20.00 น.
สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควร
เหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน
“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”
เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น
“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”
ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา
“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”
ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี
“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม่ต้องรอคิว”
สีหน้าของณจันทร์ตอนนี้ดูลำบากใจพอสมควร
“แต่ตัวก็ไม่ต้องโกหกนานไม่ใช่เหรอแค่งานหมั้นจบทุกอย่างก็จบดีไม่ดีคุณน้าเค้าอาจจะตามตัวลูกสาวเค้าเจอก่อนวันงานก็ได้”
พราวมุกรู้ว่าณจันทร์เป็นคนตรงไปตรงมาแค่ไหนรู้ว่าเพื่อนเธอลำบากใจหากเปลี่ยนเป็นเธอทำแทนได้คงดี
“เอาเป็นว่าเค้าจะรับงานนี้เพื่อแม่ครู”
ณจันทร์มองหน้าสองสาวที่รอฟังคำตอบของเธอก่อนจะตัดสินใจตกลงที่จะรับงานนี้ด้วยชั่งน้ำหนักดูแล้วเธอคิดว่าชีวิตของแม่ครูสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
“พวกเราจะคอยสู้อยู่ข้างๆเสมอมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะจันทร์”
พราวมุกโผเข้ากอดณจันทร์รู้สึกขอบคุณเพื่อนจากหัวใจที่เสียสละตัวเองเพื่อแม่ครู
“ตัวทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่นอยู่แล้วล่ะ”
ณิชาโผรวบกอดเพื่อนทั้งสองสร้างพลังบวกให้ณจันทร์มีกำลังใจทำสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ณจันทร์ลำบากใจพอสมควรแต่ก็ยังเลือกที่จะทำเพราะฉะนั้นเธอที่เป็นคนใกล้ชิดก็ต้องให้กำลังใจณจันทร์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เช้าวันต่อมา
“ณจันทร์ยอมตกลงแล้วนะ..เธอพึ่งโทรบอกพี่เมื่อคืน”
สารภีบอกกับโสภิตาที่พึ่งลงมาทานอาหารเช้าด้วยกัน
“ทำไมเธอยอมตกลงง่ายๆล่ะคะดูตอนที่เราพูดเรื่องที่จะให้เธอทำดูเธอลำบากใจพอสมควรเลย”
“ก็เงินที่เราเสนอให้มากพอสมควร..พี่คิดแต่แรกแล้วว่ายังไงณจันทร์ก็ต้องยอมตกลง”
“จะว่าไปโสก็รู้สึกคุ้นเคยกับณจันทร์แปลกๆนะคะ”
โสภิตาแอบนึกถึงสายตาของณจันทร์แม้จะมองกันไม่นานแต่สายตาคู่นั้นก็ทำให้เธอนึกถึงได้แทบจะตลอดเวลา
“ก็คงจะเป็นเพราะเธอเหมือนกับปานตะวันมากนั่นแหละ”
“คงอย่างนั้นค่ะ..อีกอย่างโสใจไม่ค่อยดีเท่าไรที่ต้องหลอกลวงทางบ้านของคุณพล”
“หรืออยากจะให้งานหมั้นยกเลิกแล้วบริษัทที่คุณนิรุจรักพังไม่เป็นท่าล่ะยัยโส”
สารภียกชื่อสามีที่เสียไปของโสภิตาเพื่ออยากให้น้องสาวของเธอมองว่าเรื่องไหนสำคัญที่สุด
“เฮ้อ..”
โสภิตาถอนหายใจด้วสีหน้าไม่สู้ดีเธอรู้ว่าสามีเธอและภัทรพลเป็นเพื่อนรักกันมากจนเธอรู้สึกละอายใจที่ต้องหลอกลวงเพื่อนของสามีเช่นนี้แต่ก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ
“ทานข้าวเสร็จแล้วพี่ว่าจะโทรหาณจันทร์ให้มาที่นี่จะได้ทำความรู้จักว่าคนรอบตัวยัยตะวันมีใครกันบ้าง”
“ค่ะ..พี่สาคะแล้วถ้าเลยงานหมั้นแล้วนักสืบยังตามยัยตะวันกลับมาไม่ได้ล่ะคะ”
“ค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อแต่เราต้องได้ของหมั้นให้ได้เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่พยุงบริษัทของคุณรุจเอาไว้ได้”
โสภิตาและสารภีเป็นพี่น้องต่างพ่อแม่กันสารภีถูกพ่อและแม่ของโสภิตารับอุปการะมาตั้งแต่โสภิตายังไม่เกิดเพราะคราแรกพ่อและแม่ของโสภิตาเข้าใจว่าตัวเองน่าจะไม่มีบุญได้มีลูกเป็นของตัวเอง แต่หลังจากที่รับสารภีมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไม่นานแม่ของโสภิตาก็เกิดตั้งท้อง
โสภิตาเคารพสารภีเฉกเช่นพี่สาวจริงๆตลอดมาและเธอก็เชื่อฟังสารภีทุกอย่างด้วยถูกพ่อและแม่สอนให้เคารพพี่ตั้งแต่จำความได้ โสภิตาได้แต่งงานกับนิรุจเจ้าของบริษัทอสังหาจนมีลูกด้วยกันคือปานตะวัน ในขณะที่ปานตะวันยังเล็กๆก็มีสารภีคอยดูแลตลอดจนเรียกว่าแม่อีกคนก็ว่าได้เพราะโสภิตาต้องช่วยสามีทำงาน ทางสารภีเองเมื่อช่วงเป็นสาวก็กระเตงหลานไปไหนมาไหนด้วยตลอดจนคนเข้าใจว่าเธอมีครอบครัวแล้วจึงไม่มีใครมาจีบจนครองตัวเป็นโสดอยู่จนปัจจุบัน
หลังจากที่นิรุจเสียไปด้วยโรคร้ายก่อนวัยอันควรแถมยังมีวิกฤตของบริษัทอีกโสภิตาจึงเคว้งแทบไม่มีจุดยืนก็ได้สารภีคอยชี้แนะแนวทางตลอดว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เช่นตอนนี้ที่สารภีแนะนำให้โสภิตาทวงสัญญาจากครอบครัวของภัทรพลคนที่เป็นเพื่อนรักกับนิรุจเพราะเธอพึ่งมาเห็นสัญญาของนิรุจกับภัทรพลหลังจากนิรุจเสียว่าทั้งสองจะให้ลูกชายและลูกสาวแต่งงานกัน
คราแรกโสภิตาไม่ได้อยากทวงสัญญานี้เพราะเคยได้ยินสามีพูดว่าให้มันเป็นโมฆะเพราะไม่อยากบังคับจิตใจลูกแต่เธอก็ต้องยอมทำตามที่สารภีบอกเพราะรู้ว่าหากให้ปานตะวันหมั้นกับลูกชายของภัทรพลสินสอดหมั้นและสินสอดแต่งคงพอที่จะทำให้กิจการของเธอดำเนินต่อไปได้ แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อผู้ใหญ่ตกลงกันดีแล้วปานตะวันจะหนีไปเช่นนี้
ณจันทร์เข้ามาหาสารภีในช่วงบ่ายเมื่อมาถึงสารภีก็เล่าประวัติณจันทร์ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายชื่ออะไรและรวมไปถึงบอกถึงนิสัยคร่าวๆของปานตะวันให้ณจันทร์ได้รับรู้จวบจนเรื่องการแต่งตัวการใช้ชีวิตว่าปานตะวันจะต้องใช้ของมีแบรนด์มียี่ห้อและทานอาหารดีๆเท่านั้นและอีกเรื่องที่ทำให้ณจันทร์แปลกใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปก็คือวันเกิดของปานตะวันที่ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเธอและปานตะวันรุ่นราวคราวเดียวกัน
“นี่ชุดของคุณตะวันมีแต่แบบนี้เหรอคะ”
ณจันทร์เริ่มหน้าเสียหลังจากที่สารภีพาเธอมาดูตู้เสื้อผ้าของปานตะวันเพราะในตู้มีแต่ของแพงๆเท่านั้นยังไม่พอยังมีความเปิดตรงนั้นเว้าตรงนี้ของชุดแต่ละชุดณจันทร์ไม่รู้เลยว่าเธอจะกล้าใส่หรือเปล่าเพราะปกติแล้วหากไม่ใช่ชุดทำงานก็เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆเท่านั้นที่เธอเคยใส่
“ใช่..ต่อไปนี้ถ้าเธออยู่ในชื่อปานตะวันก็ต้องแต่งตัวแบบนี้..อ่อ..อีกอย่างปานตะวันเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงอย่าลืมข้อนี้ด้วยล่ะ..ส่วนรูปเพื่อนสนิทของปานตะวันแล้วก็รูปคนในบ้านของนนทวัตรฉันส่งเป็นข้อความไปให้เธอแล้วจำให้ได้ล่ะ”
“ค่ะ”
“ของว่างค่ะพี่สาหนูจันทร์”
โสภิตาเตรียมผลไม้และขนมคุ้กกี้ขึ้นมาให้ทั้งสองในห้องของปานตะวัน
“ขอบคุณค่ะคุณน้า”
ณจันทร์รีบรับจานของว่างจากโสภิตาตามมารยาท
“ข้อมูลคร่าวๆพี่บอกจันทร์ไปแล้วเรามีรายละเอียดตรงไหนอยากจะเสริมก็คุยต่อเลยนะโสพี่จะไปพักหน่อย”
“ค่ะ”
“มึงไม่ต้องมาพูด..กูเจอคุณรุจก่อนมึงแต่เค้าก็เลือกมึงเพราะกูมันก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายตีนกูคิดไว้ตั้งแต่มึงแต่งงานกูจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวมึงฉิบหาย...ตั้งแต่ตอนนี้ฟังกูให้ดีล่ะอย่าพึ่งจุกอกตายไปซะก่อนวันที่กูรู้ว่ามึงท้องลูกแฝดกูก็จ้างพยาบาลกับหมอไม่ให้บอกมึงว่าเด็กในท้องคือเด็กแฝดแล้วก็บอกให้หมอบังคับให้มึงผ่าเก็บลูกไว้ให้มึงหนึ่งคนกูเอาไปหนึ่งคน.. ลูกมึงที่พึ่งออกคนพี่กูเอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าให้มันอยู่อย่างลำบากไร้พ่อแม่แต่กูก็ยังเห็นใจมึงเก็บลูกไว้ให้มึงอีกคนแต่กูก็เลี้ยงมันมาแบบผิดๆให้พวกมึงที่เป็นพ่อแม่ทุกข์ใจสมน้ำหน้าพวกมึงส่วนคุณรุจที่เสือกไม่เลือกกูเป็นเมียกูก็ค่อยๆให้มันกินสารพิษวันละเล็กละน้อยจนมันป่วยตายไป.. ยิ่งกูเห็นมึงมีน้ำตานะอีโสกูนี่โตรสะใจ”โสภิตาฟังคนที่กำลังพล่ามอย่างไม่รู้สึกผิดด้วยความปวดใจอนงค์นาถในตอนนี้รู้สึกเห็นใจโสภิตาที่มีงูพิษอยู่ข้างกายมาตั้วแต่เล็กจนโตแต่ก็มารู้ตัวในวันที่สายไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าคนหน้าซื่อๆอย่างสารภีจะกระทำการอะไรเช่นนี้ได้“ที่บริษัทคุณรุจจะล้มละลายกูก็จ้างคนเปลี่ยนบัญชีโกงเงินเข้ากระเป๋าฉลาดไหมล่ะ...แล้วกูก็บังคับให้มึงหน้าด้านไปรื้อสั
“เรื่องอะไร”“แกรู้ว่าภรรยาฉันเป็นเพื่อนคุณจันทร์แต่สิ่งที่ฉันจะพูดไม่ได้พูดเพื่อช่วยแก้ตัวให้ใครแต่แค่อยากให้แกได้ฟังแล้วไตร่ตรองดู...พราวบอกกับฉันว่าคุณจันทร์ไม่ใช่คนชอบโกหกหลอกลวงใครที่ยอมรับปากทำงานให้คุณโสเพราะเธอต้องการเงินไปรักษาแม่ครูที่ต้องรับการผ่าตัดด่วนงานของเธอเสร็จสิ้นไปตั้งแต่จบงานหมั้นแต่ที่เป็นปานตะวันต่อเพราะเห็นใจคุณโสที่ยังไม่เจอตัวลูกสาวตัวจริงอีกอย่างเรื่องที่คุณโสให้ปานตะวันมาหมั้นกับแกเพื่อที่จะหาเงินพยุงบริษัทคุณจันทร์ก็ไม่รู้เรื่องและเรื่องความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้แกนั่นก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเหมือนกัน”“แกดูจะเชื่อคำภรรยาของแกเหลือเกินนะ”“ใช่เพราะฉันดูออกว่าพราวจะไม่โกหกฉันแน่แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้าแกคิดดีๆแล้วพิจารณาแกก็จะดูออกว่าคุณจันทร์ไม่ได้เสแสร้งเวลาอยู่กับแก...ฉันขอพูดแค่นี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แก”เท่าที่กวินรู้จักสามสาวภายในกี่เดือนเขาก็ดูออกว่าพวกเธอจริงใจกับคนรอบข้างและจิตใจดีกันมากๆกว่าณจันทร์จะได้กลับมาที่บ้านก็เป็นเวลาเกือบกลางดึกเพราะกลับมาจากที้เกิดเหตุก็ต้องถูกสอบปากคำต่อตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและเพลียและใจเสียกับเรื่องที่รู้ว่าสารภีเป็นคนส
“ถ้าช่วงนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโสคุณจะว่าอะไรไหมคะแม่บ้านเธอก็ไม่มีฉันสงสารเธอค่ะ”อนงค์นาถมองคนที่พึ่งตื่นจากการเป็นลมมานั่งร้องให้ด้วยสายตาหดหู่“ดีเหมือนกันเพราะผมว่าคุณโสอยู่คนเดียวคงไม่ดีแน่”ภัทรพลเห็นด้วยที่ภรรยาจะอยู่เป็นเพื่อนโสภิตาด้วยคิดว่าโสภิตาอาจจะเสียใจจนไม่มีสติได้ทุกเวลา“คุณแปลกใจเรื่องหนูตะวันทร์กับหนูจันทร์ไหมคะ”“ผมก็มีคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กสองคนถึงได้เหมือนกันขนาดนั้นทั้งที่ไม่ใช่เครือญาติกันเลยแต่โลกนี้ก็มีเรื่องแปลกอยู่เสมออย่าคิดมากเลยคุณตอนนี้เราต้องดูแลคุณโสก่อนดีกว่า”“ค่ะ”ร้านอาหารXXXเย็นวันนี้ณจันทร์เลิกงานได้ก็ออกมาที่ร้านอาหารแถวชานเมืองเพราะจู่ๆณจันทร์ก็ได้รับสายจากสารภีว่าต้องการให้เธอไปพบแต่ยังไม่บอกว่าเรื่องอะไรRrrrr“คุณสาอยู่ที่ไหนคะจันทร์มาที่ร้านแล้วไม่เห็นคุณเลยค่ะ..อื้อ..”ยังไม่ทันที่ณจันทร์จะได้คำตอบจากสารภีสติของเธอก็ดับวูบลงไปวันต่อมา“ตอนนี้ทางเราจับคนร้ายที่กระทำกับคุณปานตะวันได้แล้วและผู้ชายทั้งสองคนก็สารภาพว่าสารภีเป็นคนจ้างให้พวกเขาทำครับ..ตอนนี้เรากำลังตามหาตัวของคนร้ายอย่างสุดความสามารถคุณโสไม่ต้องห่วงนะครับ”เช้าของวันนี
“เจ็บปวดมากไหมล่ะลูก”ดวงเดือนเข้ามาคุยกับณจันทร์ว่าเธอรู้ความจริงทั้งหมดหลังจากที่หญิงสาวตื่นแล้ว“จันทร์ทนได้จ่ะแม่ครูเดี๋ยวจันทร์ก็กลับมาเข้มแข็งแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”สาวเจ้ายังคงมีรอยยิ้มให้กับแม่ครูของเธอเสมอแต่รอยยิ้มนั้นดวงเดือนรู้ดีว่าลูกของเธอกำลังปกปิดความรู้สึกที่เจ็บปวดอยู่ซึ่งเธอไม่ต้องการแบบนั้น“ถ้ามันเสียใจก็ระบายมันออกมาให้หมดลูกไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเรามันไม่ได้เก่งได้ทุกวันหรอกนะจันทร์”ณจันทร์มองจ้องแม่ครูของเธอด้วยแววตาไหววูบก่อนจะสวมกอดสะอึกสะอื้นปล่อยโฮออกมาอีกพักใหญ่ดวงเดือนยังคงนั่งเงียบกอดปลอบอยู่ข้างๆณจันทร์เธอรู้ว่าความรู้สึกทุกข์มันไม่ได้หายไปง่ายๆแต่หากได้ระบายออกมาบ้างมันก็จะทำให้คลายความทุกข์ไม่มากก็น้อยพราวมุกที่พยายามติดต่อหานนทวัตรก็ติดต่อไม่ได้เธอจึงตัดสินใจมาเล่าความจริงให้กวินฟังเพื่อที่จะให้เขาช่วยให้เพื่อนเธอปรับความเข้าใจกับนนทวัตรหากต้องจากกันก็ขอให้จากกันด้วยดีกว่านี้“ผมว่าแล้วว่าทำไมตอนนั้นเจอปานตะวันดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”กวินฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของพราวมุกก็ถึงบางอ้อ“คุณพาฉันไปหาคุณนนได้ไหมคะฉันอยากอธิบายกับเค้าว่าที่จันทร์ทำไปตอนนั
“เครียดจนป่วยเลยเหรอคะ”“ใช่..แต่ฉันคิดว่าไม่นานยัยโสก็จะหายเครียดแล้วเพราะนักสืบบอกฉันมาว่าเริ่มเจอเบาะแสตะวันแล้วหลังจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องสวมรอยตะวันเป็นอีก”“ร..เหรอคะ”ณจันทร์เริ่มหลบสายตาลงเล็กน้อยรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงสักวันแต่หลังจากเธอมีความสุขกับนนทวัตรเธอก็เริ่มที่จะไม่ได้เผื่อใจกับความเจ็บปวดไว้“สวมรอย!”นนทวัตรแทบยืนไม่อยู่เขากำมือแน่นพยายามสงบอารมณ์และฟังเรื่องราวที่สองคนนั้นกำลังคุยกันต่อ“ฉันรู้นะว่าช่วงนี้เธอกับนนทวัตรตัวติดกันแทบจะตลอดแล้วฉันก็พอจะดูออกว่าเธอรักนนทวัตรไปแล้ว”ถึงสารภีจะไม่ได้ยุ่มย่ามอะไรกับณจันทร์เหมือนโสภิตาแต่เธอก็รู้ความเคลื่อนไหวของหญิงสาวและนนทวัตรตลอดจนเธอแน่ใจว่าณจันทร์ในเวลานี้น่าจะรักนนทวัตรจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว“คือ”“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกผิดที่ยัยโสโลภมากเองถ้าไม่อยากได้เงินไปพยุงบริษัทคงไม่ต้องจ้างเธอมาหลอกลวงบ้านของนนทวัตรหรอก...ฉันเห็นใจเธอนะแต่ก็อยากจะให้เธอทำใจเอาไว้ด้วยว่าเดี๋ยวปานตะวันก็กลับมา..ที่ฉันจะพูดก็มีเท่านี้แหละเธอเข้างานไปเถอะ”“ค่ะ”ณจันทร์พึ่งรู้สาเหตุที่แท้จริงในการหมั้นหมายก็ครั้งนี้แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเธอและตอนนี้เธอก
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมสามเดือนทางด้านโสภิตาก็ยังคงตามหาปานตะวันไม่เจอเช่นเดิมแม้แต่ข่าวคราวสักเล็กน้อยก็ไม่มีทำให้เธอเริ่มที่จะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเครียดทางด้านณจันทร์เมื่อเห็นสภาพของโสภิตาเธอก็ปฏิเสธที่จะไม่ช่วยโสภิตาไม่ได้ทั้งที่เพื่อนๆทั้งสองเกริ่นมาแล้วว่าอยากให้ถอนตัวจากการสวมรอยแต่แค่ออกความเห็นเท่านั้นไม่ได้บังคับณจันทร์เพราะรู้ว่าหากณจันทร์ยังคงเจอนนทวัตรเช้าเย็นทุกวันหยุดก็ไปอยู่ด้วยกันเช่นนี้เมื่อถึงวันที่ปานตะวันตัวจริงกลับมาณจันทร์จะต้องเป็นคนที่เจ็บมากส่วนลลิตาก็ถูกหักหน้าโดยที่นนทวัตรแจ้งกับทุกคนว่าไม่ขอรับนัดหรือร่วมธุรกิจกับลลิตาจนสาวเจ้าที่รู้สึกเสียหน้าเอามากจึงเลือกที่จะไม่ยุ่งกับนนทวัตรอีกเพราะเธอเองก็ถือว่าตัวเองมีดีเหมือนกัน ในทางธนกรนั้นคงไม่กล้ามายุ่งอะไรกับผู้หญิงของนนทวัตรอีกเพราะถูกสั่งสอนไปชุดใหญ่จนนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายอาทิตย์โดยที่ก็เอาเรื่องนนทวัตรไม่ได้พราวมุกและกวินก็ดูจะสนิทสนมกันมากขึ้นเพราะชายหนุ่มต้องสอนงานบริหารให้หญิงสาวจนตัวติดกันตลอดแถมพินัยกรรมที่ต้องเปิดหลังพราวมุกและกวินแต่งงานก็คือให้ทั้งสองไปเที่ยวด้วยกันเดือนละครั้งจนครบปีเวลาชีวิต