“ฉันขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ”
เสียงหวานกึ่งถือดี ทำให้คนที่นั่งสไลด์หน้าจอมือถือดูนั่นดูนี่รอคนรักชะงักเล็กน้อย มนธิรานางเอกละครหลังข่าวที่กำลังโด่งดังเงยหน้าสวยเฉี่ยวขึ้นมองผู้มาใหม่
สาวน้อยใบหน้าสวยเก๋ ในชุดเสื้อยืดสีดำตัดกับผิวขาวอมชมพู ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์รัดรูปอวดเรียวขาเสลา ยืนกอดอกจ้องมองหล่อนไม่วางตา ท่าทางเป็นปฏิปักษ์ที่สัมผัสได้ทำให้มนธิราย่นหัวคิ้วเหนือดวงตายาวรี
“เท่าที่จำได้ เราน่าจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะคะ”
“เราสองคนอาจไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ฉันเชื่อว่าคุณรู้จักฉันดี”
อารญา พิมลภักดิ์ เชิดหน้าสวนกลับอย่างฉะฉาน ถือวิสาสะเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่ายออก แล้วนั่งลงอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาที่แฝงไปด้วยความกังวลใจอย่างปิดไม่มิด
“คุณมีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ”
น้ำคำที่เปล่งออกมาจากปากที่เคลือบลิปสติกสีพีชของนางเอกสาวทำให้คนฟังยกยิ้มน้อยๆ เพราะมันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยอมรับอย่างกลายๆ ว่ารู้จักเธอ
ก็แหงล่ะ เธอเคยไปแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของธีรเดชในงานวันเกิดของนางเอกสาวมาแล้ว และก่อนหน้านั้นเธอก็เคยไปหาอีกฝ่ายหลายครั้ง บุกไปถึงกองละครก็มี แต่ไม่เคยได้พูดในสิ่งที่อยากพูดเสียที วันนี้โอกาสเหมาะ เธออุตส่าห์สะกดรอยตามอีกฝ่ายมาถึงที่นี่ แล้วเรื่องอะไรเธอจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
“ฉันขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ ว่าต่อไปนี้ขอให้คุณเลิกยุ่งกับคู่หมั้นของฉัน คุณชายธีรเดชเป็นคู่หมั้นฉัน และทันทีที่ฉันเรียนจบเราสองคนจะแต่งงานกัน”
เสียงประกาศกร้าวอย่างชัดถ้อยชัดคำทำให้คนในร้านต่างมองนางเอกสาวอย่างตกตะลึง ชั่วเสี้ยวนาทีเสียงซุบซิบก็ดังขึ้น แน่นอนมันหนีไม่พ้น การวิจารณ์ในทำนองว่าหล่อนเป็นมือที่สาม แย่งคู่หมั้นของคนอื่นอย่างหน้าด้านๆ มนธิราทนไม่ไหวจนต้องควักเงินในกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะเป็นค่าเครื่องดื่ม ร่างสูงระหงผุดลุกขึ้น แล้วเดินจากไปอย่างไม่ล่ำลา แต่มีหรืออารญาจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ
สาวน้อยก้าวยาวๆ ตามไปคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ มนธิราหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ แต่อารญากลับทำเพียงเลิกคิ้วน้อยๆ เป็นเชิงท้าทาย แล้วเอ่ยหน้าตาย
“เดี๋ยวสิ เรายังเคลียร์กันไม่จบเลย จะรีบไปไหน”
“คุณต้องการอะไรจากฉัน”
“ถามได้ ฉันก็ต้องการให้คุณรับปากไง ว่าจะเลิกยุ่งกับคู่หมั้นของฉัน” คราวนี้อารญาเค้นเสียงลอดไรฟัน มือที่กุมมืออีกฝ่ายอยู่เริ่มออกแรงบีบ ขณะจ้องหน้าสวยเฉี่ยวเขม็ง
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันกับคุณชายธี เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” มนธิราตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ การเป็นคนของประชาชนทำให้หล่อนต้องระวังคำพูดคำจายิ่งกว่าอะไร
“ตอแหล!” อารญาพ่นคำประณามอย่างเดือดดาล ครั้นอีกฝ่ายจะบิดข้อมือออกจากมือ เธอก็เค้นเสียงลอดไรฟันข่มขู่ “ถ้าคุณไม่เลิกยุ่งกับคู่หมั้นฉัน ฉันจะทำให้คุณอยู่ในสังคมไม่ได้”
“หยุดระรานคนอื่น! แล้วกลับบ้านไปซะอารญา!”
น้ำเสียงเย็นเยียบวางอำนาจของผู้มาใหม่ทำให้สาวน้อยตัวแข็งทื่อ ก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกสูบลมหายใจออกไปจากร่าง ธีรเดชก้าวตรงมาดึงแขนของมนธิราออกจากมือเธอ แล้วเดินโอบไหล่สาวเจ้าออกไปจากร้านต่อหน้าต่อตา ทันทีที่ตั้งสติได้คนที่มีหยาดน้ำใสๆ คลอนัยน์ตาก็รีบก้าวพรวดพราดตามไป
ครั้นไปทันสองร่างที่เดินอยู่ข้างหน้า อารญาก็ตรงเข้าผลักนางเอกสาว จนอีกฝ่ายเสียหลักล้มลงกระแทกพื้นปูนซีเมนต์ร้อนๆ กลางแดดเปรี้ยง เสียงอุทานด้วยความเจ็บทำให้ธีรเดชขบกรามแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ หากแต่ยังไม่ทันที่เขาจะต่อว่ายายเด็กเอาแต่ใจ ร้ายกาจ และนิสัยเหลือขอ อารญาก็แผดเสียงด่าทออย่างเหลืออด
“ผู้หญิงหน้าด้าน! ผู้ชายคนอื่นมีเยอะแยะ ทำไมต้องมายุ่งกับผู้ชายของฉัน ทำไม!”
อารญาตรงเข้ากระชากผมของมนธิราอย่างสติแตก ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและปัดป้อง แน่นอนว่าท่าทางร้ายกาจนั้นทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างลงความเห็นว่าเธอเป็นเด็กไม่น่ารัก
ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านั้น ธีรเดชก็ก้าวเข้ามาผลักอารญาที่กำลังตั้งท่าจะง้างฝ่ามือขึ้นตบมนธิราออกจากแฟนสาว แล้วเค้นเสียงลอดไรฟัน
“หยุดทำตัวเป็นหมาบ้าเสียทีอารญา ฉันไม่เคยเป็นของเธอ และฉันก็เบื่อเด็กนิสัยเสียอย่างเธอเต็มทน!”
“นี่พี่ธีกล้าปกป้องมันเหรอคะ!”
“ใช่ เขาเป็นแฟนฉัน ซึ่งความจริงข้อนี้เธอเองก็รู้ดีตั้งแต่แรก แต่ก็ยังดันทุรังที่จะให้มีการหมั้นหมายเกิดขึ้น แต่จะบอกอะไรให้นะ ว่าอีกไม่นานฉันจะถอนหมั้น!”
“อายไม่ยอม!”
“เธอห้ามฉันไม่ได้หรอก”
กล่าวจบคุณชายธีรเดชก็ประคองนางเอกสาวเดินจากไป แน่นอนว่าวาจาที่เปล่งออกมาจากชายผู้สูงศักดิ์นั้นกอบกู้หน้าให้แฟนสาว ตรงข้ามมันกลับทำให้คนที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังถูกเหยียบให้จมดิน
ทันทีที่สติกลับมาอารญาก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำอะไรแย่ๆ ลงไป ละอายใจที่ตัวเองเอานิสัยเดิมๆ มาใช้ ทั้งที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเธอปรับปรุงตัวแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พังเพราะความหึงหวงจนหน้ามืดตามัว แค่เห็นภาพข่าวที่ธีรเดชและมนธิราไปดินเนอร์ด้วยกันเมื่อคืนก่อนเธอก็เหมือนจะเป็นจะตาย
อารญาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองยืนกำหมัดตัวสั่นเทิ้ม น้ำตานองหน้าอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน กระทั่งมีมือของใครบางคนแตะลงตรงไหล่มนเบาๆ ร่างบางถึงได้สติ
“น้องอาย กลับบ้านกันเถอะ”
คำสั้นๆ ทว่าแฝงความห่วงใยทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์เศร้า เสียใจ เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส คลายกำปั้นออก สะอื้นฮัก ก่อนจะหันมาโผเข้ากอดอีกฝ่าย แล้วปล่อยโฮออกมา
“พี่ธีเขาจะถอนหมั้นกับอาย อายควรทำไงดีคะพี่ดา อายไม่อยากเสียเขาไป อายควรทำไงดี” ทันทีที่ขึ้นมานั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยสาวน้อยก็ละล่ำละลักปรึกษาดาริกาพี่สาวต่างมารดาอย่างร้อนใจ
“น้องอายใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวเราค่อยคิดหาทางกันใหม่” น้ำคำปลอบประโลมทำให้อารญาพยักหน้าน้อยๆ
สามวันแล้วที่อารญามานั่งรอธีรเดชอยู่แถวๆ หน้าแผนกฉุกเฉินในโรงพยาบาลรักษ์ สองวันที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้พบหน้าเขา เรื่องที่อยากคุยก็ยังไม่ได้คุย เพราะอีกฝ่ายจงใจเลี่ยง แต่กระนั้นเธอก็ไม่ย่อท้อ หลังจากเรียนเสร็จในช่วงบ่ายอารญาก็มานั่งรอเขาที่เดิม เพิ่มเติมคือเธอเตรียมเสบียงมาด้วย เมื่อสองวันก่อนมารอเก้อกว่าจะเดินคอตกออกไปจากโรงพยาบาลก็ค่ำมืด กลับถึงคอนโดค่อนข้างดึกถึงได้กินข้าว ผลปรากฏว่าเธอแสบท้องหลังจากนั้น
อารญานั่งกอดอกรอด้วยความอดทน ส่วนสายตาหมองๆ ก็ทอดมองไปข้างหน้าไม่กะพริบ เพราะกลัวคนที่เธออุตส่าห์มารอเป็นวันที่สามจะคลาดสายตา ก่อนหน้าราวๆ ชั่วโมงเธอเห็นเขาเดินเร็วๆ เข้าห้องฉุกเฉินไป ที่ไม่ได้เอ่ยเรียกเอาไว้ เพราะเข้าใจว่าเขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองก่อน สำหรับหมอคนไข้ย่อมสำคัญที่สุด ส่วนเธอถึงแม้จะมีเรื่องร้อนใจ อยากคุย อยากถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะถอนหมั้น แต่ก็ไม่กล้าไปก้าวก่าย เพราะรู้ว่าหมอมีหน้าที่รักษาคนไข้ เช่นเดียวกับเธอที่มีหน้าที่เรียน หลังจากเรียนเสร็จเธอก็มาหาเขา แต่ก็ต้องรอเพื่อให้เขาทำงานเสร็จก่อน
หากเป็นเมื่อก่อนอารญาคงไม่รู้จักคำว่ารอ ไม่รู้จักที่จะเคารพคนอื่น และคงจะเอาแต่ใจดันทุรังบุกเข้าไปหาธีรเดชในห้องฉุกเฉิน แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างเก่า เธอรู้จักอะไรควรไม่ควร เพราะเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย อาจจะมีฟิวส์ขาดสติแตกไปบ้างอย่างเช่นสามวันก่อนที่ตามไปอาละวาดมนธิรา แต่เธอก็เตือนสติตัวเองว่าจะไม่ทำตัวเช่นนั้นอีก เพราะผลที่ตามมามันไม่เพียงแต่ทำให้เธอถูกคนในสังคมโซเชียลรุมประณาม แต่มันยังกดให้คุณค่าของตัวเองลดลงไปด้วย
หากจะถามว่าทำไมเธอถึงรัก เทิดทูน และหวงแหน ธีรเดชนัก ก็คงต้องเล่าย้อนไปถึงอดีต หลังจากที่แม่จากไปอย่างกะทันหันในขณะที่เธอวัยเพียงสิบห้า ไม่นานพ่อก็เอาเมียอีกคนและลูกสาวเข้ามาอยู่ที่บ้าน ทีแรกเธอโวยวายประท้วงยกใหญ่ ตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหมาหัวเน่า เหมือนไม่เหลือใคร ดีที่มีธีรเดชคอยปลอบใจ คอยสอนให้มองชีวิตในอีกแง่มุม กระทั่งอารญาเริ่มปรับตัวเข้ากับเมียและลูกอีกคนของพ่อได้ จนไปๆ มาๆ เธอก็รักดาริกาประหนึ่งพี่สาวแท้ๆ ต้องขอบคุณธีรเดชที่คอยบอกคอยสอนให้เธอทิ้งนิสัยเด็กเอาแต่ใจ
ทุกอย่างมันจะดีอยู่แล้ว เธอกำลังจะก้าวผ่านไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ หากวันหนึ่งอารญาจะไม่รู้ความจริงว่าธีรเดชมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ผู้ชายที่เธอคิดเสมอว่าเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวมีแฟนมานานแล้ว แต่รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วเธอก็ยังดันทุรังให้ผู้ใหญ่จัดการหมั้นหมาย การถูกบังคับให้หมั้นกับอารญาทำให้ธีรเดชค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด จากเคยเอ็นดูน้องน้อย คอยเอาใจใส่ คอยทะนุถนอม กลายเป็นค่อยๆ ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ผ่านมากว่าสามปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจากไปของแม่ในขณะที่เธอวัยเพียงสิบห้า การถูกหมางเมินเย็นชาจากธีรเดช ค่อยๆ หล่อหลอมให้อารญา เด็กสาวผู้น่ารักสดใส ช่างพูด ช่างเจรจา และออดอ้อน โตขึ้นในอีกแบบได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอกลายเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชา เย่อหยิ่งกับคนที่ไม่สนิท พูดน้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยเปิดใจคบใครเป็นเพื่อนง่ายๆ
ความเหินห่างระหว่างอารญากับธีรเดชมันเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเธอเข้าไประรานแฟนของเขาในวันเกิดของเจ้าหล่อน ซึ่งการที่เขาหมางเมิน ไม่ไยดี ไม่คอยเอาใจเหมือนอย่างเก่า ทำให้อารญาหันมาใช้นิสัยเดิมๆ เรียกร้องความสนใจ แต่นอกจากไอ้นิสัยเอาแต่ใจจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว มันยังทำให้เขารำคาญเธอหนักกว่าเดิม และผลจากที่เธอกลับมาทำตัวแย่ๆ ทั้งเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล และระรานคนอื่น ก็ทำให้เธอต้องมานั่งหงอยอยู่ตรงนี้
“น้องคะ คุณชายหมอออกไปแล้วนะคะ”
หกปีหลังจากนั้น เด็กหญิงนีลาญาก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของบ้าน มีน้องน้อยเพิ่มมาอีกสี่คน คนที่หนึ่งชื่อเด็กชายธีราภัทร หรือน้องธาม คนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อเด็กหญิงนีลาภา หรือน้องนีน ส่วนคนที่สามและสี่เป็นแฝดชายหญิง ชื่อเด็กหญิงนารีญา หรือน้องนิ่ม ส่วนแฝดน้องชื่อเด็กชายธงไทย หรือน้องไทน์ ห้าพี่น้องต่างรักใคร่กลมเกลียว และซนระดับพระกาฬ โดยเฉพาะสี่หน่อที่เกิดไล่เลี่ยกัน หากอยู่บ้านก็ทำเอาคนแก่ทั้งวังรื่นฤดีปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน “อาบจ๋า นีนอยากกินลูกชุบ” หนูน้อยนีลาภาวัยสี่ขวบเอ่ยฉะอ้อนแม่นมวัยดึกอย่างน่ารักน่าชัง ตากลมแป๋วที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวดกดำเหมือนตุ๊กตาจ้องลูกชุบสีสวยในถาดไม่กะพริบ “คุณหนูนีนของแม่อาบ จะกินรูปผลไม้อันไหนคะ เดี๋ยวแม่อาบจะหยิบให้ค่ะ” คนแก่ที่หลงเด็กน้อยเสียเหลือเกินเอ่ยอย่างเอาใจ ก่อนจะถือโอกาสก้มลงหอมแก้มป่องๆ อย่างมันเขี้ยว “มะม่วงค่า”นิ้วป้อมๆ ชี้ไปยังลูกชุบสีเขียวอมเหลืองที่ถูกปั้นเป็นรูปมะม่วง แม่อาบยิ้มกริ่ม แล้วหยิบลูกชุบส่งให้ เด็กน้อยพนมมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู แล้วยัดลูกชุบใส่ปาก ก่อนจะเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย “ปี้นีน! ปี้นีน!”เ
คนที่เพิ่งกลับขึ้นมาบนห้องนอน หลังจากหนีลงไปรดน้ำผักที่สวนครัวหลังวังรื่นฤดีตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นสามีนั่งกอดอกทำหน้าตึงอยู่ปลายเตียงก็ถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม แต่ทำทีเป็นไม่สนใจ เดินนวยนาดไปเปิดประตูเชื่อมสู่ห้องนอนลูก ครั้นเห็นเด็กน้อยกับแมวนอนกอดกันหลับปุ๋ยก็อมยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆ งับประตูลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าสามีที่กำลังเรียกร้องความสนใจแบบซึนๆ “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ”“ไป แต่ไม่มีคนอาบน้ำให้” น้ำเสียงราบเรียบ และท่าทางมึนตึง แต่ความหมายของคำพูดทำให้คนฟังมองค้อนด้วยความหมั่นไส้เธอไม่น่าอาบน้ำให้เขาจนเขาเสียนิสัยแบบนี้เลย ให้ตาย! “ถ้าจะอาบก็ตามมาค่ะ”อารญาเอ่ยสั้นๆ แล้วเดินนำไปยังห้องน้ำ ยังไม่ง้อคนที่กำลังน้อยใจ หากเดาไม่ผิดก็คงเพราะเธอหนีไปรดน้ำผักตั้งแต่เช้า ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังที่ห้องนอน ธีรเดชเป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งหากตื่นมาไม่เห็นเธอก็จะงอน และคนที่ง้อก็มักเป็นเธออยู่ร่ำไป วันนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะรู้ว่าเขามีประชุมสำคัญที่บริษัทในช่วงสาย “มาค่ะ อายถอดเสื้อผ้าให้”มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือใหญ่ แล้วลากร่างทรงพลังไปยืนพิงเ
เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีช่างเชื่องช้าและยาวนานเหลือเกิน ธีรเดชรู้สึกเหมือนมันเป็นระเบิดเวลา ในหัวเขาอัดแน่นไปด้วยความตึงเครียดจนถึงขีดสุด ในใจมีแต่ความหวาดหวั่นและวิตกกังวลสารพัด การรอคอยช่างสุดแสนทรมานแทบขาดใจ ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างเดินไปเดินมาไม่หยุด กระทั่งในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เขาถลาไปหยุดลงตรงหน้าหัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างหมอปริญ แล้วถามไถ่ด้วยความร้อนใจ “ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ” “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภรรยาของคุณปลอดภัย แต่ต้องแอดมิดดูอาการก่อน เผื่อมีผลข้างเคียงอะไร”นายแพทย์หนุ่มเอ่ยบอกไปตามสถานการณ์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อคุณชายหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเยือกเย็นละล่ำละลักขอบคุณเขา “ดีใจด้วยนะคะ”ปานระพีเอ่ยอย่างยิ้มๆ“ขอบคุณมากครับหมอแพร”ธีรเดชเอ่ยขอบคุณปานระพีด้วยความซาบซึ้งใจ คล้อยหลังอีกฝ่ายร่างใหญ่ก็เดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าห้องผ่าตัด แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเท่าใด อารญาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งบรรยากาศข้างนอกที่มองผ่านกระจกหน้าต่างก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเสียแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ก่อนผ่าตัด ธีรเดชก็พาอารญากับลูก รวมทั้งแมวอ้วน มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัวบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย บรรยากาศหน้าหนาวของที่นี่ในตอนเช้าๆ สวยจับตา เธอตื่นแต่เช้าออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ บนชานเรือนไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา ด้านบนม่านสายหมอกปกคลุมไปทั้งอาณาบริเวณ ต่ำลงมาก็จะเป็นแปลงชาที่ทอดตัวยาวลงไปเกือบจรดตีนเขา รอบๆ ตัวบ้านมีแปลงดอกไม้รายล้อมอยู่รอบนอกในลักษณะวงกลม ถัดเข้ามาก็จะจัดสรรค์พื้นที่เป็นแปลงผัก และแปลงสตรอว์เบอร์รี กั้นบริเวณลานหน้าบ้านส่วนหนึ่งสำหรับสนามเด็กเล่น มีเครื่องเล่นที่ลูกเธอชอบอย่างครบครัน บนกองทรายมีของเล่นแมวอยู่สองสามอย่าง ใต้ต้นพญาเสือโคร่งที่กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งมีชิงช้าไม้ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อเธอกับลูก รวมทั้งแมวอ้วนด้วย ช่างเป็นสามี เป็นพ่อ และเป็นทาสแมว ที่ประเสริฐเสียจริง เจ้าของนัยน์ตากลมโตทอดมองทุกสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตา แล้ววกกลับมาสำรวจแปลงผักเขียวขจีด้วยความชอบใจ ปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ ร่างอ้อนแอ้นที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีส้มอิฐพลันสะดุ้งน้
“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่านี่เมียใคร” ธีรเดชยักคิ้วเย้ย จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างหน้าตาเฉย ท่าทางเปิดเผยความรู้สึกที่คงจุกอกมาเนิ่นนานของไอ้หนุ่มคลั่งรัก ทำให้พลชระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่นานเอวาก็ยกอาหารออกมาเสิร์ฟ ทันทีที่เห็นอารญาก็ทำท่าดีใจยกใหญ่ เธอจึงดึงอีกฝ่ายมากระซิบกระซาบว่าจะไปหาที่ครัว ส่วนพลชก็เอ่ยขอตัว เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มลงมือทานมื้อค่ำ เสียงเพลงคลอเบาๆ ทำให้เธอเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น แต่อยู่ๆ ไฟทั้งผับก็ดับพรึ่บลง มีเสียงดนตรีสุดโรแมนติกดังขึ้น พร้อมไฟสปอร์ตไลต์ส่องลงมาที่โต๊ะของทั้งคู่ทันใดนั้นคุณชายธีรเดชก็ผุดลุกขึ้น ทำให้เธอพลอยลุกขึ้นยืนไปด้วยโดยอัตโนมัติ เพราะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะตาโต อ้าปากค้าง หัวใจเต้นคร่อมจังหวะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆ คุกเข่าลงต่อหน้า เสียงเพลงเงียบลง พร้อมกับที่เขาหยิบแหวนที่อกเสื้อออกมา แล้วเงยหน้าเอ่ยกับเธออย่างนุ่มนวล“น้องอายครับ ได้โปรดแต่งงานกับพี่นะครับ” คนถูกคุกเข่าขอแต่งงานแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง และดีใจจนพูดไม่ออก เพราะคาดไม่ถึงว่าชั่วชีวิตน
หลังจากเรื่องเลวร้ายทุกอย่างจบลง พร้อมกับการตายของดาริกา ส่วนมารตีถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต อารญากับลูก รวมทั้งแมว ก็ต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่วังรื่นฤดี ส่งคืนบ้านเช่าที่ตัวเองทั้งรักและผูกพันเพราะอยู่มานานให้เจ้าของ เนื่องจากไม่อาจทนอยู่ในบ้านที่มีคนตายได้ ถึงแม้จะยังอาลัยอดีตอันแสนสุขที่เคยอยู่ร่วมกันกับลูกและแมว ทำใจยากที่จะจากต้นไม้และพืชผักสวนครัว แต่ธีรเดชก็เอาใจและชดเชยความรู้สึกของเมียรัก ด้วยการอนุญาตให้เธอปลูกพืช และผักสวนครัว ได้ตามแต่ใจต้องการ ไม่ว่าเธอจะปรารถนาสิ่งใดเขาย่อมประเคนให้อย่างไม่เกี่ยง ยกเว้นก็แต่เรื่องที่เธออ้อนขอไปทำงาน ธีรเดชปฏิเสธอย่างไม่มีอ่อนข้อ เพราะเป็นห่วงเรื่องกระสุนที่ฝังอยู่ในศีรษะของเธอ ซึ่งอารญาทำเพียงงอนนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าเขาเป็นห่วง พร้อมกับรับปากว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างจริงจัง หากจะเป็นอะไรไปเธอก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าลูกจะไม่มีคนดูแล วันนี้ธีรเดชพาอารญามาปรึกษานิวโรศัลย์เรื่องการผ่าตัด ซึ่งหมอก็ลงความเห็นว่าจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่เกินภายในระยะเวลาสองอาทิตย์ และครั้งนี้เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “