เช้าวันใหม่ที่สดใสสำหรับใครหลายๆ คน แต่กับคุณหนูแสนหวานนั้นมันเป็นวันที่ซวยที่สุดของเธอจริงๆ
เอี๊ยด โครม
“ซวยแล้วยัยหวาน” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่รถของเธอดันไปชนท้ายรถยนต์คันหน้าที่จอดติดไฟแดงอยู่ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเจ้าของรถคันหน้าเปิดประตูเดินลงมาด้วยสีหน้าทะมึนทึง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกรถ แสนหวานก็ลดกระจกลง แล้วส่งยิ้มที่คิดว่าอ่อนหวานที่สุดในชีวิตออกไป
“ขับรถเป็นหรือป่าว หรือว่าไม่ได้พกตามา ใบขับขี่นี่ซื้อมาหรือไง ไม่เห็นเหรอว่ารถเขาจอดติดไฟแดงกันอยู่” เมื่อหญิงสาวลดกระจกลงชายหนุ่มก็ต่อว่าทันที โดยที่ไม่ได้สนใจรอยยิ้มหวานๆ ที่หญิงสาวส่งไปให้เลย
เมื่อได้ยินประโยคนั้น แสนหวานก็หุบยิ้มทันที และกระแทกประตูรถออกแล้วลงจากรถมาเผชิญหน้ากับคู่กรณีทันที โดยที่ชายหนุ่มกระโดนหลบแทบไม่ทัน
“นี่คุณ ไม่พูดเกินไปหน่อยเหรอ”
“เกินไปยังไงครับ คุณไม่เห็นเหรอว่ารถผมจอดติดไฟแดงอยู่”
“ถ้าเห็นฉันคงไม่ชนท้ายคุณหรอก” หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ
“แล้วคุณจะเอายังไง คุณจะรับผิดชอบยังไง” ชายหนุ่มถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“เดี๋ยวฉันโทรให้ประกันมาจัดการให้”
“ถ้างั้นคุณก็โทรเรียกประกันคุณมาสิ เร็วๆ ด้วยผมมีธุระต้องไปทำต่อ” เมื่อชายหนุ่มพูดจบหญิงสาวก็นับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วบอกว่าอดทนไว้ยัยหวานเธอเป็นคนผิด หลังจากนั้นไม่นานประกันเธอก็เดินทางมาถึง พร้อมกับตกลงค่าเสียหายโดยที่รถคู่กรณีของเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ถลอกเล็กน้อย หลังจากถ่ายรูปขอเบอร์รถที่เสียหายเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ประกันก็หันมาบอกหญิงสาวว่า
“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมกลับไปส่งเรื่องที่บริษัทประกันก็สามารถนำรถไปซ่อมได้เลยครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้กับตัวแทนประกันของเธอก่อนจะหันมาหาชายหนุ่มคู่กรณี แล้วสะบัดหน้าหนีเดินกลับไปที่รถตัวเอง เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นทันที
“นี่คุณ..ไม่คิดจะถามผมสักคำเลยหรือไงว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือป่าว” หญิงสาวมองชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วก็เอ่ยออกมาว่า
“ต้องการค่าทำขวัญเท่าไหร่ว่ามา” หญิงสาวหันมากอดอกถามชายหนุ่มทันทีที่พูดจบ
“นี่คุณจะเอาเงินฟาดหัวผมอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดจบ
“ถ้าไม่อยากได้เงินแล้วอยากได้อะไร ก็พูดมา” หญิงสาวพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด
“ผมต้องการความรับผิดชอบ”
“จะให้รับผิดชอบยังไงก็ว่ามาสิ”
“ผมยังคิดไม่ออก เอาเป็นว่าผมขอเบอร์ติดต่อคุณไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าผมคิดออกแล้วจะโทรไปบอก” เมื่อได้ยินดังนั้นหญิงสาวก็หลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังจะพุ่งปรี๊ด พร้อมกลับเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรออกมายัดใส่มือชายหนุ่ม แล้วกระแทกเท้าเดินขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทันได้เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มที่มองตามไปจนลับสายตา
เมื่อมาถึงโรงแรมชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ไม่เหมือนคนที่พึ่งโดนชนท้ายรถมาเลยสักนิด
“แสนหวาน อย่างนั้นเหรอ อยากรู้จริงๆ ว่าจะหวานสมชื่อไหม เอ๊ะ ร้าน...นี่อย่าบอกนะว่า คนที่เราต้องไปคุยเรื่องสถานที่ให้เช่าจัดแฟชั่นโชว์คือ...” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองหลังจากอ่านนามบัตรที่หญิงสาวยัดใส่มือมาให้อย่างกระแทกกระทั้น พร้อมกับอมยิ้มออกมาอย่างรื่นรมย์
“ไปอารมณ์ดีจากที่ไหนมา ได้ยินว่าเมื่อเช้ารถโดนชนท้ายนี่ แล้วเป็นอะไรมากหรือป่าว” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นหน้าประตูห้อง ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของห้องรีบหุบยิ้มทันที
“ไม่ได้อารมณ์ดีอะไรหรอกครับ รถไม่ได้เป็นอะไรมากครับแค่ถลอกนิดหน่อย ว่าแต่คุณรันมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือป่าวครับ” ดินเลขาคนสนิทรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“คุณแม่จะเดินทางมาถึงอาทิตย์หน้า นายจัดการเรื่องบ้านเสร็จหรือยัง” ภารันถามเลขาคนสนิทออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากพ่อบุญธรรมเสียแม่ของเขาก็จะย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร เพราะเมื่อไม่มีพ่อบุญธรรมแล้วแม่เขาก็ไม่รู้จะอยู่กับใครที่นั่น
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม” ชายหนุ่มขานรับในลำคอแล้วหมุนตัวจะเดินออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเลขาคนสนิทเอ่ยออกมาก่อนที่เขาจะได้ก้าวออกไป
“คุณรันครับ ผมอยากให้คุณรันคิดเรื่องแก้แค้นอีกครั้งนะครับ”
“ทำไม”
“ผมกลัวว่าคุณท่านจะรู้เรื่องครับ อีกอย่างคุณท่านก็ไม่อยากให้คุณรันไปแก้แค้นหรือไปยุ่งอะไรกับครอบครัวนั้น”
“ฉันจะทำ และคุณแม่ก็ห้ามฉันไม่ได้ด้วย ส่วนนายฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำไป อย่ามาขัดฉัน เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็ก้าวเท้าออกจากห้องไปทันที
“ผมก็แค่เป็นห่วงคุณรัน กลัวว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะเจ็บที่สุดจะเป็นตัวคุณรันเอง” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมภารันถึงแค้นครอบครัวนั้นนัก เป็นใครถ้าเจอแบบนั้นก็ต้องแค้นเป็นธรรมดา แต่การแก้แค้นกันไปมามันไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่ต้องเจ็บปวด และเขาก็ไม่อยากให้ภารันที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งเจ้านายต้องเจ็บปวดอีก เขาอยากให้ภารันปล่อยวางความแค้นและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เมื่อมาถึงร้านแสนหวานก็เดินหน้าบึ้งตรงเข้าห้องทำงานทันที เพราะยังอารมณ์เสียเรื่องเมื่อเช้าไม่หาย
“ไอ้บ้า ไอ้กวนประสาท” หญิงสาวสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณหวานค่ะ ตอนหกโมงเย็นมีนัดคุยเรื่องสถานที่จัดงานแฟชั่นโชว์กับตัวแทนของโรงแรมดิ เอมเมอร์รัลด์ แกรนด์ ที่ร้านอาหาร...นะค่ะ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะที่มาเตือนหวาน ไม่งั้นหวานลืมไปแล้วนะค่ะเนี่ย” หญิงสาวยิ้มให้กับผู้ช่วยตรงหน้า เมื่อผู้ช่วยสาวออกไปแล้วหญิงสาวก็สลัดเรื่องกวนใจเมื่อเช้าออกไป พร้อมกับเตรียมเอกสารไปคุยเรื่องงานตอนเย็น โดยไม่รู้เลยว่าคนที่จะไปคุยงานด้วยเป็นคู่กรณีเมื่อเช้านี้
17.30 น. ณ ร้านอาหาร...หญิงสาวเดินทางมาถึงก่อนนัดเพื่อมาเตรียมตัวสั่งอาหารรอให้กับตัวแทนจากโรงแรมเพื่อสร้างความประทับใจ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าโรงแรมดิ เอมเมอร์รัลด์ แกรนด์ เป็นโรงแรมขนาดใหญ่และหรูหรามาก ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเช่าสถานที่ได้ง่ายๆ ถ้าเงินไม่หนาพอ ส่วนเจ้าของโรงแรมนั้นเป็นหนุ่มหล่อที่สาวๆ ไฝ่ฝันอยากครอบครองเป็นเจ้าของ เธอพอจะเคยเห็นหน้ามาบ้างก็ยอมรับว่าหล่อแต่ไม่ใช่สเปกเธอหรอก ผู้ชายอะไรดูน่ากลัวชะมัดเหมือนมีรังสีอำมหิตอยู่รอบตัวตลอดเวลาแต่คิดก็ขนลุกแล้ว แต่ถ้าร้านเธอได้เช่าสถานที่งานแฟชั่นโชว์ ร้านเธอต้องเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกแน่ และถ้าได้ยัยพายเพื่อนรักมาเดินแบบชุดฟินน่าเล่ให้อีกนะรับรองร้านเธอดังระเบิดแน่ แต่ยัยพายดันปฏิเสธเสียดายที่สุด
“สวัสดีครับ ใช่เจ้าของร้าน...ที่จะมาเช่าโรงแรมเราจัดแฟชั่นโชว์หรือป่าวครับ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะอาหารที่มีหญิงสาวใส่เดรสสีน้ำเงินนั่งอยู่ ทำให้ผู้ช่วยสาวที่มาด้วยกันถึงกับ งง ว่าชายหนุ่มรู้ได้ไงว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่จะมาคุยเรื่องสถานที่เพราะเธอยังไม่ได้บอกเลยว่าคนที่จะมาคุยด้วยหน้าตาเป็นยังไง
“ใช่ค่ะ สวัส...”เมื่อเงยหน้าขึ้นหญิงสาวก็ต้องชะงักคำพูดไว้ พร้อมกับขมวดคิ้วนี่มันไอ้คู่กรณีเธอเมื่อเช้านี่ อย่าบอกนะว่า... คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ทำตาโต
“ใช่ครับ ผมคือตัวแทนจากโรงแรมดิ เอมเมอร์รัลด์ แกรนด์” ชายหนุ่มบอกออกมาอย่างรู้ทันความคิดของหญิงสาวตรงหน้า
“สวัสดีค่ะ ดิฉันแสนหวานค่ะ” เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็แนะนำตัวทันที ชายหนุ่มยิ้มมุมปากกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า
“สวัสดีครับผมดินแดนครับ” ชายหนุ่มยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อจับกับหญิงสาว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือหญิงสาวยกมือไหว้เขา ทำให้ชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นมารับไหว้หญิงสาวแทนการจับมือ พร้อมกับคิดในใจแสบจริงนะ
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ดิฉันสโรชาค่ะ เป็นผู้ช่วยคุณดินแดนค่ะ” สโรชาได้แต่มองอย่าง งงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้าแต่ก็รีบแนะนำตัวออกไป
“สวัสดีค่ะ คุณสโรชา เชิญนั่งเลยค่ะ หวานสั่งอาหารให้แล้วนะค่ะ หวังว่าจะถูกใจ” หญิงสาวหันไปพูดกับหญิงสาวที่เป็นผู้ช่วยชายหนุ่มตรงหน้าแทนที่จะพูดกับชายหนุ่ม ระหว่างรออาหารหญิงสาวก็เริ่มพูดคุยเรื่องรายละเอียดการเช่าสถานที่จัดงาน โดยที่ชายหนุ่มนั้นฟังเงียบๆ พร้อมกับเก็บรายละเอียดไปด้วย
“คุณดินว่ายังไงค่ะ กับข้อเสนอที่คุณหวานเสนอมา” สโรชาหันไปถามชายหนุ่มข้างๆ ที่นั่งเงียบมาพักใหญ่
“ผมขอเอากลับไปคิดดูก่อนนะครับ ได้ข้อสรุปยังไงเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปนะครับ” เมื่อชายหนุ่มพูดจบหญิงสาวก็นับหนึ่งถึงสิบในใจ พลางคิดว่าไอ้บ้านี่ต้องแกล้งเธอแน่ ๆ ขอเสนอของเธอถ้าเป็นที่อื่นเขาตกลงไปแล้ว แต่นี่กลับบอกว่าเดี๋ยวติดต่อมาใหม่ ให้ตายเถอะ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นโรงแรมดิ เอมเมอร์รัลด์ แกรนด์ เธอไม่มีทางง้อเด็ดขาด
“ได้ค่ะ” หญิงสาวกัดฟันยิ้มตอบกลับไป ทั้งที่ในใจนั้นอยากจะหยุมหัวไอ้ดินเหนียวนี่สะจริงๆ โอ้ยหงุดหงิด
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็ลุกออกไปทันที่ โดยที่ผู้ช่วยอย่างสโรชาต้องรีบลุกตามพร้อมกับหันมายิ้มแหย่ๆ เพื่อบอกลาหญิงสาวอีกคนในโต๊ะก่อนจะรีบเดินตามชายหนุ่มออกไป
เมื่อมาถึงที่รถชายหนุ่มก็อดจะขำกับท่าทางของหญิงสาวไม่ได้ ความจริงข้อเสนอที่หญิงสาวเสนอมานั้น ถ้าปกติแล้วชายหนุ่มจะตกลงทันที แต่นี่เป็นหญิงสาวเขาเลยคิดว่าจะยืดเวลาออกไปสักหน่อย และเขาเชื่อว่ายังไงเธอก็ต้องติดต่อมาก่อนที่เขาจะติดต่อกลับไปอย่างแน่นอน
ช่วงบ่ายของวัน ภายในห้องพักฟื้นของคนไข้วีไอพี ได้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน พร้อมกับใบหน้าเย้ยหยันกับสภาพของคนป่วยที่เห็นตรงหน้า“สวัสดีครับ ผมมาเยี่ยมครับ”“มาเยี่ยมหรือมาดูว่าฉันตายหรือยัง” นายพินิจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ทำไมพูดอย่างนั้นละครับ ที่ผมมาวันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอกคุณอีกเรื่องนึงครับ”“เรื่องอะไร”“ก็เรื่องลูกสาวสุดที่รักคุณยังไงละครับ”“พระพาย”“ใช่ ลูกสาวสุดที่รักของคุณ”“มีเรื่องอะไร นายทำอะไรพระพาย”“นี่คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอที่ลูกสาวคุณหายไปไหนมาไหนบ่อยๆ น่ะ ว่าหายไปกับใคร”“หมายความว่าไง”“รู้อะไรไหมลูกสาวคุณน่ะมันทั้งจืดชืด ไม่มีเสน่ห์ อยู่ด้วยแล้วน่าเบื่อที่สุด เวลาที่ผมอยู่กับลูกสาวคุณน่ะผมทั้งเกลียดทั้งขยะแขยง แต่ผมก็ต้องทำเป็นรักทั้ง ๆ ที่ในใจผมน่ะแสนจะเกลียดลูกสาวคุณ ลูกสาวคุณน่ะมันทั้งโง่ ทั้งซื่อบื้อ พูดดีด้วยหน่อย ทำดีด้วยหน่อย ก็หลงรักผมหัวปักหัวปร่ำ ถึงขนาดยอมขึ้นเตียงกับผมง่ายๆ แต่ก็นะมีของฟรีมาให้เอามีหรือที่ผู้ชายจะปฏิเสธ แต่สำหรับลูกสาวคุณน่ะเอาแค่ครั้งสองครั้งผมก็เบื่อแล้ว แต่ถ้าจะเอาไปใส่ตะกร้าล้างน้ำก็น่าจะได้อยู่เพราะผมใช้งานไม่หนัก” พูด
หลังกลับมาจากภูเก็ต พระพายก็เริ่มมีความรู้สึกว่าแฟนหนุ่มของตัวเองนั้นเปลี่ยนไป ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ โทรไปก็บอกติดงานตลอด พักนี้เธอไม่ค่อยได้เจอกับชายหนุ่มเลย จนทำให้เธอเริ่มกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากตูดดดด“ทำไมพี่รันไม่รับสายนะ” พระพายโทรหาแฟนหนุ่มอยู่พักใหญ่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับสายเธอเลย“คุณรันไม่รับโทรศัพท์หน่อยเหรอครับ” ดินแดนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นสายโทรเข้ามาหลายครั้งแต่เจ้านายของเขาก็ไม่รับปล่อยให้สายมันตัดไป“วันนี้คุณแม่จะถึงสนามบินกี่โมง” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องโดยที่ยื่นมือไปคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงกับโต๊ะทำงาน“เอ่ออ 4 โมงเย็นครับ”“อืม”“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เรื่องนายพินิจจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ทุกอย่างของนายพินิจ ตอนนี้เป็นของคุณรันทุกอย่างแล้วครับ”“อืม นายกลับไปทำงานได้แล้ว”“ครับ” หลังจากดินแดนเดินออกไปแล้ว โทรศัพท์ของชายหนุ่มก็มีสายเรียกเข้า เป็นสายที่เขาหลีกเลี่ยงไม่รับมาตั้งแต่กลับจากภูเก็ตแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าถึงเวลาที่เขาจะจัดการขั้นเด็ดขาดสักที16.00 น สนามบินสุวรรณภูมิ มีชายหนุ่มรูปหล่อมายืนรอรับผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ทำให้บรรดาสาวๆ ต่างมองมา
แสงแดดที่ส่องมาในช่วงสายของเช้าวันใหม่ ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงต้องพลิกตัวหนีเนื่องจากรบกวนการนอนของเธอ ชายหนุ่มที่นอนซ้อนด้านหลังเธออยู่นั้นก็เผลอยิ้มออกมา เมื่อหญิงสาวนั้นพลิกตัวหันหน้ากลับมาทางเขา“อืออ” หญิงสาวส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ หลังจากได้รับการรบกวนจากอะไรสักอย่างที่คลอเครียอยู่ที่หน้าอก หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ทำให้เห็นกลุ่มผมสีดำที่อยู่บนหน้าอกของเธอ“พี่รัน” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มที่กำลังดูดเลียหน้าอกของเธออย่างดูดดื่มด้วยใบหน้าสีแดงระเรื่องด้วยความเขินอาย“ครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าจากหน้าอกของหญิงสาวพร้อมกับขานรับอย่างหน้าตาย พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้หญิงสาวตรงหน้าที่นอนหน้าแดงกร่ำอยู่“พี่รันทำอะไรค่ะ”“กินนมตอนเช้าไงครับ ร่างกายจะได้แข็งแรง” หลังจากชายหนุ่มพูดจบหญิงสาวก็อายเข้าไปใหญ่ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพูดออกมาอย่างนี้“มันต้องกินจากกล่องไม่ใช่เหรอค่ะ”“กินจากกล่องพี่เบื่อแล้ว ตอนนี้พี่อยากกินจากเต้ามากกว่า” หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปดูดนมหญิงสาวทันที ทำให้หญิงสาวเผลอเปล่งเสียงครางออกมาอย่างเสียวซ่าน“พี่รันอย่าค่ะ พายเสียวว” ถึงพูดออกไปอย่าง
สนามบินนานาชาติภูเก็ต สองหนุ่มสาวเดินจูงมือกันออกจากสนามบินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข โดยที่ชายหนุ่มได้จูงมือหญิงสาวไปขึ้นรถที่เขาได้ทำการเช่าไว้ก่อนที่จะเดินทางมา“พี่รันเช่ารถไว้ด้วยเหรอค่ะ”“ครับ”“พี่รันรอบคอบจัง” แล้วชายหนุ่มก็พาหญิงสาวมาที่โรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของบรรยากาศติดอันดับต้นๆ ของภูเก็ต“โอ้โห วิวสวยมากเลยค่ะ แต่ว่าที่นี่แพงมากเลยนะค่ะ ความจริงพี่รันไม่น่าจะเช่าโรงแรมที่แพงขนาดนี้เลย เปลืองเงินพี่รันเปล่าๆ”“พี่อยากทำให้พายประทับใจมากที่สุดและพี่ก็อยากให้พายจดจำเรื่องของเราไว้ตลอดไป ต่อให้แพงกว่านี้พี่ก็พร้อมจ่ายเพื่อพายของพี่” พูดจบชายหนุ่มก็เดินมาสวมกอดหญิงสาวไว้จากทางข้างหลัง พร้อมกับเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของหญิงสาว หลังจากชื่นชมธรรมชาติและความสวยงามของท้องทะเล ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวลงไปหาอะไรกินในส่วนของร้านอาหารของโรงแรมที่อยู่ติดกับชายหาด“พายอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะ” หญิงสาวยิ้มรับพร้อมกับหันไปสั่งอาหารกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ โดยอาหารส่วนใหญ่ที่สั่งเป็นอาหารที่ชายหนุ่มชอบทั้งนั้น ซึ่งเมื่อเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิ
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่นัดคุยเรื่องสถานที่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่ทางตัวแทนจะติดต่อกลับมา ทำให้แสนหวานรู้สึกกังวลใจเนื่องด้วยกลัวว่าจะไม่ได้เช่าสถานที่ ทำให้แสนหวานตัดสินใจติดต่อสโรชาไป แต่สิ่งที่สโรชาตอบกลับมากลับทำให้แสนหวานถึงกับกุมขมับ“หวานต้องติดต่อนายดิน...เอ่อคุณดินแดนโดยตรงเหรอค่ะ”“ใช่ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ” สโรชาตอบปลายสายไปตามที่ผู้ช่วยหนุ่มหล่อบอกเธอ โดยตอนแรกเธอก็ยัง งง ว่าชายหนุ่มรู้ได้ไงว่าแสนหวานจะต้องติดต่อมา และก็ติดต่อมาจริงๆ หรือว่าสองคนนี้จะมีอะไรนอกเหนือจากเรื่องเช่าสถานที่โรงแรม แต่เธอก็ไม่กล้าถามเพราะดินแดนเป็นถึงคนสนิทเจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่“ไม่เป็นไรค่ะ เดียวหวานติดต่อคุณดินแดนเองค่ะ ขอบคุณนะค่ะ” หลังจากวางสายหญิงสาวก็ได้แต่ถอนหายใจว่าทำไมมันซวยอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอคิดว่าจะไม่ต้องติดต่อไอ้บ้านั่นหลังจากทำเรื่องซ่อมรถเสร็จแล้วแท้ๆเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ดินแดนต้องเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า แต่พอเห็นชื่อที่ปรากฏก็อมยิ้มทันที แต่แทนที่ชายหนุ่มจะรีบรับกลับปล่อยให้สายมันตัดไป โดยที่เขามั่นใจว่ายังไงปลายสายต้องโทรมาอีกรอบแน่และมันก็เป็นแบบนั้นจริง
หลังจากที่ไปปรึกษาแสนหวานวันนั้นแล้ว หญิงสาวก็ตัดสินใจว่าจะลองเปิดใจให้ชายหนุ่มดู ก็ในเมื่อเธอกับเขาคิดเหมือนกันแล้วทำไมถึงจะไม่ให้โอกาสเขาล่ะ“สวัสดีค่ะพี่รัน พายโทรมารับกวนหรือป่าวค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงหวานๆ ไปตามสาย“สำหรับพายไม่มีคำว่ารบกวนสำหรับพี่หรอกครับ”“คือว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นพี่รันว่างไหมค่ะ”“ว่างครับ พายมีอะไรหรือป่าว” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งที่รู้จุดประสงค์ของหญิงสาวอยู่แล้ว“คือพายอยากเจอพี่รันค่ะ”“ได้สิครับ งั้นพรุ่งนี้พี่ไปรับที่บ้านนะครับ”“ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะค่ะ” หลังจากวางสายชายหนุ่มก็เดินออกไปนอกระเบียงห้องเพื่อสูดอากาศ พลางคิดในใจว่าอีกไม่นานหรอก ครอบครัวคนที่ทรยศจะต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างที่เขาเคยได้รับ18.00 น. ริมรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ ชายหนุ่มจอดรถรอหญิงสาวที่เดิมที่เคยมารับครั้งก่อน เมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกมาจากประตูรั้วชายหนุ่มก็ลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวได้ขึ้นมานั่ง พร้อมกับที่ตัวเขาอ้อมมาขึ้นฝั่งคนขับ ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มพาหญิงสาวมา เมื่อทั้งคู่สั่งอาหารเสร็จ ชายหนุ่มก็เริ่มบสนทนาทันที“พายมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ” ชายหนุ่