกับนิ่งอึ้ง เขาพอรู้มาบ้างว่าแม่ทัพโจวมีบุตรสาวสายตรงอยู่หนึ่งคน แต่ไม่คิดว่าจะมีกิริยาท่าทางน่าเกรงขามตั้งแต่อายุยังน้อยถึงเพียงนี้
  “ข้าย่อมมีในสิ่งที่แม่นางต้องการเพียงแต่มันจะมีมูลค่ามหาศาลนักแม่นางจะมีจ่ายรึ”
  “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาท่านลองว่าราคามาได้” เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด นางเจอะเจอคนมามากมาย ผู้ทรงอิทธิพลก็เจอะเจอมามาก นายท่านเหลียวจึงไม่ได้ทำให้ตระหนกตกใจได้ถึงเพียงนั้น
  “แบบนี้ข้าก็จะรวบรวมสิ่งที่แม่นางต้องการและจะให้ราคาที่ยุติธรรมแน่นอน ยินดีที่ได้ร่วมทำการค้าด้วยกัน”นายท่านเหลียวเอ่ยออกมาด้วยความเป็นงานเป็นการไม่เหมือนเจราจาการค้ากับสตรีที่ยังอ่อนเยาว์ผู้หนึ่ง
  “หวังว่าการร่วมมือครั้งนี้จะราบรื่น ขอบคุณนายท่านเหลียวที่สละเวลามาเจอข้า วันนี้ขอลากลับก่อน”โจวฟางหลินไม่คิดว่าการค้าครั้งนี้จะราบรื่นถึงเพียงนึ้ เมื่อเสร็จจากการทำข้อตกลงเรียบร้อยจึงได้กลับออกไป
   โจวฟางหลินไม่ได้กลับจวนในทันที เดินดูร้านค้าที่เป็นสินเดิมติดตัวมา ท่านแม่แทบจะขนเงินทองมาเป็นสินเดิมของนางจนแทบหมดจวน ด้วยเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ส่วนอนุและบุตรสาวของท่านพ่อ ท่านแม่ก็ไม่ได้ละเลย ยังคงมีแบ่งให้ไปด้วยฐานะบุตรของแม่ทัพเช่นกัน จะไม่มีสินเดิมออกไปได้อย่างไร ท่านแม่เป็นคนมีจิตใจดี อนุที่อยู่ในจวนถึงจะอิจฉาแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มาก ด้วยท่านพ่อทั้งรักและให้เกียรติท่านแม่มาเป็นอันดับหนึ่ง อนุหูจึงมักเอาความอิจฉานี้ไปสั่งสอนบุตรสาว จนทำให้ ‘โจวฮวาเอ๋อ’ ดูแก่แดดแก่ลมเสียกว่าจะดูน่ารักสมวัย
   ร่างบางคิดว่าจะขายร้านค้าทั้งหมดเหลีอไว้เพียงแค่สองร้านก็พอเอาเงินมาที่ได้จากการขายร้านค้ามาสมทบไว้เพื่อที่จะมาลงทุนต่อเสียดีกว่า และตอนนี้คงต้องซื้อที่ดินผืนใหญ่เพื่อที่จะมาเก็บสินค้า การจะสร้างอาณาจักรของตัวเองย่อมมีกาารลงทุนที่มหาศาลเช่นกัน
  เมื่อยังพอมีเวลาจึงไปหาที่ดินที่คิดจะซื้อไว้เก็บสินค้า เมื่อได้สอบถามจึงรู้ว่ามีที่ดินบนภูเขาที่ทางการสามารถให้ซื้อขายได้
  “ที่ดินตรงนี้มีบริเวณเท่าใดหรือ” โจวฟางหลินได้เอ่ยถามเจ้าหน้าที่ที่ปกครองในเขตหัวเมืองเหนือ ซึ่งจะมีแผนผังของทางการว่าตรงไหนสามารถขายให้กับชาวบ้านได้ และนางก็ชอบตรงนี้ ห่างไกลผู้คนนั่งรถม้าถึงหนึ่งชั่วยาม และอยู่ในทำเลที่ตั้งมิดชิดการป้องกันย่อมง่ายกว่าที่ชุมชน
  “มีเนื้อที่ประมานหนึ่งร้อยหมู่ ถ้าภายภาคหน้าต้องการขยายก็มาวัดพื้นที่ใหม่ได้” เจ้าหน้าที่คิดว่าคงจะมีเพียงแม่นางน้อยนี้ผู้เดียวที่จะมาซื้อที่ดินในที่ห่างไกลเช่นนี้ ไม่เคยมีใครมาถามซื้อในที่ดินอันห่างไกลความเจริญเช่นนี้มาก่อน
   “ที่ดินตรงนี้ขายอย่างไรรึ ข้าต้องการทั้งหมด” ไม่ต้องการให้มีผู้ใดมาซื้อติดกับนางอีก จึงต้องซื้อทั้งหมดตรงนี้
  “ถ้าทั้งหมดจะมีประมานสองร้อยหมู่ ขายเพียงหมู่ละสิบตำลึงถ้าตกลงตามนี้ก็ไปทำสัญญาซื้อขายได้เลย” เจ้าหน้าที่รูปร่างไม่สูงไม่ต่ำ มีใบหน้าซื่อตรง ถึงกับตะลึงหลังจากได้ยินว่า แม่นางน้อยผู้นี้จะซื้อที่ดินเยอะถึงเพียงนี้ห่างไกลผู้คนมากนักยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสความเจริญจะเข้ามาถึงได้เมื่อใด
  โจวฟางหลินพยักหน้าและได้เดินทางกลับไปที่ทางการเพื่อทำสัญญาซื้อขายให้เรียบร้อย กว่านางจะกลับถึงจวนก็เกือบยามซิน(15-16.59)
  “ฮูหยินน้อยเจ้าคะไปไหนมาจึงกลับมาเย็นย่ำเช่นนี้ ซุนหงขอตามไปด้วยก็ไม่ให้ไปด้วย” ซุนหงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอนด้วยความเป็นห่วง นายหญิงออกจากจวนตั้งแต่ย่ำรุ่งมากลับเอาเย็นป่านนี้ ไม่มีผู้ติดตามเลยสักคน มีแค่คนขับรถม้าเพียงเท่านั้น จะไม่ให้นางเป็นห่วงได้เช่นไร
  โจวฟางหลินเพียงยกยิ้มด้วยความเอ็นดูเด็กน้อย ถึงตอนนี้ซุนหงจะมีอายุแก่กว่านางหนึ่งปี แต่ในชาติก่อน ก่อนที่นางจะจบชีวิตลงนางอายุ59ปี จะไม่ให้นางเอ็นดูบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์คนนี้ได้อย่างไร นางยังจำภาพชุนหงในตอนนั้นได้ดี นางไม่ยอมออกเรือน เพียงเพื่อจะอยู่กับเจ้านายที่อยู่แต่ในกองทัพกับสามียามนางถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ด้วยข้าศึกต้องการกำจัดคนวางแผนรบ ซุนหงก็รอนางกลับมาที่จวนเพื่อจะมาคอยรับใช้ด้วยความภักดี พอคิดมาถึงตอนนี้ร่างบางได้ยื่นมือเรียวมาจับมือชุนหง ที่ผ่านงานมามากมายจนไม่ได้นิ่มนวลเช่นสตรีในห้องหอที่ไม่ต้องทำอะไรจะมีบ่าวมาทำแทนเสียหมด
  ชุนหงยิ้มกว้างที่ฮูหยินน้อยเอ็นดูนางยิ่งกว่าผู้ใด จึงมีความรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยใบหน้ากลมจึงมีรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า
  “ฮูหยินน้อยทานข้าวเลยรึไม่เจ้าคะ”
  “ยังดีกว่า ข้าจะอาบน้ำเสียหน่อย เจ้าไปเตรียมให้ข้าเถอะ”
 ซุนหงมองนายหญิงด้วยความแปลกใจ นายหญิงของนางมักจะช่างพูดช่างเจรจามากว่านี้ ถึงจะเคยเป็นกุนซือในกองทัพ แต่เคยเห็นทั้งในด้านสดใส และจริงจังมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นที่นายหญิงจะมีท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเช่นนี้ ใบหน้าเรียบเฉยดวงตาสงบนิ่งดูเหมือนเหวลึกที่มิมีก้นที่หยั่งถึง ดูมีความสง่างามแบบที่สตรีวัยเดียวกันไม่มีและดูมีอำนาจจนนางไม่กล้าสบตายามที่ต้องการจะอยู่เพียงลำพัง
  โจวฟางหลินหลังจากชำระร่างกายจนสดชื่น ก็ครุ่นคิดว่าในวันพรุ่งนี้จะไปหา เหล่าหลาน ที่เป็นพ่อค้ารายใหญ่และคนผู้นี้ก็ได้รับสัมปทานจากทางการผูกขาดการจำหน่ายข้าวสารทุกชนิดและเกลือมีทั้งส่งเข้าไปที่วังหลวงและกระจายไปตามหัวเมืองต่างๆ เพียงแต่ต้องการจะซื้อเพียงข้าวสาร ส่วนเกลือจะให้คนผลิดโดยนางเป็นผู้ควบคุม การค้าเกลือเป็นสิ่งผิดกฏหมาย แล้วอย่างไร ค้าอาวุธไมีผิดกฏหมายรึ ถ้าจะเพิ่มเกลือที่ผลิตได้ออกมาอย่างบริสุทธิ์ และได้กำไรมหาศาลทำไมถึงจะไม่ทำเล่า
ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ🥳🥳
กลับมาคราวนี้นางเอกไรท์ไม่ได้สวยใสเหมือนเดิมแล้ว
อย่าลืมกดเข้าชั้นด้วยนะคะ 💓💓