Share

ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน
ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน
Author: วอลจู

๑ เป็นเพียวตัวแทน

last update Last Updated: 2025-08-09 01:21:38

เสียงพูดคุยของแขกเหรื่อพร้อมทั้งเสียงจุดประทัดดังกึกก้องไปทั่วจวนหลี่อ๋อง บรรยากาศโดยรอบอบอวลด้วยความเป็นมงคล ทุกพื้นที่ภายในจวนล้วนถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยดอกไม้นานาพรรณและผ้าแพรชาดสีแดงสัญลักษณ์ของวันแต่งงาน

พิธีสมรสอันยิ่งใหญ่ของหลี่อ๋องผู้สูงศักดิ์ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ แม้แต่เหล่าสตรีทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พากันอิจฉาวาสนาของคุณหนูไป๋กันถ้วนหน้า

เรื่องราวความรักระหว่างคุณหนูไป๋กับหลี่อ๋องนั้น…

มีหรือจะมีผู้ใดไม่รู้จักเกรงว่าแม้แต่เด็กสามขวบยังสามารถเล่าออกมาได้เป็นฉากๆ

คุณหนูไป๋จากตระกูลพ่อค้าได้บังเอิญพบรักกับหลี่อ๋องผู้สูงศักดิ์ราวกับสวรรค์กำหนดเอาไว้แล้ว เรื่องราวนี้ถูกเล่าต่อๆ กันมา จนกระทั่งถูกนำไปแต่งเติมกลายเป็นบทละครในโรงน้ำชา…

เดิมทีตระกูลไป๋เป็นเพียงแค่เจ้าของร้านขายน้ำเต้าหู้เล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าออกของชายแดนเท่านั้น ทว่ากลับมีบุตรสาวผู้หนึ่งรูปโฉมงดงามสะคราญราวกับเทพธิดา…ทว่าความงามนี้ย่อมเป็นได้ภัยได้ในคราเดียวกัน

กล่าวกันว่า…เช้าตรู่วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์โจรฉกรรจ์บุกหมายจะชิงตัวคุณหนูไป๋เป็นเมีย ทว่าโชคชะตานำพาให้หลี่อ๋องผ่านมาเห็นเข้าพอดีจึงช่วยเหลือไว้ได้ทันการณ์ และนั่น...จึงกลายเป็นรักแรกพบที่นำพาสู่วันแห่งพิธีสมรสในวันนี้

เสียงประทัดค่อยๆ เบาลง ทว่ากลิ่นควันยังลอยอบอวลอยู่ในสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดโชยผ่าน เสียงหัวเราะและเสียงร่ำสุราดังแว่วมาจากห้องโถงใหญ่ แขกเหรื่อพากันหลั่งไหลเข้าแสดงความยินดีไม่ขาดสายต่างก็กล่าวคำอวยพรด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม...ขอให้หลี่อ๋องมีทายาทในเร็ววัน

ขณะเดียวกันนั้น ด้านในของห้องหอ…คุณหนูไป๋สวมใส่ชุดอารมณ์มงคลเจ้าสาวสีแดงสดถูกสาวใช้ประคองให้นั่งรออยู่บนเตียง ใบหน้าคนงามถูกคลุมทับด้วยผ้าผืนสีแดงอีกที

“เชิญพระชายานั่งรอหลี่อ๋องก่อนเถอะเพคะ…” น้ำเสียงนุ่มนวลของสาวใช้เอ่ยดังขึ้น

“…” ไป๋ซูเหยาไม่ได้เอ่ยอันใด

นางเพียงพยักหน้าเบาๆ เล็กน้อยเท่านั้น ใบหน้าคนงามภายใต้ผ้าคลุมล้วนเต็มไปด้วยความประหม่า ริมฝีปากแดงเม้มแน่นราวกับต้องการข่มความรู้สึกว้าวุ่นใจ

ปานนี้แล้วจะมีผู้ใดรู้บ้างหรือไม่ว่า…นางมิใช่ไป๋เหยียนหลัน

สตรีที่สวมชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลร่วมกราบไหว้ฟ้าดินพร้อมกับหลี่อ๋องนั้น…แท้จริงแล้วคืออีกคนแทน

เดิมทีในสายตาของบิดานั้น ไป๋ซูเหยาย่อมถูกมองว่าไร้ค่าและไร้ประโยชน์อยู่แล้ว

และเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างไป๋เหยียนหลันและหลี่อ๋องค่อยๆ ถักทอสานต่อจนเป็นด้ายแดงนั้น บุตรสาวที่แสนงดงามราวเทพธิดายิ่งกลับกลายเป็นภูมิใจสามารถยืดอกนำไปพูดจาโอ้อวดได้กับทุกคนแต่สำหรับไป๋ซูเหยานั้น…ย่อมถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวที่งดงามและวาสนาที่สูงส่งอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้จะตั้งใจหรือพยายามเพียงใดในฐานะบุตรสาวผู้หนึ่งทว่าก็ยากที่จะมีสิ่งใดที่สามารถทำให้บิดาภูมิใจได้

มิหนำซ้ำยังถูกกล่าวหาว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก…

แต่ทว่าผู้ใดจะรู้เล่า…วาสนาที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือของไป๋เหยียนหลันนั้นกลับขาดสะบั้นลงอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว

เช้าตรู่ของวันแต่งงาน...ไป๋เหยียนหลันกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นางมิได้ทิ้งสิ่งใดเอาไว้ แม้แต่จดหมายสักฉบับเพื่อกล่าวขอโทษต่อบิดาก็ไม่มี

เรือนนอนของคุณหนูใหญ่สงบเงียบผิดปกติ สาวใช้ที่เข้าไปเตรียมชุดเจ้าสาวกลับพบเพียงความว่างเปล่า หีบผ้าใบใหญ่ที่เตรียมไว้เป็นสินเดิมเจ้าสาวถูกเปิดทิ้งไว้…ภายในว่างเปล่า ทั้งอาภรณ์ไหมเครื่องประดับทองและเงินตราที่จัดเตรียมไว้อย่างดีหายไปหมดสิ้น

บุตรสาวที่บิดารักใคร่ทำเช่นนี้…นายท่านไป๋ย่อมรู้สึกโกรธเคืองและขายหน้าอยู่ไม่น้อย

หากเกี้ยวเจ้าสาวที่ถูกส่งมารับกลับไปยังจวนหลี่อ๋องมีเพียงความว่างเปล่า…ไร้เจ้าสาว เกรงว่าจะไม่เพียงแค่เสียหน้าแต่ยังอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นสั่นคลอนสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลได้

“หลี่อ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ…”

จู่ๆ น้ำเสียงของสาวใช้เอ่ยดังขึ้นเรียกสติของไป๋ซูเหยาให้กลับคืน นางชะงักเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเพียงแค่เงาร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น

ไม่รู้เลยว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด…หรือบางทีอาจเป็นเพราะนางมัวแต่จมอยู่ในภวังค์จนไม่ทันสังเกต

แม้จะเคยพบหน้าหลี่อ๋องผู้นี้อยู่เพียงสองครา ทว่านางกลับไม่เคยได้พูดคุยกันแม้แต่ครึ่งคำ ไป๋ซูเหยาตกใจไม่น้อยก่อนจะรีบลุกขึ้นยอบกายคำนับตามมารยาททันที

ทว่ายังไม่ทันเอ่ยอันใด น้ำเสียงเย็นชาดุจเหมันต์ก็ดังขึ้น

“หึ! อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถแทนนางได้” สายตาคมกริบของหลี่เจิ้งเฉินทอดมองนางอย่างดูแคลน ความไม่พอใจฉายชัดอยู่ในทุกถ้อยคำ

ไฉนสตรีที่เขารักและหมายปองจะร่วมเรียงเคียงหมอนในคืนเข้าหอกลับกลายเป็นสตรีแปลกหน้าผู้นี้!

เขารู้จักไป๋เหยียนหลันมาเนิ่นนานย่อมรู้ว่านางไม่มีทางที่จะหายไปโดยไม่กล่าวคำร่ำลาเช่นนี้แน่! หลี่เจิ้งเฉินกัดฟันกรอด มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมา

มุมปากหนายกยิ้มเยาะ หลี่เจิ้งเฉินยังคงสาดคำพูดเย็นชาใส่สตรีตรงหน้าไม่หยุด “อย่าได้ดีใจระริกระรี้ว่าจะได้เป็นภรรยาข้า! หากไป๋เหยียนหลันกลับมาเมื่อใด ผู้ที่สมควรไสหัวไปก็คือเจ้า!”

ไฉนเลยเขาจะสามารถทำใจยอมรับสตรีผู้นี้เป็นภรรยาได้!

ไป๋ซูเหยาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าคนงามภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวไร้อารมณ์ใดๆ ดวงตาคู่งามดั่งเมล็ดซิ่งแต่กลับฝืนไม่ให้สั่นไหวหรือหวั่นกลัวบุรุษตรงหน้า

นี่หาใช่ความผิดของนางเช่นกัน!

เหตุใดจึงเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมาราวกับว่านางเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไป๋เหยียนหลันหายไป!

“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ…” น้ำเสียงของนางเบาหวิวราวกับจะหายไปตามสายลม หากเยือกเย็นในคราเดียวกัน

ยามนี้ไป๋ซูเหยาหาได้ใส่ใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว นางยกมือขึ้นถอดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกด้วยตนเองอย่างเงียบเชียบ ไม่แม้แต่จะรอให้บุรุษตรงหน้าใช้คันชั่งเปิดออกตามธรรมเนียมปฏิบัติของคืนเข้าหอ…

อย่างไรเสีย…นางก็เป็นเพียงตัวแทนเท่านั้น

ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าถูกเปิดออก ดวงตาคู่งามพลันสบเข้ากับสายตาคมกริบของหลี่เจิ้งเฉินพอดี นางชะงักไปเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้เขาถึงเพียงนี้…ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบขึ้นในอกจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพื่อกลั้นอารมณ์

“ในเมื่อท่านไม่เต็มใจ…ข้าเองก็มิเคยยินดี” น้ำเสียงหวานของไป๋ซูเหยาเอ่ยขึ้นราบเรียบ

ว่ากันตามตรงแล้ว…ไหนเลยนางจะมีสิทธิ์เลือก หากมิขึ้นเกี้ยวแทนพี่สาวผู้อื่นก็มีแต่จะถูกส่งไปเป็นอนุภรรยาของตาเฒ่าชราผู้หนึ่งแทน!

อวดดี!

หลี่เจิ้งเฉินขบกัดฟันกรอดด้วยโทสะ เขาก้าวเข้ามาใกล้นาง ฝ่ามือหนาพลันยกขึ้นบีบรัดลำคอระหงของสตรีตรงหน้าโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดก่อน ราวกับจะตอกย้ำว่าสตรีผู้นี้ไม่มีทางขึ้นมาแทนที่ได้!

มุมปากหนาของเขายกยิ้มเย้ยหยัน “ไม่เคยยินดีหรือ…”

น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างเย็นชา ดวงตาคมกริบไล่สายตามองเรือนร่างอรชรผ่านอาภรณ์แต่งงานสีแดงสดอย่างดูแคลน

กลิ่นกำยานหอมอ่อนๆ ลอยอบอวลอยู่ทั่วห้อง เทียนมงคลสีแดงลุกไหม้พลิ้วไหว เปลวไฟส่องผ่านม่านแพรบางพลิ้วเงาสะท้อนของบุรุษและสตรีทาบทับอยู่บนฉากผ้าไหมลวดลายนกหยวนยาง

หากแต่ ในสายตาของหลี่เจิ้งเฉินกลับไม่ต่างจากฉากละครลวงตาที่ชวนให้หัวเราะเยาะยิ่งกว่าการแสดงตลกในโรงเตี๊ยมเสียอีก!

“เกรงว่าคงระริกระรี้อยากจะร่วมเตียงกับข้าเสียมากกว่า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยขึ้นชิดใบหู ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดแนบแก้มนวลอย่างจงใจกลั่นแกล้งอีกฝ่าย

ทว่าหลี่เจิ้งเฉินพลันสูดดมกลิ่นหอมไปอย่างไม่รู้ตัว

ไป๋ซูเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกคล้ายตั้งสติ แม้ลำคอจะถูกบีบรัดแน่นจนคล้ายรู้สึกจุกแน่นอกหายใจไม่ออก ทว่าดวงตาคู่งามยังคงแน่วนิ่งไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัวฉายออกมาเลยแม้แต่น้อย

นางแค่นหัวเราะเยาะเสียงต่ำ ทั้งที่หายใจติดขัด น้ำเสียงหวานแหบแห้งกล่าวออกมา “หากข้าอยากจะร่วมเตียงกับหลี่อ๋อง…เกรงว่าข้าคงไม่ถอนเพียงผ้าคลุมหน้ากระมัง!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๙ วาสนาแบ่งแยก

    ลมพัดเฉี่ยวผ่านหน้าต่างเรือนเล็กเก่าโทรม เสียงกระเบื้องหลังคากระทบกันแผ่วเบา ราวกับจะสะท้อนความหนาวเหน็บที่กัดกินกระดูกจนลึกถึงหัวใจ ภายในห้องนั้น เงียบสงัด…ไป๋เหยียนหลันนั่งพิงหัวเตียงเก่า มือทั้งสองลูบหน้าท้องที่ป่องที่ใกล้คลอดเต็มที แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเต็มทีทว่านางกลับต้องลุกขึ้นจัดของใช้และคอยปรนนิบัติจางสือ แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องสะท้อนเงาบนใบหน้าคนงามที่ซีดเผือด ผมยาวสยายกลางหลังดูยุ่งเหยิงไร้การบำรุงหรือดูแลใส่ใจ ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์ใหญ่สีซีด มีรอยปะชุนให้เห็นเด่นชัด ดวงตาที่เคยเปล่งประกายอวดดี บัดนี้หม่นหมองราวเถ้าถ่านไฟที่มอดดับ ว่ากันตามตรงแล้ว นับตั้งแต่นางตั้งครรภ์อ่อนๆ จนกระทั่งใกล้คลอด ไป๋เหยียนหลันก็ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่ นอนหลับไม่เต็มอิ่มลุกขึ้นทำหน้าที่ปรนนิบัติสามีทุกเช้า นางต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมืดและเข้านอนหลังเขาเสมอ แม้เขาจะสนใจและเหลียวแลนางอยู่บ้างแต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากจวนไป นางก็ไม่ต่างอันใดจากอยู่ผู้เดียวเพียงลำพัง แม้ในจวนสกุลจางจะมีทั้งจางฮูหยิน น้องสาวและน้องชายของเขาอยู่พร้อมหน้า แต่นับจากวันที่นางมีปากเสียงปะทะคารมกับจางฮูหยินครั้งนั้นก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๘ จวนหลี่อ๋องราบรื่น

    ค่ำคืนนี้เงียบงัน ท้องฟ้ามืดมิดสนิทไร้แสงจันทราสาดส่อง ทั่วทั้งจวนต่างดับตะเกียงมืดสนิท เหล่าสาวใช้พากันปิดเรือนนอนหลับพักผ่อนทว่าภายในเรือนหลังหนึ่งกลับยังคงสว่างไสวด้วยแสงตะเกียง บรรยากาศภายในเรือนเงียบสงัดมีเพียงเสียงพู่กันขูดลงบนกระดาษสาก ไป๋ซูเหยานั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง…หลี่เจิ้งเฉินนั่งอีกฝั่ง ดวงตาคมกริบจับจ้องปลายพู่กันของนางนิ่งๆ หาเอ่ยขัดแม้สักคำ ผู้ใดจะรู้ว่าสตรีที่เคยพูดว่าอ่านเขียนหนังสือไม่ค่อยคล่อง แต่ไฉนยามนี้ลายมือที่ตวัดลงกระดาษกลับงดงามเรียบร้อยยิ่งกว่าอักษรของขุนนางบางคนในราชสำนักเสียอีก หลี่เจิ้งเฉินนั่งเหยียดหลังตรง ท่าทางสงบเสงี่ยมราวกับว่ากำลังรอคำพิพากษา “นี่จะเป็นสัญญาระหว่างเรา” ไป๋ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับเย็นเยียบเสียจนแม้แต่คนฟังก็ยังรู้สึกขนลุกซู่ ปลายพู่กันยังคงตวัดตัวอักษรอย่างมั่นคง ก่อนที่ครู่ต่อมา…นางจะเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับบุรุษตรงหน้าพอดี ใบหน้าของหลี่เจิ้งเฉินปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ทว่าทันใดนั้น…หัวใจกลับเต้นกระหน่ำขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ หลี่เจิ้งเฉินรู้สึกประหม่าไม่น้อย “หนึ่ง! อำนาจในจวนหลี่ทั้งหมดจะอยู่ในมือของข้า ไม่ว่าข้า

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๗ วาจาขาดสะบั้น ใจแหลกสลาย

    ไป๋เหยียนหลันย่อมรู้สึกเสียหน้าและเสียเกียรติอย่างรุนแรง ราวกับว่ายามนี้ นางกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกหลี่เจิ้งเฉินทอดทิ้งอย่างน่าอดสูและเวทนา!นางไม่มีวันยอม!หากจะจบ…เช่นนั้นนางจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาเอง!“กรี๊ดดด! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านกล้าดียังไง!”ใบหน้าคนงามทั้งแดงก่ำทั้งซีดเขียวเพราะโทสะ มือข้างทั้งสองกำแน่นจนสั่น นัยน์ตาคู่งามลุกวาวด้วยเพลิงโทสะราวกับเปลวไฟที่โหมลุกโชนขึ้นท่ามกลางเหมันต์ฤดูแม้แต่ไป๋ฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างกันยังต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางรีบยกมือทาบอก สูดลมหายใจอย่างร้อนรนแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือ “เหยียนหลัน…พอเถิด! อย่าให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เลย!”ไป๋เหยียนหลันหรือจะยอมง่ายๆนางหันขวับไปมองมารดาด้วยดวงตาโกรธเกรี้ยว หาได้เอ่ยอันใดออกมา ก่อนจะปรายกลับไปมองหลี่เจิ้งเฉินอีกครั้ง “กรี๊ดดด! ข้าไม่ยอม! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านไม่มีสิทธิ์เดินหนีข้าเช่นนี้!”น้ำเสียงแหลมคล้ายจะบาดแก้วหูดังลั่น ทำเอาเหล่าสาวใช้รอบบริเวณสะดุ้งเฮือก ต่างพากันยกมือทาบอกด้วยความตกตะลึงบางคนยังอดกระซิบไม่ได้ว่า…แท้จริงแล้วหากวันนั้นไม่มีเรื่องราวผิดพลาด คุณหนูไป๋ผู้นี้ก็คงได้ขึ้นเกี้ยวแต่งเข้ามาเป็นพระ

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๖ จับปลาสองมือ

    หากไม่อยากถูกนางทอดทิ้งจริงๆ เกรงว่าหลี่เจิ้งเฉินก็คงต้องรีบสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียทีหลี่เจิ้งเฉินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ความรู้สึกคล้ายหนามแหลมทิ่มกลางอกทำเอาเขารู้สึกสะดุ้ง สายตาคมกริบมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ เขากระแอมไอเล็กน้อยคล้ายจะกลบเกลื่อน ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“วางใจเถอะ…”ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ…ไป๋ซูเหยาก็สวนกลับทันควัน น้ำเสียงหวานแฝงความดื้อดึง เอาแต่ใจและไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้ นางเชิดหน้าขึ้น สายตาตวัดมองเขาอย่างไม่ยอมลดละ“วางใจหรือ…หากท่านจัดการกับไป๋เหยียนหลันได้เมื่อไหร่ และทำสัญญากับข้าได้เมื่อใด ข้าถึงจะวางใจได้!”ทำสัญญา…?หมายความว่าอย่างไรกันหลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วมุ่นทันที คำถามผุดขึ้นในหัว เขาเลิกคิ้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้ม “สัญญาอะไรหรือ”ไป๋ซูเหยาสะบัดหน้าหันหนีทันที แววตาเรียบเฉยหากลึกลงด้วยความตัดพ้อนางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่คิดจะยกเรื่องนี้ขึ้นถกเถียง “ก่อนอื่น…ท่านควรไปจัดการไป๋เหยียนหลันของท่านให้เรียบร้อยเสียก่อนจะดีกว่าก่อนที่ข้าจะเก็บของเสร็จสิ้น…ถึงตอนนั้น ข้าถึงจะยอมพูดถึงสัญญาที่ท่านอยากได้ยิน!”ยามเฉิน (07.00 – 09

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๕ เหมาะสม คู่ควร

    โจวตงหยางหน้ามองอยู่ข้างนอกประตูมุมปากหนาโค้งยกยิ้มเยาะอย่างดูแคลน เขาหัวเราะเย็นชาพลางเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า“หลี่อ๋องจะหย่าภรรยาแล้วรึ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามทว่าเพียงชั่วอึดใจ โจวตงหยางกลับชะงัก หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้อยคำเมื่อครู่ผิดแปลกไป เขาเลิกคิ้วถามย้อนเสียงเรียบ พลางหลุบสายตาต่ำมองเศษหนังสือหย่าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น“หรือหากจะพูดให้ถูก…คงต้องกล่าวว่าถูกภรรยาหย่าขาดเสียมากกว่าใช่หรือไม่”เดิมทีหลี่เจิ้งเฉินก็หาได้อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดแทงใจเข้าไป ใบหน้ายิ่งเคร่งขรึมลงไปอีกสิบส่วน เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นยะเยือก “หึ! หากข้าหย่าภรรยาแล้วเล่า คุณชายโจวจะอาสาแต่งเข้าจวนหลี่อ๋องเองกระนั้นหรือ”น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและประชดประชันโจวตงหยางหัวเราะแค่นในลำคอทันที “เหอะ! เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงข้าผู้เดียวหรอกกระมัง…ที่อยากเป็นภรรยาหลี่อ๋อง”พอได้ยินถ้อยคำนั้น หลี่เจิ้งเฉินเข้าใจความหมายได้ทันทีเขาถอนหายใจยาวราวจะระบายความอัดอั้นในอก ทว่าก้อนหินนับพันยังทับหัวใจจนหนักหน่วง“นาง…เป็นภรรยาของข้า”โจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้น สายตากรุ้มกริ่มหากแฝงเย

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๔ สะสาง

    ผู้ใดจะรับรู้ความเจ็บปวดได้ลึกซึ้ง หากมิใช่ผู้ที่กำลังเผชิญ หน้ากับรัก…แม้มีวาสนาได้พบพานทว่ากลับไร้วาสนาได้อยู่เคียงข้างไป๋เหยียนหลันหัวเราะเย็นชาในลำคอ ราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน นางโน้มตัวลงช้าๆ ก้มใบหน้าเพ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบของหลี่เจิ้งเฉิน ปลายนิ้วเรียวเชยคางเขาขึ้นอย่างแผ่วเบาน้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่ว หากแต่แฝงด้วยความเยียบเย็นจนฟังแล้วต้องขนลุกซู่ “หากกล่าวว่าข้าเป็นภรรยาของท่าน…แล้วสตรีผู้นั้นเล่า ทั้งที่ท่านรักใคร่นางอย่างลึกซึ้ง ถักทอสานต่อด้ายแดงมาด้วยกันเนิ่นนาน ทว่ายามนี้กลับขาดสะบั้นเพราะข้างั้นหรือ”มุมปากของนางเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันและดูแคลนก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ไฉนจิตใจของบุรุษถึงได้ผันเปลี่ยนง่ายดายนัก”ทว่าหลี่เจิ้งเฉินหรือจะสนใจฟัง ยามนี้ใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น หัวใจแกร่งพลันเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่อยู่กลิ่นหอมอ่อนจางๆ ของสตรีตรงหน้าโชยมาชวนให้นึกถึงค่ำคืนนั้น...ภาพเรือนอรชรงดงามภายใต้แสงสลัวแวบเข้ามาในหัวเขาอย่างไม่รู้ตัวหลี่เจิ้งเฉินจ้องมองอย่างหลงใหล…ราวกับตกอยู่ในภวังค์“เหอะ!” ไป๋ซูเหยาแค่นเสียง หดมือกลับ ก่อนจะถอยออกห่างอย่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status