ข่าวการประกาศงานแต่งงานของทิชาและภาคินัยยังคงเป็นเหมือนมีดกรีดแทงหัวใจของปลายฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าภาคินัยจะมาอธิบายและยืนยันว่าเขาจะยกเลิกงานแต่งงานให้ได้ แต่ความจริงที่ว่าเขายังคงมีสถานะเป็นคู่หมั้นของทิชาก็ยังคงเป็นเงาตามติดที่ทำให้ปลายฝันรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในความสัมพันธ์นี้
เธอพยายามทำความเข้าใจภาคินัย แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นข่าวหรือได้ยินเสียงซุบซิบเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงาน เธอก็รู้สึกเหมือนถูกผลักให้ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นกลับถูกบดบังด้วยความเจ็บปวดและความลังเลที่เข้ามาแทนที่
ในค่ำคืนหนึ่ง ปลายฝันนั่งอยู่คนเดียวในห้องนอน แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง เธอมองดูรูปถ่ายของเธอกับภาคินัยที่เคยถ่ายด้วยกันรอยยิ้มของเขาดูอบอุ่นและจริงใจ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันช่างห่างไกลเหลือเกิน
น้ำตาของปลายฝันเริ่มไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกสับสนและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เธอรักภาคินัยมาก แต่เธอก็ไม่สามารถทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางออกแบบนี้ได้อีกแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายฝันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อของภาคินัยปรากฏบนหน้าจอ เธอลังเลที่จะรับสาย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจกดรับ
“ปายครับ” เสียงของภาคินัยฟังดูอบอุ่นและเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณภีมคะ” ปลายฝันตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ปาย...ปายไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ภาคินัยถามด้วยความเป็นห่วง
ปลายฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ปายสับสนค่ะคุณภีม ปายไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะไปต่อได้จริงๆ หรือเปล่า”
คำพูดของปลายฝันทำให้ภาคินัยเงียบไป เขาเข้าใจดีถึงความรู้สึกของเธอ
“ผมรู้ว่าคุณคงรู้สึกแย่มากนะครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “แต่ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมนะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดครับ”
“แต่ปายกลัวค่ะคุณภีม” ปลายฝันพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัว “ปายกลัวว่าปายจะทำร้ายใครอีก”
“คุณไม่ได้ทำร้ายใครเลยนะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมเป็นคนเลือกที่จะรักคุณ และผมก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างครับ”
ปลายฝันเงียบไป เธอรับฟังคำพูดของภาคินัยอย่างตั้งใจ แต่ความลังเลก็ยังคงเกาะกุมใจเธออยู่
“ปายขอเวลาคิดทบทวนหน่อยนะคะคุณภีม” ปลายฝันเอ่ยขึ้น “ปายอยากอยู่คนเดียวสักพักค่ะ”
ภาคินัยถอนหายใจเล็กน้อย “ได้ครับปาย ผมจะให้เวลาคุณคิดทบทวนนะครับ แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
ปลายฝันไม่ได้ตอบอะไร เธอวางสายไปทันที ปล่อยให้ภาคินัยอยู่คนเดียวกับความรู้สึกหนักใจ
ในขณะเดียวกัน ทิชาที่ยังคงดำเนินแผนการของเธอต่อไป ก็รู้สึกพึงพอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเชื่อว่าการประกาศเรื่องงานแต่งงานจะทำให้ปลายฝันถอยห่างจากภาคินัยไปเอง
ทิชาเริ่มเดินสายออกงานสังคมต่างๆ กับคุณหญิงรัญจวน และคอยพูดถึงเรื่องงานแต่งงานของเธอกับภาคินัยอยู่เสมอ เพื่อตอกย้ำสถานะของตนเองต่อสาธารณชน
“คุณแม่คะ ทิชาว่าอีกไม่นานยัยเด็กนั่นก็คงจะถอดใจไปเองค่ะ” ทิชาพูดกับคุณหญิงรัญจวนด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
คุณหญิงรัญจวนยิ้มตอบ “ดีมากทิชา ลูกสาวแม่ต้องแบบนี้สิ”
ในขณะที่ทิชากำลังปั่นป่วนความรู้สึกของปลายฝัน ธามก็ยังคงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับภาคินัยอย่างสม่ำเสมอ เขาพยายามหาทางออกให้กับภาคินัยอย่างเต็มที่
“แกจะทำยังไงต่อไปวะภีม” ธามถามภาคินัยด้วยความกังวล “ทิชาเขาคงไม่ยอมง่ายๆ แน่”
ภาคินัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันรู้ธาม แต่ฉันก็ต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้”
“แกจะบอกความจริงเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานกับสื่อมวลชนเลยไหมวะ” ธามเสนอ
ภาคินัยส่ายหน้า “ยังไม่ถึงเวลาหรอกธาม ถ้าฉันทำแบบนั้นตอนนี้ มันจะยิ่งสร้างความเสียหายให้ทุกคนมากกว่าเดิม”
“แล้วแกจะรอให้ถึงเมื่อไหร่วะ” ธามถาม “งานแต่งงานก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะ”
ภาคินัยเงียบไป เขาไม่รู้จะตอบอะไรดี เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก
ในขณะเดียวกัน ปลายฝันตัดสินใจที่จะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับภาคินัย เธอเริ่มไปทำงานแต่เช้าและกลับบ้านดึกๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกันกับเขา เธอไม่รับโทรศัพท์ของเขา และพยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องราวระหว่างพวกเขาทั้งสอง
ภาคินัยรู้สึกถึงความห่างเหินที่ปลายฝันกำลังสร้างขึ้น เขารู้สึกเจ็บปวดที่เห็นเธอหลีกเลี่ยงเขา
วันหนึ่ง ภาคินัยตัดสินใจที่จะไปดักรอปลายฝันที่หน้าบริษัทหลังเลิกงาน เขาจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
เมื่อปลายฝันเดินออกมาจากบริษัท เธอก็เห็นภาคินัยยืนรออยู่ตรงหน้า หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที
“คุณภีมคะ” ปลายฝันเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ปายครับ” ภาคินัยเดินเข้าไปหาปลายฝัน “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณนะ”
ปลายฝันเงียบไป เธอหลีกเลี่ยงการสบตาเขา
“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเสียใจ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “แต่ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมนะ ผมรักคุณคนเดียวนะปาย”
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมองภาคินัย น้ำตาคลอเบ้า “ปายไม่รู้จะเชื่อคุณได้ยังไงค่ะคุณภีม ปายกลัวว่าปายจะต้องเจ็บปวดอีก”
“ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดอีกแล้วนะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ผมสัญญา”
ปลายฝันถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ปายไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะคุณภีม ปายรู้สึกว่ามันไม่มีทางออกเลย”
“มันต้องมีทางออกสิครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมจะหาทางออกให้ได้ ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ตาม”
“แต่คุณภีมก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วนะคะ” ปลายฝันพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “ปายไม่อยากเป็นมือที่สามค่ะ”
คำพูดของปลายฝันทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บปวด เขาเข้าใจดีถึงความรู้สึกของเธอ
“คุณไม่ใช่คนผิดนะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมเป็นคนผิดเอง”
ภาคินัยยื่นมือไปจับมือของปลายฝันเบาๆ “ผมขอโอกาสอีกครั้งนะครับปาย ให้ผมได้พิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
ปลายฝันเงียบไป เธอจ้องมองภาคินัยด้วยสายตาที่สับสน ความลังเลยังคงกัดกินหัวใจเธอ
“ปายขอเวลาคิดทบทวนอีกครั้งนะคะคุณภีม” ปลายฝันเอ่ยขึ้น “ปายต้องการเวลาจริงๆ ค่ะ”
ภาคินัยพยักหน้าช้าๆ “ได้ครับปาย ผมจะรอคุณนะครับ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม”
ปลายฝันดึงมือออกจากมือของภาคินัย และเดินจากไปทันที ปล่อยให้ภาคินัยยืนอยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ในขณะเดียวกัน ทิชาที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ห่างๆ ก็ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ เธอเชื่อว่าแผนการของเธอกำลังจะได้ผล
“ยัยเด็กนั่นคงจะถอดใจไปแล้วสินะ” ทิชาพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะ
ทิชาตัดสินใจที่จะเร่งรัดการเตรียมงานแต่งงานให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เธอต้องการที่จะตอกย้ำสถานะของเธอให้ชัดเจน และกำจัดปลายฝันออกไปจากชีวิตของภาคินัยอย่างถาวร
คุณหญิงรัญจวนเองก็รู้สึกพอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอบอกให้ทิชาทำทุกอย่างให้เต็มที่ เพื่อให้งานแต่งงานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ในขณะที่ภาคินัยกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ปลายฝันก็กลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกหนักใจ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เธอรักภาคินัยมาก แต่เธอก็ไม่สามารถทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางออกแบบนี้ได้อีกแล้ว
น้ำหวานเดินเข้ามาในห้องของปลายฝัน เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนสนิท เธอก็รู้สึกเป็นห่วง
“แกเป็นอะไรไปปลายฝัน” น้ำหวานถามด้วยความเป็นห่วง
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมองน้ำหวาน น้ำตาไหลอาบแก้ม “ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแก”
“เรื่องคุณภีมใช่ไหม” น้ำหวานถาม
ปลายฝันพยักหน้าช้าๆ “ฉันสับสนไปหมดเลยแก ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้”
“แกต้องเชื่อใจคุณภีมนะปลายฝัน” น้ำหวานปลอบใจ “ฉันเชื่อว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน”
“แต่ฉันเหนื่อยแล้วนะแก” ปลายฝันพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า “ฉันไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว”
น้ำหวานกอดปลายฝันไว้แน่น “แกเข้มแข็งไว้นะปลายฝัน ฉันจะอยู่ข้างๆ แกเสมอ”
ในขณะที่ปลายฝันกำลังจมอยู่กับความสับสนและความเจ็บปวด ภาคินัยก็เริ่มดำเนินการตามแผนการของเขา เขานัดพบกับทนายความส่วนตัว เพื่อปรึกษาเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ
“คุณภาคินัยครับ การยกเลิกงานแต่งงานในตอนนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลคุณอย่างมากนะครับ” ทนายความเอ่ยขึ้น
“ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกครับ” ภาคินัยตอบอย่างหนักแน่น “ผมต้องการยกเลิกงานแต่งงานนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม”
ทนายความพยักหน้าช้าๆ “ถ้าอย่างนั้น ผมจะพยายามจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุดนะครับ”
ภาคินัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันทุกรูปแบบเพื่อความรักของเขาและเพื่อปลายฝัน
เรื่องราวความรักที่ซับซ้อนของภาคินัยและปลายฝันกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด แต่บทสรุปจะเป็นอย่างไรนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ