Home / โรแมนติก / เกลียดเธอที่สุด / บทที่ 02 พื้นที่อบอุ่น

Share

บทที่ 02 พื้นที่อบอุ่น

Author: ชารี
last update Last Updated: 2025-09-13 20:00:32

บทที่ 02

พื้นที่อบอุ่น

         ขวัญเรือนนั้นได้เข้ามาทำงานอยู่ในเรือนใหญ่ที่อนงค์อยู่ประจำ เพราะทำงานได้เข้าตาอนงค์ จึงผ่านการทดลองงานภายในหนึ่งเดือน เธอนั้นเป็นคนสุภาพนอบน้อม ขยันขันแข็ง ทำให้อนงค์พอใจ โดยเฉพาะมาลาริน แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ก็ขยันขันแข็ง มักจะช่วยแม่ของเธอทำงานในบ้าน ไม่เคยงอแง อีกทั้งยังอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนแม่ของเธอ ทำให้อนงค์เอ็นดูสองแม่ลูกไม่น้อย

         “คุณท่านเรียกหาดิฉันกับลูกหรือคะ?” ขวัญเรือนจูงมือลูกสาวเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่อนงค์กำลังอ่านหนังสืออยู่

         อนงค์วางหนังสือบนตัก มองสองแม่ลูกที่เข้ามาหาเธออย่างนอบน้อม

         “ฉันจะให้ลารินเข้าโรงเรียนเดียวกับหลานฉัน”

         “เอ่อคือ” ขวัญเรือนอึกอัก เพราะโรงเรียนค่าเทอมแพงแบบนั้น เธอไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนแน่นอน

         “ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ฉันจะจัดการให้ทั้งหมด ถ้าตั้งใจเรียนก็จะให้เรียนถึงปริญญาตรีเลย” อนงค์กล่าวเสียงเรียบ

         “ดิฉันขอบพระคุณคุณท่านมากนะคะที่เมตตาลาริน แต่ดิฉันไม่กล้ารับไว้จริง ๆ ค่ะ ดิฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียนใกล้ ๆ” ขวัญเรือนบอกอย่างเกรงใจ

         “ฉันให้เด็กคนนี้ ไม่ได้ให้เธอ จะปฏิเสธแทนลูกทำไม” น้ำเสียงอนงค์มีแววตำหนิเล็กน้อย

         ขวัญเรือนยิ้มเจื่อน ไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก จึงได้แต่ก้มกราบอนงค์พร้อมกับลูกสาวของเธอ

         ไม่นาน มาลารินก็ได้สวมชุดนักเรียนและผูกโบว์สีเดียวกับชลธิชา ซึ่งเธอนั้นได้เรียนห้องเดียวกับชลธิชา มาลารินคิดว่านี่ไม่ใช่โชคดีเลย เพราะอีกฝ่ายมักจะคอยสุมหัวกับเพื่อน ๆ แกล้งเธอเสมอ

         อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกแกล้งอย่างไร แต่มาลารินก็ไม่คิดจะตอบโต้ เธอยังจำคำของสมจิตรไว้เสมอว่าทุกคนคือเจ้านาย และที่สำคัญที่สุด เธอไม่อยากให้แม่ต้องไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงได้แต่ยิ้มและพยายามหลบเลี่ยง

         ที่สนามหญ้าหลังอาคารเรียนช่วงพักกลางวัน มาลารินนั่งพับเพียบอยู่ใต้ต้นปีบ เงามของมันช่วยบังแสงแดดไว้ เธอเก็บดอกไม้ใส่กล่องกระดาษเล็ก ๆ เพื่อจะนำไปฝากแม่ในตอนเย็น

         “ทำอะไรน่ะ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่กล่องกระดาษจะถูกปัดตกพื้น ดอกไม้ที่เก็บร่วงหล่นกระจาย มาลารินเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ เห็นชลธิชากับเพื่อน ๆ สองคนที่เหมือนจะมาหาเรื่องเธออีกแล้ว

“โทษที มือมันไปโดนเอง”

เพื่อน ๆ ของชลธิชาหัวเราะคิกคัก ขณะที่มาลารินไม่พูดอะไร เธอเพียงก้มเก็บดอกไม้เงียบ ๆ พยายามอดกลั้นเหมือนที่ผ่านมา

“จะเก็บไปไหนน่ะ?” ชลธิชาถามอย่างอยากรู้

“เก็บไปฝากแม่ค่ะ” มาลารินตอบโดยไม่มองหน้า

“อี๋! อย่าเอาขยะเข้าบ้านฉันนะ” ชลธิชาทำท่ารังเกียจ ใช้เท้าเหยียบดอกไม้ และเท้าของเธอก็เหยียบโดนหลังมือของมาลารินโดยไม่ตั้งใจ

“โอ๊ย!” มาลารินชักมือกลับด้วยความเจ็บ

“สมน้ำหน้า” ชลธิชาเบะปาก แต่ข้างในกลับรู้สึกตกใจ เธอแค่จะเหยียบดอกไม้เท่านั้น “ไม่เอามือหลบเอง”

“เต้ย!”

แล้วเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นจากอีกฟากของสนาม ชวลิตในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินมา

“พี่ต้น” ชลธิชาชะงักไป

ชวลิตมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“อยากได้ดอกไม้ก็เก็บเองสิ จะมาแย่งคนอื่นทำไม” ชวลิตเอ่ยกับน้องสาว

ชลธิชาเบะปากใส่พี่ชาย เธอรู้เจตนาดีว่าเขาแค่ไม่อยากให้เธอแกล้งมาลาริน เพราะเวลาที่เขาเห็นเธอแกล้งมาลารินก็มักจะเข้ามาตำหนิเธอ

“ชิ!” ชลธิชาสะบัดหน้าหนี ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ

“ทำอะไรของเธอน่ะ?”

มาลารินชะงัก เงยหน้ามองชวลิตอย่างประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอ

แม้ว่าเธอจะอาศัยอยู่ในรั้วบ้านเดียวกับเขา และเจอกันทุกเช้าเพราะต้องนั่งรถไปโรงเรียนด้วยกัน แต่เขาก็ไม่เคยพูดกับเธอสักครั้ง แม้จะมาช่วยเธอจากชลธิชาหลายครั้ง แต่เขาแค่มาช่วยแล้วก็จากไป แต่ครั้งนี้เขาพูดกับเธอ

“หนูจะเก็บดอกไม้ไปฝากแม่ค่ะ” มาลารินตอบเสียงแผ่ว

ชวลิตย่อตัวนั่งลงตรงหน้า เขาช่วยเธอเก็บดอกไม้ใส่กล่อง เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ตอนเจอกันครั้งแรก เธอก็ดูกล้าเถียงยัยเต้ยนี่นา ทำไมไม่เถียงกลับหรือสู้กลับบ้างล่ะ” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ แม้จะไม่เคยคุยกับเธอ แต่เขาก็เห็นเธออยู่ในสายตาตลอด และนึกสงสารในใจที่เธอมักถูกน้องสาวเขาแกล้ง

“แม่กับยายจิตรบอกว่าให้หนูเคารพเจ้านายทุกคนค่ะ” มาลารินตอบอย่างซื่อ ๆ

“งั้นเหรอ?” เขาเลิกคิ้วและอมยิ้มน้อย ๆ “เอาอย่างนี้มั้ย ถ้ายัยเต้ยแกล้งอีก เธอก็ฟ้องคุณย่า เดี๋ยวฉันเป็นพยานให้ ดีหรือไม่ดี?”

“ไม่ดีหรอกค่ะ” มาลารินส่ายหน้า เธอลุกขึ้นปัดกระโปรงที่มีเศษใบไม้ติด “คุณเต้ยจะต้องเกลียดเธอหนูเพิ่มแน่นอน”

ชวลิตเม้มปากกลั้นยิ้ม เขาก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น ไม่คิดว่าเธอจะจริงจัง

เด็กหญิงตัวเล็กถือกล่องกระดาษเดินกลับไปยังอาคารเรียน โดยมีสายตาของเด็กหนุ่มมองตามอย่างเอ็นดู และตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น เขาก็พูดกับเธอมากขึ้น

บ่ายวันหนึ่งที่เรือนกระจกในสวน แสงแดดลอดผ่านหลังคาใสกระทบลงบนหน้ากระดาษ มาลารินนั่งก้มหน้ากับแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ เธอพยายามคิดหาคำตอบอยู่นาน แต่ตัวเลขในกระดาษก็ยังวุ่นวายพันกันไปหมด

“ทำเลขอยู่เหรอ?”

เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาผ่านมาแล้วเห็นเธอจึงเดินเข้ามาทักทาย

มาลารินเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ชวลิตในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น เขาส่งยิ้มให้กับเธอ

“ค่ะ ยากมาเลย” เธอเอ่ยเสียเบาหวิวอย่างคนเริ่มที่จะท้อกับการหาคำตอบแล้ว

ชวลิตนั่งลงข้างเธออย่างไม่ลังเล เขาหยิบเดินขึ้นมาแล้วเริ่มอธิบายทีละขั้นตอน น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่น ต่างจากชลธิชาที่ชอบแว้ด ๆ ใส่เธอ

“เห็นมั้ย ไม่ยากเลย”

มาลารินพยักหน้าเบา ๆ ดวงตากลมโตนั้นเผลอจ้องมองใบหน้าของเขา เธอรู้สึกดีในความใจดึของชวลิต

“คุณต้นทั้งเก่งแล้วก็ใจดีมากเลยค่ะ”

เขาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะยื่นขนมปังกรอบที่พกติดตัวมาให้เธอหนึ่งซอง แต่เธอกลับไม่กล้ารับไว้

“เอาไปเถอะน่า ขนมในบ้านฉันเยอะแยะ ฉันกินไม่หมดหรอก”

เด็กหญิงพยักหน้าเบา ๆ รับขนมจากเขาไป หัวใจดวงน้อยอบอุ่นขึ้นมา ดวงตากลมใสนั้นมีประกายบางอย่างขณะสะท้อนภาพของเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอห้าปี

“ไว้จะเอามาให้อีกนะ” เขาบอกอย่างใจดี ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น แต่หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น

มาลารินเดินกลับมายังบ้านพักหลังเล็กของเธอ ขนมในมือนั้นถูกเปิดกินไปเพียงเล็กน้อย แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ตอนที่เธอจะเลี้ยวเข้าทางแคบด้านข้าง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ใกล้จากอีกฝั่งของทางเดิน

ชายร่างสูงในเสื้อโปโลสีเข้มก้าวมาช้า ๆ ทั้งเธอและเขาชะงักนิดหน่อย ก่อนมาลารินจะยกมือไหว้ตามมารยาท

“สวัสดีค่ะคุณอิฐ”

เขาคือลูกชายคนโตของอนงค์ อีกทั้งยังเป็นพ่อของชวลิตและชลธิชา เด็กหญิงนั้นรู้สึกแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายที่นี่

“สวัสดีลาริน” อิฐยิ้มบาง ๆ

เด็กหญิงก้มหน้าเล็กน้อยแล้วรีบเดินผ่านไป กลิ่นโคโลญจน์หอมจาง ๆ ของอิฐยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ

มาลารินเปิดประตูเข้ามาในบ้านพัก ขณะที่แม่ของเธอกำลังจะออกไปพอดี สีหน้าของขวัญเรือนดูตกใจเล็กน้อย แต่พยายามปรับให้เป็นปกติ

“การบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก?” ขวัญเรือนถามขึ้น

“เสร็จแล้วจ้ะแม่ คุณต้นช่วยสอนจ้ะ” น้ำเสียงของเธอฟังดูปลื้มปริ่ม “คุณต้นให้ขนมหนูด้วย”

“ดีแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวแม่ไปทำงานก่อนนะ”

มาลารินนั่งลงบนเตียง กลิ่นอะไรบางอย่างแตะจมูกเธอแผ่วเบา เธอสูดลมหายใจเงียบ ๆ พลันความรู้สึกหนึ่งก็แล่นวาบขึ้นมา กลิ่นหอมจาง ๆ นี้คล้ายกับกลิ่นหอมของอิฐตอนที่เดินผ่าน

เด็กหญิงขมวดคิ้วน้อย ๆ หันไปมองรอบห้องที่ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม แต่กลิ่นนั้นเหมือนเพิ่งจะจางไป เธอรู้สึกแปลก ๆ แต่ความคิดเด็กหญิงวัยสิบขวบก็ยังไม่ได้ซับซ้อนนัก เธอหันไปสนใจสมุดการบ้านกับถุงขนมที่วางอยู่ รอยยิ้มก็ปรากฏอยู่ในดวงหน้าเล็ก ๆ

ตั้งแต่วันนั้น เรือนกระจกในสวนก็กลายเป็นสถานที่โปรด ที่มาลารินมักจะแวะเวียนมายามว่าง นอกจากจะชอบความสงบและกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หัวใจของเด็กหญิงตัวน้อยสั่นไหวอยู่ลึก ๆ นั่นเพราะบ่อยครั้งเธอมักจะได้พบกับชวลิตที่นี่ เวลาที่เขาเห็นเธออยู่ เขาก็แวะเข้ามาทักทายและยื่นขนมให้ ทำให้เรือนกระจกแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่อบอุ่นในความทรงจำของเธอเสมอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 34 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?

    บทที่ 34ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?มาลารินมองมือของชวลิตที่จับมือของเธอไว้แน่น ทุกย่างก้าวที่เขานำพาเธอไป หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมาถึงรถเขาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร ดันเธอเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ส่วนเขาอ้อมไปฝั่งคนขับ ติดเครื่องยนต์แล้วขับรถออกไปโดยไม่รอรีบรรยากาศภายในรถเงียบงันจนมาลารินรู้สึกอึดอัด เหลือบสายตามองคนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเลือดสีแดงเป็นรอยยาวจากหางคิ้วจนถึงขมับ ความทรงจำเมื่อครู่ย้อนกลับเข้ามา มาลารินไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่เอาแต่พร่ำบอกว่าเกลียดเธอถึงพุ่งเข้ามากอดเธอไว้อย่างนั้น ดวงตาคู่คมจ้องมองไปยังท้องถนนเบื้องหน้า แววตาของเขาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา และหางตาของเขาก็รับรู้ถึงสายตาของคนข้างกายที่เอาแต่จับจ้องเขาอยู่ “มองอะไร?” เขาเหลือบมองเธอเล็กน้อย มาลารินยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่หางคิ้วของตัวเองเป็นสัญญาณบอกเขา ชวลิตเหลือบมองตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เห็นเลือดไหลเป็นทางยาว เขาใช้มือเช็ดมันลวก ๆ อย่างไม่ใส่ใจ “คุณต้องทำแผลนะ” “ช่างมัน...” มาลารินไม่พูดอะไรอีก เธอมองออกไปด้านนอก สองข้างทางเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 33 สัญชาตญาณ

    บทที่ 33สัญชาตญาณ ในช่วงบ่าย ณ วัดหลวงเก่าแก่กลางเมือง แม้ว่าแดดจะแผดเผาสักเพียงใด ทว่าผู้คนยังหลั่งไหลเข้ามาในงานศพอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนในเครื่องแบบ ข้าราชการ นักการเมือง รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจต่าง ๆ นั้นก็ร่วมส่งอนงค์เป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางคนมากมายนั้น มาลารินยืนปะปนอยู่กับผู้คน เธอสวมเดรสสีดำเรียบสนิท ใบหน้าราบเรียบ ทว่าดวงตานั้นมีร่องรอยความเศร้าชัดเจน “นั่นลารินหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดึงขึ้นจากกลุ่มคนรับใช้ที่บ้านสุรีย์ฉายที่รวมตัวกันอยู่บริเวณหนึ่ง สมจิตรหันไปตามสายตาของพวกหล่อน เมื่อเห็นมาลารินเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ตั้งแต่สมจิตรส่งข้อความบอกมาลารินเรื่องอนงค์ไป หลายคืนที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยเห็นมาลารินปรากฏตัวที่งานศพสักคืน จนกระทั่งวันสุดท้ายนี้ เธอรอลุ้นทุกวินาทีให้มาลารินมา และมาลารินก็มาจริง ๆ มือของมาลารินกำดอกไม้จันทน์ไว้แน่น เธอก้าวขึ้นบันได้เมรุจนมาถึงหน้าโลงศพที่วางบนแท่น เธอยกขึ้นไหว้ช้า ๆ ก่อนโน้มตัววางดอกไม้จันทน์หน้าเตาเผา หลับตาพูดในใจ “เดินทางปลอดภัยนะคะคุณท่าน...” เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นัย

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ ความจริงอันเจ็บปวด

    บทที่ 32ความจริงอันเจ็บปวดบรรยากาศในเรือนกระจกเงียบลง ๆ ลมอ่อนจากช่องระบายอากาศพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ลอยวนอยู่ในอากาศ คล้ายกับมวลความรู้สึกบางอย่างนั้นก่อตัวขึ้นมาในใจของพวกเขาอย่างไม่อาจควบคุม สายตาคู่คมของชวลิตจ้องมองไปยังใบหน้าสวยหวานของเธอ ผมยาวสลวยพลิ้วไหวเบา ๆ คลอเคลียข้างแก้มใส ทำให้เธอดูอ่อนโยนงดงามราวกับภาพวาดจนเขาไม่อาจละสายตา ดวงตาที่สะท้อนภาพของมาลารินนั้นเปล่งประกาย ชวลิตรู้สึกว่าหญิงสาวดูดีขึ้นมาก ๆ ร่างกายที่เคยผอมบางของเธอนั้นดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผิวพรรณก็ดูสดใส นัยน์ตาคู่สวยก็ดูสุกสกาวกว่าเมื่อก่อน การได้เห็นเธอเป็น ๆ มากกว่ามองดูผ่านรูปถ่าย มันรู้สึกดีมากจริง ๆ และตอนนี้มันมีคำถามเกิดขึ้นในใจของเขา อยากถามว่าเธอสบายดีไหม เธอเป็นอย่างไรบ้าง และมีเรื่องอยากจะถามอีกมากมาย ทว่าเขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ไม่มีสักคำพูดใดที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากของเขา เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้คาดหวังว่าเจอเขา พอได้เจอดวงตาคู่นี้ก็สั่นไหวอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเก็บมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ขณะที่เธอสังเกตว่าเขานั้นเปลี่ยนไป ใบหน้าของชว

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 31 ที่ที่ไม่อยากกลับไปที่สุด

    บทที่ 31ที่ที่ไม่อยากกลับไปที่สุด รถแท็กซี่คันหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดบริเวณด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ที่รอบล้อมด้วยรั้วปูนสีขาว หญิงสาวก้าวลงมาจากรถพร้อมกับน้องชายวัยสิบขวบ ประตูเหล็กบานเล็กที่อยู่ตรงหน้า หวนให้เธอนึกถึงเรื่องราวที่อยู่อีกฝั่งของบานประตูนั้น สถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ทำให้วันที่เดินจากมา เธอก็ไม่คิดที่อยากจะหวนกลับมาอีก หลายเดือนมานี้ นับตั้งแต่ออกมาจากบ้านสุรีย์ฉาย มาลารินไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากสมจิตรอีกเลย กระทั่งเมื่อวานที่อีกฝ่ายโทรมาหาเธอ คำพูดคำจาแปลก ๆ เกี่ยวกับอนงค์ทำให้เธอไม่อาจวางใจลงได้ เธอเป็นห่วงอนงค์อย่างสุดซึ้ง จึงตัดสินใจลางาน และมาธารินหยุดเรียนเพื่อจะมาเยี่ยมอนงค์สักครั้ง ประตูเหล็กบานเล็กเปิดออก สมจิตรยืนรออยู่ เมื่อได้เห็นสองพี่น้องหญิงชราก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “เอ็งสบายดีจริง ๆ สินะลาริน” สมจิตรลูบศีรษะมาลารินเบา ๆ เมื่อได้เห็นแววตาที่สว่างไสวกว่าเมื่อก่อนก็ทำให้เธอเบาใจ สิ่งที่สมจิตรปรารถนามีเพียงให้สองพี่น้องประสบพบกับความสุขเท่านั้น “ไม่เจอนาน เอ็งสูงขึ้นแล้วนะธาริน” “ใช่ครับย

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 30 สังหรณ์ใจ

    บทที่ 30สังหรณ์ใจ ผ่านมากว่าสองสัปดาห์สำหรับการเรียนรู้งานจากมาลาริน วันนี้เป็นครั้งแรกที่มาลารินจะให้พีรพลฝึกรับสายจากลูกค้าจริง “ทำใจให้สบายนะคะ” มาลารินเอ่ยกับเขายิ้ม ๆ “ทำใจให้สบายนี่ ฟังดูแปลก ๆ นะคุณ” พีรพลเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ เขาหยิบหูฟังแบบครอบหูขึ้นมาสวมใส่ ท่าทางมั่นใจเต็มร้อย “แต่ผมสบาย ๆ อยู่แล้ว” “โอเค” มาลารินพยักหน้าเบา ๆ เธอกดปุ่มเริ่มระบบการทำงานให้กับเขา และสายแรกดังเข้ามาทันที “สวัสดีครับ บริษัท...พีรพลรับสาย ยินดีให้บริการครับ” น้ำเสียงที่ชัดเจนฟังดูมั่นใจของพีรพลดังไปตามสาย “จ่ายตังค์ค่าเน็ตไปแล้ว ทำไมยังใช้งานไม่ได้วะ!” น้ำเสียงห้วนจัดของลูกค้าดังตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้พีรพลสะดุ้งเล็กน้อย แต่เขายังเก็บอาการ “ไม่ทราบว่าผมเรียนสายกับคุณผู้ชายอะไรครับ” พีรพลถามกลับไปอย่างสุภาพ “มึงไม่แหกตาดูเลยหรือไง กูโทรไปชื่อกูก็ต้องขึ้นดิ!” ลูกค้าที่อยู่ปลายสายเริ่มหยาบคาย พีรพลหันมาสบตามาลารินอย่างขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าเธอฟังสายไปพร้อมกับเขา เธอหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วกดโอนสายของลูกค้ามาที่

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 29 ฝันร้าย

    บทที่ 29ฝันร้าย สุขภาพของอนงค์ย่ำแย่ลงไปทุกวัน เธอเบื่ออาหาร ทั้งยังนอนหลับไม่สนิท เหม่อลอยอยู่บ่อย ๆ พูดน้อยลงและมักถอนหายใจบ่อยครั้งเวลาอยู่คนเดียว เธอผ่ายผอมจนหนังแทบหุ้มกระดูก และแม้ว่าหมอจะบอกว่าเธอไม่ได้เป็นโรคร้าย แต่อาการอ่อนแรงของอนงค์กลับไม่ทุเลาลงเลย ร่างผอมเกร็งนอนอยู่บนเตียงกว้าง เธอมองเพดานสีขาวนวล อนงค์รู้สึกว่ารอบกายของเธอนั้นเงียบเกินไป กระทั่งเธอได้ยินเสียงประตูห้องค่อย ๆ เปิดออก เสียงฝีเท้านุ่ม ๆ ดังบนพื้นพรม อนงค์ผินหน้าหันไปมองทางประตู ขวัญเรือนเดินเข้ามา หญิงสาวอยู่ในชุดแม่บ้าน สะอาดสะอ้าน ท่าทางของเธอเรียบร้อยและแสดงความอ่อนน้อมต่ออนงค์ “คุณท่านอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ?” ขวัญเรือนเดินเข้ามาใกล้ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาเปล่งประกาย อนงค์นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอค่อย ๆ เบิกกว้างเมื่อได้เห็นใบหน้าของขวัญเรือนชัด ๆ ใจเธอสั่นรัว มือเย็นเฉียบลงโดยไม่รู้ตัว “ขวัญเรือน” ริมฝีปากแห้งผากของอนงค์เรียกชื่อของอีกฝ่ายเบา ๆ ดวงตาสะท้อนความหวาดกลัวออกมา “นะ...นี่เธอ” ขวัญเรือนยิ้ม เธอเดินผ่านหน้าอนงค์ออกไปยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status