/ รักโบราณ / ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช / ตอนที่ 11 อวี้ซูหนี่ฮองเฮาในอนาคต

공유

ตอนที่ 11 อวี้ซูหนี่ฮองเฮาในอนาคต

last update 최신 업데이트: 2025-01-26 23:50:22

   ด้านล่างที่ทางเดินของลานพิธี อวี้ซูหนี่บุตรสาวของเสนาบดีอวี้เองก็มาดูพิธีขอฝนในครั้งนี้ด้วยเพราะได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแลงานในครั้งนี้ นางเดินทางจากเมืองหลวงมายังพื้นที่ห่างไกลก่อนงานหนึ่งวัน ทำท่าคล้ายตนเป็นผู้จัดงานแต่ความจริงแล้วนางนั้นได้ผลักภาระไปให้คนอื่น ซึ่งนางได้ส่งคนผู้นั้นมาเตรียมงานก่อนนางแล้วสองวัน งานพวกนี้ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร

     แต่ที่รับงานนี้มาก็เพียงเพื่อหวังให้ตนเองได้อยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้สักครา ก่อนที่พ่อของนางจะช่วยนางเข้าไปในวังหลัง อย่างน้อยนางต้องทำให้พระองค์จดจำนางในทางที่ดีไว้ก่อน หากนางเข้าไปโดยใช้อำนาจของบิดากดดันฮ่องเต้ให้รับนางเป็นสนมในตำหนักอีกคน ยามนั้นก็คงไม่ถูกพระองค์แลตามองมาเป็นแน่ นางไม่อยากเป็นเหมือนกับสนมคนอื่นในวังหลวง ไม่มีใครไม่รู้ว่าฮ่องเต้นั้นไม่เคยไปเยี่ยมวังหลังแม้สักครา นางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นกับตนไม่ได้

     อวี้ซูหนี่นั้นเหนือกว่าสนมพวกนั้นอยู่มาก บิดาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้มีอำนาจมากสุดลองจากฮ่องเต้พระองค์เดียว บ้านของนางสืบเชื้อสายมารุ่นต่อรุ่นเป็นขุนนางเก่าแก่ในวังหลวง พี่ชายนางยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น สิ่งนี้สนมคนอื่นไม่อาจเทียบนางได้

     นางถูกบิดาพูดกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่านางคือฮองเฮา ดวงของนางเกิดมามีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ทุกคนในเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้ ยามนางเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา

     แต่เมื่อเดินทางมาที่หมู่บ้านซึ่งห่างไกลความเจริญเช่นนี้นางกลับรู้ว่าคนที่นี่ไม่มีใครรู้จักนางสักคน ก่อนออกมาที่ลานพิธีนางถึงได้แต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างดี ให้ตนดูเด่นที่สุด ไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่มองมาที่นาง นางนั้นรังเกียจสายตาของพวกบุรุษพวกนั้นนักแต่ก็ต้องวางท่าทางสง่างามไว้ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็นถึงความไม่พอใจจากนางได้

     ไม่ไกลจากที่นางอยู่ เมื่อเสียงกลองสงบลงเป็นครั้งคราว อวี้ซูหนี่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยของหญิงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่อยู่บนเนินเขาซึ่งดังมาก ดังจนมาถึจุดที่นางยืนอยู่ หญิงสาวพวกนั้นได้แต่มองลานพิธีไกลๆ เพราะไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ มีเพียงนางที่ได้รับสิทธิพิเศษ โดยการอ้างอำนาจของบิดาในการมาช่วยดูแลพิธีกรรม

     เสียงของหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนกลุ่มนั้นดังมาถึงหูของนาง อวี้ซูหนี่ได้ยินเรื่องที่พวกนางคุยกันทั้งหมด พอได้ยินก็ถึงกลับยิ้มชั่วร้ายอย่างดูถูกดูแคลนหญิงชาวบ้านกลุ่มนั้นไม่ได้

     อวี้ซูหนีอยากรู้นักว่าคนที่หมายตาตำแหน่งฮองเฮานั้นหน้าตาเป็นเช่นไร นางจึงหันไปมองทางหญิงสาวกลุ่มนั้นที่อยู่ห่างออกไป

     'หน้าตาบ้านๆ ต่อให้แต่งตัวสวยขนาดไหนก็ไม่มีทางเป็นที่ต้องตาต้องใจของฝ่าบาทได้หรอก'

     เห็นหน้าของหญิงสาวพวกนั้นแล้วนางก็เบาใจมากกว่าเดิม ไหนจะหญิงสาวอีกคนที่ยืนห่างออกไปที่สวมโต้วลี่ปิดบังใบหน้าคงขี้ริ้วขี้เหร่จนไม่อาจให้คนมองได้ เหอะ ไม่มีใครสู้นางได้สักคน

     อวี้ซูหนี่หันกลับไปคร้านที่จะใส่ใจ ตำแหน่งฮองเฮายังไงเสียก็ต้องเป็นของนางอยู่แล้ว

     งานซ้อมทำพิธีเสร็จสิ้นแล้ว เมื่ออวี้ซูหนี่กลับมาที่โรงเตี๊ยมเก่าๆ ในหมู่บ้าน นางก็เลือกชุดที่สั่งให้บ่าวรับใช้ถือมาด้วยหลายชุดอยู่นานสองนาน จนในที่สุดก็เลือกออกมาได้

     ชุดสีขาวชุดนี้จะทำให้นางดูโดดเด่นกว่าผู้อื่น ไม่มีใครจะมาเทียบนางได้ นางยืนลูบอาภรณ์ที่ตนเลือกพลางรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย การที่นางต้องมาอยู่ในโรงเตี๊ยมซ่อมซ่อแห่งนี้ทำเอานางอึดอัดไม่ใช่น้อย แต่พอนึกถึงสายพระเนตรของฝ่าบาทที่จะมองมาที่นางในวันพรุ่งนี้ด้วยชุดนี้แล้ว นางก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที รอยยิ้มสวยที่ไม่ได้ดูจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของนาง

     บ่าวรับใช้ที่พากันก้มหน้างุ่นต่างถอดถอนใจที่ในที่สุดนายของตนก็เลือกชุดออกมาได้เสียที พวกนางนั้นยังกลัวว่าหากไม่มีชุดที่ถูกใจคงโดนเฆี่ยนตีอีกเป็นแน่ คนภายนอกอาจคิดว่าคุณหนูของนางนั้นใส่ซื่อบริสุทธิ์ชอบทำบุญเข้าอาราม บริจาคสิ่งของ แต่คนในจวนทุกคนต่างรู้ถึงนิสัยเอาแต่ใจของอวี้ซูหนี่ดี เวลาอารมณ์ไม่ดีนางมักจะชอบเฆี่ยนตีบ่าวในจวนเพื่อระบายอารมณ์อยู่ร่ำไป

     พวกนางยังเคยพูดว่าหากอวี้ซูหนี่ได้เป็นเฮาเฮาขึ้นมาจริงๆ ยามนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แทบไม่อยากนึกถึงอนาคตของแคว้นเลย

     ที่อารามหมู่บ้านจิ้ง

     "กลับไปพักผ่อนเถิดงานที่เหลือข้าจะจัดการเอง" จูมี่เอินเห็นพวกศิษย์พี่ซ้อมพิธีมาเหนื่อยๆ ยังจะมาช่วยนางทำงานอีกก็อดที่จะออกปากไล่ไม่ได้

     เถียงกันอยู่นานสองนานจูมี่เอินก็เป็นฝ่ายชนะ พวกศิษย์พี่ต่างพากันแยกย้ายไป บางคนก็ไปอ่านคัมภีร์ บางคนก็ไปนั่งสมาธิ ทุกคนต่างคิดว่าการมีน้องเล็กนั้นช่วยให้ตนได้มีเวลาฝึกฝนกว่าเดิมมาก ในใจทั้งรักทั้งเอ็นดูนาง

     จูมี่เอินมองส่งพวกเขาจากไปคนละทางในใจพลางคิด

     'พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะได้เห็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เองกับตา'

     นางเองก็ภาวนาขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ชาวบ้านทำนาทำไร่ไม่ได้มานานแล้ว พืชผลน้อยยิ่งนัก น้ำในลำธารด้านหลังก็แห้งเหือดจนแทบไม่เหลือ กว่านางจะตักมาจนเต็มโอ่งได้ก็นานหลายชั่วยาม

     ในตอนนี้จูมี่เอินนั้นไม่อาจควบคุมการมองเห็นภาพนิมิตรได้ นางพยายามฝึกอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผล จะเห็นก็เห็นเองไม่มีกำหนดว่ากี่วันถึงเห็น

     เรื่องที่นางเห็นส่วนมากคืออันตรายและการจากไปของผู้คน ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าฝนจะตกหรือไม่ ไม่สามารถมองเห็นอนาคตของแคว้นเซียวได้ ยามนี้นางเองก็ทำได้เพียงขอให้พีธีในวันพรุ่งนี้ผ่านไปด้วยดี และขอให้ฝนตกลงมาเสียที

     จูมี่เอินไม่ใช่เทพเซียนนางหารู้ไม่ว่าพิธีขอฝนในวันพรุ่งนี้กลับไม่ราบลื่นอย่างที่นางหวัง....

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 8

    วันสถาปนา กัวเจียงมิ่งยืนอยู่รวมกับผู้คนสองฟากฝั่งของทางเดินในงานพิธี ดวงตาคู่คมมองสตรีตัวเล็กที่แต่งชุดเต็มยศ บนหัวเล็กๆ นั้นประดับไปด้วยเครื่องหัวหลากชิ้น ท่าทางการเดินที่มั่งคง ใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่เป็นมิตร อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมคือลายหงษ์ปักด้วยด้ายทอง พอเห็นลูกศิษย์ใส่ชุดนี้แล้วก็นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ยามนั้นเด็กน้อยก็สวมชุดสีแดงอยู่บนหลังของอาชาตัวใหญ่ คนตัวเล็กควบม้ามาหานางที่ลอยน้ำมาติดอยู่ข้างทาง กระโดดลงจากม้าด้วยความคล่องแคล่ว ออกแรงลากนางให้ห่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว "แม่นาง แม่นางทำใจดีๆ ไว้ ข้าจะช่วยท่านเอง" นั่นคือคำที่จูมี่เอินกล่าวกับนางในครั้งแรกที่เจอกัน กัวเจียงมิ่งคิดว่าตนจะตายอยู่ที่นั่นเสียแล้ว นางได้รับบาดเจ็บมีแผลหลายแห่งแล้วพลัดตกน้ำมาไกล อีกทั้งที่ซึ่งนางพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นก็ห่างไกลไร้ผู้คน แถมทางด้านหน้าที่สตรีชุดแดงควบม้าผ่านมายังมีต้นไม้และหญ้าหนาทึบ ต่อให้มีคนผ่านมาก็ไม่น่ามองเห็นนาง ทว่าสตรีตัวเล็กผู้นี้มาจากไหนไม่รู้ ราวกับตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ คนตัวเล็กสั่งม้าให้นั่งลงแล้วยกนางที่ตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นไ

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 7

    "เพราะนางคือหัตถ์เซียน นามเดิมของอาจารย์คือกู่เฟยเซียน" จูมี่เอินได้รู้ความลับนี้ผ่านการมองเห็นของนางในช่วงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่กับอาจารย์มาสักพักแล้ว หลอมรวมกับที่เคยสังเกตการณ์ดูก็พบว่ากัวเจียงมิ่งนั้นสามารถทำให้คนเจ็บหายป่วยได้ในเร็ววันกว่าที่ตำราบอกไว้มากนัก "ตอนเด็กข้าเคยอ่านเจอเกี่ยวกับคนที่มีพลังวิเศษเหนือคนทั่วไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสความรู้สึกดีอย่างหนึ่งว่าตนเองไม่ใช่คนที่แตกต่างจากคนอื่น ยังมีอีกหลายคนที่คล้ายกันกับข้า คราแรกที่ได้อ่านข้าสะดุดชื่อของนางและความสามารถของนางเป็นที่สุด ตอนที่ได้เจอกันข้ายังไม่รู้ว่านางคือคนที่ข้าเคยอ่านเจอในตำรา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งในนิมิตร ข้าเห็นคนเจ็บและคนผู้นั้นไม่รอด ข้าพยายามเปลี่ยนนิมิตร ต่อมาจึงเกิดนิมิตรใหม่ขึ้น ในนิมิตรที่สองข้าไปช่วยคนเจ็บไว้แล้วพามาให้นางรักษา คนที่ไม่น่ารอดก็สามารถรอดได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะข้าหาของไปขวางทางไว้ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินทางผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะมีต้นไม้โค่นลงมาใส่เขา ภายหลังพอจับสังเกตดูและแน่ใจแล้วก็ลองถามท่านอาจารย์ออกไป นางก็เลยเล่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 6

    ...... วันต่อมาก็ได้เวลาเดินทางกลับวังหลวง รอบนี้มีอาจารย์และโม่โฉวติดตามกลับไปร่วมงานสถาปนาด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีคนเจ็บอีกคนที่ต้องพาเขากลับไปส่งบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี ที่รถม้าคันหน้า "กัวเจียงมิ่งท่านมายืนทำอะไรหน้ารถม้าผู้อื่น" เหรินโย่วหลุนเอามือพ่ายหลัง หันมองไปที่อื่น แสดงท่าทางวางอำนาจเต็มที่ แผ่รังสีความเป็นฮ่องเต้ที่มีมาแต่กำเนิดออกไปโดยรอบเพื่อกดดันสตรีชุดฟ้าหน้าไม่อายข้างกาย "สตรีก็ต้องนั่งไปกับสตรีด้วยกันสิ นู้น บุรุษไปขึ้นคันหลัง" กัวเจียงมิ่งเลียนแบบท่าทางเหรินโย่วหลุน นางหมุนตัวเอาหลังหันให้รถม้า ยืนเคียงข้างคนตัวสูงที่สูงเกือบเท่ากันแถมมือพ่ายหลังและหันหน้าไปทางเดียวกัน "สตรีหรือ? ท่านเหมือนสตรีตรงไหนกัน" รถม้าคันหลังนั้นมีคนเจ็บขึ้นไปก่อนแล้วและมีโม่โฉวเป็นคนคุมม้า ความจริงเขาก็ไม่ติดอะไรแม้รถม้าเก่ามากและจะต้องนั่งไปกับราษฎรของตนเอง แต่ที่นั่นไม่มีทั้งภรรยาไม่มีทั้งบุตรชาย เขาจึงไม่อยากไปนั่ง เขาห่างจากภรรยามาถึงสองปีแล้ว ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันก็ยังคิดว่ายังไม่พออยู่ดี ยามนี้ยังต้องมานั่งแยกกันอีกเกือบสามวัน ยังไงเขาก็ไม่ยอม "เห

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 5

    "เดี๋ยว! ท่านจะทำอันใด?" จูมี่เอินรีบเอาตัวไปยืนขวางโม่โฉวไว้ "เจ้าปกป้องเขา?" เหรินโย่วหลุนแทบไม่อยากเชื่อ "อย่าบอกนะว่าเขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้น" ทั้งที่ได้ยินเต็มสองหูแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะถามย้ำให้แน่ใจอีกรอบ "ใช่...อย่า!" จูมี่เอินเห็นเหรินโย่วหลุนยกมือสั่งฟางอี้ให้เข้ามาทางโม่โฉวนางก็รีบเบี่ยงตัวปิดคนด้านหลังไว้มากกว่าเดิม "เขาเป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อบุญธรรม!" ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนางรีบพูดต่อให้จบประโยค เพราะไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนั้นฟางอี้ก็หยุดเท้าลงพอดี พร้อมกับเก็บมีดลับที่ดึงออกมาจากไหนไม่รู้กลับไป เพราะการเดินทางฮองเฮาบอกไม่ให้สะดุดตา จึงต้องเก็บดาบที่ใช้ประจำไว้ในรถม้า แต่เขาเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ย่อมไม่อาจปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของฮ่องเต้ได้ จึงได้พกมีดสั้นที่ยาวจนถึงข้อศอกซ่อนไว้ในกายด้วย "?!" เหรินโย่วหลุนเลิกคิ้วขึ้นสูง ตอนที่ได้ยินจูมี่เอินบอกว่านั่นเป็นลูกนางเขาก็คาดเดาไปหลายอย่าง คิดว่าอาจเป็นลูกของเขาแต่เพราะท่าทางที่สนิทสนมของภรรยากับคนผู้นั้นดูไม่ปกติ แถมเด็กน้อยก็เรียกคนด้านหลังว่าท่านพ่อ แล้วภรรยาก็ดันมาบอกอีกว่

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 4

    ....... "เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดหรือ" "ใช่แล้ว" จูมี่เอินยกกาชามาวางที่โต๊ะน้ำชา นั่งลงแล้วรินชาให้สามีก่อนจะรินให้ตัวเองทีหลัง "นี่ก็เป็นชาที่ข้าดื่มตลอดสองปีเช่นกัน ไม่หอมมาก หากแต่เมื่อลองได้จิบทีละนิดและมองออกไปที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นค่อยๆ หลับตาฟังเสียงลมที่กระทบผ่านไป ก็พอที่จะทำให้ชารสชาติธรรมดาเช่นนี้พิเศษขึ้นมามากกว่าเดิม ชนิดที่ว่าต่อให้หาที่ไหนก็หาไม่ได้อีกแล้ว" จูมี่เอินยกจอกชาขึ้นมาจิบทำท่าหลับตาพลางพูดอธิบายไปด้วย "..." เหรินโย่วหลุนก็ลองทำตาม จิบชามองป่าไผ่ หลับตาและฟังเสียงลมที่กระทบกับใบของต้นไผ่ "สงบยิ่งนัก" แถมยังได้กลิ่นของธรรมชาติที่สดชื่นลอยมาตามลมด้วย จูมี่เอินเองสองปีกว่าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีเวลาว่างมานั่งจิบชาและได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง เมื่อจิบชาไปด้วยแล้วได้มองป่าไผ่ ทั้งที่ทำให้รู้สึกสบายใจแต่กลับทำให้นางนึกถึงสามีทุกครั้ง หลังจากที่มานั่งจิบชาคนเดียวทีไรต่อมานางก็จะต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองได้มีเวลาคิดถึงเขาอีก ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขแต่ก็เศร้าใจในคราเดียว "เสียดายที่ไม่มีท่านอยู่ที่นี่" จูมี่เอินเอ่ยความรู้สึกออกมาจากใจจริง ลืมตาข

  • ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเป็นนักบวช   ตอนพิเศษ 3

    ....... การเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมาที่หมู่บ้านตงนั้นใช้เวลาเกือบสามวันเพราะมีแวะพักบ้าง ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เหรินโย่วหลุนเร่งเดินทางอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแบกภรรยากลับวังในตอนนั้น แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินที่คาดการณ์ไว้พวกเขาก็มาถึง หน้าโรงหมอกัว หมู่บ้านตง "แปลกจัง..." จูมี่เอินที่ถูกเหรินโย่วหลุนประคองลงรถม้ามาก็มองไปที่รั้วไม้ไผ่ของโรงหมอซึ่งถูกเปิดแง้มไว้ "มีอะไรผิดปกติหรือ?" เหรินโย่วหลุนถามพลางยกมือขึ้นในระดับหัว เตรียมจะส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาของตนที่แอบอยู่รอบตัวบุกเข้าไปด้านใน "เดี๋ยว!" ดีที่จูมี่เอินสังเกตทัน รีบยกมือดึงแขนของเขาลงทันที พอห้ามคนสั่งการได้แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา เกือบเป็นเรื่องไปเสียแล้ว "ข้าแค่แปลกใจเล็กน้อย อาจารย์ปกติมักจะเอาแต่นั่งดื่มชามองต้นไผ่อยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงนั้นและไม่ค่อยเปิดรั้วทิ้งไว้ แต่บางทีนางอาจไปพักด้านในแล้วก็ได้" "อ่อ..." เหรินโย่วหลุนลากเสียงยาว ที่แท้นอกจากปากเสียแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากจิบชาสินะ เป็นคนที่ขี้เกียจเสียจริง จูมี่เอินเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชินและออกตัวเดินนำไปก่อน เมื่อได้กลับมา

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status