ค่ำคืนที่ ภาคินัย ได้เปิดใจเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งหมดให้ ปลายฝัน ฟังอย่างละเอียด เป็นเหมือนกุญแจสำคัญที่ไขความลับในใจของเขาออกมา สิ่งที่เขาแบกรับมาตลอดหลายปี ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่คือ ปมแห่งความโดดเดี่ยวและความไม่ไว้วางใจ ที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนปิดกั้นตัวเอง แต่ในค่ำคืนนั้น ด้วยความรักและความกล้าหาญของเขา ปลายฝันได้รับรู้ทุกสิ่งอย่างลึกซึ้ง และนั่นนำไปสู่ ความเข้าใจที่สมบูรณ์ ที่ทำให้เธอ ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็นด้วยความรัก ที่แท้จริง และยั่งยืน
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน ปลายฝันตื่นขึ้นมาก่อน เธอมองดูใบหน้าของภาคินัยที่ยังคงหลับใหลอย่างสงบ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจ ทั้งความเห็นอกเห็นใจ ความรักที่ลึกซึ้ง และความภาคภูมิใจในตัวผู้ชายคนนี้
เมื่อคืนนี้ เธอรับฟังเรื่องราวของเขาอย่างตั้งใจ ไม่มีการขัดจังหวะ ไม่มีการตัดสิน มีเพียงความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ปลายฝันรู้ดีว่าการที่ภาคินัยเลือกที่จะเปิดใจกับเธอ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย มันคือการที่เขาทลายกำแพงที่สร้างมาตลอดชีวิตลง และมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับเธอ
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ระเบียงห้อง สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า และปล่อยให้ความคิดต่างๆ ตกตะกอน เมื่อคืนนี้ เธอได้เห็นภาคินัยในอีกมุมหนึ่ง มุมที่อ่อนแอ เปราะบาง และเต็มไปด้วยบาดแผลในอดีต แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่าเขามีข้อบกพร่อง เธอรู้สึกว่าเธอรักเขามากขึ้นไปอีก เพราะเธอได้เห็นความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงในตัวเขา
เมื่อภาคินัยตื่นขึ้น เขาเห็นปลายฝันกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ระเบียง เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าปลายฝันจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องราวที่เขาเล่าไปเมื่อคืน แต่เมื่อปลายฝันหันมายิ้มให้เขา รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเข้าใจ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลง
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณภีม" ปลายฝันกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"อรุณสวัสดิ์ครับปาย" ภาคินัยเดินเข้าไปหาเธอ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของปลายฝันไว้แน่น "เมื่อคืน... ปาย... ผม... ขอโทษที่เล่าเรื่องที่ไม่น่าฟังให้ปายฟังนะครับ"
ปลายฝันบีบมือเขาตอบ "ไม่เลยค่ะคุณภีม ปายดีใจที่คุณเล่าให้ปายฟัง ปายเข้าใจคุณภีมทุกอย่างแล้วค่ะ"
เธอพยักหน้าให้เขานั่งลงข้างๆ แล้วเล่าความรู้สึกของเธอให้เขาฟังอย่างหมดใจ
"ปายรู้แล้วค่ะว่าทำไมคุณภีมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงปิดกั้นตัวเอง และทำไมถึงไม่ไว้ใจใครง่ายๆ" ปลายฝันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ "เรื่องที่คุณแม่ของคุณภีมจากไป... มันคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของคุณภีมใช่ไหมคะ"
ภาคินัยพยักหน้า ดวงตาของเขาแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น
"ปายเข้าใจค่ะว่าคุณภีมสร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อไม่ให้ต้องเจ็บปวดอีกครั้ง" ปลายฝันพูดต่อ "และปายก็เข้าใจว่าทำไมคุณภีมถึงไม่เคยเชื่อในความรักที่แท้จริง... เพราะคุณคงกลัวที่จะถูกทอดทิ้งอีกครั้ง"
คำพูดของปลายฝันเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจภาคินัยออกมาอย่างชัดเจน เธอเข้าใจเขาอย่างลึกซึ้งในแบบที่ไม่มีใครเคยเข้าใจมาก่อน
"แต่ปายอยากให้คุณภีมรู้ไว้นะคะว่า... ปายอยู่ตรงนี้ค่ะ" ปลายฝันจับมือภาคินัยขึ้นมาจูบเบาๆ "ปายจะไม่ไปไหน ปายจะไม่ทิ้งคุณภีมไปไหน ปายรักคุณภีมในแบบที่คุณภีมเป็น และปายจะอยู่เคียงข้างคุณภีมเสมอค่ะ"
คำพูดของปลายฝันเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจของภาคินัย ความรู้สึกหนักอึ้งที่เขาแบกมานานหลุดออกไป เขากอดปลายฝันแน่น ปล่อยให้น้ำตาแห่งการปลดปล่อยไหลรินออกมาอย่างเงียบๆ
ความเข้าใจที่สมบูรณ์ของปลายฝันทำให้ภาคินัยรู้สึกได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง เขาไม่ต้องแกล้งทำเป็นแข็งแกร่ง ไม่ต้องซ่อนความอ่อนแออีกต่อไป เขาสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่กับเธอ
จากวันนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของภาคินัยและปลายฝันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่ได้แค่รักกัน แต่ยังเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของกันและกัน
ภาคินัยเรียนรู้ที่จะเปิดใจมากขึ้น เขาเริ่มแสดงความรู้สึกและอารมณ์ของเขาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเลิกกลัวการที่จะแสดงความอ่อนแอ เพราะเขารู้ว่าปลายฝันจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และเธอจะเข้าใจเขาเสมอ
ปลายฝันเองก็เรียนรู้ที่จะอดทนและเข้าใจในสิ่งที่ภาคินัยเป็น เธอรู้ว่าการเยียวยาบาดแผลในใจต้องใช้เวลา และเธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาในทุกๆ ก้าวของการเยียวยานั้น
พวกเขาสื่อสารกันอย่างเปิดอกมากขึ้น ไม่มีความลับใดๆ ระหว่างกัน ปลายฝันมักจะถามไถ่ความรู้สึกของภาคินัย และคอยรับฟังเขาอย่างตั้งใจ ภาคินัยเองก็เรียนรู้ที่จะแบ่งปันความรู้สึกของเขาให้เธอรับรู้ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์
มีอยู่หลายครั้งที่ภาคินัยเล่าถึงเรื่องราวในวัยเด็กที่โดดเดี่ยวของเขาให้ปลายฝันฟัง ปลายฝันจะคอยปลอบโยนเขา และบอกว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
ความรักของปลายฝันที่มีต่อภาคินัยนั้นเป็นความรักที่ไร้เงื่อนไข เธอไม่ได้รักเขาเพราะเขาเป็นทายาทมหาเศรษฐี หรือเพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เธอรักเขาในแบบที่เขาเป็น รักในความดีงามในจิตใจของเขา รักในความมุ่งมั่น และรักในความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกที่แข็งแกร่ง
เธอเห็นคุณค่าในตัวเขาอย่างแท้จริง และพร้อมที่จะยอมรับทุกอย่างในตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน เธอมองว่าบาดแผลในอดีตของเขาไม่ได้ทำให้เขามีข้อบกพร่อง แต่มันคือส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นภาคินัยคนปัจจุบัน ผู้ชายที่เธอรักหมดหัวใจ
ภาคินัยเองก็รู้สึกถึงความรักที่ไร้เงื่อนไขนี้ เขาไม่เคยได้รับความรักแบบนี้จากใครมาก่อน ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเป็น
ความเข้าใจที่สมบูรณ์ระหว่างภาคินัยและปลายฝันเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน
พวกเขาไม่ได้มองว่าความรักเป็นแค่ความรู้สึก แต่เป็นการเดินทางที่ต้องเรียนรู้ เติบโต และปรับตัวเข้าหากันในทุกๆ วัน
ภาคินัยและปลายฝันเริ่มวางแผนสำหรับชีวิตคู่ของพวกเขาอย่างจริงจังมากขึ้น พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องการแต่งงาน การสร้างครอบครัว และการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างละเอียด
"ปายครับ... ผม อยากสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับปายนะครับ" ภาคินัยกล่าวในคืนหนึ่ง "ครอบครัวที่เราจะรักกัน เข้าใจกัน และเป็นกำลังใจให้กันเสมอ"
ปลายฝันยิ้ม "ปายก็อยากสร้างครอบครัวแบบนั้นกับคุณภีมค่ะ"
พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดงานแต่งงานเล็กๆ อบอุ่นๆ ที่มีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น เพื่อให้เป็นงานที่เต็มไปด้วยความหมายและจริงใจ
การเปิดใจทั้งหมดของภาคินัย การรับฟังและเข้าใจอย่างสมบูรณ์ของปลายฝัน ทำให้ความรักของพวกเขาเบ่งบานอย่างเต็มที่ และนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืน ความทรงจำที่สวยงามที่สร้างร่วมกันในนิวซีแลนด์ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบทใหม่ในชีวิตของพวกเขา บทที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ความรักที่แท้จริง และอนาคตที่สดใสที่รออยู่เบื้องหน้า
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ