Home / โรแมนติก / เกลียดเธอที่สุด / บทที่ 02 พื้นที่อบอุ่น

Share

บทที่ 02 พื้นที่อบอุ่น

Author: ชารี
last update Last Updated: 2025-09-13 20:00:32

บทที่ 02

พื้นที่อบอุ่น

         ขวัญเรือนนั้นได้เข้ามาทำงานอยู่ในเรือนใหญ่ที่อนงค์อยู่ประจำ เพราะทำงานได้เข้าตาอนงค์ จึงผ่านการทดลองงานภายในหนึ่งเดือน เธอนั้นเป็นคนสุภาพนอบน้อม ขยันขันแข็ง ทำให้อนงค์พอใจ โดยเฉพาะมาลาริน แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ก็ขยันขันแข็ง มักจะช่วยแม่ของเธอทำงานในบ้าน ไม่เคยงอแง อีกทั้งยังอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนแม่ของเธอ ทำให้อนงค์เอ็นดูสองแม่ลูกไม่น้อย

         “คุณท่านเรียกหาดิฉันกับลูกหรือคะ?” ขวัญเรือนจูงมือลูกสาวเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่อนงค์กำลังอ่านหนังสืออยู่

         อนงค์วางหนังสือบนตัก มองสองแม่ลูกที่เข้ามาหาเธออย่างนอบน้อม

         “ฉันจะให้ลารินเข้าโรงเรียนเดียวกับหลานฉัน”

         “เอ่อคือ” ขวัญเรือนอึกอัก เพราะโรงเรียนค่าเทอมแพงแบบนั้น เธอไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนแน่นอน

         “ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ฉันจะจัดการให้ทั้งหมด ถ้าตั้งใจเรียนก็จะให้เรียนถึงปริญญาตรีเลย” อนงค์กล่าวเสียงเรียบ

         “ดิฉันขอบพระคุณคุณท่านมากนะคะที่เมตตาลาริน แต่ดิฉันไม่กล้ารับไว้จริง ๆ ค่ะ ดิฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้ลูกเรียนโรงเรียนใกล้ ๆ” ขวัญเรือนบอกอย่างเกรงใจ

         “ฉันให้เด็กคนนี้ ไม่ได้ให้เธอ จะปฏิเสธแทนลูกทำไม” น้ำเสียงอนงค์มีแววตำหนิเล็กน้อย

         ขวัญเรือนยิ้มเจื่อน ไม่กล้าที่จะปฏิเสธอีก จึงได้แต่ก้มกราบอนงค์พร้อมกับลูกสาวของเธอ

         ไม่นาน มาลารินก็ได้สวมชุดนักเรียนและผูกโบว์สีเดียวกับชลธิชา ซึ่งเธอนั้นได้เรียนห้องเดียวกับชลธิชา มาลารินคิดว่านี่ไม่ใช่โชคดีเลย เพราะอีกฝ่ายมักจะคอยสุมหัวกับเพื่อน ๆ แกล้งเธอเสมอ

         อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกแกล้งอย่างไร แต่มาลารินก็ไม่คิดจะตอบโต้ เธอยังจำคำของสมจิตรไว้เสมอว่าทุกคนคือเจ้านาย และที่สำคัญที่สุด เธอไม่อยากให้แม่ต้องไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงได้แต่ยิ้มและพยายามหลบเลี่ยง

         ที่สนามหญ้าหลังอาคารเรียนช่วงพักกลางวัน มาลารินนั่งพับเพียบอยู่ใต้ต้นปีบ เงามของมันช่วยบังแสงแดดไว้ เธอเก็บดอกไม้ใส่กล่องกระดาษเล็ก ๆ เพื่อจะนำไปฝากแม่ในตอนเย็น

         “ทำอะไรน่ะ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่กล่องกระดาษจะถูกปัดตกพื้น ดอกไม้ที่เก็บร่วงหล่นกระจาย มาลารินเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ เห็นชลธิชากับเพื่อน ๆ สองคนที่เหมือนจะมาหาเรื่องเธออีกแล้ว

“โทษที มือมันไปโดนเอง”

เพื่อน ๆ ของชลธิชาหัวเราะคิกคัก ขณะที่มาลารินไม่พูดอะไร เธอเพียงก้มเก็บดอกไม้เงียบ ๆ พยายามอดกลั้นเหมือนที่ผ่านมา

“จะเก็บไปไหนน่ะ?” ชลธิชาถามอย่างอยากรู้

“เก็บไปฝากแม่ค่ะ” มาลารินตอบโดยไม่มองหน้า

“อี๋! อย่าเอาขยะเข้าบ้านฉันนะ” ชลธิชาทำท่ารังเกียจ ใช้เท้าเหยียบดอกไม้ และเท้าของเธอก็เหยียบโดนหลังมือของมาลารินโดยไม่ตั้งใจ

“โอ๊ย!” มาลารินชักมือกลับด้วยความเจ็บ

“สมน้ำหน้า” ชลธิชาเบะปาก แต่ข้างในกลับรู้สึกตกใจ เธอแค่จะเหยียบดอกไม้เท่านั้น “ไม่เอามือหลบเอง”

“เต้ย!”

แล้วเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นจากอีกฟากของสนาม ชวลิตในชุดนักเรียนมัธยมปลายเดินมา

“พี่ต้น” ชลธิชาชะงักไป

ชวลิตมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

“อยากได้ดอกไม้ก็เก็บเองสิ จะมาแย่งคนอื่นทำไม” ชวลิตเอ่ยกับน้องสาว

ชลธิชาเบะปากใส่พี่ชาย เธอรู้เจตนาดีว่าเขาแค่ไม่อยากให้เธอแกล้งมาลาริน เพราะเวลาที่เขาเห็นเธอแกล้งมาลารินก็มักจะเข้ามาตำหนิเธอ

“ชิ!” ชลธิชาสะบัดหน้าหนี ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ

“ทำอะไรของเธอน่ะ?”

มาลารินชะงัก เงยหน้ามองชวลิตอย่างประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอ

แม้ว่าเธอจะอาศัยอยู่ในรั้วบ้านเดียวกับเขา และเจอกันทุกเช้าเพราะต้องนั่งรถไปโรงเรียนด้วยกัน แต่เขาก็ไม่เคยพูดกับเธอสักครั้ง แม้จะมาช่วยเธอจากชลธิชาหลายครั้ง แต่เขาแค่มาช่วยแล้วก็จากไป แต่ครั้งนี้เขาพูดกับเธอ

“หนูจะเก็บดอกไม้ไปฝากแม่ค่ะ” มาลารินตอบเสียงแผ่ว

ชวลิตย่อตัวนั่งลงตรงหน้า เขาช่วยเธอเก็บดอกไม้ใส่กล่อง เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ตอนเจอกันครั้งแรก เธอก็ดูกล้าเถียงยัยเต้ยนี่นา ทำไมไม่เถียงกลับหรือสู้กลับบ้างล่ะ” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ แม้จะไม่เคยคุยกับเธอ แต่เขาก็เห็นเธออยู่ในสายตาตลอด และนึกสงสารในใจที่เธอมักถูกน้องสาวเขาแกล้ง

“แม่กับยายจิตรบอกว่าให้หนูเคารพเจ้านายทุกคนค่ะ” มาลารินตอบอย่างซื่อ ๆ

“งั้นเหรอ?” เขาเลิกคิ้วและอมยิ้มน้อย ๆ “เอาอย่างนี้มั้ย ถ้ายัยเต้ยแกล้งอีก เธอก็ฟ้องคุณย่า เดี๋ยวฉันเป็นพยานให้ ดีหรือไม่ดี?”

“ไม่ดีหรอกค่ะ” มาลารินส่ายหน้า เธอลุกขึ้นปัดกระโปรงที่มีเศษใบไม้ติด “คุณเต้ยจะต้องเกลียดเธอหนูเพิ่มแน่นอน”

ชวลิตเม้มปากกลั้นยิ้ม เขาก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น ไม่คิดว่าเธอจะจริงจัง

เด็กหญิงตัวเล็กถือกล่องกระดาษเดินกลับไปยังอาคารเรียน โดยมีสายตาของเด็กหนุ่มมองตามอย่างเอ็นดู และตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น เขาก็พูดกับเธอมากขึ้น

บ่ายวันหนึ่งที่เรือนกระจกในสวน แสงแดดลอดผ่านหลังคาใสกระทบลงบนหน้ากระดาษ มาลารินนั่งก้มหน้ากับแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ เธอพยายามคิดหาคำตอบอยู่นาน แต่ตัวเลขในกระดาษก็ยังวุ่นวายพันกันไปหมด

“ทำเลขอยู่เหรอ?”

เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาผ่านมาแล้วเห็นเธอจึงเดินเข้ามาทักทาย

มาลารินเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ชวลิตในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น เขาส่งยิ้มให้กับเธอ

“ค่ะ ยากมาเลย” เธอเอ่ยเสียเบาหวิวอย่างคนเริ่มที่จะท้อกับการหาคำตอบแล้ว

ชวลิตนั่งลงข้างเธออย่างไม่ลังเล เขาหยิบเดินขึ้นมาแล้วเริ่มอธิบายทีละขั้นตอน น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่น ต่างจากชลธิชาที่ชอบแว้ด ๆ ใส่เธอ

“เห็นมั้ย ไม่ยากเลย”

มาลารินพยักหน้าเบา ๆ ดวงตากลมโตนั้นเผลอจ้องมองใบหน้าของเขา เธอรู้สึกดีในความใจดึของชวลิต

“คุณต้นทั้งเก่งแล้วก็ใจดีมากเลยค่ะ”

เขาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะยื่นขนมปังกรอบที่พกติดตัวมาให้เธอหนึ่งซอง แต่เธอกลับไม่กล้ารับไว้

“เอาไปเถอะน่า ขนมในบ้านฉันเยอะแยะ ฉันกินไม่หมดหรอก”

เด็กหญิงพยักหน้าเบา ๆ รับขนมจากเขาไป หัวใจดวงน้อยอบอุ่นขึ้นมา ดวงตากลมใสนั้นมีประกายบางอย่างขณะสะท้อนภาพของเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอห้าปี

“ไว้จะเอามาให้อีกนะ” เขาบอกอย่างใจดี ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น แต่หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น

มาลารินเดินกลับมายังบ้านพักหลังเล็กของเธอ ขนมในมือนั้นถูกเปิดกินไปเพียงเล็กน้อย แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ตอนที่เธอจะเลี้ยวเข้าทางแคบด้านข้าง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ใกล้จากอีกฝั่งของทางเดิน

ชายร่างสูงในเสื้อโปโลสีเข้มก้าวมาช้า ๆ ทั้งเธอและเขาชะงักนิดหน่อย ก่อนมาลารินจะยกมือไหว้ตามมารยาท

“สวัสดีค่ะคุณอิฐ”

เขาคือลูกชายคนโตของอนงค์ อีกทั้งยังเป็นพ่อของชวลิตและชลธิชา เด็กหญิงนั้นรู้สึกแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายที่นี่

“สวัสดีลาริน” อิฐยิ้มบาง ๆ

เด็กหญิงก้มหน้าเล็กน้อยแล้วรีบเดินผ่านไป กลิ่นโคโลญจน์หอมจาง ๆ ของอิฐยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ

มาลารินเปิดประตูเข้ามาในบ้านพัก ขณะที่แม่ของเธอกำลังจะออกไปพอดี สีหน้าของขวัญเรือนดูตกใจเล็กน้อย แต่พยายามปรับให้เป็นปกติ

“การบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก?” ขวัญเรือนถามขึ้น

“เสร็จแล้วจ้ะแม่ คุณต้นช่วยสอนจ้ะ” น้ำเสียงของเธอฟังดูปลื้มปริ่ม “คุณต้นให้ขนมหนูด้วย”

“ดีแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวแม่ไปทำงานก่อนนะ”

มาลารินนั่งลงบนเตียง กลิ่นอะไรบางอย่างแตะจมูกเธอแผ่วเบา เธอสูดลมหายใจเงียบ ๆ พลันความรู้สึกหนึ่งก็แล่นวาบขึ้นมา กลิ่นหอมจาง ๆ นี้คล้ายกับกลิ่นหอมของอิฐตอนที่เดินผ่าน

เด็กหญิงขมวดคิ้วน้อย ๆ หันไปมองรอบห้องที่ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม แต่กลิ่นนั้นเหมือนเพิ่งจะจางไป เธอรู้สึกแปลก ๆ แต่ความคิดเด็กหญิงวัยสิบขวบก็ยังไม่ได้ซับซ้อนนัก เธอหันไปสนใจสมุดการบ้านกับถุงขนมที่วางอยู่ รอยยิ้มก็ปรากฏอยู่ในดวงหน้าเล็ก ๆ

ตั้งแต่วันนั้น เรือนกระจกในสวนก็กลายเป็นสถานที่โปรด ที่มาลารินมักจะแวะเวียนมายามว่าง นอกจากจะชอบความสงบและกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หัวใจของเด็กหญิงตัวน้อยสั่นไหวอยู่ลึก ๆ นั่นเพราะบ่อยครั้งเธอมักจะได้พบกับชวลิตที่นี่ เวลาที่เขาเห็นเธออยู่ เขาก็แวะเข้ามาทักทายและยื่นขนมให้ ทำให้เรือนกระจกแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่อบอุ่นในความทรงจำของเธอเสมอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกลียดเธอที่สุด   บทส่งท้าย NC

    บทส่งท้าย แสงยามเช้าอาบไล้เข้ามาในห้องนอนเล็ก ๆ ผ่านผ้าม่านสีขาวที่พลิ้วไหวตามแรงลม เสียงนกร้องเบา ๆ อยู่นอกหน้าต่าง ราวกับว่าพวกมันกำลังปลุกคนทั้งคู่ที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันทั้งคืนให้ตื่นจากความฝัน มาลารินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เธอเห็นใบหน้าของชวลิตอยู่ใกล้แค่คืบ เขายังคงกอดเธอเอาไว้นแน่นหลังจากที่เมื่อคืนนอนคุยกันถึงเรื่องราวมากมายจนหลับไปในอ้อมแขนของเขา เขาเล่าให้เธอฟังว่าของเขาป่วยด้วยโรคร้ายอยู่หลายปี ก่อนจะจากไปเมื่อสองเดือนก่อน ตอนมาลารินได้ยินเรื่องนั้น เธอรู้สึกใจหายไม่น้อย แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่เธอยังคงจำใบหน้าและดวงตาของตรีอัปสรได้เป็นอย่างดี เธอหวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิตตรีอัปสรนั้นจะจากไปด้วยใจที่ไม่ยึดถือสิ่งใดแล้ว “เสียใจด้วยนะคะ” ชวลิตยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาแม้ยังหลงเหลือรอยเศร้าอยู่บ้าง ทว่าที่ผ่านมาเขาคิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุดแล้วเพื่อให้แม่ของเขามีความสุข หลังจากทุกอย่างจบลง ชวลิตเลือกที่จะหันหลังให้กับทุกอย่าง เขาออกจากบ้านสุรีย์ฉายเพื่อมาหามาลารินที่นี่ เมื่อเทียบกับการที่จะได้อยู่กับเธอแล้ว ไ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 44 หวนคืน (จบ)

    บทที่ 44หวนคืน 10 ปีผ่านไป...ยามบ่ายแก่ ๆ ณ วัดหลวงแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ที่ลานด้านหน้าเมรุคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำ ฟ้าที่เคยโปร่งใสบัดนี้มีเมฆสีเทาเคลื่อนตัวมาบดบังแสงแดดจ้าให้หม่นลงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า คล้ายว่ากำลังร่วมไว้อาลัยให้แก่ผู้วายชนม์อย่างตรีอัปสรเมื่อหลายปีก่อนนั้น เธอป่วยด้วยโรคร้ายรักษาไม่หาย แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้หลายปีด้วยกำลังใจของคนในครอบครัว ทว่าเวลาผ่านไปร่างกายของเธอก็ทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เธอต้องลาจากโลกนี้ไปท่ามกลางความเสียใจของทุกคนท่ามกลางผู้คนมากมายนั้น ชวลิตยืนเงียบ ๆ ข้างชลธิชาและญาติสนิทที่ยืนเรียงกัน เวลาล่วงเลยผ่านมานานนับสิบปี ตอนนี้อายุของเขาก้าวล่วงมาถึงวัยสามสิบแปดแล้ว เขายังคงดูโด่น แม้เส้นผมที่เคยดำขลับจะมีสีขาวขึ้นแซมที่ขมับทั้งสองข้าง ร่องลึกบนใบหน้าเผยให้เห็นถึงกาลเวลาที่ล่วงไป แต่นัยน์ตาคู่คมนั้นยังคงเหมือนคนที่แบกบางสิ่งไว้ตลอดเวลาเสียงประกาศให้ผู้คนทอยขึ้นเมรุเพื่อวางดอกไม้จันทน์ ขบวนของผู้คนค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปช้ายังด้านบนของเมรุ กลีบดอกไม้สีเหลืองนวลในมือของแต่ละคนค่อย ๆ วางลงหน้าโลงที่ประดับด้วยด

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 43 คำขอสุดท้าย

    บทที่ 43คำขอสุดท้ายบนท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ รถคันหรูของชวลิตเคลื่อนตัวด้วยความเร็วคงที่ผ่านแสงไฟริมถนนที่ทอดยาวเป็นเส้นสีเหลืองสลับกับเงามืดของต้นไม้ข้างทาง ระหว่างทางนั้น มาลารินได้รับสายจากกรฏที่โทรมา เมื่อกดรับสายได้ กรกฏก็คลายความกังวลและความเป็นห่วงลงมาเล็กน้อย ชวลิตหันมายิ้มให้กับมาลาริน เขาดีใจที่หญิงสาวมีเพื่อนที่ดีคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้าง ความคิดของเขาที่เคยมีต่อกรกฏในเมื่อก่อน ต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง ตลอดระยะเวลาที่รถเคลื่อนตัวไปนั้น ชวลิตรู้สึกว่ามาลารินมองเขาอยู่เป็นระยะ แม้เธอหลบสายตาทุกครั้งที่เขาหันไป แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ในใจของเขา “มีอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามบางเบา เขายกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู นัยน์ตาของมาลารินที่เหลือบมองเขา มีแววครุ่นคิดบางอย่างที่คล้ายกับว่าเธอยังวางมันไม่ลง ดูเหมือนจะรบกวนจิตใจของเธอมาโดยตลอด “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณน่ะค่ะ” แววตาของชวลิตเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและแววตาที่จริงจังของหญิงสาว จึงค่อย ๆ ตบไฟเลี้ยวจอดรถลงที่

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 42 ไม่อยากให้ดวงตะวันลับฟ้า

    บทที่ 42ไม่อยากให้ดวงตะวันลับฟ้า ผ้าม่านปลิวไหวเบา ๆ ไปกับสายลม ขณะที่แสงอ่อน ๆ ยามเช้าลอดผ่านเข้ามา สาดลงบนเรือนผมยุ่ง ๆ ของมาลาริน ร่างบางเปลือยเปล่าซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ที่มีอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขาโอบล้อมเธอไว้อีกชั้นหนึ่ง มาลารินกระพริบตาช้า ๆ แผ่นหลังบอบบางที่นอนอยู่กับอกเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ทำให้เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่ยังคงเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ เมื่อความทรงจำอันเร่าร้อนในค่ำคืนยังแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของเธอ กลิ่นของอากาศสดชื่นลอยมากับสายลมอ่อนยามเช้า เสียงของใบไม้ไหวตามแรงลม บรรดาเจ้านกส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกันจนเซ็งแซ่ ทว่าหัวใจของเธอกลับสงบลงเพราะยังคงรู้สึกถึงอ้อมแขนอันอบอุ่นที่โอบกอดเธอไว้ตลอดทั้งคืนเพียงครู่หนึ่ง เปลือยตาของเขาก็ค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นแววตาอันบอุ่นที่ยังตื่นไม่เต็มที่นัก เขาชะโงกหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อย“ตื่นเช้าจัง...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเบา ๆ พร้อมกระชับวงแขนรอบเอวเธอแน่นขึ้น “ไม่เหนื่อยเหรอ”มาลารินหันมายิ้มให้กับเขา มองใบหน้าหล่อเหลาที่ผมยุ่งฟูดูเป็นธรรมชาติ เธอรู้สึกว่าเช้าวันนี้แสนพิเศษเพ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 41 ใต้แสงจันทร์ NC

    บทที่ 41ใต้แสงจันทร์ แสงสุดท้ายยามพระอาทิตย์อัสดงลอดผ่านผ้าม่านที่ปลิวไสวไปกับสายลมยามเย็นที่พัดผ่านเข้ามาภายในห้องนอนที่เงียบสงบ ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ร่างกายเปลือยเปล่าของมาลารินขยับกายเพียงเล็กน้อย สัมผัสของผ้าปูที่นอนยังอุ่นเหมือนช่วงเวลาที่เร่าร้อนเพิ่งจะผ่านพ้นไปได้ไม่นาน หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาภายในห้องที่แสงสีส้มสาดส่องเข้ามาในความมืดที่สลัวลง เมื่อขยับกายลุกขึ้นนั่ง สายตานั้นก็เลื่อนผ่านบานประตูกระจกใสที่เปิดแง้มไว้สู่ระเบียงกว้างที่ทอดยาวออกไปกลางสวนร่มรื่น แสงไฟสีอุ่นจากโคมบนระเบียงทอดลงบนร่างสูงของชวลิตที่กำลังก้มตัวจัดจานบนโต๊ะกลมไม้สัก มีเสียงเพลงสากลที่เขาเปิดทิ้งไว้คลอเคล้าอยู่ในบรรยากาศ ดวงหน้าของเขาภายใต้แสงไฟนั้นดูอบอุ่นและอ่อนโยน หญิงสาวจับจ้องเขาอยู่สักพัก ราวกับต้องการเก็บภาพนั้นตรึงไว้ในความทรงจำให้นานแสนนาน ความมืดค่อย ๆ โรยตัวลงมา แสงสุดท้ายของวันเลือนหายไป มาลารินอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ก้าวออกมาด้านนอก ดวงตาคู่สวยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นดวงจันทร์เด่นตระหง่านคู่กับดวงดาวที่พร่างพราวระยิบระยับ ท้องฟ้าในคืนนี้งดงามมากจริง ๆ

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 40 ช่วงเวลาของเรา NC

    บทที่ 40ช่วงเวลาของเราช่วงบ่ายวันหนึ่ง อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ทว่าเมื่อรถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพักสีขาวสองชั้นที่ห้อมล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ และร่มไม้ใหญ่เขียวขจี บรรยากาศโดยรอบนั้นก็ต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิงชวลิตจูงมือมาลารินเข้ามาในบ้านพัก ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยพาเธอมาที่นี่ ทว่าครั้งนี้ความรู้สึกนั้นต่างไปจากครั้งก่อน เขากระชับมือบางแน่น หันมายิ้มให้กับเธอ ช่างเป็นรอยยิ้มที่เธอสดใส แต่กลับซ่อนความหม่นเศร้าไว้ในแววตาบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นบางอย่าง ทว่ามันก็คละเคล้าไปกับความเศร้าหมองที่อาจไม่บรรยาย แม้จะอยากอยู่กับปัจจุบันมากเพียงใด แต่เมื่อคิดว่าเวลาที่นับถอยหลังลงเรื่อย ๆ และอาจจะไม่พบเจอกันอีก ก็ทำให้เขาพวกเขาหม่นใจ“ตอนแรกก้องไม่อยากให้ฉันมาเลย” มาลารินเอ่ยขึ้นเบา ๆชวลิตเข้ามาสวมกอดมาลารินจากทางด้านหลัง เขากระชับอ้อมแขนแน่น เกยคางกับบ่าเล็ก ความอบอุ่นแล่นเข้ามาในหัวใจ เขานั้นอยากจะกอดเธอแบบนี้มาตั้งนานแล้ว“ทำไมล่ะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเบา ๆ“ที่คุณบอกว่าอยากเจอฉันครั้งสุดท้าย ฟังดูน่ากลัวมาก ๆ เค้าคิดว่าคุณอาจจะทำร้ายฉันน่ะค่ะ”“ฉันคงดูเป็นคนใจร้ายมาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status