9.ลืม...
ทางด้านฝั่งอี้ฟู........
อี้ฟูและลูกสมุนยังคงนอนติดเตียงไม่ได้สติ ทุกคนต่างมีบาดแผลฟกช้ำเต็มตัว คล้ายกับถูกรุมประชาทัณฑ์ด้วยคนจำนวนมาก เพราะสภาพร่างกายแต่ละคน กระดูกแขนขาล้วนแตกหัก เนื้อตัวสะบักสะบอมใบหน้าบูดเบี้ยว โดยเฉพาะอี้ฟู ที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสรุนแรงกว่าทุกคน
หลังจากหมดสติไป ชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าพบเข้าโดยบังเอิญ จึงได้ถูกชาวบ้านกลุ่มนั้น พาตัวกลับมารักษาในเวลาต่อมา
บิดาอี้ฟู เมื่อได้รู้ว่าบุตรชายของตัวเองถูกทำร้ายจนอาการสาหัส เขาถึงกับนั่งอยู่ไม่ติดด้วยความโมโห ก่อนจะเชิญหมอจ้าวในหมู่บ้าน มารักษาอาการบุตรชายเป็นการเร่งด่วน
หมอจ้าวเรียกได้ว่าเป็นหมอหน้าเลือดคนหนึ่งในหมู่บ้าน เขาชอบฉวยโอกาสขึ้นราคารักษาตามอำเภอใจ เเต่ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ต้องยอมจ่าย เพราะมีหมอจ้าวที่เป็นหมอเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน
หมอจ้าวแค่รักษาไปตามอาการเบื้องต้น เพราะไม่ได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มาโดยตรง เพียงแค่ครูพักลักจำ รู้เพียงวิธีรักษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ทำตนว่าเป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่กลับฉกฉวยผลประโยชน์ใส่ตน
หมอจ้าวเริ่มหารายได้จากการโก่งราคาค่ารักษา บ้างส่วนมากจะวินัยฉัยโรคไปในอาการที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่ก็ป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย
แต่ถึงอย่างนั้น ชาวบ้านก็ต้องจำยอม เพราะไม่อยากเสียค่ารักษาที่แสนแพงเพื่อเข้าไปรักษาในตัวเมือง ไหนจะค่าเกวียนไปกลับอีกหลายกิโล จึงไม่มีหนทางอื่น
"ท่านหมอ ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง...? มารดาอี้ฟูรีบซักถามอาการอย่างกังวล
"กระดูกในร่างกายหักไปหลายซีก ร่างกายบอบช้ำไปหลายส่วน แล้ว....." หมอจ้าวซ่ายหัวพูดจาตะกุกตะกัก
"แล้วอะไร....ลูกชายข้าเป็นอะไรอีกท่านหมอ...? บิดาอี้ฟูกล่าวเสริมอย่างร้อนใจ
"เห็นทีชาตินี้ลูกชายของเจ้า คงไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้แล้ว ถ้าจะให้ข้ารักษา พวกเจ้าต้องจ่ายเพิ่มอีกหลายเท่า แต่ข้าไม่อาจรับปาก ว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติได้เช่นเดิมอีกหรือเปล่านี้สิ.."
"ห่ะ...ท่านว่าอย่างไรนะ...? มารดาอี้ฟูแทบจะเป็นลมล้มลงไป หากไม่มีทายาทสืบสกุล ก็เท่ากับว่าบุตรชายกลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เข้าแล้ว
"มันผู้ใด...บังอาจกล้าทำร้ายลูกชายข้าได้ถึงเพียงนี้...? บิดาอี้ฟูกล่าวขึ้นมาด้วยความโมโห
"ท่านพี่อย่าได้โมโหไปเลยเจ้าคะ รอเสี่ยวฟูฟื้นขึ้นมาก่อน เราค่อยซักถามเรื่องราวจะดีกว่า" มารดาอี้ฟูพอได้สติขึ้นมา จึงรีบเอ่ยปรามสามีออกไป
"ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่...เจ้าคอยดูสิ ลูกชายเราบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ข้าจะต้องหาคนผิดมารับผิดชอบให้จงได้..." บิดาของอี้ฟูมองหน้าภรรยาด้วยใบหน้าที่ดุดัน
พ่อเป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น นิสัยอันธพาลของสองพ่อลูกช่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน บิดาอี้ฟูยังคงโวยวายอยู่เช่นนั้น เขาจะต้องตามหาคนผิด มาลงโทษให้จงได้ แววตาที่แสดงออกมา ทำให้คนมองถึงกลับขนหัวลุกขึ้นมา
"ข้าก็ไม่ยอมเช่นกันเจ้าคะท่านพี่" มารดาอี้ฟูเอ่ยสมทบ
...............................
หรงหรงเดินขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอย่างอารมณ์ดี นางพยายามรักษาเวลา จึงได้หาเฉพาะสมุนไพรที่พบเจอได้ง่ายไปพลางๆก่อน ในกล่องยามีแต่ยาสมัยใหม่ ไม่มียาสมุนไพรต้มกินเพื่อขับพิษภายในร่างกาย นางจึงต้องขึ้นเขาไปหาสมุนไพรที่สามารถนำมาต้มล้างพิษจากภายในขับออก จึงจะสามาถเริ่มขั้นตอนการรักษาอื่นต่อได้....
โชคดีโลกที่นางจากมา นางได้ร่ำเรียนวิชาการแพทย์เกี่ยวกับยาสมุนไพรจีนโบราณ หรงหรงจึงรู้จักสมุนไพรแทบจะทุกชนิด ตามที่นางได้ศึกษามา
"นั้นมันกำเช่า...สามารถดูดซับสารพิษ และขับสารพิษออกทางตับ อีกทั้งยังสามารถถอนพิษได้อีกด้วย เหมาะกับท่านแม่ยิ่งนัก ส่วนนี้ก็สมุนไพรรักษาบาดแผล เหมาะกับอาเฉิน อืม..ถือว่าวันนี้ข้ามาไม่เสียเที่ยวจริงๆ"
หรงหรงได้สมุนไพรตามที่ต้องการครบแล้ว ไม่คิดว่าบนหุบเขาแห่งนี้ จะมีสมุนไพรล้ำค่าขึ้นเองตามธรรมชาติอีกมากมาย นางจึงรีบกลับเรือนโดยเร็ว ไม่อาจละทิ้งทั้งสองคนไว้ได้นาน เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น....
พอเดินทางกลับมาถึงเรือน หรงหรงก็ไม่รอช้า นางรีบก่อไฟต้มยาสมุนไพรให้นางเมิงกับโม่เฉินในทันที
ข้างลานบ้านมีกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพรทั่วทั้งลานบ้าน ช่วงเวลาที่นางนั่งรอยาต้มสุก หรงหรงก็ทุบสมุนไพร เพื่อไปประคบบาดแผลภายนอกให้โม่เฉินได้สมานหายเร็วยิ่งขึ้น
หรงหรงไม่อาจรอช้าทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นางรีบล้างแผลให้โม่เฉินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นำสมุนไพรที่ได้มา ประคบลงไปบนแผลทั้งหมด เพื่อดูดซับความเปียกชื่นให้บาดแผลแห้งเร็วยิ่งขึ้น ไม่นานหรงหรงก็รีบยกยาที่ต้มเสร็จไปให้นางเมิงดื่มต่อในทันที
นางเมิงดื่มยาสมุนไพรเข้าไป ไม่นานนางก็รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา หรงหรงรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นางจึงตั้งใจนำชามใบใหญ่เข้ามาด้วย ของเหลวที่อาเจียนออกมาล้วนเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นจนน่าสะอิดสะเอียน พิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายนางเมิง ถูกหรงหรงกำจัดออกมาจนหมดสิ้น ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
สามวันต่อมา.....
นางเมิงรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่นางเมิงรู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรงขึ้นมาเป็นอย่างมาก หรงหรงประคองนางเมิงลุกขึ้นยืน นางค่อยๆพยุงมารดาเดินออกมายังประตูเรือนอย่างระมัดระวัง
นี้เป็นครั้งแรกที่นางเมิงกลับมาเดินเหินได้อีกครั้ง นางเมิงจึงดีใจจนออกนอกหน้ากว่าทุกครั้ง แทบจะฉีกยิ้มออกมาทั้งวันอย่างมีความสุข แต่แล้วในความดีใจ มักอยู่คู่กันได้ไม่นาน ทุกอย่างก็ได้มลายหายสิ้นไปชั่วในพริบตาเดียว
เมื่อหางตานางเมิง มองออกไปที่ลานหน้าบ้าน ปรากฎเห็นร่างชายหนุ่มนอนอยู่บนเปล นางเมิงถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความโมโหสุดขีด
"หรง...เอ๋อร์...!!!"
เสียงนางเมิงตะโกนเสียงดังจนแสบแก้วหูขึ้นมาทันที
หรงหรงที่กำลังประคองมารดาอยู่ข้างๆ นางต้องรีบเอามือปิดหูทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
สายตาพิฆาต มองไปที่บุตรสาวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ....
หรงหรงได้แต่ยิ้มจืนๆขึ้นมา นางพึ่งจะนึกขึ้นมาได้ ว่าลืมบอกอะไรมารดาไป หรงหรงรับรู้ได้ถึงลางร้ายที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ทันที
ลืม......
นางลืมบอกเรื่องโม่เฉินไปได้อย่างไร.....?
"หรงเอ๋อร์!!! รีบตามแม่เข้ามาในห้องประเดี่ยวนี้ แม่ต้องการคำอธิบาย...? นางเมิงทำหน้าตาขึงขังไม่พอใจเป็นอย่างมาก แววตานางลุกโชนราวกับเปลวไฟที่กำลังร้อนระอุ พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ
"โอ้ยยยย...ท่านแม่ เบาๆ...ข้าเจ็บนะ ท่านรีบปล่อยมือท่านออกจากใบหูข้าก่อนเถิด โอ้ยยยย...." หรงหรงรู้สึกถึงใบหูที่กำลังถูกอีกฝ่ามือลงแรงหยิกจนสุดกำลัง
"เจ็บจะได้จำ..รีบตามแม่เข้าไปคุยในห้องให้รู้เรื่องบัดเดี๋ยวนี้...."
"โอ้ยยย..ได้ๆๆๆ แต่ท่านแม่ ท่านรีบปล่อยมือออกก่อนเถอะ ลูกสาวท่าน...เจ็บจะตายอยู่แล้วเนี้ย..."
"ไม่ปล่อย หากคุยไม่รู้เรื่อง แม่จะดึงให้ขาดคามือแม่เลยเชียว ไม่เชื่อเจ้าก็คอยดูสิ...."
"โอ้ยยย ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ท่านรีบปล่อยมือท่านออกก่อนเถอะนะ อ่ะๆๆหู..ข้า เจ็บๆๆ.." หรงหรงรีบเอามือลูบใบหูอย่างเจ็บปวด
โม่เฉินนอนหลับตาฟังเสียงสองแม่ลูก ถกเถียงกันไปมาอย่างขบขัน เมื่อหญิงชราตั้งคำถามขึ้นมา บุตรสาวก็โต้ตอบออกไปอย่างมีเหตุผลไร้ข้อกังขา โม่เฉินราวกับกำลังฟังหัวข้อปราศรัยที่เข้มข้น ฟังดูสนุกและน่าสนใจที่สุดเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เขาเคยได้ฟังมา......