สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดโชยมาปะทะผิวกาย ทำให้ปลายฝันรู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย เธอเดินออกจากบริษัท "ภาคินัย กรุ๊ป" ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับภาคินัย ความสบายใจที่เขาเข้าใจและปกป้องเธอ และความกังวลใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนระหว่างเขากับทิชา เธอเดินมาถึงป้ายรถเมล์ และเห็นน้ำหวานกำลังยืนรออยู่แล้ว
"แก!" น้ำหวานเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเพื่อนรัก "วันนี้เลิกงานดึกอีกแล้วนะ"
ปลายฝันยิ้มเจื่อนๆ "งานมันเยอะน่ะแก"
ทั้งสองขึ้นรถเมล์สายประจำ และหาที่นั่งริมหน้าต่างที่ว่างอยู่ ปลายฝันเอนหลังพิงเบาะรถ ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำ น้ำหวานหันมามองเพื่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
"ช่วงนี้แกดูเหม่อๆ นะ มีอะไรหรือเปล่า" น้ำหวานถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ปลายฝันเงียบไปครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้น้ำหวานฟังดีหรือไม่ เพราะเรื่องราวระหว่างเธอกับภาคินัยมันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะอธิบายได้ทั้งหมด
"ก็ไม่มีอะไรหรอกแก แค่เหนื่อยๆ น่ะ" ปลายฝันตอบปัดๆ
น้ำหวานถอนหายใจเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอมักจะเก็บความรู้สึกเก่ง และไม่ชอบพูดเรื่องที่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจ แต่ในฐานะเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน น้ำหวานก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในตัวปลายฝัน
"แกมีความสุขที่ได้ทำงานที่นี่ใช่ไหม" น้ำหวานถามขึ้น
ปลายฝันพยักหน้า "อืม...มีความสุขมากเลยแก"
"แล้วความสุขนั้นมาจากอะไร" น้ำหวานถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เจาะจงขึ้น "มาจากงาน หรือมาจากคนในที่ทำงาน"
คำถามของน้ำหวานทำให้ปลายฝันสะดุ้งเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อน ดวงตาของน้ำหวานฉายแววรู้ทัน ทำให้ปลายฝันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
"แกหมายถึงอะไร" ปลายฝันแกล้งถามกลับ
น้ำหวานยิ้มบางๆ "แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้เลยนะปายฝัน ฉันดูออก"
"ดูออกอะไร"
"ก็ดูออกว่าแกคิดอะไรกับท่านประธานภาคินัยน่ะสิ" น้ำหวานเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
คำพูดของน้ำหวานเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของปลายฝัน เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก เธอไม่คิดว่าน้ำหวานจะมองเห็นความรู้สึกที่เธอพยายามเก็บงำไว้ในใจได้อย่างชัดเจนขนาดนี้
"บ้า! แกพูดอะไรน่ะ" ปลายฝันปฏิเสธเสียงหลง "ฉันจะไปคิดอะไรกับท่านประธานได้ยังไง"
"อย่ามาโกหกฉันเลยปายฝัน" น้ำหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น "ฉันเห็นนะว่าแกแอบมองท่านประธานบ่อยแค่ไหนเวลาเขาเดินผ่านแผนก แล้วเวลาแกพูดถึงเขาทีไร ดวงตาของแกเป็นประกายทุกที"
ปลายฝันเงียบไป เธอไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของน้ำหวานได้เลย เพราะทุกสิ่งที่น้ำหวานพูดมานั้นเป็นความจริงทั้งหมด
"ฉันรู้ว่าแกอาจจะรู้สึกดีกับเขาน่ะ" น้ำหวานเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง "แต่แกต้องคิดให้ดีๆ นะปายฝัน"
"คิดอะไร"
"คิดถึงความเหมาะสมไงแก" น้ำหวานถอนหายใจ "ท่านประธานภาคินัยเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่โต เขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว แถมคู่หมั้นของเขาก็เป็นถึงลูกสาวมหาเศรษฐีที่เหมาะสมกันทุกอย่าง ส่วนแก...แกเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานนะปายฝัน"
คำพูดของน้ำหวานเหมือนน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่ใบหน้าของปลายฝัน ทำให้เธอรู้สึกเย็นชาไปทั่วทั้งร่าง เธอรู้ดีว่าสิ่งที่น้ำหวานพูดมานั้นเป็นความจริงทุกอย่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับภาคินัยมันมากมายเกินกว่าที่เธอจะก้าวข้ามไปได้
"ฉัน...ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริงๆ นะแก" ปลายฝันพยายามแก้ตัว แต่เสียงของเธอกลับแผ่วเบาและไม่มั่นคง
"แกอาจจะไม่ได้คิด แต่ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะปายฝัน" น้ำหวานเอ่ยขึ้น "ฉันเป็นห่วงแกนะ แกอย่าไปหลงรักผู้ชายที่เป็นของคนอื่นเลย มันจะทำให้แกเจ็บปวดเปล่าๆ"
ปลายฝันเงียบไป เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เธอรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของน้ำหวาน แต่ก็รู้ดีว่าน้ำหวานพูดเพราะเป็นห่วงเธอจริงๆ
"ฉันรู้ว่าแกเป็นคนดีนะปายฝัน" น้ำหวานเอ่ยต่อ "แกมีความจริงใจและจิตใจดี แต่โลกของผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์และธุรกิจมันซับซ้อนกว่าที่แกคิดนะ"
ปลายฝันน้ำตาคลอ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา แต่ความรู้สึกเจ็บปวดและสับสนมันเอ่อล้นอยู่ในใจ
"ฉันรู้ว่าแกอาจจะมองว่าเขาใจดีกับแก แต่แกต้องดูด้วยนะว่าเขากับคู่หมั้นเขามีความสัมพันธ์กันยังไง" น้ำหวานเตือนสติเพื่อน "ทิชาก็ไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่แกคิดนะ แกก็เห็นแล้วว่าเธอกล้าที่จะมาหาแกถึงที่ทำงาน"
คำพูดของน้ำหวานทำให้ปลายฝันนึกถึงเหตุการณ์ที่ทิชาเข้ามาสร้างแรงกดดันในที่ทำงาน และสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของทิชาที่เธอเคยได้รับ
"แกต้องระวังตัวนะปายฝัน" น้ำหวานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ฉันไม่อยากให้แกต้องเจ็บปวด"
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ "ฉันเข้าใจแล้วแก ขอบใจนะที่เป็นห่วง"
ตลอดเส้นทางกลับบ้าน ปลายฝันนั่งเงียบ เธอครุ่นคิดถึงคำพูดของน้ำหวานซ้ำไปซ้ำมา เธอรู้ดีว่าน้ำหวานพูดถูกทุกอย่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับภาคินัยมันมากมายเกินกว่าที่เธอจะฝันถึงได้ และความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาก็เป็นเพียงความรู้สึกที่ผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น
เมื่อมาถึงบ้าน ปลายฝันก็ยังคงจมอยู่กับความคิดเหล่านั้น เธอทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับภาคินัย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขาที่ร้านกาแฟ การที่เขาชวนเธอไปดูงานนอกสถานที่ การที่เขาแอบช่วยเหลือเธอในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และคำชมที่เขาให้กับเธอ
เธอรู้ดีว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อภาคินัยมันเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ โดยที่เธอไม่ทันจะรู้ตัว และตอนนี้มันก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะควบคุมได้
คืนนั้น ปลายฝันนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดถึงอนาคตของเธอ และความรู้สึกที่เธอมีต่อภาคินัย เธอควรจะทำอย่างไรต่อไป เธอควรจะหยุดความรู้สึกนี้ไว้แค่นี้ หรือควรจะปล่อยให้มันดำเนินต่อไป
ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์ตระกูลภาคินัย ภาคินัยก็กำลังนั่งอยู่ที่ห้องทำงานของเขา ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววกังวลเล็กน้อย เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากธาม เพื่อนสนิทของเขา ที่โทรมาบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างทิชากับปลายฝัน
ภาคินัยถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ เขารู้ดีว่าทิชาเป็นคนขี้หึงและไม่ยอมใคร แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้ามาสร้างปัญหาให้กับปลายฝันถึงที่ทำงาน
"ให้มันได้อย่างนี้สิทิชา!" ภาคินัยพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย "ฉันเตือนเธอหลายครั้งแล้วนะว่าอย่ามายุ่งกับปลายฝัน"
ภาคินัยรู้สึกโกรธทิชามากที่มากลั่นแกล้งปลายฝัน เขาไม่ชอบให้ใครมารังแกคนอ่อนแอ และเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาสร้างปัญหาให้กับคนที่เขาสนใจ
ภาคินัยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกดเบอร์โทรศัพท์ของทิชาด้วยความโกรธ
"ทิชา! คุณทำอะไรกับคุณปลายฝันที่บริษัท!" ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและดุดันทันทีที่ทิชารับสาย
ทิชาเงียบไปเล็กน้อย เธอคงตกใจที่ภาคินัยรู้เรื่องนี้
"ภีมคะ ทิชาแค่ไปดูงานที่บริษัทเฉยๆ ค่ะ" ทิชาพยายามแก้ตัว
"อย่ามาโกหกผมเลยทิชา! ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว!" ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดขึ้น "ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับคุณปลายฝัน"
"แต่ภีมคะ ทิชาแค่เตือนเด็กฝึกงานคนนั้นให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเท่านั้นเองค่ะ" ทิชาพยายามหาเหตุผลมาอ้าง
"เตือนอะไร! คุณกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่ต่างหาก!" ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "ผมขอเตือนคุณนะทิชา ถ้าคุณยังไม่หยุด ผมจะยกเลิกการแต่งงาน!"
คำพูดของภาคินัยทำให้ทิชาเงียบไป เธอไม่คิดว่าภาคินัยจะกล้าพูดแบบนี้กับเธอ
"ภีมคะ! คุณพูดอะไรน่ะ" ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "คุณจะทำแบบนี้กับทิชาไม่ได้นะ"
"ทำไมจะไม่ได้! ถ้าคุณยังไม่หยุดการกระทำแบบนี้ ผมจะทำจริงๆ นะทิชา!" ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกคนที่ผมสนใจเด็ดขาด!"
ภาคินัยวางสายไปอย่างไม่ใยดี ปล่อยให้ทิชายืนอยู่กับความรู้สึกตกใจและเสียใจ เธอไม่คิดว่าภาคินัยจะโกรธเธอมากขนาดนี้ และไม่คิดว่าเขาจะปกป้องปลายฝันมากถึงขนาดนี้
ทิชารู้สึกโกรธปลายฝันมากยิ่งขึ้น เธอรู้สึกว่าปลายฝันกำลังแย่งภาคินัยไปจากเธอ และเธอจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
"ยัยเด็กฝึกงานนั่น! มันจะต้องชดใช้!" ทิชาพึมพำกับตัวเองอย่างเคียดแค้น
ในขณะที่ปลายฝันกำลังเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจ และแรงกดดันจากคำแนะนำของเพื่อนสนิท ภาคินัยก็กำลังปกป้องเธออย่างเงียบๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว และการกระทำของเขาก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทิชาตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวทั้งหมดกำลังจะนำพาพวกเขาเข้าสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงกว่าเดิม และความจริงบางอย่างที่ถูกปกปิดไว้ก็จะถูกเปิดเผยในไม่ช้า
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ