หลังจากค่ำคืนแห่งการเปิดใจ ความสัมพันธ์ของภาคินัยและปลายฝันก็ก้าวข้ามผ่านกำแพงที่เคยกั้นขวาง ความรู้สึกที่เคยเก็บซ่อนไว้ต่างถูกปลดปล่อย และความเชื่อใจที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นใหม่ก็เป็นเสมือนสะพานเชื่อมโยงหัวใจของทั้งสองให้ใกล้กันยิ่งกว่าเดิม ทุกวันทำงานกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ ไม่ใช่เพียงเพราะความท้าทายของโปรเจกต์ The Zenith แต่เป็นเพราะการได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ๆ กัน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในทุกๆ วัน
ภาคินัยยังคงดูแลปลายฝันอย่างสม่ำเสมอ เขาไม่ได้เร่งรัดความสัมพันธ์ แต่ใช้ความอ่อนโยนและความเอาใจใส่ค่อยๆ ละลายกำแพงที่เหลืออยู่ในใจของเธอ เขาแวะเวียนมาหาเธอที่โต๊ะทำงานบ่อยขึ้น นำกาแฟมาให้ในยามเช้า หรือขนมหวานมาฝากในตอนบ่าย บางครั้งก็แกล้งหยิบเอกสารงานขึ้นมาดู เพื่อจะได้มีข้ออ้างอยู่ใกล้เธอให้นานขึ้น
ปลายฝันเองก็เริ่มชินกับการดูแลของภาคินัย รอยยิ้มของเธอกลับมาสดใสอีกครั้ง แววตาที่เคยหม่นหมองตอนนี้กลับเปล่งประกายด้วยความสุข เธออนุญาตให้เขาเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เธอเริ่มเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอให้เขาฟังอย่างเปิดใจ และเขาก็เป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ
เย็นวันหนึ่ง หลังจากการทำงานที่ยาวนาน ภาคินัยอาสาไปส่งปลายฝันที่บ้านเหมือนเช่นเคย แต่ระหว่างทาง ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การจราจรติดขัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
“สงสัยรถจะติดอีกนานเลยนะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสภาพการจราจรที่นิ่งสนิท
ปลายฝันพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะคุณภีม ปายไม่ได้รีบร้อนอะไร”
บรรยากาศในรถเริ่มเงียบลง มีเพียงเสียงเม็ดฝนที่กระทบกระจก ภาคินัยหันมามองปลายฝัน ใบหน้าของเธอที่สะท้อนแสงไฟจากถนนดูอ่อนโยนและงดงามในสายตาของเขา
“ปายครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “คุณรู้สึกยังไงบ้างครับตอนนี้”
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
“ปายรู้สึกดีขึ้นมากค่ะคุณภีม” ปลายฝันตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขอบคุณนะคะสำหรับทุกอย่าง”
ภาคินัยยิ้มตอบ “ผมดีใจนะครับที่คุณรู้สึกดีขึ้น”
เขายื่นมือไปจับมือของเธอเบาๆ นิ้วเรียวยาวของเขาลูบไล้หลังมือของเธออย่างแผ่วเบา สัมผัสอบอุ่นที่ส่งผ่านปลายนิ้วทำให้หัวใจของปลายฝันเต้นระรัว
“ผมขอโทษนะครับที่เคยทำให้คุณต้องเสียใจ” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเจ็บปวดอีกแล้วครับ”
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกตื้นตัน “ปายเชื่อคุณค่ะคุณภีม”
ภาคินัยบีบมือของเธอเบาๆ “ผมดีใจมากนะครับที่ได้เจอคุณปาย”
บรรยากาศในรถอบอวลไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งสองมีให้กัน เสียงฝนที่ตกหนักอยู่นอกรถยิ่งทำให้โลกของพวกเขาราวกับถูกตัดขาดจากภายนอก มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่อยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความผูกพัน
เมื่อรถเริ่มขยับได้อีกครั้ง ภาคินัยก็ขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าบ้านของปลายฝัน เขาดับเครื่องยนต์และหันมามองเธออีกครั้ง
“ถึงแล้วนะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้น
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ “ขอบคุณมากนะคะคุณภีม ที่มาส่งปาย”
เธอปลดเข็มขัดนิรภัยและกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ภาคินัยกลับเอื้อมมือไปจับแขนของเธอไว้เบาๆ
“เดี๋ยวครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
ปลายฝันหันกลับมามองเขา หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นแววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
ภาคินัยโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอช้าๆ ดวงตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของเธออย่างลึกซึ้ง ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารดรินอยู่ข้างแก้มของเธอ ปลายฝันรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า แต่เธอกลับไม่ได้ขัดขืน
“ผม...ผมขอจูบคุณได้ไหมครับปาย” ภาคินัยเอ่ยถามด้วยเสียงที่แหบพร่า
ปลายฝันไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่หลับตาลงช้าๆ เป็นสัญญาณอนุญาต
ภาคินัยบรรจงประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของปลายฝันอย่างอ่อนโยน สัมผัสแรกนั้นแผ่วเบา ราวกับต้องการหยั่งเชิง ก่อนที่มันจะลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากของเขาบดเบียดคลึงกับริมฝีปากของเธออย่างเนิบนาบ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น
ปลายฝันรู้สึกราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่วทั้งร่าง เธอตอบรับจูบของเขาอย่างไม่ประสีประสา มือของเธอค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบคอของเขาอย่างอ่อนแรง
จูบของภาคินัยรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างเชื่องช้า สำรวจความหอมหวานภายในอย่างโหยหา ปลายฝันครางในลำคออย่างแผ่วเบา ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปกับความรู้สึกที่เขาปรนเปรอให้
ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มหอบกระชั้นขึ้น ภาคินัยถอนจูบออกช้าๆ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงแนบชิดกับใบหน้าของเธอ ดวงตาคมกริบของเขาสบเข้ากับดวงตาของปลายฝันที่พร่ามัวไปด้วยแรงอารมณ์
“ผมรักคุณนะปาย” ภาคินัยกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเธอ
ปลายฝันรู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมา เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้รับความรู้สึกแบบนี้จากใคร
“ปายก็รักคุณค่ะคุณภีม” ปลายฝันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ภาคินัยยิ้มกว้าง เขาโน้มตัวลงไปจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันแรงกล้า
จูบนั้นยาวนานและลึกซึ้งจนกระทั่งทั้งคู่แทบจะขาดอากาศหายใจ ภาคินัยถอนจูบออกช้าๆ และประทับจูบซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอ
“ปาย...คุณควรจะพักผ่อนนะครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ผมจะโทรหาคุณพรุ่งนี้นะ”
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าของเธอยังคงแดงก่ำด้วยความเขินอายและความสุข เธอเปิดประตูรถลงไป และเดินเข้าบ้านไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ปล่อยให้ภาคินัยนั่งอยู่ในรถคนเดียวกับรอยยิ้มบนใบหน้า
ในขณะเดียวกัน ทิชาที่ยังคงเก็บความแค้นไว้ในใจ ก็กำลังดำเนินการตามแผนการร้ายของเธออย่างลับๆ เธอได้โทรศัพท์ไปหาสำนักข่าวชื่อดังแห่งหนึ่ง และให้ข้อมูลที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างภาคินัยกับปลายฝัน รวมถึงข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงเกี่ยวกับปลายฝันที่เธอคิดขึ้นเอง
ทิชาต้องการทำลายชื่อเสียงของปลายฝันในทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เธอมีที่ยืนในสังคม และเพื่อตัดขาดเธอจากภาคินัยอย่างถาวร
“คุณแม่คะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้วค่ะ” ทิชาโทรไปรายงานคุณหญิงรัญจวนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสะใจ “ยัยเด็กนั่นจะต้องไม่มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป”
คุณหญิงรัญจวนหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ดีมากทิชา ลูกสาวแม่ต้องแบบนี้สิ”
ในขณะที่ทิชากำลังวางแผนการร้าย ธามก็ได้โทรศัพท์หาภาคินัยเพื่อแจ้งข่าวเรื่องการนัดพบกับคุณหญิงรัญจวน
“ภีม แกฟังฉันนะ” ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ฉันไปคุยกับคุณหญิงรัญจวนมาแล้วนะ เธอไม่ยอมอะไรง่ายๆ เลยว่ะ”
ภาคินัยถอนหายใจเล็กน้อย “ฉันพอจะเดาได้อยู่แล้วธาม”
“แต่ที่สำคัญกว่านั้นนะภีม” ธามกล่าวต่อ “คุณหญิงรัญจวนพูดจาข่มขู่ฉันด้วยนะ เธอบอกว่าถ้าแกยังยืนยันที่จะยกเลิกงานแต่งงาน เธอจะตอบโต้บ้าง”
คำพูดของธามทำให้ภาคินัยรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่กลัวทิชาและคุณหญิงรัญจวน แต่เขากลัวว่าเรื่องราวจะบานปลายไปถึงปลายฝัน
“ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองธาม” ภาคินัยเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายปายได้เด็ดขาด”
“แกก็ต้องระวังตัวด้วยนะภีม” ธามเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “พวกนั้นมันไม่ธรรมดา”
“ฉันรู้” ภาคินัยตอบ “ขอบใจมากนะธาม”
หลังจากวางสาย ภาคินัยก็นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ เขาจะต้องหาทางปกป้องปลายฝันจากอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาให้ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ภาคินัยโทรหาปลายฝันตั้งแต่เช้าตรู่
“สวัสดีครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“สวัสดีค่ะคุณภีม” ปลายฝันตอบด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
“วันนี้ผมจะไปรับคุณไปทำงานนะครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้น
“แต่คุณภีมไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ
“ไม่ลำบากเลยครับ” ภาคินัยตอบ “ผมอยากไปรับคุณเอง”
ปลายฝันยิ้มเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ”
เมื่อมาถึงบริษัท ภาคินัยและปลายฝันก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาของพนักงานคนอื่นๆ ที่จับจ้องมาที่พวกเขา ปลายฝันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ภาคินัยกลับจับมือของเธอไว้แน่น และเดินนำเธอไปยังแผนกออกแบบ
เรื่องราวความรักของพวกเขาที่เริ่มต้นจากความเข้าใจผิด กำลังจะก้าวไปสู่บทใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และบททดสอบครั้งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้า
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ