Share

บทที่ 7

แสงไฟในบาร์สลัว ๆ เสียงดังกระหึ่มจากเสียงคุยของหนุ่มสาวผสมปนเปกับเสียงดนตรี

กู้หนานเยียนยังไม่ทันได้อ้างปากพูด หญิงสาวก็พูดขึ้นอีกว่า "คืนนี้ เป่ยเฉิงก็ไม่ได้กลับบ้านอีกสิน๊า ไปอยู่กับหญิงอื่นอีกซิท่า!"

โจวเป่ยสองมือล้วงกระเป๋า อมยิ้มแล้วพูดว่า "กลางดึกแบบนี้ สวี่หมิงจู เธอก็มาดื่มเหล้าดับทุกข์กะเขาด้วยเหรอ?"

“แต่พูดก็พูดเถอะ เธอควรมาดับทุกข์จริงแหละ ลู่เป่ยเฉิงเปลี่ยนกิ๊กไปคนแล้วคนเล่า นี่ก็สองปีแล้วยังไม่ถึงคิวเธอเลย"

“โจวเป่ย เธอ......” สฺหวี่หมิงจูโกรธจนเลือดขึ้นหน้าทันที "แล้วไงล่ะ เธอคงคิดว่ากู้หนานเยียนเป็นภรรยาของลู่เป่ยเฉิงจริง ๆ เป็นคุณนายหลู่งั้นสินะ"

“เธอลองให้กู้หนานเยียนเรียกลู่เป่ยเฉิงว่า ทีรักดู ดูซิว่าลู่เป่ยเฉิงจะตอบรับด้วยไหม”

เดิมที ครอบครัวสวี่ของเธอมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวลู่มากกว่า อีกทั้งผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวก็กำลังคุยเรื่องการแต่งงานระหว่างเธอกับลู่เป่ยเฉิงอยู่แล้ว แต่แล้วก็ถูกกู้หนานเยียนสาวเอาไปก่อน

ดังนั้นจึงคิดเอาชนะกู้หนานเยียนทั้งในที่แจ้งและที่ลับไม่รู้กี่ครั้ง แถมยังสร้างปัญหาให้เธออีกไม่รู้เท่าไร

ในเมื่อวันนี้ได้เจอโอกาสอย่างจัง จะปล่อยให้มันหลุดมือไปได้อย่างไร?

โจวเป่ย "ที่หนานเยียนเรียกลู่เป่ยเฉิง เขาจะตอบรับหรือไม่ ฉันไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเธอ ลู่เป่ยเฉิงเขาคงไม่ตอบรับแน่"

พูดจบ โจวเป่ยเลิกคิ้วขึ้น "สวี่หมิงจู แพ้ก็คือแพ้ หยุดหาเรื่องลับหลังอีก"

สวี่หมิงจูถูกพูดแทงใจดำ "ว่าฉันแพ้ให้เธอเหรอ? เธอคิดว่ากู้หนานเยียนเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เพราะลุงลู่หลงผิดชั่วขณะ กู้หนานเยียนจะมีโอกาสเหรอ"

“ว่าไปแล้ว เธอเอาลู่เป่ยเฉิงอยู่หมัดไหม? ลู่เป่ยเฉิงเคยเห็นเธอเป็นภรรยา เคยไว้หน้าเธอสักนิดไหม? จดทะเบียนมาตั้งสองปีแล้ว จนถึงตอนนี้พิธีงานแต่งก็ยังไม่ได้จัดด้วยซ้ำ ระหว่างนี้เป่ยเฉิงเปลี่ยนผู้หญิงไปกี่คนแล้ว กู้หนานเยียนจะไม่รู้อยู่แก่ใจหรอกเหรอ?”

“นี่ไม่ได้เป็นการที่เป่ยเฉิงประท้วงต่อกู้หนานเยียนและการแต่งงานครั้งนี้หรอกเหรอ? ยังจะหน้าด้าน ๆ ไปยุ่งกับเขาไม่ยอมปล่อย หากฉันเป็นเธอละก็ คงโดดแม่น้ำไปนานแล้ว ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาสักเลย”

สีหน้าโจวเป่ยบอกบุญไม่รับทันที สวี่หมิงจูพูดต่ออีก:"ว่าแต่เธอ โจวเป่ย เกิดมาพ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง วัน ๆ ทำตัวเป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง เธอเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย รู้ใจตัวเองบ้างไหม"

ตอนแรก กู้หนานเยียนไม่ได้สนใจที่สวี่หมิงจูร้องเอะอะโวยวาย จนกระทั่งเธอมาด่าโจวเป่ย กู้หนานเยียนยกเหล้าจึงเต็มแก้วบนโต๊ะขึ้นมา ไม่พูดพร่ำทำเพลง และสาดกระเซ็นใส่หน้าสวี่หมิงจูอย่างเต็มเหนี่ยว "สวี่หมิงจู พอได้หรือยัง?”

ทว่าหากเป็นเย่ฉู่ที่มาร้องเอะอะโวยวายใส่เธอ เธออาจจะสนใจบ้าง ถึงยังไงเธอก็มีความสามารถที่จะอยู่เคียงข้างลู่เป่ยเฉิง สามารถเป็นเลขานุการของลู่เป่ยเฉิงได้

แต่สวี่หมิงจูเป็นใคร ลู่เป่ยเฉิงไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตามาตั้งแต่ต้นจนจบ มีแต่ครอบครัวสวี่ที่กระตือรือร้นมาเอาอกเอาใจ

คนประเภทนี้ ไม่เคยอยู่ในสายตาแต่อย่างใด

สวี่หมิงจูโกรธจัดในชั่วขณะ เมื่อถูกกู้หนานเยียนสาดเหล้าใส่สักเต็มหน้า เธอปากระเป๋าที่ถืออยู่ในมือใส่กู้หนานเยียน "กู้หนานเยียน เธอกล้าดียังไงที่เอาเหล้ามาสาดฉัน"

จากนั้น กู้หนานเยียนกับโจวเป่ยก็ตะลุมบอนกับพวกสวี่หมิงจู ซึ่งเป็นหญิงสาวรวมหกคน

แม้จะมีคนน้อยกว่า แต่กู้หนานเยียนกับโจวเป่ยก็ล้มพวกสวี่หมิงจูได้ในเวลาอันสั้น

หลังจากออกจากบาร์มา กู้หนานเยียนล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมา แล้วกดโทรออก "ผู้กำกับเหลียง ฉันคือเสี่ยวกู้จากสำนักงานกฎหมายเฉาหยาง มีเรื่องจะแจ้งท่าน ... "

ผู้ชายที่กู้หนานเยียนโทรหานั้น เป็นคนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมือง J กู้หนานเยียนเป็นคนสู้คดีหย่าร้างที่ยากลำบากที่สุดให้เขาจนจบลงด้วยดี ดังนั้นเขาประทับใจในความเฉียบแหลมของกู้หนานเยียนอย่างมาก

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง เมื่อกู้หนานเยียนกลับมาถึงบ้าน ข่าวที่สวี่หมิงจูถูกตำรวจจับเพราะอาละวาดก่อเรื่องในบาร์ ได้กลายเป็นหัวข้อค้นหาร้อนแรงไปเรียบร้อยแล้ว

คนล้มมีแต่คนซ้ำเติม ชั่วพริบตาเดียว กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นของสวี่หมิงจูก็ปรากฏตัวบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งทุกคนล้วนแต่จะเปิดโปงเธอโดยเล่าว่าเคยถูกเธอรังแกตอนสมัยเรียน เคยถูกเธอแย่งแฟนไป

ผู้หญิงประเภทนี้ ควรจับไปสั่งสอนตั้งนานแล้ว

แม้ว่าครอบครัวสวี่จะลบการค้นหาที่ร้อนแรงออกอย่างรวดเร็ว และประกันตัวสวี่หมิงจูออกมาแล้วก็ตาม แต่สฺหวี่หมิงจูก็ไม่พ้นที่จะถูกต่อว่าอย่างหนัก

ถึงคราวที่โบ้ยความผิดให้กู้หนานเยียน ก็แค่ถูกตักเตือนให้อยู่ห่าง ๆ จากกู้หนานเยียนไว้ อย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอกับลู่เป่ยเฉิงอีกเท่านั้น

ความอัดอั้นตันใจที่กู้หนานเยียนมีอยู่เต็มอก ได้มลายหายไปหลังจากที่ถูกสวี่หมิงจูอาละวาดใส่

ส่วนมิตรภาพระหว่างเธอกับโจวเป่ยนั้น ก็ต้องเริ่มเล่าตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน

ในเวลานั้น เธอกับโจวเป่ยเพิ่งเข้าเรียนชั้นมัธยมปีที่หนึ่ง

เหตุการณ์ครั้งนั้นน่าตระหนกตกใจมาก เกือบจะให้ชีวิตของโจวเป่ยพังทั้งชีวิตทีเดียว และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้โจวเป่ยเงียบขรึมและเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปในที่สุด

กู้หนานเยียนกำลังเตรียมตัวเข้านอนหลังอาบน้ำเสร็จ จู่ ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก

เงยหน้ามองไป เห็นลู่เป่ยเฉิงกลับมาอีกครั้ง

กู้หนานเยียนละสายตากลับมา ลู่เป่ยเฉิงเดินเข้าห้องแล้วพูด "กู้หนานเยียน ผมควรจะพิจารณาเธอใหม่อีกครั้ง"

ตัวเองเพิ่งออกไปครู่เดียว เธอก็ก่อเรื่องขึ้นแล้ว กระทั่งพ่อยังยกหูโทรถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น

กู้หนานเยียนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง "อย่าได้เปรียบแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง และอีกอย่าง ลู่เป่ยเฉิง จะทำอะไรให้เพลา ๆ บ้าง"

เขารู้ดีที่สุดว่าเป็นเพราะอะไร ถึงมีความขัดแย้งกับสวี่หมิงจู

ยังมีเรื่องพวกนั้นของเขาอีก กู้หนานเยียนรู้สึกว่าลู่เป่ยเฉิงไม่ได้ให้เกียรติเธอ ไม่อย่างนั้น ไหนสวี่หมิงจูจะกล้าชี้หน้าด่าเธอในคืนนี้

ดังนั้น เมื่อเห็นลู่เป่ยเฉิง อารมณ์โกรธก็กลับมาอีกครั้ง

ลู่เป่ยเฉิงถอดเสื้อสูทออกแล้วแขวนไว้บนราวแขวนเสื้อ พับแขนเสื้อขึ้น แล้วจ้องมองเธอด้วยการเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "เธอสนผมด้วยเหรอ?"

เห็นลู่เป่ยเฉิงกำลังเดินเข้ามาหา กู้หนานเยียนเอ่ย"คืนนี้ฉันไม่อยากเห็นคุณอีก คุณออกไปซะ"

“ไม่อยากมีลูกแล้วเหรอ?”

"ไม่อยากมี"

ลู่เป่ยเฉิงยิ้มที่มุมปาก "แน่ใจเหรอว่าจะไม่อยากได้โอกาสนี้”

จู่ ๆ กู้หนานเยียนก็รู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นก็ตามมาด้วยความรู้สึกโกรธและปวดร้าวใจ

มีสามีภรรยาคู่ไหนที่อยู่กันแบบนี้บ้าง คิดอยากจะมีลูกสักคนก็ต้องขอร้องอ้อนวอน มิหนำซ้ำยังต้องดูสีหน้าและอารมณ์ของฝ่ายชายอีก

แววตาของกู้หนานเยียนเย็นชาลงเรื่อย ๆ

ทันใดนั้นเธอนึกอยากจะมีศักดิ์ศรีของตัวเองขึ้นมาเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่เป่ยเฉิง

และแล้ว เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ไปให้พ้น"

ลู่เป่ยเฉิงหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เริ่มน่าสนใจขึ้นบ้างแล้ว เขายกคางเธอขึ้นด้วยเข็มขัดที่เพิ่งถอดมา "กู้หนานเยียน ความอยากก่อนหน้านี้ของเธอหายไปไหนหมดล่ะ?"

กู้หนานเยียนคว้าเข็มขัดของลู่เป่ยเฉิงแล้วทุบไปบนตัวเขา "คุณจะไปหรือไม่ไป?"

คนเราต่างก็อารมณ์กันทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะยิ้มรอเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก

ยิ่งกู้หนานเยียนโกรธมากขึ้นเท่าไร ลู่เป่ยเฉิงก็จะยิ่งรู้สึกน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น เขาก้มลงเข้าหาเธอ "วันนี้ผมมีอารมณ์มากเลยนะ"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status