 LOGIN
LOGINท่ามกลางความเงียบในห้องของซูจิ้งหนาน ทำให้บ้านตระกูลซูยามนี้ตึงเครียดยิ่งนัก ซูเหวินเฉียงเรียกลูกสาวเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขานรับไม่พอ ยังนิ่งเงียบเสียจนน่าหวั่นใจ
ด้านล่างไป๋หรูอิงเดินไปเดินมา พลางคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี ตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลซู เธอรู้ดีว่าห้องนั้นคือห้องต้องห้าม ข้าวของทุกชิ้นถือเป็นของตระกูลหลิว
แต่เธอดันคิดน้อยไปและอยากได้ห้องนั้นเป็นห้องลูกสาวในอนาคต เพราะมันงดงามและตกแต่งหรูหรา เธอยอมโดนซูจิ้งหนานข่มขู่และยอมให้ซูเหยียนหลิงต้องนอนห้องรับแขกที่คับแคบ ไม่สมกับเป็นคุณหนูตระกูลซู จึงคิดเอาของพวกนั้นไปขาย
และที่สำคัญชุดแต่งงานที่เธอเห็นว่ามันเป็นหนามตำใจ จึงจับฉีกเสียแต่เมื่อดันคิดได้ว่าของพวกนี้มันห้ามแตะต้องและทำพังเสียหาย คิดจะไปสารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจ และจะร้องไห้ให้ซูเหวินเฉียงลงโทษเธอ
แต่ไม่คิดว่าวันนั้นยังมาไม่ถึง ก็ถึงวันที่สามีลงไม้ลงมือกับเธอเป็นครั้งแรก
ปกติเห็นเพียงเขาระบายโทสะกับลูกสาวที่เอาแต่ใจ ครั้งนี้เธอโดนเองบ้างทำให้ใจสั่นเทาไปหมด เธอไม่มีบ้านเดิมให้กลับ ไม่มีตระกูลให้หนุนหลัง มีเพียงความรักของซู เหวินเฉียงเท่านั้น
หากเขาทอดทิ้งเธอวันนี้เท่ากับเธอฆ่าตัวตาย
“คุณคะ...ความผิดฉันเองค่ะ...เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของฉันเอง” ไป๋หรูอิงทำได้เพียงแค่ยอมรับผิดไปเท่านั้น เพราะสิ่งนั้นสามีเห็นกับตาไม่อาจแก้ตัวหรือให้ร้ายว่าลูกเลี้ยงของเธอสร้างเรื่องมาเอง
“ผมผิดหวังในตัวคุณมาก” ซูเหวินเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนคนฟังเหน็บหนาวใจ
ไป๋หรูอิงไม่คิดว่าเธอจะพลาดจนถึงขนาดให้สามีเอ่ยคำนี้ออกมา
ซูเหยียนหลิงเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ที่เถียงกันอยู่หน้าห้องของซูจิ้งหนานยิ่งสับสน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณพ่อที่อ่อนโยนมากขนาดนั้น เย็นชาต่อคุณแม่ได้อย่างไร
ต้องเป็นแผนของซูจิ้งหนานแน่ ๆ เธอมั่นใจ และจะไม่ยอมให้ซูจิ้งหนานวางแผนสำเร็จแน่
ที่ตั้งใจเข้าไปในห้องเก่าของอดีตภรรยาคุณพ่อก็เพราะเรื่องนี้เองสินะ
“คุณพ่อคะ...อย่าโกรธคุณแม่เลยนะคะ คุณแม่แค่อยากให้หนานหนานมีชุดดี ๆ ใส่ คุณแม่รักหนานหนานมากกว่าหนูเสียอีก คุณพ่อก็เห็นไม่ว่าเรื่องอะไรคุณแม่จะนึกถึงหนานหนานก่อนเสมอ”
ซูเหยียนหลิงพยายามเกลี่ยกล่อมคุณพ่อให้ใจเย็นลง แล้วขยิบตาให้กับแม่ของเธอแก้ตัวต่อ เพราะที่ผ่านมาล้วนทำไปเพื่อซูจิ้งหนานด้วยกันทั้งนั้น แทบจะไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองด้วยซ้ำ
แต่นั่นเป็นสิ่งที่พวกเธอตั้งใจ เพราะซูจิ้งหนานรังเกียจเธอสองคนแม่ลูก ยิ่งอาละวาดหนัก ยิ่งทำให้ทุกคนสงสารเธอกับแม่ รวมทั้งพี่ซ่งเยี่ยนซินก็ด้วย
“ใช่ค่ะคุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ ห้องนั้นฉันเห็นว่ามันใหญ่กำลังจะเก็บของเพื่อให้คนมาตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ซูจิ้งหนานเข้าไปอยู่ และให้ซูเหยียนหลิงอยู่ห้องของซูจิ้งหนานแทน คุณก็เห็นบ้านเรารับแขกตลอด ซูเหยียนหลิงพักห้องรับแขกเล็ก ๆ มีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลซูป่นปี้นะคะ ฉันไม่ระวังเองเผลอทำชุดแต่งงานของหลิวอี้พัง ที่จริงฉันจะสารภาพกับคุณอยู่แล้ว เพียงแต่กำลังหาช่างมาซ่อมให้กลับดังเดิมเท่านั้นค่ะ”
ซูเหวินเฉียงที่เห็นว่าไป๋หรูอิงกับซูเหยียนหลิงพูดมาก็มีเหตุผล เพราะซูจิ้งหนานไม่ยอมให้ซูเหยียนหลิงนอนด้วย และบ้านนี้ก็ขยับขยายลำบาก ชั้นบนจึงมีเพียงสามห้อง เป็นห้องนอนของเขา ห้องของหลิวอี้และห้องของซูจิ้งหนาน
แน่นอนว่าซูจิ้งหนานถูกเลี้ยงดูเหมือนไข่มุกบนฝ่ามือ ห้องนอนใหญ่ สามารถนอนได้สองคน แต่ว่ากลับไม่ยอมให้พี่สาวนอนด้วย สุดท้ายต้องไปนอนห้องรับแขกด้านล่าง ซึ่งใครไปใครมาก็ย่อมเห็นว่าลูกสาวคนโตตระกูลซูถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเลยสักนิด จนซูเหวินเฉียงถอนหายใจคิดว่าตนเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้
แต่ทว่าครั้นจะเอ่ยออกมา กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พูดไปทั้งหมดนี่ก็คือหลานฉันเป็นคนผิดอย่างนั้นสิ ที่เกิดมาเป็นคุณหนูตระกูลซูอย่างถูกต้อง และมีชื่อในตระกูล ได้นอนห้องใหญ่กว้างขวาง ส่วนลูกสาวนอกคอกไม่มีห้องให้นอน”
คุณนายหลิวเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางดุจดั่งพญาหงส์ เรื่องราวทั้งหมดในบ้านถูกคนสวนที่เป็นคนของตระกูลหลิวรายงานแล้ว รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับสองแม่ลูกนี้ด้วย
“คุณแม่!”
ซูเหวินเฉียงได้ยินพลันหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงที่ทรงพลังและอำนาจเหนือตระกูลซู ซึ่งเขาก็ไม่อยากเผชิญหน้าสักเท่าไหร่
“ยังเรียกฉันว่าแม่ได้อีกรึ” คุณนายหลิวตวัดหางตาไปยังลูกเขยที่เคยให้สัญญาว่าจะดูแลหลานสาวคนเดียวของตระกูลหลิวให้ดี
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้รับรู้ตลอดมามันตรงข้ามกับสิ่งที่เคยสัญญากันเอาไว้
“คุณแม่ผมอธิบายได้ครับเรื่องนั้น....”
ปัง!
“คุณยายคะ...หนานหนาน...ฮึก...หนานหนานเสียใจค่ะ”
ยังไม่ทันที่ซูเหวินเฉียงจะแก้ตัวอะไร ซูจิ้งหนานก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับโผเข้ากอดคุณยายของเธอทันที และแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้คนพวกนี้ได้แก้ต่างอะไรทั้งสิ้น
“โถ...หลานรักของยาย...มานี่มาคุยกับยายให้รู้เรื่องดีไหม” คุณนายหลิวตวัดสายตามองไปยังอดีตลูกเขย จากนั้นจะพาหลานสาวไปคุยในห้อง แต่ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นรอยเขียวช้ำที่แขน ทำให้ความอดทนขาดผึง
“นี่ใครทำหลาน”
ซูจิ้งหนานโดนคุณยายจับถกแขนเสื้อขึ้นแล้วก็เห็นร่องรอยทั้งเก่าและใหม่เต็มไปหมด และนั่นคือสิ่งที่คนเรียกตัวเองว่าพ่อกระทำต่อลูกสาวยามที่เกิดโทสะ
ซูจิ้งหนานรู้ว่านักเขียนจงใจเขียนให้นางร้ายเก็บความเจ็บแค้นเอาไว้มาก ๆ แล้วก็กลับไปทำร้ายสองแม่ลูก และมันมีราคาที่ต้องจ่ายคือโดนลงโทษตามกฎตระกูล
แต่ทว่าตระกูลหลิวรักหลานสาวดังไข่มุกกลางฝ่ามือ ไม่เคยทำให้ร่างกายต้องเป็นริ้วรอย แต่สิ่งนี้ชี้ชัดแล้วว่า หลานสาวเธออยู่ในตระกูลนี้ต่อไปอีกไม่ได้
“เรื่องนั้น...เรื่องนั้นผมอธิบายได้ครับ...ซูจิ้งหนานกลั่นแกล้งซูเหยียนหลิง ผมเป็นพ่อก็ต้องลงโทษเล็กน้อย” ซูเหวินเฉียงกล่าวได้ไม่เต็มปาก เพราะหลังจากโมโหแล้วเขาก็รู้ว่าทำรุนแรงไปจริง ๆ แม้สงสาร
แต่จิ้งหนานก็ไม่เคยสำนึก
“ดีนี่...ลูกตัวเองลงโทษอย่างกับสุนัข แต่ลูกนอกคอกคนนั้นกลับเลี้ยงดูอย่างดี...เธอลืมสัญญาแล้วใช่หรือไม่ เหวินเฉียง เช่นนั้นตระกูลหลิวกับตระกูลซูขาดกันนับตั้งแต่นี้ ซูจิ้งหนานจะเป็นลูกหลานตระกูลหลิวแต่เพียงผู้เดียว สัญญาต่าง ๆ ที่เคยตกลงกันไว้ยกเลิกทั้งหมด”
ฮะ...หา...ไม่...ไม่ได้...ยกเลิกสัญญาเท่ากับตระกูลซูจะล่มจมน่ะสิ เขาทุ่มเทไปมากกว่าจะเป็นเจ้าของโรงสีข้าวที่บริหารงานโดยรัฐ เขาไม่ยอมเสียไปแน่
แต่นั่นมันยังไม่เพียงพอให้ซูจิ้งหนานหายแค้นหรอก แต่การแก้แค้นมันเพิ่งเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก
“คุณยายคะ...ผู้หญิงคนนั้นฉีกชุดแต่งงานของแม่ ที่ทำจากไหมทองคำประจำราชวงศ์ และทำลายข้าวของแม่ในห้องหลายอย่างค่ะ หนานหนานทนได้ ให้โดนตี ให้คุกเข่า เพื่อให้สองแม่ลูกนั้นพอใจ แต่ว่าของประจำตระกูลหลิวที่สำคัญขนาดนั้น แม้แต่ผู้นำของประเทศยังให้เกียรติ แต่พ่อกลับให้ผู้หญิงคนนี้มาเหยียบย่ำ หนูเจ็บปวดจนทนไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ หนูขอไปอยู่กับคุณยายนะคะ”
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญเหมือนแทบขาดใจของหลานสาว ทำให้คุณนายหลิวสั่งเฉียบขาด
“เด็ก ๆ ไปขนของลูกสาวฉันกลับไปให้หมด แล้วไปแจ้งนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น...ฉันต้องการหารือการค้าที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซู”
สิ้นสุดคำพูดของแม่ยาย ทำให้ซูเหวินเฉียงล้มทั้งยืน เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตขนาดนี้
มีเพียงแต่ซูจิ้งหนานที่ยืนมองภาพนั้นด้วยแววตาแข็งกร้าว พร้อมกับรอยยิ้มแสยะเหยียดโดยเฉพาะไป๋หรูอิง
‘เธอหยามแม่ฉัน...นี่มันยังน้อยไปสำหรับเธอ!’

เวลาก้าวผ่านสู่ปีที่สี่ที่ได้แต่งงานกัน กิจการโรงทอตระกูลหลิวรุดหน้าไปมาก ทั้งยังเป็นโรงทอที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง มีเครื่องจักรที่ทำงานใหญ่โตรวมทั้งทอผ้าอย่างมีคุณภาพ จิ้งหนานยังซื้อพื้นที่ในการปลูกฝ้ายแบบพิเศษที่คิดค้นพันธุ์โดยเธอเอง และยังรับซื้อฝ้ายจากทั่วประเทศอีกด้วย ทำให้หมู่บ้านชนบทแถบชานเมืองที่อยู่ติดโรงทอที่ขยายใหญ่เริ่มมีความเจริญเข้ามามากขึ้น ถนนหนทางสร้างใหญ่โตรองรับอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น แต่ทว่าในหมู่บ้านของจิ้งหนานยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติงดงาม เพราะเป็นที่ดินตระกูลหลิวเกือบทั้งหมด ดังนั้นยังเงียบสงบและคนในหมู่บ้านยังมีวิถีชีวิตเรียบง่ายอยู่ ร้านค้ายังมีระบบสหกรณ์และการซื้อขายใช้คูปองอยู่ ซึ่งข้าว น้ำตาล น้ำมัน ยังมีใช้เงินคู่กับคูปอง แต่ทว่าตระกูลหลิวไม่ได้ขาดแคลนคูปองเท่ากับชาวบ้าน ดังนั้นเพื่อรองรอบความเจริญที่เธอได้เปรียบคือรู้ก่อนจึงคิดกับสามีในการจัดตั้งโรงงานน้ำมันโดยที่เริ่มแรกรัฐควบคุมก่อน เพราะอีกไม่กี่ปีจากนี้ก็จะเข้าสู่การค้าเสรี เมื่อนั้นก็จะมีพร้อมทุกอย่าง โรงทอตระกูลหลิวที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นยังต้องปันส่วนจ่ายภาษีให้รัฐบาล และได้รับสิทธิพิเศษหลาย
ระยะเวลาผ่านไปจนกระทั่งจิ้งหนานคลอดลูกชายตัวขาวอวบออกมาสร้างความชื่นมื่นให้กับครอบครัว คุณปู่หานรับขวัญเหลนคนแรกด้วยที่ดินทำเลทองในเมืองเซี่ยงไฮ และท่าเรือนเฟตใหม่ของตระกูล คุณปู่อวิ๋นก็ไม่ได้น้อยหน้า ต่อให้ไม่ใช่เหลนสายตรง แต่เพราะรักหลานอย่างหนานหนานมาก ดังนั้นการค้าแห่งใหม่จึงถูกใส่ชื่อของเหลนตัวน้อยเอาไว้ส่วนคุณปู่คนอื่น ๆ ก็ไม่น้อยหน้า ทั้งเงินและทองล้วนวางรายรอบตัวของลูกชายตัวขาวอวบเหมือนก้อนซาลาเปาของจิ้งหนาน ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มดีใจที่ลูกชายของเธอเกิดมาสุขสบายและมีคนสนับสนุนอย่างดี“คุณปู่ตั้งชื่อเหลนให้หน่อยได้ไหมคะ” จิ้งหนานอยากให้คุณปู่อวิ๋นช่วยตั้งชื่อให้ เพราะตอนมาเกิดใหม่เธอก็ได้คุณปู่อวิ๋นยืนข้างเธอจนเหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายคล้อยตาม“ไม่ได้...ปู่ก็ต้องตั้งด้วย”เธอคิดเอาไว้แล้วว่าปู่หานต้องไม่เห็นด้วย ก็เหลนสายตรงนี่เนอะ แต่เธอเตรียมหาทางเอาไว้แล้ว“เอาไว้เหลนคนต่อไปดีไหมคะ”คำว่าเหลนคนต่อไปทำให้หานอวี้เฉิงยิ้มหน้าบาน คนที่อยากมีลูกหลาย ๆ คนอย่างเขาชอบคำนี้ที่สุด ครั้งหน้าเขาต้องพยายามให้มากกว่านี้“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ตาเฒ่าอวิ๋น จะตั้งชื่อหลานว่าอะไรล่ะ” ปู่หานถาม“อวี้หรง แ
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างในห้องนอนที่ไม่ได้รั้งม่านให้สนิท จิ้งหนานขยับตัวเล็กน้อยควานหาความอบอุ่นรอบตัวก่อนจะผลิยิ้มเมื่อสัมผัสที่โหยหากอดกระชับจากร่างหนาที่แนบชิดกันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มือเรียวเล็กได้รูปลูบไล้แผ่นอกหนาแผ่วเบาพลางซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นที่พักพิงใจของเธอ ดวงตาเล็กพริ้มตาหลับอย่างมีความสุขเพราะเมื่อคืนสามีเอาอกเอาใจทั้งปรนเปรอบำเรอรักให้เธออย่างสุขสม สมกับการที่เข้าอกเข้าใจกันดีแล้ว ปลายจมูกโด่งของสามีซุกเข้าหากลุ่มผมพลางสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพูเข้าเต็มปอดพลันให้ดวงตาหวานซ่อนความเจ้าเล่ห์ในฉบับจิ้งจอกน้อยขยับเปิดเปลือกตาขึ้น ‘เขาคือสามีของเธอ’ คนที่หล่อเหลาขนาดนี้เป็นของเธอนะ ด้วยเพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่ลงตัวให้เธอได้เกิดใหม่มาเป็นคู่ของเขา ทั้งการสืบทอดตระกูลหลิว ทั้งเขาที่เลือกจะตามอกตามใจเธอจนเธอรู้ว่าโชคดีที่สุดแล้วที่ได้เขามาเป็นสามี “สามี...เคยคิดมากไหมคะว่าฉันไม่ได้มีการศึกษาที่สูงเหมือน ๆ เหล่าคุณหนูคนอื่น” จิ้งหนานถามขณะนิ้วยังวนเวียนอยู่แถวหน้าอกของสามี เรื่องนี้จะว่าไปเธอก็ไม่อยากเสียเวลาเรียนอะไรที่ซ้ำเดิม
หานอวี้เฉิงใช้ชีวิตอยู่ที่ชานเมืองเป็นส่วนใหญ่ โดยหนึ่งสัปดาห์จะมาทานข้าวที่ในตัวเมืองเซี่ยงไฮหนึ่งครั้ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นเหล่าผู้อาวุโสจะมารวมตัวกัน ซึ่งบ้านที่เสนอตัวจัดการงานนี้ก็ยังไม่พ้นบ้านตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นครอบครัวที่รับหนานหนานเป็นลูกสาวบุญธรรม ตอนที่หานอวี้เฉิงไปทำภารกิจบางอย่างที่ท่าเรือค่อนข้างเสี่ยงอันตราย และแน่นอนว่ามีการบาดเจ็บขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ทว่าเขาปกปิดเอาไว้ไม่ให้ภรรยาที่น่ารักของเขาได้รับรู้กลัวจะเป็นห่วง ส่วนพี่ใหญ่ที่วิ่งมารับกระสุนแทนเขาต้องเก็บตัวอยู่สักพักกว่าจะออกมาพบหน้าผู้คนได้อีก แต่ถึงให้ปกปิดอย่างไรก็ดูเหมือนภรรยาตัวน้อยที่ช่างสังเกตก็รู้อยู่ดี แล้วเขาก็โดนสั่งให้ดูแลตัวเองให้ดี เพราะว่าหากให้เลิกทำงานนี้คงยาก เขาที่รับปากอย่างดีว่าจะดูแลตัวเองให้ดีเพื่อจะอยู่เป็นสามีเธอไปจนกว่าเราจะแก่ไปด้วยกัน ความรักอันแสนหวานชื่นของพวกเราก็เป็นไปด้วยดีเสมอมาจนกระทั่งผมที่ได้ยินเสียงนินทาเรื่องของภรรยาอีกแล้ว แน่นอนผมควรชินได้แล้วหากไม่ใช่ว่าคืนหนึ่งผมตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วได้ยินเสียงหนึ่ง ‘พี่เหวินอวี้’ เสียงครา
วันนั้นจิ้งหนานไม่ได้บอกใครถึงการกระทำร้ายกาจของตนเอง และไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะฟ้องใคร แต่เธอรู้เพียงว่าได้สั่งสอนให้กับคนที่สมควรสั่งสอน เธอมันเป็นประเภทตาต่อตาฟันต่อฟัน และตลอดห้าวันที่มาอยู่ที่ในเมือง เธอวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าในฤดูหนาวที่กำลังจะออก มียอดสั่งล่วงหน้าเอาไว้จนต้องอยู่จัดการด้วยตนเองให้เสร็จ ดังนั้นก็คิดว่าจะรอสามีอยู่ที่นี่เลย จะได้ไม่เสียเวลาเจอหน้ากัน แต่วันนี้พี่เหวินอวี้เดินเข้ามาด้วยเครื่องแบบเต็มยศพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเธอ “สวัสดีค่ะพี่ชาย...วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้คะ หรือว่านัดสาวคนไหนเอาไว้บอกได้ไหม” จิ้งหนานมักจะหยอกล้อนายพลสุดหล่อเป็นที่หมายปองของเหล่าสาว ๆ เสมอ “คุณพ่อคุณแม่ และคุณปู่บอกให้ไปนอนที่บ้านครับ ให้พี่มาตาม” หลี่เหวินอวี้รู้ว่าเธอมาที่ในเมือง แต่น้องสาวบุญธรรมคนเก่งกลับเลือกจะพักบ้านตระกูลหลิวอีกหลังทำเอาเหล่าอาวุโสน้อยใจกันเป็นแถว ๆ “คิวค้างคืนยาวมากเลยค่ะ ต้องต่อแถวนะคะ” เธอว่าพลางหัวเราะคิก ๆ อย่างน่าเอ็นดูจนหลี่เหวินอวี้ยกมือขึ้นยีหัวเล่น “เป็นยังไงล่ะ คิดถึงอวี้เฉิงล่ะสิ” จิ้งหนานหุบยิ
หลังจากสามีบอกว่าต้องไปจัดการงานบางอย่างที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย สีหน้าของเธอก็ไม่ค่อยดี แต่ทว่าอวี้เฉิงก็รับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดีและจะกลับมาหาเธอให้เร็วที่สุด แต่เธอก็เอาแต่กอดเขาเอาไว้แน่น ๆ อย่างเป็นห่วงพลางคิดว่าในห้องมิติของเธอมีอะไรบ้าง จึงหยิบมันขึ้นมาเปิดต่อหน้าสามีเสียเลย เธอเองก็ไม่อยากปิดบังเขา เพราะอยู่ด้วยกันทุกวัน ต้องมีสักวันที่ความลับแตก“พี่อวี้เฉิง...รอสักครู่นะคะ ฉันหยิบของให้พี่ก่อน”จิ้งหนานรู้ว่ามิติของเธอเมื่อนึกของที่ต้องการมันก็จะออกมาให้ เธอจึงเรียกเสื้อเกราะออกมา อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยป้องกันอันตรายให้เขาก็ยังดีแต่ทว่าอวี้เฉิงมองเธออย่างตกตะลึง เขารู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนเดิมตามที่หลี่เหวินอวี้บอก แต่ไม่นึกว่าจะมีอะไรประหลาดแบบนี้ด้วย“เสื้อนี้จะกันกระสุนได้ พี่ใส่เอาไว้นะคะ ใส่เอาไว้ด้านในเสื้อ ตัวนี้เอาไปเผื่อพี่เหิง เผื่อต้องใช้เหมือนกัน” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ยิ่งเห็นเขามองด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถามเธอจึงตัดตอน“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะแปลกไปสักหน่อย แต่เอาไว้พี่กลับมาแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง แต่เชื่อฉันนะคะ พี่ต้องใส่ พี่เหิงก็ด้วย”อวี้เฉิงยิ้มให้เธอและ








