Share

๒ อวดดี

last update Last Updated: 2025-08-09 01:22:00

หลี่เจิ้งเฉินไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าตอบโต้ด้วยท่าทีอวดดีเช่นนี้!

เขากัดฟันกรอดก่อนจะสะบัดมืออย่างแรงจนร่างบอบบางลอยขึ้นเหนือพื้นเพียงชั่วพริบตา แล้วถูกเหวี่ยงกระแทกลงบนเตียงอย่างไม่ไยดี

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยลอดไรฟัน “ม้าพยศย่อมต้องถูกเฆี่ยน!...สตรีอวดดีสมควรถูกสั่งสอน!”

ตุบ!

ร่างอรชรของไป๋ซูเหยาพลันกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง แม้จะมีฟูกนุ่มรองรับ ทว่าแรงจากการสะบัดของบุรุษผู้นี้กลับรุนแรงราวกับหมายจะให้กระดูกทุกชิ้นในร่างนางแตกร้าวเสียให้ได้

“อ๊ะ!” ไป๋ซูเหยานอนตัวงอด้วยความเจ็บปวด

ทันใดนั้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจโดยไม่ทันคาดคิดว่าอันตรายจะคืบคลานเข้ามาเร็วเพียงนี้

!!!

หลี่เจิ้งเฉินก้าวเข้ามาใกล้ สายตาคมกริบเพ่งมองร่างสตรีตรงหน้าอย่างเยียบเย็น มุมปากหนายกยิ้มเยาะไร้ความอ่อนโยน

หากนางมิใช่สตรีในดวงใจแล้ว…ไม่ว่าสตรีใดก็อย่าได้หวังว่าเขาจะอ่อนโยน ต่อให้นางกระอักเลือดเจียนตายอยู่ตรงหน้าก็อย่าคิดว่าเขาจะเหลือบแลเห็นใจแม้เพียงเสี้ยวสายตา!

“แค่ก! แค่ก!” ไป๋ซูเหยาไอแห้งๆ ออกมาหลายครั้ง

ลมหายใจของนางติดขัดราวกับปอดแทบจะยุบตัว ดวงตาคู่งามพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำใส หากแต่ในใจกลับไม่คิดอ้อนวอนหรือขอความเมตตาจากบุรุษเบื้องหน้าแม้แต่น้อย

นางค่อยๆ ยันกายขึ้นอย่างยากลำบาก ริมฝีปากซีดเผือด ขอบตาร้อนผ่าวหากแต่ไร้น้ำตา

“…”

“เจ็บหรือ…?” หลี่เจิ้งเฉินเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย

ไป๋ซูเหยาเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอม ดวงตาคู่งามสบเข้ากับสายตาคมกริบของเขาอย่างไม่เกรงกลัว ต่อให้จะเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว…นางก็จะฝืน แม้ต้องกระอักเลือดออกมาก็ตาม

“เพียงเท่านี้…ยังไม่ถึงกับตาย” น้ำเสียงแผ่วเบา หากแต่แฝงไว้ด้วยความดื้อดึงไม่ยินยอม

หลี่เจิ้งเฉินหัวเราะเยาะในลำคอ คล้ายเห็นคำตอบของนางเป็นเรื่องตลก “ดี!…ถ้าเจ้ายังไม่ตาย งั้นก็ตั้งใจฟังให้ดี”

เขาพลางก้าวเข้ามาใกล้จนเงาทาบทับร่างของนาง ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลง ดวงตาคมกริบคู่นั้นทอแสงเยียบเย็นดั่งคมมีด

“อย่าได้คิดว่าร่างกายของเจ้าจะยั่วยวนข้าได้!” น้ำเสียงของหลี่เจิ้งเฉินเย็นชา ดวงตาคมกริบกวาดมองอย่างเหยียดหยาม “ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ไม่มีวันแทนที่ไป๋เหยียนหลันได้…ต่อให้ข้าต้องนอนกับสตรีเช่นนี้ ก็ยังเห็นว่าร่วมเตียงกับขอทานยังดีเสียกว่า!”

มุมปากหนาของเขายกยิ้มร้าย ถ้อยคำที่ออกจากปากล้วนเต็มไปด้วยคำพูดเหน็บแนมทั้งสิ้น

ไป๋ซูเหยาสบตาอีกฝ่ายอย่างแน่วนิ่ง หาได้หลบเลี่ยงหรือหวาดกลัวต่อถ้อยคำข่มขู่ใดทั้งสิ้น

นางสูดลมหายใจลึก คล้ายกำลังระงับโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในอก ดวงตาคู่งามทอแววแข็งกร้าวไร้ความสั่นไหวและอ่อนแอราวลูกแมวที่ตกใจ

นางเพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะจำไว้…”

“ดี! ว่าง่ายเช่นนี้ เจ้าถึงจะมีชีวิตรอด”

หลี่เจิ้งเฉินเอ่ยพลางเอื้อมมือมาบีบปลายคางเรียวของนางอย่างถือสิทธิ์ ดวงตาคมกริบยังจับจ้องดวงหน้าอีกฝ่ายไม่ลดละ

ทว่าในชั่วขณะนั้น ลมหายใจอุ่นปะทะผิวปลายจมูกพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากสตรีเบื้องหน้า กลับทำให้แววตาแข็งกร้าวของวูบไหวเพียงอึดใจอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนจะฉาบทับด้วยความเย็นชาอีกครั้ง

เขาสะบัดมือและผละออกในทันที ร่างสูงหันหลังกลับโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใดอีก

ฝ่ามือหนาดึงบานประตูเปิดออกอย่างแรงบ่งบอกได้ถึงอารมณ์โกรธในยามนี้ สายลมแรงพัดโชยจากด้านนอกเข้ามาพลันทำให้ม่านบางให้ปลิวไหว เทียนที่จุดสั่นไหวคล้ายจะดับลง

เสียงฝีเท้าของหลี่เจิ้งเฉินค่อย ๆ ห่างออกไปจากห้องหอ

ไป๋ซูเหยากำมือแน่น

แม้นางจะไม่ใช่ตัวเลือกของผู้ใด…แม้จะเป็นเพียงตัวแทนในเท่านั้น แต่หากวันหนึ่งโชคชะตาพลิกผัน นางเอาคืนอย่างสาสมแน่!

ยามเฉิน (เวลา 07.00 – 09.00 น.)

ทั้งที่เป็นคืนเข้าหอ แต่ผู้เป็นนายกลับอยู่ในเรือนได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็ออกไปด้วยท่าทีขุ่นเคือง ทั้งยังมีสีหน้าเคร่งเครียดราวกับโกรธเคืองสิ่งใดอยู่…แม้จะมีเพียงแสงไฟสลัวๆ ทว่าหากมองจากวังหลวงย่อมเห็นได้ชัดเจนแน่

มิหนำซ้ำ ตลอดคืนที่ผ่านพ้นหลี่อ๋องมิได้เพียงแค่ออกจากเรือนเท่านั้น…ทั้งยังออกไปจากจวนหาได้กลับเข้ามาอีกเลย

จนกระทั่งรุ่งสางของวันใหม่ก็ยังคงไร้เงา

เหล่าบรรดาสาวใช้ในเรือนล้วนแต่มองสตรีตรงหน้าอย่างงุนงง หากแต่ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากเอ่ยถาม

แท้จริงแล้ว ภายในห้องหอเมื่อคืน…เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?

ทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่า หลี่อ๋องหลงใหลคุณหนูไป๋เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ถึงขั้นส่งแม่สื่อไปทาบทามอยู่หลายคราแต่กลับถูกตระกูลไป๋ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเหตุผลว่า…คุณหนูไป๋เป็นเพียงบุตรตระกูลพ่อค้าไหนเลยจะเหมาะสมกับหลี่อ๋องไม่

ทว่าหลี่อ๋องหาได้ถอยออกห่าง ทั้งตามเกี้ยว ทั้งส่งของกำนัลไปมอบให้แก่สกุลไป๋ตลอดและยิ่งกว่านั้นแล้วยังส่งแม่สื่อไปไม่เว้นวันแม้จะถูกปฏิเสธ…ทว่าคล้ายสวรรค์เห็นใจกัน

กระทั่งวันหนึ่ง กลับเป็นฝ่ายตระกูลไป๋เสียเองที่ยื่นข้อเสนอเรื่องสมรสขึ้นมา

หลี่อ๋องมีหรือจะรอช้า…?

เมื่อตกปากรับคำแล้ว เขาก็เร่งรัดทุกอย่างให้รวดเร็วและจัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ไม่ว่าจะเป็นสินสอดที่ส่งให้ตระกูลไป๋หรือสินเดิมที่คุณหนูเจ้าสาวหอบติดตัวมาล้วนมากมายจนแทบไม่ต่างจากงานสมรสขององค์หญิงเลยแม้แต่น้อย

ทว่า...เหตุใดกัน?

แค่เพียงค่ำคืนเดียว หลังจากเฝ้ารอมาเนิ่นนาน บุรุษผู้หลงรักหนักแน่นถึงเพียงนั้นจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว?

ไป๋ซูเหยาวางช้อนโจ๊กลงในชามอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาเช็ดริมฝีปากอย่างเชื่องช้า

นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ทว่าฟังแล้วกลับกดดันผู้ฟังได้อย่างประหลาด “สงสัยสิ่งใดกันหรือ… ไยถึงได้มองข้าด้วยสายตาชวนซุบซิบนักเล่า”

ไฉนเลยนางจะไม่รู้…

ทั้งที่เป็นคืนเข้าหอ…หากแต่เจ้าบ่าวกลับอยู่ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปทิ้งเจ้าสาวไว้ในห้องหอเพียงลำพัง

เรื่องเช่นนี้…มีอย่างที่ไหนกัน

จู่ๆ ทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบงันลงทันที

เหล่าบรรดาสาวใช้ที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านข้างต่างพากันหลุบตาต่ำทั้งสิ้นบ้างก็ก้มหน้าก้มตาทำเป็นยุ่งกับถาดชาและชามกับข้าวในมือราวกับจะหลบเลี่ยงสายตาของผู้นายหญิงเมื่อถูกจับได้

สาวใช้คนหนึ่งใจกล้าหน่อยรีบก้าวออกมา นางยอบกายลง อ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวออกมา

“พระชายา…หม่อมฉันหาได้คิดอันเพคะ เพียงแต่” น้ำเสียงของนางติดขัดอยู่กลางประโยค ริมฝีปากขยับเล็กน้อยแต่กลับไม่กล้ากล่าวออกมาต่อ

ไป๋ซูเหยาปรายสายตาหันไปมองอีกฝ่ายเพียงครู่ ก่อนจะหันกลับมาวางผ้าผืนเล็กลงบนถาดเบื้องหน้าอย่างแผ่วเบา ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ คล้ายจะขบขันแต่ก็ขื่นขม

“สงสัยว่าเหตุใด...หลี่อ๋องจึงทิ้งข้าไว้ลำพังในคืนเข้าหอใช่หรือไม่” นางเลิกคิ้วถาม พลางกวาดสายตามองเหล่าสาวใช้

“หึ! คิดว่ากลายเป็นภรรยาของข้าจริงๆ แล้วหรือ”

!!!

เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากทางเดินนอกเรือน ไม่นานนัก ร่างสูงในชุดขุนนางปักลายมังกรสีเข้มก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู

หลี่เจิ้งเฉินก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าทรงอำนาจ แววตาคมกริบกวาดมองรอบห้องเพียงครู่ ก่อนหยุดนิ่งที่ร่างของไป๋ซูเหยาซึ่งนั่งอยู่ด้วยท่าทางสงบ “อย่าคิดว่าแค่เชิดหน้าสั่งสาวใช้ไม่กี่คำ จะทำให้เจ้าดูมีอำนาจขึ้นมา” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ทว่าเย็นเยียบ

“ข้าไม่ชอบสตรีอวดดีและยิ่งไม่ชอบหากคิดจะวางตัวสูงเกินฐานะที่แท้จริงของตนเอง”

ไป๋ซูเหยาเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ริมฝีปากโค้งเป็นรอยยิ้มบางจนแทบดูเหมือนเย้ยหยัน ดวงตาคู่งามสงบนิ่งไร้แววอ่อนหวาน “ฐานะงั้นหรือเพคะ…” นางเว้นจังหวะราวกับกำลังใคร่ครวญ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

“หม่อมฉันร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับหลี่อ๋องแล้ว…เช่นนี้ก็ถือเป็นพระชายาโดยสมบูรณ์มิใช่หรือ”

แม้จะขึ้นเกี้ยวแทนไป๋เหยียนหลันแล้วอย่างไร แต่ผู้ที่ร่วมทำพิธีกับเขานั้นก็คือนาง

หากจะยึดตามธรรมเนียม…

นางต่างหากคือภรรยาที่ถูกต้องของหลี่เจิ้งเฉิน!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๙ วาสนาแบ่งแยก

    ลมพัดเฉี่ยวผ่านหน้าต่างเรือนเล็กเก่าโทรม เสียงกระเบื้องหลังคากระทบกันแผ่วเบา ราวกับจะสะท้อนความหนาวเหน็บที่กัดกินกระดูกจนลึกถึงหัวใจ ภายในห้องนั้น เงียบสงัด…ไป๋เหยียนหลันนั่งพิงหัวเตียงเก่า มือทั้งสองลูบหน้าท้องที่ป่องที่ใกล้คลอดเต็มที แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเต็มทีทว่านางกลับต้องลุกขึ้นจัดของใช้และคอยปรนนิบัติจางสือ แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องสะท้อนเงาบนใบหน้าคนงามที่ซีดเผือด ผมยาวสยายกลางหลังดูยุ่งเหยิงไร้การบำรุงหรือดูแลใส่ใจ ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์ใหญ่สีซีด มีรอยปะชุนให้เห็นเด่นชัด ดวงตาที่เคยเปล่งประกายอวดดี บัดนี้หม่นหมองราวเถ้าถ่านไฟที่มอดดับ ว่ากันตามตรงแล้ว นับตั้งแต่นางตั้งครรภ์อ่อนๆ จนกระทั่งใกล้คลอด ไป๋เหยียนหลันก็ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่ นอนหลับไม่เต็มอิ่มลุกขึ้นทำหน้าที่ปรนนิบัติสามีทุกเช้า นางต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังมืดและเข้านอนหลังเขาเสมอ แม้เขาจะสนใจและเหลียวแลนางอยู่บ้างแต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากจวนไป นางก็ไม่ต่างอันใดจากอยู่ผู้เดียวเพียงลำพัง แม้ในจวนสกุลจางจะมีทั้งจางฮูหยิน น้องสาวและน้องชายของเขาอยู่พร้อมหน้า แต่นับจากวันที่นางมีปากเสียงปะทะคารมกับจางฮูหยินครั้งนั้นก

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๘ จวนหลี่อ๋องราบรื่น

    ค่ำคืนนี้เงียบงัน ท้องฟ้ามืดมิดสนิทไร้แสงจันทราสาดส่อง ทั่วทั้งจวนต่างดับตะเกียงมืดสนิท เหล่าสาวใช้พากันปิดเรือนนอนหลับพักผ่อนทว่าภายในเรือนหลังหนึ่งกลับยังคงสว่างไสวด้วยแสงตะเกียง บรรยากาศภายในเรือนเงียบสงัดมีเพียงเสียงพู่กันขูดลงบนกระดาษสาก ไป๋ซูเหยานั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง…หลี่เจิ้งเฉินนั่งอีกฝั่ง ดวงตาคมกริบจับจ้องปลายพู่กันของนางนิ่งๆ หาเอ่ยขัดแม้สักคำ ผู้ใดจะรู้ว่าสตรีที่เคยพูดว่าอ่านเขียนหนังสือไม่ค่อยคล่อง แต่ไฉนยามนี้ลายมือที่ตวัดลงกระดาษกลับงดงามเรียบร้อยยิ่งกว่าอักษรของขุนนางบางคนในราชสำนักเสียอีก หลี่เจิ้งเฉินนั่งเหยียดหลังตรง ท่าทางสงบเสงี่ยมราวกับว่ากำลังรอคำพิพากษา “นี่จะเป็นสัญญาระหว่างเรา” ไป๋ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับเย็นเยียบเสียจนแม้แต่คนฟังก็ยังรู้สึกขนลุกซู่ ปลายพู่กันยังคงตวัดตัวอักษรอย่างมั่นคง ก่อนที่ครู่ต่อมา…นางจะเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับบุรุษตรงหน้าพอดี ใบหน้าของหลี่เจิ้งเฉินปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ทว่าทันใดนั้น…หัวใจกลับเต้นกระหน่ำขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ หลี่เจิ้งเฉินรู้สึกประหม่าไม่น้อย “หนึ่ง! อำนาจในจวนหลี่ทั้งหมดจะอยู่ในมือของข้า ไม่ว่าข้า

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๗ วาจาขาดสะบั้น ใจแหลกสลาย

    ไป๋เหยียนหลันย่อมรู้สึกเสียหน้าและเสียเกียรติอย่างรุนแรง ราวกับว่ายามนี้ นางกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกหลี่เจิ้งเฉินทอดทิ้งอย่างน่าอดสูและเวทนา!นางไม่มีวันยอม!หากจะจบ…เช่นนั้นนางจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาเอง!“กรี๊ดดด! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านกล้าดียังไง!”ใบหน้าคนงามทั้งแดงก่ำทั้งซีดเขียวเพราะโทสะ มือข้างทั้งสองกำแน่นจนสั่น นัยน์ตาคู่งามลุกวาวด้วยเพลิงโทสะราวกับเปลวไฟที่โหมลุกโชนขึ้นท่ามกลางเหมันต์ฤดูแม้แต่ไป๋ฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างกันยังต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางรีบยกมือทาบอก สูดลมหายใจอย่างร้อนรนแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือ “เหยียนหลัน…พอเถิด! อย่าให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้เลย!”ไป๋เหยียนหลันหรือจะยอมง่ายๆนางหันขวับไปมองมารดาด้วยดวงตาโกรธเกรี้ยว หาได้เอ่ยอันใดออกมา ก่อนจะปรายกลับไปมองหลี่เจิ้งเฉินอีกครั้ง “กรี๊ดดด! ข้าไม่ยอม! หลี่เจิ้งเฉิน! ท่านไม่มีสิทธิ์เดินหนีข้าเช่นนี้!”น้ำเสียงแหลมคล้ายจะบาดแก้วหูดังลั่น ทำเอาเหล่าสาวใช้รอบบริเวณสะดุ้งเฮือก ต่างพากันยกมือทาบอกด้วยความตกตะลึงบางคนยังอดกระซิบไม่ได้ว่า…แท้จริงแล้วหากวันนั้นไม่มีเรื่องราวผิดพลาด คุณหนูไป๋ผู้นี้ก็คงได้ขึ้นเกี้ยวแต่งเข้ามาเป็นพระ

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๖ จับปลาสองมือ

    หากไม่อยากถูกนางทอดทิ้งจริงๆ เกรงว่าหลี่เจิ้งเฉินก็คงต้องรีบสะสางเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียทีหลี่เจิ้งเฉินชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ความรู้สึกคล้ายหนามแหลมทิ่มกลางอกทำเอาเขารู้สึกสะดุ้ง สายตาคมกริบมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาลึกล้ำ เขากระแอมไอเล็กน้อยคล้ายจะกลบเกลื่อน ก่อนจะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“วางใจเถอะ…”ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยจนจบ…ไป๋ซูเหยาก็สวนกลับทันควัน น้ำเสียงหวานแฝงความดื้อดึง เอาแต่ใจและไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้ นางเชิดหน้าขึ้น สายตาตวัดมองเขาอย่างไม่ยอมลดละ“วางใจหรือ…หากท่านจัดการกับไป๋เหยียนหลันได้เมื่อไหร่ และทำสัญญากับข้าได้เมื่อใด ข้าถึงจะวางใจได้!”ทำสัญญา…?หมายความว่าอย่างไรกันหลี่เจิ้งเฉินขมวดคิ้วมุ่นทันที คำถามผุดขึ้นในหัว เขาเลิกคิ้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้ม “สัญญาอะไรหรือ”ไป๋ซูเหยาสะบัดหน้าหันหนีทันที แววตาเรียบเฉยหากลึกลงด้วยความตัดพ้อนางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งราวกับไม่คิดจะยกเรื่องนี้ขึ้นถกเถียง “ก่อนอื่น…ท่านควรไปจัดการไป๋เหยียนหลันของท่านให้เรียบร้อยเสียก่อนจะดีกว่าก่อนที่ข้าจะเก็บของเสร็จสิ้น…ถึงตอนนั้น ข้าถึงจะยอมพูดถึงสัญญาที่ท่านอยากได้ยิน!”ยามเฉิน (07.00 – 09

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๕ เหมาะสม คู่ควร

    โจวตงหยางหน้ามองอยู่ข้างนอกประตูมุมปากหนาโค้งยกยิ้มเยาะอย่างดูแคลน เขาหัวเราะเย็นชาพลางเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า“หลี่อ๋องจะหย่าภรรยาแล้วรึ…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามทว่าเพียงชั่วอึดใจ โจวตงหยางกลับชะงัก หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้อยคำเมื่อครู่ผิดแปลกไป เขาเลิกคิ้วถามย้อนเสียงเรียบ พลางหลุบสายตาต่ำมองเศษหนังสือหย่าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น“หรือหากจะพูดให้ถูก…คงต้องกล่าวว่าถูกภรรยาหย่าขาดเสียมากกว่าใช่หรือไม่”เดิมทีหลี่เจิ้งเฉินก็หาได้อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดแทงใจเข้าไป ใบหน้ายิ่งเคร่งขรึมลงไปอีกสิบส่วน เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นยะเยือก “หึ! หากข้าหย่าภรรยาแล้วเล่า คุณชายโจวจะอาสาแต่งเข้าจวนหลี่อ๋องเองกระนั้นหรือ”น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและประชดประชันโจวตงหยางหัวเราะแค่นในลำคอทันที “เหอะ! เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงข้าผู้เดียวหรอกกระมัง…ที่อยากเป็นภรรยาหลี่อ๋อง”พอได้ยินถ้อยคำนั้น หลี่เจิ้งเฉินเข้าใจความหมายได้ทันทีเขาถอนหายใจยาวราวจะระบายความอัดอั้นในอก ทว่าก้อนหินนับพันยังทับหัวใจจนหนักหน่วง“นาง…เป็นภรรยาของข้า”โจวตงหยางเลิกคิ้วขึ้น สายตากรุ้มกริ่มหากแฝงเย

  • ฮูหยินไร้ค่าหลังจวน   ๒๔ สะสาง

    ผู้ใดจะรับรู้ความเจ็บปวดได้ลึกซึ้ง หากมิใช่ผู้ที่กำลังเผชิญ หน้ากับรัก…แม้มีวาสนาได้พบพานทว่ากลับไร้วาสนาได้อยู่เคียงข้างไป๋เหยียนหลันหัวเราะเย็นชาในลำคอ ราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน นางโน้มตัวลงช้าๆ ก้มใบหน้าเพ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบของหลี่เจิ้งเฉิน ปลายนิ้วเรียวเชยคางเขาขึ้นอย่างแผ่วเบาน้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่ว หากแต่แฝงด้วยความเยียบเย็นจนฟังแล้วต้องขนลุกซู่ “หากกล่าวว่าข้าเป็นภรรยาของท่าน…แล้วสตรีผู้นั้นเล่า ทั้งที่ท่านรักใคร่นางอย่างลึกซึ้ง ถักทอสานต่อด้ายแดงมาด้วยกันเนิ่นนาน ทว่ายามนี้กลับขาดสะบั้นเพราะข้างั้นหรือ”มุมปากของนางเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันและดูแคลนก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ไฉนจิตใจของบุรุษถึงได้ผันเปลี่ยนง่ายดายนัก”ทว่าหลี่เจิ้งเฉินหรือจะสนใจฟัง ยามนี้ใบหน้าของเขาและนางอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น หัวใจแกร่งพลันเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่อยู่กลิ่นหอมอ่อนจางๆ ของสตรีตรงหน้าโชยมาชวนให้นึกถึงค่ำคืนนั้น...ภาพเรือนอรชรงดงามภายใต้แสงสลัวแวบเข้ามาในหัวเขาอย่างไม่รู้ตัวหลี่เจิ้งเฉินจ้องมองอย่างหลงใหล…ราวกับตกอยู่ในภวังค์“เหอะ!” ไป๋ซูเหยาแค่นเสียง หดมือกลับ ก่อนจะถอยออกห่างอย่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status