หลังจากงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของภาคินัย กรุ๊ป ที่เต็มไปด้วยความสุขและอบอวลไปด้วยความรัก ความสัมพันธ์ของ ภาคินัยและปลายฝันก็ก้าวเข้าสู่มิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พวกเขามองเห็นอนาคตร่วมกันอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ในฐานะคู่ทำงานที่รู้ใจ แต่ในฐานะคู่ชีวิตที่จะสร้างครอบครัวไปด้วยกัน วันนี้พวกเขาใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานของ ภาคินัย ไม่ใช่เพื่อสะสางงานด่วน แต่เพื่อวางแผนอนาคตทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
เสียงคลิกของปากกากระทบกับแผ่นกระดาษเบาๆ สลับกับเสียงหัวเราะคิกคักของปลายฝัน ในห้องทำงานที่กว้างขวางของภาคินัย บนชั้นสูงสุดของอาคารภาคินัย กรุ๊ป แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้ห้องดูอบอุ่นและเป็นกันเอง ต่างจากบรรยากาศเคร่งเครียดที่เคยมีเมื่อครั้งที่พวกเขากำลังต่อสู้กับวิกฤตของบริษัท
ภาคินัยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวเดิม แต่ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายและมีความสุขกว่าที่เคย เขากำลังจดบันทึกบางอย่างลงในสมุดเล่มโปรด โดยมี ปลายฝันนั่งอยู่บนตักของเขาใบหน้าซบกับไหล่กว้างของเขา ปลายนิ้วเรียวของเธอลูบไล้ไปตามแขนเสื้อสูทของเขาอย่างแผ่วเบา
"คุณภีมคิดว่าแผนการตลาดสำหรับโปรเจกต์ใหม่ของเราควรจะเน้นกลุ่มลูกค้าไหนดีคะ" ปลายฝันถามพลางชะโงกหน้ามองสิ่งที่ภาคินัยกำลังจด
ภาคินัยยิ้มอ่อนโยน เขากดจมูกลงบนเรือนผมหอมกรุ่นของเธอเบาๆ "ผมว่าเราควรจะเน้นกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานนะปาย กลุ่มนี้มีกำลังซื้อและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้ดี"
"ปายก็คิดแบบนั้นเลยค่ะ" ปลายฝันตอบเห็นด้วย
"แต่ว่าถ้าเราจะเจาะตลาดกลุ่มนี้ เราต้องทำคอนเทนต์ที่เข้าถึงง่ายและทันสมัยกว่าเดิมนะคะ"
"แน่นอนครับ" ภาคินัยพยักหน้า
"เรื่องนั้นผมยกให้ปายจัดการได้เลย ปายถนัดเรื่องนี้ที่สุดอยู่แล้ว"
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมองภาคินัยใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "คุณภีมไว้ใจปายขนาดนี้เลยเหรอคะ"
"แน่นอนสิครับ" ภาคินัย ตอบพลางบีบจมูกเธอเบาๆ "ผมไว้ใจปายมากกว่าใครในโลกนี้ซะอีก"
บทสนทนาของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น สลับระหว่างเรื่องงานที่เคร่งเครียดกับการหยอกล้อที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ ภาคินัย วางปากกาลง เขาหมุนเก้าอี้ให้หันหน้าเข้าหาปลายฝันเต็มตัวอ้อมแขนของเขากระชับเธอเข้ามาใกล้ขึ้น
"เอาล่ะเรื่องงานพักไว้ก่อนนะครับ" ภาคินัย พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"มาคุยเรื่องส่วนตัวกันบ้างดีกว่า"
ปลายฝันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยระคนกับความเขินอาย
"เรื่องส่วนตัวอะไรคะ" ปลายฝันถาม
ภาคินัยใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามพวงแก้มเนียนของเธอ "เรื่องอนาคตของเราไงครับ"
"อนาคตของเรา" ปลายฝันทวนคำ
"ใช่ครับ ปายอยากมีครอบครัวแบบไหนครับ" ภาคินัย ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก
ปลายฝันหน้าแดงก่ำเธอไม่คิดว่าภาคินัยจะพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังในตอนนี้ เธอซบหน้าลงกับอกของเขาด้วยความเขินอาย
"คุณภีมคะ ปายเขินนะ" ปลายฝันพูดเสียงอู้อี้
ภาคินัยหัวเราะเบาๆ เขาจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ "เขินอะไรครับ เราเป็นแฟนกันแล้วนะจะคุยเรื่องอนาคตด้วยกันไม่ได้เหรอ"
"ก็ได้ค่ะ" ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมามองเขา
"ปายอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ มีบ้านหลังเล็กๆ ที่มีสวนสวยๆ มีน้องหมาน้องแมววิ่งเล่นแล้วก็มีลูกที่น่ารักๆ สักสองคน"
ดวงตาของภาคินัยเป็นประกาย เขาจ้องมองเธอด้วยความรัก
"ผมก็อยากมีครอบครัวแบบนั้นเลยครับ"
"จริงเหรอคะ" ปลายฝันถามด้วยความดีใจ
"จริงสิครับ" ภาคินัยพยักหน้า "งั้นเรามาวางแผนกันเลยดีไหมครับว่าจะสร้างครอบครัวในฝันของเราให้เป็นจริงได้ยังไง"
ปลายฝันยิ้มกว้าง เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงวันที่เธอและภาคินัย จะได้มานั่งวางแผนอนาคตร่วมกันแบบนี้
ภาคินัยหยิบสมุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่สมุดบันทึกงานแต่เป็นสมุดเปล่าที่เขาตั้งใจจะใช้จดแผนชีวิตคู่ของพวกเขา
"อย่างแรกเลย ปายอยากแต่งงานเมื่อไหร่ครับ" ภาคินัยถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ปลายฝันหน้าแดงก่ำขึ้นไปอีก "คุณภีมนี่! ถามอะไรแบบนี้คะ"
"ก็ผมอยากรู้จริงๆ นี่นา" ภาคินัยแกล้งทำหน้าซื่อ "หรือว่าปายไม่อยากแต่งงานกับผมครับ"
"เปล่านะคะ!" ปายรีบปฏิเสธทันควัน "ใครบอกว่าไม่อยากแต่งคะปายแค่อาย"
"งั้นแสดงว่าอยากแต่งใช่ไหมครับ" ภาคินัย ถามย้ำ
"ก็ ก็อยากสิคะ" ปาย ตอบเสียงเบาหวิว
ภาคินัยหัวเราะอย่างมีความสุขเขาดึงปลายฝันเข้ามาจูบที่หน้าผากอีกครั้ง "งั้น ขอผมจองตัวปายไว้ก่อนเลยนะครับ"
ปลายฝันยิ้มเขินเธอใช้มือโอบรอบคอของภาคินัย "คุณภีมจะจองอะไรคะ ปายเป็นของคุณภีมอยู่แล้วนี่นา"
"จริงเหรอครับ" ภาคินัยถามพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างลึกซึ้ง
"จริงสิคะ" ปลายฝันเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเขินอายและหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา
ภาคินัยค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของปลายฝัน ลมหายใจอุ่นๆ ของเขารดรินอยู่ข้างแก้มของเธอ ทำให้เธอรู้สึกหวิวๆ ในช่องท้อง
"งั้น ขอผมจูบได้ไหมครับ" ภาคินัยกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
ปลายฝันหัวใจเต้นรัว เธอหลับตาลงช้าๆ เป็นการอนุญาต
ภาคินัยค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของปลายฝัน อย่างอ่อนโยน ในตอนแรกเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบาก่อนที่มันจะค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของทั้งสอง ริมฝีปากของพวกเขากดแนบชิดกัน สื่อถึงความรักและความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจมานาน
มือของภาคินัยเลื่อนขึ้นไปโอบรอบเอวของปลายฝัน ดึงเธอเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นจนไม่มีช่องว่าง ปลายฝันตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มที่ มือของเธอเลื่อนขึ้นไปลูบไล้เส้นผมของเขาอย่างแผ่วเบา จูบของพวกเขาทั้งอ่อนหวานและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน ราวกับจะเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตของกันและกัน
เสียงหัวใจของทั้งสองเต้นรัว ประสานเป็นจังหวะเดียวกัน บรรยากาศในห้องทำงานที่เคยเป็นสถานที่สำหรับความเครียดและงานหนัก ตอนนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น
เมื่อจูบอันแสนหวานคลายลง ภาคินัยค่อยๆ ผละริมฝีปากออกช้าๆ เขามองใบหน้าของปลายฝันที่แดงก่ำและดวงตาที่ปิดพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม
"ผมรักปายนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงแผ่ว
ปลายฝันลืมตาขึ้นช้าๆ รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ "ปายก็รักคุณภีมค่ะ"
หลังจากช่วงเวลาอันแสนหวาน พวกเขากลับมานั่งวางแผนอนาคตกันต่ออย่างจริงจังมากขึ้น
"งั้นเรื่องแต่งงาน ปายอยากจัดงานแบบไหนครับ" ภาคินัยถามพลางจดลงไปในสมุด
"ปายอยากจัดงานเล็กๆ อบอุ่นๆ ค่ะ มีแค่ครอบครัวกับเพื่อนสนิทของเราก็พอ" ปลายฝันตอบ "แล้วก็อยากแต่งงานริมทะเลค่ะ"
ภาคินัยยิ้ม "ริมทะเลเหรอครับดีเลยผมก็ชอบทะเล"
"แล้วคุณภีมล่ะคะ อยากมีบ้านแบบไหน" ปลายฝันถามกลับบ้าง
"ผมอยากมีบ้านที่กว้างขวางหน่อยครับ มีพื้นที่ให้ปายได้จัดสวนสวยๆ มีสนามหญ้าให้ลูกๆ วิ่งเล่นได้เต็มที่" ภาคินัยตอบพลางจินตนาการถึงภาพครอบครัวในอนาคตของเขา
ปลายฝันรู้สึกตื้นตันใจเธอมองเห็นความจริงใจและความตั้งใจของ ภาคินัย ที่ต้องการสร้างครอบครัวในฝันร่วมกับเธอจริงๆ
"แล้วเรื่องลูกล่ะคะ" ปลายฝันถามอย่างเขินๆ "คุณภีมอยากมีลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายคะ"
ภาคินัย หัวเราะเบาๆ "อะไรก็ได้ครับ ขอแค่เป็นลูกของผมกับปายก็พอแล้ว"
"งั้น ลูกคนแรกปายอยากได้ลูกผู้หญิงค่ะ จะได้ช่วยปายจัดสวน" ปลายฝันพูดอย่างอารมณ์ดี
"แล้วลูกคนสองผมขอผู้ชายนะ จะได้ช่วยผมซ่อมรถ" ภาคินัยแซวกลับ
ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกันบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความฝันที่กำลังจะถูกเติมเต็ม
พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องทำงานแห่งนั้นจนกระทั่งแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า สมุดบันทึกเต็มไปด้วยรายละเอียดของแผนการในอนาคต ตั้งแต่เรื่องงานที่ต้องผลักดันบริษัทให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของบ้านในฝัน และจำนวนลูกที่พวกเขาอยากจะมี
ค่ำคืนนั้นภาคินัยเดินไปส่งปลายฝันที่คอนโดของเธอก่อนจะกลับเขาโอบกอดเธอไว้แน่น
"วันนี้มีความสุขมากเลยนะครับปายที่ได้คุยเรื่องอนาคตกับปาย" ภาคินัย กระซิบข้างหูเธอ
"ปายก็มีความสุขมากเลยค่ะคุณภีม" ปาย ตอบ "ขอบคุณนะคะที่ทำให้ปายมีความสุขขนาดนี้"
"ไม่เป็นไรครับปาย ต่อจากนี้ไป ผมจะทำให้ปายมีความสุขแบบนี้ทุกวันเลยครับ" ภาคินัยพูดด้วยความมุ่งมั่น
ปลายฝันยิ้มเธอรู้ว่าคำพูดของภาคินัยนั้นจริงใจและเธอเชื่อในตัวเขาหมดหัวใจ
เมื่อภาคินัยกลับไปแล้วปลายฝันยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของเธอ มองดูแสงไฟระยิบระยับของเมืองกรุงเทพฯ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุขและความหวัง เธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของเธอจะมาถึงจุดนี้ จุดที่เธอได้พบกับความรักที่แท้จริง และกำลังจะได้สร้างครอบครัวในฝันร่วมกับคนที่เธอรักมากที่สุด
แผนการสำหรับอนาคตที่พวกเขาได้ร่วมกันวาดฝันไว้ในวันนี้ ไม่ใช่แค่เพียงความฝันอีกต่อไป แต่เป็นเป้าหมายที่กำลังจะกลายเป็นความจริงด้วยความรัก ความเข้าใจ และความมุ่งมั่นที่พวกเขามีให้กัน ภาคินัย และ ปลายฝัน พร้อมแล้วที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า สู่บทใหม่ของชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและเรื่องราวดีๆ อีกมากมาย
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ