หลังจากที่ภาคินัยได้เปิดเผยความลับในอดีตของเขาให้ปลายฝันฟัง และได้รับความเข้าใจจากเธอ ความรักของทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ความสงบสุขนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะทิชากำลังเตรียมการเปิดโปงครั้งสำคัญ เพื่อใช้เรื่องราวในอดีตของภาคินัยมาทำลายความสัมพันธ์ของเขากับปลายฝันอย่างสิ้นเชิง โดยการบิดเบือนข้อมูลให้ร้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทิชากับรวินท์รยาพบกันอีกครั้งที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ใบหน้าของทิชาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ขณะที่รวินท์รยากลับดูเคร่งเครียดกว่าเดิมเล็กน้อย เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับแผนการที่ทิชากำลังจะทำ
“คุณทิชาคะ ทิชาคิดว่าเราควรจะค่อยๆ ทำเรื่องนี้ดีไหมคะ” รวินท์รยาเอ่ยขึ้นด้วยความลังเล “ถ้าเรื่องมันบานปลายไปมากเกินไป ดิฉันกลัวว่ามันจะไม่ดีกับใครเลย”
ทิชาหัวเราะเบาๆ “คุณรวินท์รยาคะ ตอนนี้เรามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วค่ะ” เธอจ้องมองรวินท์รยาด้วยสายตาที่เฉียบคม “จำไว้นะคะ ในสงคราม ถ้าเราไม่ร้าย เราก็ไม่มีวันชนะ”
รวินท์รยาเงียบไป เธอรู้ดีว่าทิชาพูดถูก ถ้าเธอไม่ทำอะไรในตอนนี้ เธอก็จะไม่มีทางได้ภาคินัยกลับคืนมา
“คุณทิชามีแผนอะไรคะ” รวินท์รยาถามในที่สุด
ทิชายิ้มกว้าง “เราจะจัดงานแถลงข่าวฉุกเฉินค่ะ” เธอหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมา “ดิฉันเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เราจะเปิดโปงเรื่องราวในอดีตของคุณภีมและยัยปลายฝันให้โลกได้รับรู้”
รวินท์รยาหน้าซีดเผือด “คุณจะบิดเบือนข้อมูลด้วยใช่ไหมคะ”
“แน่นอนค่ะ” ทิชาตอบอย่างไม่ลังเล “เราจะทำให้คุณภีมกลายเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ที่ทิ้งคนรักเก่าที่เกือบตายเพื่อไปคบกับผู้หญิงไร้ค่าอย่างยัยปลายฝัน”
รวินท์รยาตัวสั่นเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าทิชาจะใจร้ายได้ถึงขนาดนี้
“แล้วคุณจะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณรวินท์รยาดูน่าสงสารที่สุดค่ะ” ทิชาพูดต่อ “ทุกคนจะต้องเห็นใจคุณ และรุมประณามคุณภีมกับยัยปลายฝัน”
รวินท์รยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลากเข้าไปในหลุมดำที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ในขณะเดียวกัน ภาคินัยและปลายฝันก็กำลังใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ภาคินัยพยายามที่จะชดเชยเวลาที่ผ่านมาให้กับปลายฝัน เขาเล่าเรื่องราวในอดีตของเขาให้เธอฟังอย่างละเอียด และปลายฝันก็รับฟังเขาอย่างตั้งใจ เธอรู้สึกว่ากำแพงที่เคยปิดกั้นระหว่างพวกเขากำลังทลายลงไปทีละน้อย
“ผมขอโทษนะปาย ที่ผมทำให้คุณต้องเจ็บปวด” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียใจอีกแล้ว”
ปลายฝันยิ้มบางๆ “ปายเชื่อคุณค่ะคุณภีม”
ทั้งสองคนเดินจับมือกันไปตามทางเดิน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเขาสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุข
แต่ความสุขนี้ก็อยู่ได้ไม่นานนัก
ในวันรุ่งขึ้น ทิชาจัดงานแถลงข่าวขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเชิญสื่อมวลชนชั้นนำมาร่วมงานอย่างคับคั่ง เธอสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวกับนางฟ้า แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความอำมหิต
“สวัสดีค่ะสื่อมวลชนทุกท่าน” ทิชาเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความแข็งกระด้าง “วันนี้ดิฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะเปิดเผยให้ทุกท่านได้รับทราบค่ะ”
นักข่าวต่างตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
“ทุกท่านคงทราบดีนะคะว่าดิฉันกับคุณภาคินัยได้หมั้นหมายกันมานานแล้ว และกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กันในอีกไม่นาน” ทิชาพูด “แต่มีเรื่องราวบางอย่างที่ดิฉันคิดว่าทุกท่านควรจะได้รับรู้ค่ะ”
ทิชาเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตของภาคินัยและรวินท์รยา โดยการบิดเบือนข้อมูลให้ภาคินัยดูเป็นผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์ และทอดทิ้งคนรักที่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม เธอยังพยายามเชื่อมโยงปลายฝันเข้าไปในเรื่องราวอย่างบิดเบือน ทำให้ปลายฝันดูเหมือนเป็นคนที่เข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ของคนอื่น
“คุณภาคินัยทิ้งคุณรวินท์รยาไปในวันที่เธอต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต” ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร “และตอนนี้ เขาก็กำลังจะทำลายงานแต่งงานของพวกเรา เพียงเพราะผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เข้ามาแทรกแซง”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วทั้งงาน นักข่าวต่างพากันบันทึกภาพและเสียงอย่างรวดเร็ว
“ดิฉันสงสารคุณรวินท์รยามากค่ะ” ทิชาพูดต่อ “เธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียน้องสาว และการถูกคนรักทอดทิ้ง”
รวินท์รยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ทิชา ก็แสดงสีหน้าเศร้าสร้อย และมีน้ำตาคลอเบ้า เพื่อตอกย้ำความน่าสงสารของเธอ
“ดิฉันขอถามนะคะว่า ผู้ชายแบบนี้สมควรที่จะเป็นผู้นำตระกูลของเราหรือไม่คะ” ทิชาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “และผู้หญิงที่เข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ของคนอื่น สมควรที่จะได้รับความสุขหรือไม่คะ”
คำพูดของทิชาสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในงานเป็นอย่างมาก ข่าวการเปิดโปงนี้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม
ภาคินัยและปลายฝันได้รับรู้ข่าวการแถลงข่าวของทิชาจากโทรทัศน์ พวกเขาถึงกับตกใจและโกรธจัดเมื่อได้ยินทิชาบิดเบือนความจริงทั้งหมด
“บ้าจริง!” ภาคินัยสบถด้วยความโมโห “ทิชากำลังจะทำอะไรกันแน่”
ปลายฝันหน้าซีดเผือด น้ำตาไหลอาบแก้ม “ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้คะคุณภีม”
น้ำหวานที่อยู่กับปลายฝันในตอนนั้น ก็รีบเข้ามาปลอบใจเธอ
“แก ไม่เป็นไรนะปลายฝัน” น้ำหวานปลอบใจ “นี่มันคือแผนการของพวกเขานะ”
“แต่เธอทำลายชื่อเสียงของคุณภีมนะแก” ปลายฝันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “และเธอก็ทำให้ฉันกลายเป็นคนไม่ดีด้วย”
ในขณะเดียวกัน ธามที่ได้รับรู้ข่าวนี้เช่นกัน ก็รู้สึกโกรธจัด เขาไม่คิดว่าทิชาจะกล้าทำแบบนี้
เขาโทรศัพท์หาภาคินัยทันที
“ภีม แกเห็นข่าวไหม” ธามถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“เห็นแล้วธาม” ภาคินัยตอบ “ฉันไม่ยอมให้เธอทำแบบนี้หรอก”
“แล้วแกจะทำยังไงวะ” ธามถาม
ภาคินัยเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันจะจัดการแถลงข่าวเหมือนกันธาม ฉันจะเปิดเผยความจริงทั้งหมด”
ธามพยักหน้าช้าๆ “ฉันจะช่วยแกนะภีม”
แต่ก่อนที่ภาคินัยจะทันได้จัดการแถลงข่าว ผลกระทบจากการเปิดโปงของทิชาก็เริ่มปรากฏขึ้น หุ้นของบริษัทภาคินัยเริ่มร่วงลงอย่างรุนแรง พนักงานในบริษัทเริ่มเกิดความกังวล และหุ้นส่วนบางรายก็เริ่มถอนตัว
คุณพ่อของภาคินัยโทรหาเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ภีม เกิดอะไรขึ้นกันแน่” คุณพ่อของภาคินัยถาม “ทำไมหุ้นของเราถึงร่วงลงขนาดนี้”
ภาคินัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ทิชากำลังเล่นงานเราครับคุณพ่อ”
“แล้วแกจะทำยังไง” คุณพ่อของภาคินัยถาม “เราจะปล่อยให้เธอทำลายทุกอย่างไม่ได้นะ”
“ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ครับคุณพ่อ” ภาคินัยตอบอย่างหนักแน่น
ในขณะที่ภาคินัยกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่ ปลายฝันก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นตัวต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด เธอไม่อยากให้ภาคินัยต้องมาเดือดร้อนเพราะเธอ
ปลายฝันตัดสินใจที่จะไปหาภาคินัยที่บริษัท เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของภาคินัยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“คุณภีมคะ” ปลายฝันเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ภาคินัยเงยหน้าขึ้นมองปลายฝัน ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ปายครับ คุณมาได้ยังไง” ภาคินัยถามด้วยความเป็นห่วง
ปลายฝันเดินเข้าไปหาภาคินัย และจับมือเขาเบาๆ “ปายขอโทษนะคะคุณภีม ปายเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ใช่ไหมคะ”
ภาคินัยส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของคุณนะครับปาย”
“แต่ถ้าไม่มีปาย คุณภีมก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” ปลายฝันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“อย่าพูดแบบนั้นนะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมเลือกที่จะรักคุณ และผมก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างเพื่อคุณ”
ปลายฝันมองไปที่ภาคินัยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ปายคิดว่า...ปายควรจะถอยออกมานะคะคุณภีม”
คำพูดของปลายฝันทำให้ภาคินัยถึงกับตกใจ เขาไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา
“คุณจะไปไหนครับปาย” ภาคินัยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ปายไม่อยากให้คุณภีมต้องมาเดือดร้อนเพราะปายอีกแล้วค่ะ” ปลายฝันตอบ “ปายคิดว่าเราควรจะหยุดความสัมพันธ์ของเราไว้แค่นี้ค่ะ”
คำพูดของปลายฝันเป็นเหมือนมีดที่กรีดแทงหัวใจของภาคินัย เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องได้ยินคำพูดแบบนี้จากคนที่เขารักมากที่สุด
“ไม่นะครับปาย” ภาคินัยเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนเด็ดขาด”
ภาคินัยดึงปลายฝันเข้ามากอดแน่น เขาไม่ต้องการที่จะปล่อยเธอไป เขาจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความรักของพวกเขาไว้
ในขณะเดียวกัน ทิชาที่ได้ยินข่าวว่าปลายฝันกำลังจะถอยห่างจากภาคินัย ก็ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ เธอเชื่อว่าแผนการของเธอกำลังจะได้ผลอย่างสมบูรณ์แบบ
รวินท์รยาที่ได้รับรู้เรื่องนี้เช่นกัน ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เธอไม่ได้ต้องการให้ใครต้องเจ็บปวดถึงขนาดนี้
“คุณทิชาคะ ทิชาคิดว่าเราควรจะพอแค่นี้ดีไหมคะ” รวินท์รยาเอ่ยขึ้น “ทิชาไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้แล้วค่ะ”
ทิชาหัวเราะเยาะ “คุณรวินท์รยาคะ ตอนนี้เรามาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องถอยแล้วค่ะ” เธอจ้องมองรวินท์รยาด้วยสายตาที่เย็นชา “จำไว้นะคะ ว่าเราจะต้องชนะ”
เรื่องราวความรักของภาคินัยและปลายฝันกำลังถูกทดสอบอย่างหนัก และดูเหมือนว่าความหวังของพวกเขาจะริบหรี่ลงทุกที แต่ภาคินัยก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องปลายฝัน และเพื่อความรักของพวกเขา
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ