Share

บทที่ 8

พูดจบ เขาจับมือของกู้หนานเยียน ที่กำลังจะผลักเขาออก แล้วกดไว้ที่หัวเตียง

กู้หนานเยียน "ก็เอาสิ ใครถอยคนนั้นคือไอ้ลูกหมา"

ในที่สุด ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังประลองกันอยู่นั้น กู้หนานเยียนก็พบว่าลู่เป่ยเฉิงตั้งใจจะลงมือกับเธออย่างไม่ปราณี เมื่อสบโอกาสที่ลู่เป่ยเฉิงเผลอ เธอจึงคว้าของตั้งโชว์ที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงไ ทุบลงบนศีรษะของลู่เป่ยเฉิงอย่างไม่แยแส

“กู้หนานเยียน” ตะโกนร้องเรียกกู้หนานเยียนอย่างโกรธ ลู่เป่ยเฉิงยกมือเช็ดไปที่หน้าผากของตัวเอง และพบว่าเลือดเต็มฝ่ามือเลย

ขณะเดียวกัน กู้หนานเยียนโยนของตั้งโชว์ลงบนโต๊ะข้างเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอปัดมือ แล้วเอ่ย "เคยเตือนคุณแล้ว"

อยากนอนด้วยก็นอนไป คิดเล่นลูกไม้กับเธอ อย่าแม้แต่จะคิด

......ลู่เป่ยเฉิง

——

“พี่สาม ไม่เบาเลยนะ! ถูกหนานเยียนใช้ความรุนแรงในบ้าน จนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย”

ในโรงพยาบาล

ซูมู่ไป๋ผู้ซึ่งมาเป็นเพื่อนลู่เป่ยเฉิง เพื่อที่จะไปทำแผล เห็นหน้าผากที่มีผ้ากอซพันรอบของเขา ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้

หนานเยียนยังคงเจ๋งกว่า ไม่เหมือนพวกเขา ตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของลู่เป่ยเฉิงที่กวาดมา ซูมู่ไป๋ก็ทำท่ารูดซิปปากทันที แต่บนใบหน้าของเขากลับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่

ระหว่างทางที่ขับรถส่งลู่เป่ยเฉิงกลับไป ซูมู่ไป๋หัวเราะทุกครั้งที่มองเห็นลู่เป่ยเฉิง

จู่ ๆ ลู่เป่ยเฉิงก็ค้อนมาพร้อมถาม "กู้หนานเยียนหึงฉันอยู่ใช่ไหม?"

ซูมู่ไป๋ "นี่ก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นจะทุบจนพี่เข้าโรงพยาบาลได้อย่างไร พี่สาม หนานเยียนเป็นคนดีมากนะ พี่ควรจะทะนุถนอมเธอให้มาก"

กู้หนานเยียนอ่อนกว่าซูมู่ไป๋หนึ่งปี เพราะความเกี่ยวดองกับลู่เป่ยเฉิง บวกกับนิสัยที่ใจกว้างของเธอ ดังนั้น ซูมู่ไป๋จึงเรียกเธอพี่เยียนทุกครั้งที่เจอกัน

แต่ลับหลัง ยังคงเรียกเธอหนานเยียนอย่างเคย

ลู่เป่ยเฉิงจัดแจงกระดุมตรงแขนเสื้อ ปัดคราบเลือดที่แห้งบนแขนเสื้อ สีหน้าของเขาก็ไม่มืดครึ้มเหมือนเมื่อครู่อย่างทันตาเห็น แถมยังมีรอยยิ้มที่มุมปากของเขาด้วย

ซูมู่ไป๋ "พี่สาม พี่โดนหนานเยียนทุบจนเสียสติไปแล้วเหรอ? ถึงขั้นนี้แล้วยังยิ้มได้ ลองคิดดูว่าพรุ่งนี้จะไปเจอผู้คนยังไงทั้งที่มีแผลอยู่ แล้วจะหาข้อแก้ตัวอย่างไร!"

ลู่เป่ยเฉิงไม่คิดจะสนใจ

มีอะไรต้องแก้ตัว ก็แค่ถูกภรรยาตีมาก็เท่านั้น!

——

ในห้องนอนของคฤหาสน์

หลังจากที่ลู่เป่ยเฉิงจากไปด้วยอาการบาดเจ็บ กู้หนานเยียนก็ไม่ได้นั่งรอเขากลับมา

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อแต่งตัวออกจากบ้านเสร็จ เธอก็ตรงดิ่งไปที่ลู่กรุ๊ป เพื่อหารือเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนทางกฎหมาย

ในห้องรับรอง เลขาพูดอย่างสุภาพ "ทนายกู้คะ ประธานลู่กำลังประชุมอยู่ วันนี้ไม่สะดวกคุยเรื่องที่เกี่ยวกับการเป็นตัวแทนทางกฎหมายค่ะ"

เมื่อเลขามาบอกลู่เป่ยเฉิงว่าทนายกู้จากสำนักงานกฎหมายเฉาหยางมาขอพบ แต่คำพูดที่ลู่เป่ยเฉิงพูดคือ ไม่พบ

ทุบตีเขาสักขนาดนี้ ยังมีหน้ามาขอหารือเรื่องการเป็นตัวแทนทางกฎหมาย ใครจะไว้หน้าเธอกัน?

หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าฝ่ายกฎหมายก็มาอธิบายกับกู้หนานเยียน

"ทนายกู้ ทางกรุ๊ปของเราไม่รับสำนักงานกฎหมายเฉาหยางไว้พิจารณา"

นี่ไม่ใช่คำอธิบาย แต่เป็นการปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง

ต่อมา กู้หนานเยียนก็ได้ไปหาที่ลู่กรุ๊ปอีกหลายครั้ง แต่ลู่เป่ยเฉิงก็ยังคงไม่ให้เธอเข้าพบ และฝ่ายกฎหมายก็ไม่เจรจากับเธอเช่นกัน

จนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เมื่อกู้หนานเยียนเลิกงานเดินออกมา ก็เห็นรถมายบัคสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานกฎหมาย ฝีเท้าของเธอจึงช้าลงทันที

เซี่ยเฉิงเห็นกู้หนานเยียนเดินออกมา ก็รีบลงจากรถไปเปิดประตูหลังให้ "คุณผู้หญิง"

กู้หนานเยียนหยุดเดิน เซี่ยเฉิงบอกว่า "คุณชายมารับท่านกลับไปทานข้าวที่บ้านเดิมครับ"

กู้หนานเยียนชำเลืองตามองลู่เป่ยเฉิงที่นั่งอยู่เบาะหลังแล้วพูดอย่างใจเย็น "ฉันไม่มีเวลา"

เธอไปหาที่ลู่กรุ๊ปหลายครั้ง แต่เขาไม่ให้พบแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าตอนนี้จะชวนเธอกลับไปแสดงละครด้วยกัน เธอย่อมไม่ให้ความร่วมมือแน่!

ลู่เป่ยเฉิงยังคงนั่งตัวตรงอยู่ที่เบาะหลังของรถ สีหน้าของเขาดูสงบ

เขาเอ่ย "ดูเหมือนว่า เธอไม่คิดจะเป็นแม่แล้วจริง ๆ "

กู้หนานเยียนไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดนี้ เธอสองมือกดอก เหลือบตาลงมองไปที่เขา "แล้วคุณเคยให้โอกาสไหมล่ะ?"

ลู่เป่ยเฉิงปัดฝุ่นที่มองแทบไม่เห็นบนแขนเสื้อ "ถ้าไม่สามารถหลับนอนกับผมได้ ต้องโทษที่ฝีมือเธอไม่ถึงขั้น"

จากนั้น เขาเงยหน้าขึ้น "กู้หนานเยียน ต่อจากนี้ไป ผมจะกลับไปเดือนละครั้ง ส่วนจะจับอยู่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอ"

เดือนละครั้งเหรอ?

หากเป็นช่วงนั้นของเดือน อย่างนั้นที่เขาก็กลับมาไร้ประโยชน์น่ะสิ มิหนำซ้ำ ลู่เป่ยเฉิงเป็นคนพูดง่ายสักเมื่อไร คงไม่ยอมทำตามแต่โดยดีแน่

หลังจากคิดคำนวณมาอย่างดี กู้หนานเยียนจึงกล่าว "สัปดาห์ละครั้ง ไม่ต้องมาต่อรอง"

ลู่เป่ยเฉิงมองดูกู้หนานเยียนอยู่ครู่หนึ่ง ยกริมฝีปากที่บางมีสีแดงระเรื่อขึ้น แล้วเอ่ย "ขึ้นรถ"

ช่วงนี้ เขาถูกลู่เทียนหยางจับตาดูอย่างใกล้ชิด คุณปู่กับคุณย่าก็กดดันเขาอย่างหนักเช่นกัน ไม่สำคัญที่จะมีลูกหรือไม่ แต่เขาต้องมีท่าทีที่ถูกต้อง

เห็นลู่เป่ยเฉิงรับปากเธอแล้ว กู้หนานเยียนก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที รีบโค้งตัวลงนั่งชิดข้างลู่เป่ยเฉิง

เซี่ยเฉิงปิดประตูด้านหลัง แล้วก็ขึ้นรถด้วยความโล่งใจ

กลับไปนอนค้างที่บ้าน ยังต้องต่อรองกันไปมา การเป็นสามีภรรยาได้ถึงเพียงนี้ ก็หายากใช่เล่น

ไม่นานหลังจากนั้น ขณะที่ลู่เป่ยเฉิงกับกู้หนานเยียนพากันเดินเข้าไปในบ้านเดิม คุณย่าก็ออกมารับอย่างตื่นเต้น "โอ้! เยียนน้อยของย่ากลับมาแล้ว ให้ย่าดูหน่อยสิ เยียนน้อยได้ตั้งครรภ์หรือยังจ้ะ"

ขณะที่พูดย คุณย่าก็แนบหูไปฟังเสียงที่หน้าท้องของกู้หนานเยียนไปด้วย

กู้หนานเยียนรู้สึกเขินอาย "คุณย่า หนูยังไม่ท้องค่ะ"

คุณย่าไม่มีความสุขต่อได้อีก ยืนตัวตรงแล้วพูดว่า "เยียนเอ๋อ หนูกับเป่ยเฉิงก็แต่งงานกันมาสองปีแล้ว ทำไมยังไม่มีวี่แววเลยล่ะ? เคยไปให้หมอตรวจบ้างไหม ปัญหาเกิดจากหนูหรือเป่ยเฉิงล่ะ?”

กู้หนานเยียนเอ่ย "ผลการสอบของหนูปกติดีทุกอย่างค่ะ"

เราเองก็อยากจะมีลูกใจจะขาด น่าเสียดายที่ไม่อาจตั้งครรภ์โดยไม่ผ่านการร่วมรักได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะคลอดลูกเป็นโหลตั้งนานแล้ว

เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณย่าก็หันขวับไปทางลู่เป่ยเฉิง "เป่ยเฉิง ถ้าเป็นจริงอย่างที่พูด ปัญหาก็อยู่ที่หลานแล้วล่ะ"

“เด็กคนนี้นี่ ดูไปแล้วก็หุ่นล่ำกล้ามบึก ทำไมถึงไม่สามารถมีลูกได้? เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ ”

ลู่เป่ยเฉิงแย้ง "คุณย่า ผมกับหนานเยียนก็ยังอายุไม่มาก ไม่มีแผนที่จะมีลูกเร็ว ๆ นี้"

แต่งกันมาก็สองปีแล้ว ยังไม่มีแผนที่จะมีลูก? หลานคนนี้นี่คิดจะหลอกใครล่ะ?

ขณะที่คุณย่ากำลังจะต่อว่าลู่เป่ยเฉิงอยู่นั้น ลู่เทียนหยางก็ลงมาจากข้างบน "แม่ เรื่องของหนานเยียนกับเป่ยเฉิง พวกเขาก็คงมีแผนของตัวเอง แม่เลิกเข้าไปยุ่งได้แล้ว"

พูดจบ เขาก็มองไปที่ลู่เป่ยเฉิงอีก "เป่ยเฉิง ลูกมานี่หน่อย พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย"

หลังจากที่ลู่เป่ยเฉิงถูกเรียกตัวไป กู้หนานเยียนก็นั่งดูทีวีและคุยเล่นเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าในห้องนั่งเล่น

กว่าพวกเขาจะคุยธุระเสร็จ แล้วมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ลู่เทียนหยางก็ถามพุ่งไปที่ประเด็นหลัก "หนานเยียน ได้ยินว่าช่วงนี้เธอกำลังเจรจาเรื่องที่เป็นตัวแทนทางกฎหมายของบริษัทอยู่เหรอ?"

กู้หนานเยียนเงยหน้าขึ้นตอบ "ใช่ค่ะ คุณพ่อ"

ลู่เทียนหยางเอ่ย "พรุ่งนี้เธอไปเซ็นสัญญาที่บริษัทได้เลยนะ"

ช่วงที่กู้หนานเยียนจบมาใหม่ ๆ ลู่เทียนหยางก็คิดจะช่วยเธอเข้าทำงานที่ลู่กรุ๊ป ตั้งใจจะอบรมบ่มเพาะเธอให้ดี แต่เป็นกู้หนานเยียนเองที่ไม่อยากเข้าไป

กู้หนานเยียนดีใจขึ้นมาทันที "ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ"

หลายปีมานี้ ที่ลู่เทียนหยางดีกับเธอนั้นเกินกว่าจะพรรณนา เขามักจะคํานึงถึงเธอ และให้ความช่วยเหลือเธอ

หากลู่เทียนหยางไม่ได้มีอายุมากกว่าเธอมาก และฉินไห่อวิ๋นก็ไม่ได้ดีกับเธอสุด ๆ เธอคงคิดที่จะแต่งงานกับเทียนหยางไปแล้ว

มันคงจะดีกว่าที่จะแต่งกับลู่เป่ยเฉิงไปไหน ๆ

ขณะเดียวกัน คุณย่าก็คีบกับข้าวให้ลู่เป่ยเฉิงอย่างไม่หยุดหย่อน "เป่ยเฉิง หลานต้องกินเยอะ ๆ นะ จะได้บำรุงร่างกาย"

กู้หนานเยียนหันกลับมามอง อ๊ะ กับข้าวที่คุณย่าคีบให้ลู่เป่ยเฉิงนั้น เป็นโสมและอัณฑะวัว ซึ่งล้วนแต่เป็นของบำรุงไตและเสริมสร้างกำลังวังชาแทบทั้งสิ้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status